Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 364
TXV – 364 แผนซ้อนแผน !
บนจอโปรเจคเตอร์ตอนนี้จู่ๆก็มีวีดีโอเล่นขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
ในวีดีโอแสดงให้เห็นว่ามีผู้หญิงสี่คนและชายหนึ่งคน
ผู้หญิงทั้งสี่คนนั้นมีสองคนเป็นผู้หญิงต่างชาติและอีกสองคนเป็นผู้หญิงชาวจีน พวกเธอมีขนาดหน้าอกที่ใหญ่โตและมีรูปร่างที่สวยงามส่วนผู้ชายก็มีรูปร่างหน้าตาที่ดูดีและดูกํายําเขากําลังนัวเนียอยู่กับผู้ หญิงที่อยู่รอบข้างกายเขาอย่างสนุกสนาน
แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมีประสบการณ์มากมายในการดูหนังภาพยนตร์แต่ภาพวีดีโอที่กําลังฉายอยู่บนจอโปรเจคเตอร์ในตอนนี้มันไม่ได้เหมาะสมกับงานประมูลการกุศลเลยแม้แต่น้อยยิ่งไปกว่านั้นผู้ชายที่อยู่ในวีดีโอนั้นก็คือชายที่ประมูลภาพวาดขึ้นแรกไปด้วยราคาที่สูงถึงยี่สิบล้านหยวนอันซูฮยอนนั่นเอง
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่อันซูฮยอนทันที
“ไม่สามารถมองได้จริงๆ ภาพมันอุจาดตามากๆ” ผู้หญิงคนหนึ่งพูด
“มันไม่อุจาดไปหน่อยงั้นเหรอ?นี่เป็นเรื่องที่แปลกมากมันแทบจะแยกไม่ออกระหว่างการกระทําของคนกับการกระทําของสัตว์เลย”ชายคนหนึ่งพูด
“เขามีความต้องการมากเกินไปหรือเปล่า?” ผู้ชายคนหนึ่งพูด
“ฮ่าฮ่า ดูเหมือนชาวเกาหลีคนนี้ไม่ได้สนใจที่จะประมูลภาพวาดนี้เลยด้วยซ้ําเขามาทําอะไรที่ประเทศของเรากันแน่นะ?”ผู้หญิงคนหนึ่งพูด
“เขาเป็นผู้ดูแลบริษัทก็อดโอเมนและผมก็ได้ยินมาอีกว่าพ่อของเขาได้เข้าร่วมลงสมัครการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนต่อไปของเกาหลีใต้ผมไม่รู้ว่าเกิดเรื่องแบบนี้แล้วจะมีผลต่อคะแนนเสียงของพ่อเขาหรือเปล่านะ?” ผู้ชายคนหนึ่งพูด
“ข่าวนี้จะทําให้ความเชื่อถือของพ่อของเขาลดลงอย่างแน่นอน”ใครบางคนพูด
“ถ้าฉันมีลูกชาย ฉันจะไม่ให้เขาทําอย่างนี้แน่นอน”ใครบางคนพูด
ทุกสายตายังคงจับจ้องไปที่อันซูฮยอน
ภาพที่น่าเกลียดบนจอโปรเจคเตอร์ยังคงแสดงอยู่และก็มีไม่น้อยที่ยืนหัวเราะให้กับวีดีโอเหล่านั้น
วีดีโอก็ยังคงเล่นต่อไปเรื่อยๆ ด้านเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมากมายได้พยายามปิดภาพบนจอโปรเจคเตอร์และเร่งหาผู้กระทําผิดพร้อมกับจัดระเบียบภายในห้องประมูลให้อยู่ในความเรียบร้อยอย่างเร่งด่วน
เฉินตูเทียนหยินที่มองไปยังจอโปรเจคเตอร์เพียงครั้งเดียวเท่านั้นหลังจากนั้นเธอก็ไม่มองไปทางนั้นอีกเลยเพราะเธอรู้สึกว่ามันไม่ใช่ภาพที่น่าดู
“เทียนหยิน ฟังผมอธิบายก่อนมันว่าจะพูดอะไรดี
“อันซูฮยอนต้องการจะอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่เขาก็ไม่รู้
เฉินตูเทียนหยินตอบกลับไปอย่างเรียบง่ายว่า”ไม่จําเป็นต้องอธิบายอะไรกับฉัน มันเป็นชีวิตส่วนตัวของคุณมันไม่เกี่ยวกับฉันคุณจะทําอะไรก็ได้ตามใจคุณอยู่แล้ว”
“ไม่…ผม ผมไม่ได้เป็นแบบที่คุณคิด…. “อันซูฮยอนพยายามให้เฉินตูเทียนหยินฟัง
เฉินตูเทียนหยินยิ้มและตอบกลับไปว่า “ไม่จําเป็นต้องอธิบายนอกจากนี้ภาพวาดที่ประมูลได้ก่อนหน้านี้มันก็มีราคาตั้งยี่สิบล้านหยวนมันแพงเกินไปพ่อของฉันคงไม่สามารถรับของชิ้นนี้ได้หรอกนะ”
อันซูฮยอนใจหายทันที เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกําลังตกลงจากหน้าผาที่สูงชัน อันที่จริงถ้าเฉินตูเทียนหยินตบเขาหรือมีท่าทีที่จะโกรธเขาบ้างนั่นเป็นอะไรที่เขายอมรับได้แต่อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาตอบสนองของเธอไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยมันดูเรียบง่ายอย่างมากแถมเธอยังปฏิเสธของขวัญที่เขาพยายามประมูลมันมาให้เธออีก ในตอนนี้ความฝันของเขาแตกสลายลงในพริบตา
แต่อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เรื่องที่แย่ที่สุดเพราะเรื่องที่แย่ที่สุดคือภาพและวีดีโอเหล่านี้เขารู้ว่าใครเป็นคนถ่ายไว้และมันควรจะถูกกําจัดไปแล้วแต่จู่ๆมันก็ถูกนํามาฉายขึ้นที่นี่ มันเกิดขึ้นได้อย่างไรนี่หมายความว่าอย่างไรอันซูฮยอนกําลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่
“ผมเสียใจมากกับสิ่งที่คุณเห็นแต่ไว้วันหลังผมจะมาอธิบายกับคุณอีกครั้ง ลาก่อน” อันซูฮยอนพูดเสร็จก็รีบเดินออกไปทันที
“คุณอัน!” จู่ๆก็มีใครบางคนตะโกนเรียกอันซูฮยอน
อันซูฮยอนหันหน้าไปตามเสียงเรียกเขาก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่
อันซูฮยอนตะลึงในทันทีเพราะคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือเซี่ยเหลี่ยผู้ที่ควรจะถูกส่งตัวไปให้กับพวกคนอเมริกันแล้ว!
อันซูฮยอนกังวลและสงสัยอย่างมากว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองแต่อย่างไรก็ตามผู้ชายที่เขาเห็นอยู่ในตอนนี้คือเซี่ยเหลียจริงๆ หากเป็นก่อนหน้านี้แน่นอนว่าอันซูฮยอนจะต้องเดินไปประชันหน้ากับเซี่ยเหลี่ยแต่ครั้งนี้ไม่ใช่ เขากลับมองเซี่ยเหลียแค่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดใจเดินออกไปจากงานประมูลทางประตูหน้า
แต่จู่ๆก็มีพนักงานเสิร์ฟทั้งชายและหญิงพากันปิดทางออกไม่ให้อันซูฮยอนเดินผ่านไปได้
ในจํานวนพนักงานเสิร์ฟที่เดินไปปิดกั้นทางของอันซูฮยอนนั้นไม่ได้มีเฉพาะพนักงานเสิร์ฟของโรงแรมพาเลซเท่านั้นแต่ยังมีถ่างทั่วฉวนและน้องสาวของเขาถ่างหยู่เหยี่ยที่ปลอมตัวเป็นพนักงานเสิร์ฟยืนอยู่ด้วย
อันซอยอนไม่สนใจ เขายกมือขึ้นเพื่อจะผลักถ่างยั่วฉวนออกพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “หลบไป!”
ถ่างทั่วฉวนได้คว้ามือของอันซอยอนและตอบกลับไปว่า “คุณยังไม่ได้จ่ายเงินค่าประมูลภาพวาดเลยนะ”
อันซอยอนพยายามจะผละมือออกแต่ก็ทําไม่ได้เนื่องจากมือของถ่างยั่วฉวนที่จังมือของอันซูฮยอนไว้นั้นแน่นมาก
จังหวะนี้ถ่างหยู่เหยี่ยก็พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “อันซอยอน คุณควรที่จะไปจ่ายเงินเสียก่อนไม่อย่างนั้นเราจะส่งตัวคุณไปเข้าคุกเข้าใจหรือไม่?ประเทศของเราถือกฎหมายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องยอมรับและปฏิบัติตามดังนั้นเราจะไม่ปล่อยให้คนกระทําผิดลอยนวลไปหรอกนะ “
อันซอยอนพอจะเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองแล้ว เขาจึงพูดขึ้นว่า “ผมต้องขอโทรศัพท์ก่อน”
ถ่างหยู่เหยี่ยยกเท้าและเหยียบไปที่เท้าของอันซูฮยอนเบาๆหนึ่งครั้ง
อันซูฮยอนขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่ได้แสดงสีหน้าว่าเจ็บปวดออกมา
ถ่างหยู่เหยี่ยได้เข้าไปจับตัวอันซูฮยอนพร้อมกระซิบข้างหูว่า “มันเป็นคําเตือนครั้งสุดท้าย”
แต่อันซูฮยอนตอบกลับไปอย่างเยือกเย็นว่า “โอเค รู้แล้วๆ ผมจะไปกับคุณแต่คุณอย่ามาแตะต้องตัวผมได้ไหมคุณไม่ใช่สเปคผมหรอกนะ”
“อย่ามาพูดจาไร้สาระ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดเสร็จก็เดินไปหาเซี่ยเหลี่ย
เซี่ยเหลี่ยในตอนนี้ถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่รักกษาความปลอดภัยของโรมแรม พวกเขาจะพาเซียเหล่ยไปส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตํารวจ
ในความเป็นจริงจังหวะที่เซี่ยเหลียถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยควบคุมตัวอยู่นั้น เฉินตูเทียนหยินเห็นเหตุการณ์ตลอดเวลา เธอเองต้องการที่จะไปถามเขาว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นแต่สุดท้ายเธอก็ไม่ไปนั่นก็เพราะตอนนี้เธอกลายเป็นบุคคลสาธารณะไปแล้ว มีหลายต่อหลายคนจับตามองเธออยู่หากทําอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังอาจจะเกิดเรื่องวุ่นวายตามมาทีหลังได้
ถ่างหยู่เหยี่ยที่ตอนนี้เดินไปหยุดตรงหน้าเซี่ยเหลียและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมจากนั้นเธอก็นําเอกสารบางอย่างให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจสอบดูทันที
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้มองไปที่เอกสารและอ่านอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะปิดเอกสารและส่งกลับให้ถ่างหยู่เหยี่ย
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดขึ้นว่า “ตอนนี้เขาเป็นของเราแล้ว”
“ได้เลย ไม่มีปัญหา” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดพร้อมพยักหน้าจากนั้นก็บอกเจ้าหน้าที่คนอื่นๆให้ปล่อยตัวเซี่ยเหลี่ย
เซี่ยเหลียหันไปรอบๆและเห็นเฉินตูเทียนหยินยืนอยู่ไม่ไกลซักเท่าไหร่จากตําแหน่งที่เขายืนอยู่เขามองเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองอันซูฮยอน ใบหน้าของอันซูฮยอนซีดราวกับในร่างกายไม่มีเลือดอยู่แม้แต่น้อยแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ในความเป็นจริงแม้ว่าการกระทํานี้จะเป็นการกระทําที่น่าเกลียดแต่เขาก็จําเป็นต้องทําและดูเหมือนว่าผลลัพธ์ก็ออกมาคุ้มค่าอย่างมาก!
“นี่…ฉันช่วยคุณไว้ ไม่ขอบคุณฉันหน่อยงั้นเหรอ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมยิ้มให้กับเซี่ยเหลี่ย
เซี่ยเหลี่ยยิ้มก่อนตอบกลับไปว่า “แล้วคุณคิดว่าผมควรจะขอบคุณคุณยังไงหล่ะ?”
“เต้นรํากับฉัน” ถ่างหยุดพูด
เซี่ยเหลี่ยขยับเข้าไปใกล้เธอพร้อมกระซิบว่า “ที่นี่เลยเหรอ?”
“ที่นี่” ถ่างหยู่เหยี่ยตอบกลับ
เซี่ยเหล่ยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า ” คุณถ่าง ที่นี่เป็นงานเลี้ยงค็อกเทลการประมูลเพื่อการกุศลแล้วเราจะเต้นรํากันได้อย่างไร เรากลับกันก่อนดีกว่าแล้วเราค่อยไปเต้นรํากันที่อื่น “
ในเวลานี้เฉินตูเทียนหยินได้เดินเข้าไปหาเซี่ยเหลียและถ่างหยู่เหยี่ยก่อนจะพูดขึ้นว่า “เหลีย ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?”
ความจริงแล้วเฉินตูเทียนหยินต้องการที่จะถามว่าเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นแต่เมื่อเธอเห็นถ่างหยู่เหยยที่ทั้งสูงและขาเรียวยาวยืนอยู่ด้วย เธอจึงหลุดถามออกไป
เซี่ยเหลี่ยตอบกลับว่า “เทียนหยินนี่คือถ่างหยู่เหนี่ย เธอเป็นคนของตระกูลถ่าง” พูดเสร็จก็หันไปพูดกับถ่างหยู่เหยี่ยว่า”หยู่เหยี่ย นี่คือเฉินตูเทียนหยิน เธอเป็นกรรมการบอร์ดบริหารของกลุ่มเหวียนเทียน “
ผู้หญิงทั้งสองคนแม้ว่าจะมีอาชีพที่แตกต่างกันแต่ทั้งคู่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันอยู่ก็คือสถานะครอบครัวของตนเอง ครอบครัวของพวกเธอมีทั้งเงินทองและอํานาจมากมายแต่ดูเหมือนครอบครัวของถ่างหยู่เหยี่ยจะมีอํานาจมากกว่านั่นก็เพราะตระกูลถ่างของเธอมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่าตระกูลเฉินตู!
กู้เค่อเหวินได้เดินเข้ามาใกล้กับเฉินตูเทียนหยินจากนั้นก็กระซิบอะไรบางอย่าง
“คุณถ่าง ต้องขอโทษด้วยที่เมื่อกี้หยาบคายไปหน่อย” เฉินตูเทียนหยินพูดพร้อมยื่นมือออกไปเพื่อจะจับมือทักทายกับถ่างหยู่เหยี่ย
หลังจากฟังก์เค่อเหวินพูดแล้ว เธอก็เข้าใจเรื่องราวเพิ่มมากขึ้น
ด้านถ่างหยู่เหยี่ยก็ยื่นมือออกไปจับตอบพร้อมพูดว่า “ยินดีที่ได้พบคุณเฉินตู”
“ว่าแต่เหล่ย เมื่อกี้นี้มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?” เฉินตูเทียนหยินถามส่วนหนึ่งก็มาจากความอยากรู้อยากเห็นแต่อีกส่วนหนึ่งคืออยากรู้ว่าทําไมถ่างหยู่เหยี่ยถึงเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วยนั่นทําให้เธอไม่ค่อยสบายใจซักเท่าไหร่
“อันซูฮยอนได้ทําเรื่องที่ไม่ควรทําลงไป เขาต้องได้รับบทเรียน” เซี่ยเหลี่ยตอบคําถามสั้นๆ
“ภาพและวีดีโอที่ขึ้นจอโปรเจคเตอร์เมื่อกี้นี้…. ” เฉินตูเทียนหยินถาม
เซี่ยเหล่ยยักไหล่ก่อนจะพูดว่า “ผมทําเอง” พูดเสร็จก็ยิ้มและก็พูดขึ้นอีกว่า “ผมรู้ว่าสิ่งใดควรทําหรือไม่ควรทําแต่กับผู้ชายคนนี้ผมว่ามันสมควรแล้ว”
เฉินตูเทียหยินจับริมฝีปากของตัวเองพร้อมกับยิ้มจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ฉันคิดไม่ถึงเลยจริงๆ แต่ฉันก็ไม่ได้จะว่าอะไรคุณหรอกนะเพราะยังไงแล้วนอกจากคุณจะทําให้เขาอับอายเขายังต้องเสียเงินมากถึงยี่สิบล้านหยวนด้วย”
“ว่าแต่คุณจะตอบแทนฉันกับพี่ชายยังไงดีหล่ะ เป็นเงินดีมั้ย?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูด
“เดี๋ยวนะ…” เซี่ยเหลยไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?” เฉินตูเทียนหยินถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เซี่ยเหลียทําท่าเหมือนว่ากําลังจะพูดขึ้นมาแต่ยังไม่ทันจะได้พูด ถ่างหยู่เหยี่ยก็คว้าเอวของเซี่ยเหล่ยจากนั้นก็ลากไปเต้นรําทันที
การเต้นรําของพวกเขาเป็นแบบย้อนยุคทําให้ทั้งเซี่ยเหลี่ยและถ่างหยู่เหยี่ยในตอนนี้โด่ดเด่นอย่างมากร่างกายของทั้งสองคนพริ้วไหวไปตามท่วงท่าและทํานองของเพลงที่กําลังบรรเลงเป็นแบ็คกราวน์อยู่ลักษณะของพวกเขาในตอนนี้เป็นลักษณะของคู่ที่สมบูรณ์แบบ
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแรกที่ปรบมือแต่เมื่อมีคนแรกปรบมือขึ้นมาแล้ว คนอื่นๆก็พลอยปรบมือตามให้กับพวกเขาทั้งคู่
เฉินตูเทียนหยินจ้องมองพวกเขาเต้นรําอย่างนิ่งเงียบ…
ฟูหมิงเหม่ยเดินมาด้านข้างของเฉินตูเทียนหยินก่อนจะพูดขึ้นว่า “นั่นเขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกันหล่ะเจมส์บอนด์หรือทอมครูซงั้นเหรอถึงได้ทําแบบนี้ ฉันอยากจะอัดเขาเสียจริงๆเลย”
เฉินตูเทียนหยินตอบกลับไปว่า “ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
“?” ฟูหมิงเหม่ยตกใจที่ได้ยินเฉินตูเทียนหยินพูดในลักษณะนี้
ด้านอันซอยอนในตอนนี้มองไปที่เซี่ยเหลียอย่างไม่ละสายตา เขาโกรธแค้นเซี่ยเหลียอย่างมากทั้งเรื่องก่อนหน้านี้และเรื่องที่คู่เต้นรําของเขาตอนนี้เป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง เขาอยากจะเดินเข้าไปต่อยหน้าของเซี่ยเหลี่ยแต่ก็ทําไม่ได้เนื่องจากตอนนี้ทุกสายตากําลังจับจ้องไปที่เซี่ยเหลี่ยแถมเฉินตูเทียนหยินผู้หญิงที่เขาหลงรักก็ยังจ้องแต่เซี่ยเหลียและไม่สนใจเขาเลยซักนิด!
“อยากฆ่าเขางั้นเหรอ?” ถ่างทั่วฉวนเห็นสายตาของอันซูฮยอนจึงได้พูดขึ้นมา
อันซูฮยอนมองไปที่ถ่างยั่วฉวนด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์และไม่พอใจแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป
ถ่างวฉ่วนยิ้มก่อนจะพูดขึ้นอีกว่า “ถ้าเกิดว่าเขาทําเรื่องไม่ดีกับน้องสาวของผม ถึงตอนนั้นผมจะช่วยคุณฆ่าเขาคุณคิดว่าดีมั้ย?”
อันซูฮยอนยังคงแสดงสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์แต่เขาก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเช่นเคย
ทําให้ถ่างนิ้วจ่วนเองก็ยังพูดต่ออีกว่า “ถ้าจะยืนอยู่เฉยๆก็ไปกันได้แล้ว ผมจะนําคุณไปจ่ายเงินเอง”
ติดตามตอนต่อไป……..