Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 354
TXV – 354 เยือนหน้าประตู !
เซี่ยเหลี่ยรีบเดินทางกลับไปยังโรงงานผลิตอาวุธทันทีหลังจากที่เขาออกไปได้ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่ จากสถานกงสุลขับรถมาจอดอยู่หน้าตึกพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตํารวจและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อีกหลายคนพวกเขามาด้วยรถหรูคันใหญ่สีดํา
ภายในรถสีดําคันหนึ่งอันซูฮยอนนั่งอยู่ภายในรถคันนั้นด้วยอารมณ์และท่าทีที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากําลังโกรธแค้นอย่างมาก
นอกเหนือจากอันซูฮยอนแล้ว ภายในรถยังมีคนอื่นนั่งอยู่ด้วยอีกสองคน พวกเขาเป็นชาวเกาหลีเป็นผู้หญิงหนึ่งคนผู้ชายหนึ่งคน พวกเขามีรูปร่างที่ดูกํายําและแข็งแรง คนที่เป็นผู้หญิงดูมีอายุแค่ประมาณยี่สิบปีเท่านั้นแถมรูปร่างและใบหน้าของเธอยังสวยจนดึงดูดสายตาของใครหลายๆให้มองแต่เธอได้เลย
ชายชาวเกาหลีที่นั่งอยู่ในรถคันนั้นมีชื่อว่าชูครีส่วนผู้หญิงคนนั้นก็ชื่อว่าคิมจียอน พวกเขาทั้งสองนี้มีหน้าที่ที่พิเศษมากกว่าบอดี้การ์ดทั่วไปหากจะให้เปรียบเทียบพวกเขาก็ทําหน้าที่เหมือนดงหรูฉิงฉีหรือแดนนี่ของตระกูล
เนื่องจากคราวนี้อันซูฮยอนโกรธและเคียดแค้นเซี่ยเหลียอย่างมากครั้งนี้เขาจึงพาชูครีและคิมจียอนมาด้วย
เมื่อมาถึงดึก พวกเขาก็ออกตามหาเซี่ยเหลี่ยเมื่อรู้ว่าไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วและเขากําลังหนีกลับโรงงานผลิตอาวุธก็ทําให้อันซูฮยอนรีบตามไปทันที
เมื่อไปถึงโรงงานผลิตอาวุธ บรรดาเจ้าหน้าที่กงสุลหรือเจ้าหน้าที่ตํารวจก็ได้พากันตรงไปยังหน้าประตูโรงงานเพื่อขอความร่วมมือสําหรับจับกุมตัวเซี่ยเหลี่ย
แต่ก็กินเวลาไปหลายนาทีที่ยังไม่สามารถเข้าไปภายในได้ ทําให้อันซูฮยอนที่นั่งรออยู่ภายในรถทนไม่ไหวจึงได้เปิดกระจกรถและตะคอกออกไปว่า “ไอบ้าเอ๊ยยย จะใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกัน แค่นี้ก็เข้าไม่ได้งั้นเหรอ?แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะได้ตัวเซี่ยเหลี่ยมาซักทีหล่ะ?”
ดูเหมือนในความเป็นจริงคนบางคนก็ดูจะหยิ่งผยองจนเกินไปแม้ว่าจะอยู่ต่างถิ่นก็ตาม
แม้ว่าจะผ่านไปหลายนาทีแล้วแต่สถานการณ์ตรงประตูทางเข้าโรงงานผลิตอาวุธก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงเจ้าหน้าที่จากสถานกงสุลยังไม่สามารถเข้าไปภายในได้
“ดูเหมือนจะไม่สามารถเข้าไปได้” ชูครีที่ก่อนหน้านี้เงียบขรึมพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น
“ไอ้หนุ่มคนนี้มันเหลี่ยมจัดจริงๆ” คิมจียอนพูดขึ้นเสียงของเธอดูเล็กและมีเสน่ห์แม้ว่าเธอจะพูดอย่างเยือกเย็นแต่น้ําเสียงของเธอก็ดูน่าสนใจอย่างมาก
จังหวะนี้อันซูฮยอนก็เปิดประตูรถออกและพูดขึ้นว่า “เราไปดูกันหน่อย ผมไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าหน้าที่กงสุลของเราจะเข้าไปจับตัวมันไม่ได้!”
ชูครีและคิมจียอนที่ได้ยินอันซูฮยอนพูด พวกเขาก็หันมามองหน้ากันหนึ่งครั้งพร้อมเปิดประตูลงจากรถและเดินตรงไปยังทางเข้าโรงงานผลิตอาวุธ
คิ้วบนใบหน้าของอันซูฮยอนตอนนี้ยนจนแทบจะติดกันอยู่แล้ว
ชูครีและคิมจียอนเดินตามหลังอันซูฮยอนขนาบด้านซ้ายและขวาด้วยรูปร่างและท่าทางในการเดินของพวกเขาช่วยเพิ่มความน่าเกรงขามให้กับอันซูฮยอนได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ
“มันเกิดอะไรขึ้น?” อันซูฮยอนพูดด้วยอารมณ์โมโหและพูดต่ออีกว่า “ทําไมไม่ให้พวกเราเข้าไป?”
ทหารที่อยู่หน้าประตูโรงงานพูดอย่างจริงจังว่า “พวกคุณเป็นใคร? นี่คือโรงงานผลิตอาวุธของประเทศจีนมันมีความลับทางทหารมากมายถึงแม้ว่านี่จะเป็นความต้องการของเจ้าหน้าที่จากสถานกงสุลก็ตามพวกคุณก็ไม่สามารถเข้ามาได้ หากว่ายังพูดไม่รู้เรื่องเราก็จําเป็นจะต้องดําเนินการตามระเบียบของเรา”
เจ้าหน้าที่ตํารวจที่มาด้วยกันกับอันซูฮยอนพูดว่า “อืม…เห็นหรือยัง ผมเคยบอกคุณไปก่อนหน้านี้แล้วสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่เราจะมาเบ่งอํานาจได้แล้วจะได้เข้าไปหรอกนะผมว่าเราควรจะกลับกันก่อนดีกว่า “
“กลับงั้นเหรอ? คนของเรา คนเกาหลี พลเมืองชาวเกาหลีถูกทําร้ายจะให้กลับไปมือเปล่าได้อย่างไร” เจ้าหน้าที่กงสุลได้พูดอย่างไม่พอใจ
เจ้าหน้าที่ตํารวจคนหนึ่งได้เดินเข้ามาหาอันซูฮยอนและพูดจาเกลี้ยกล่อมอันซูฮยอนด้วยรอยยิ้มว่า “ม…ผมว่าคุณควรจะกลับไปก่อนจริงๆนั้นแหละ สถานการณ์ในตอนนี้มันอยู่นอกเหนืออ่านาจของพวกเรา”
“ผมจะบอกไว้ก่อนเลยว่าถึงแม้วันนี้เราจะไม่ได้ตัวเซี่ยเหลี่ยแต่วันข้างหน้าผมจะยื่นคําร้องต่อกระทรวงต่างประเทศของจีน เรื่องมันจะไม่จบเพียงแค่นี้แน่!” อันซูฮยอนพูดด้วยความโกรธจัด
ในจังหวะนี้ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งใส่เสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดขับรถมายังประตูทางเข้าของโรงงานผลิตอาวุธเธอมีชื่อที่ถูกเรียกโดยเหล่าคนงานว่า”เสือ“แน่นอนเธอคือฉิงเสวียง เมื่อคนอื่นเห็นเธอครั้งแรกก็ต้องคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงหรืออาจจะมากไปกว่านั้นเพราะรูปร่างท่าทางรวมไปถึงการแต่งตัวของเธอทําให้เธอดูเหมือนผู้หญิงอย่างมาก
“มีอะไรงั้นเหรอ?” จึงเสวียงหยุดรถตรงประตูทางเข้าและพูดขึ้นว่า “คนเหล่าเป็นใคร แล้วพวกเขาต้องการจะทําอะไร?”
ทหารตรงประตูคนหนึ่งได้เดินเข้าไปอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสั้นและกระทัดรัดให้เธอฟัง
หลังจากฟังเรื่องราวแล้ว ฉิงเสียงขับรถเข้าไปจอดภายในโรงงานผลิตอาวุธ เธอลงจากรถและเดินไปหาอันซูฮยอนพร้อมพูดขึ้นสั้นๆว่า “ฉันคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ฉันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ก็แล้วกันคุณต้องการเท่าไหร่ว่ามา? “
“ไปให้พ้น!” อันซูฮยอนตะคอกด้วยความไม่พอใจและพูดต่อว่า “ผม….อันซูฮยอน คนอย่างผมจะต้องการค่ารักษาพยาบาลจากคุณไปทําไม?ไอ้โง!”
“ไอโงงั้นเหรอ?” พูดสวนกลับไปอย่างรวดเร็วและพูดต่ออีกว่า “ถ้างั้นก็กลับไปซะ คุณคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงมายุ่มย่ามอยู่ที่นี่ในเวลานี้ นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะมาเที่ยวเล่นทัศนศึกษาได้หรอกนะ”
เจ้าหน้าที่กงสุลของเกาหลีใต้พูดด้วยความโกรธกลับไปว่า “ให้เซี่ยเหลี่ยออกมาเดี๋ยวนี้ไม่งั้นเราก็ไม่กลับและไม่ว่ายังไง…เรื่องนี้จะถึงกระทรวงต่างประเทศของคุณอย่างแน่นอน”
ฉิงเสวียงทํามือสะบัดออกไปนี่เป็นท่าทางที่แสดงให้เห็นว่ากําลังไล่พวกเขาให้ออกไปพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ถ้าจะยื่นคําร้องและทําให้เป็นเรื่องใหญ่ระหว่างประเทศเพราะคนๆเดียวก็เชิญไปยื่นเลยจะไปยื่นที่สห ประชาชาติด้วยก็ได้นะ”
“คุณ ….. ” เจ้าหน้าที่กงสุลของเกาหลีใต้ถึงกับพูดไม่ออก!
“คุณไปพาเขาออกมาเดี๋ยวนี้!”ชูครีชี้ไปที่จึงเสวียงพร้อมพูดอย่างเย็นชาเป็นภาษาเกาหลี
ฉิงเสวียงยิ้มและพูดขึ้นว่า “คุณพูดอะไรของคุณ ฉันไม่เข้าใจหรอกนะ”
“ถ้างั้นเรามาตกลงกันหน่อยดีกว่า” คิมจียอนพูดแทน น้ําเสียงและท่าทางของเธอที่ยิ้มไปด้วยในขณะที่กําลังพูดมันช่วยเพิ่มความสวยและความสง่าให้กับเธออย่างมาก
เมื่อรู้ว่าคิมจียอนต้องการจะเจรจา ฉิงเสวียงจึงได้เดินเข้าไปใกล้พวกเขามากขึ้น
“กลับมา” เซี่ยเหลี่ยพูดขึ้นพร้อมปรากฏตัวในชุดช่างเทคนิค
เมื่ออันซูฮยอนเห็นเซี่ยเหลีย ดวงตาของเขาก็เหมือนมีไฟลุกอยู่ภายใน มันเป็นไฟที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
ส่วนชศรีและคิมจียอนก็มองไปที่เซี่ยเหลียเป็นตาเดียวกัน พวกเขามองเพื่อต้องการจดจํารูปร่างและลักษณะของเซียเหล่ย
เซี่ยเหลี่ยเดินมาถึงประตูทางเข้าอย่างช้าๆพร้อมมองไปยังผู้คนที่อยู่ภายนอกประตูโรงงานหลังจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “อันซูฮยอน คุณพาคนพวกนี้มาทําอะไรกัน?”
“กูพูดไปก่อนหน้านี้แล้วว่าเรื่องนี้มันไม่จบแน่จนกว่าถึงจะได้รับการชดใช้ ” อันซูฮยอนตอบ
“ชดใช้ จะให้ชดใช้ยังไงหล่ะ?” เซียเหล่ยถาม
“สิ่งที่กต้องการ มันไม่ได้เกินความสามารถของมึงหรอกนะ”อันซูฮยอนพูด และพูดขึ้นอีกครั้งด้วยท่าทางเหยียดหยามว่า”คุกเข่าและขอโทษผมซะเดี๋ยวนี้!!”
“ถ้าไม่หล่ะ?” เซี่ยเหลี่ยถาม
“ถ้าไม่ เรื่องนี้มันก็ยังไม่จบ ผมจะทําให้มันเป็นเรื่องใหญ่จนคุณไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย“อันซูฮยอนพูด
“คุณหมายถึงการยื่นคําร้องงั้นเหรอ” เซี่ยเหล่ยยิ้มในขณะที่พูดและพูดต่อว่า “คุณสามารถไปได้เลยในตอนนี้หากว่าคุณไม่รู้เส้นทางผมจะจัดทีมนําทางให้ไปส่งคุณให้ถึงที่เลยต้องการมั้ย?”
จังหวะนี้อันซูฮยอนได้หันไปหาเจ้าหน้าที่ตํารวจและพูดด้วยความฉุนเฉียวว่า “นี่…คุณเป็นใคร? ผู้ต้องหาอยู่ตรงหน้าแล้วทําไมถึงไม่ไปจับตัวมา? “
เจ้าหน้าที่ตํารวจตอบกลับอันซูฮยอนไปว่า “ถ้าเขายังอยู่ข้างในยังไงเราก็จับตัวเขาไม่ได้”
“ทําไมหล่ะไอ้บ้า! นี่ยังเป็นตํารวจอยู่หรือเปล่า?” อันซูฮยอนพูดด้วยอารมณ์โมโห
เจ้าหน้าที่ตํารวจคนหนึ่งที่รู้สึกไม่พอใจจึงได้เดินออกมาหน้าเขาและตอบอันซูฮยอนกลับไปด้วยอารมณ์ไม่พอใจเช่นกันว่า “คุณนี่แกล้งโง่อยู่หรือเปล่า? คุณคิดว่าคุณเป็นใคร? ทําไมเราต้องฟังที่คุณพูดด้วย!”
“คุณ …… “อันซูฮยอนโกรธจนถึงกับพูดไม่ออก
“หากเป็นกรณีปกติเราคงควบคุมตัวเขามาสอบสวนได้แล้วแต่ที่นี่เราไม่สามารถทําอะไรได้ตามอํานาจของเราแต่เอาเถอะ…ยังไงนี่ก็เป็นปัญหาของคุณ จัดการเอาเองก็แล้วกัน !” เจ้าหน้าที่ตํารวจพูดเสร็จก็ถอยกลับอย่างรวดเร็ว
แค่พริบตาเดียวก็เหลือเจ้าหน้าที่กงสุลเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ที่หน้าประตู
จังหวะนี้เซี่ยเหล่ยก็ยิ้มและพูดว่า “อันซูฮยอน ถ้าผมเป็นคุณหล่ะก็ ผมจะไม่มีวันลืมเรื่องนี้เลยและเพราะเรื่องนี้คุณควรจะเรียนรู้และจดจําไว้ซะบ้างนะว่าอย่าทําอะไรเกินตัว”
“ห…ฝากไว้ก่อน ระวังตัวไว้ให้ดี!” อันซูฮยอนพูดอย่างคนพ่ายแพ้หมดรูป
จังหวะนี้เจ้าหน้าที่กงสุลคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างอันซูฮยอนได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและกดเบอร์พร้อมกับโทรออก หลังจากนั้นก็มองไปที่เซี่ยเหลียและส่งสายตาไปบอกเป็นนัยๆว่ากําลังจะโทรเรียกไปหาใครซักคน
เซี่ยเหลี่ยเห็นการกระทําดังกล่าวจึงได้ตอบกลับไปอย่างเรียบง่ายว่า “จะโทรไปยื่นคําร้องตอนนี้เลยงั้นเหรอเอาเลย โทรไปบอกพวกนักข่าวด้วยเลยก็ได้ พวกเขาจะทําเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องได้อย่างรวดเร็วแต่ก็คิดให้ดีหล่ะ ได้ยินว่าพวกคุณไม่ชอบให้มีข่าวนี่ แน่นอนว่าเรื่องนี้จะต้องได้รับความสนใจจากสื่อทุกสื่อแน่ๆและจะว่าไงดีหล่ะ…ถึงสุดท้ายแล้วผมจะโดนควบคุมตัวแต่คงไม่เกินยี่สิบชั่วโมงผมก็จะถูกปล่อยตัวอยู่ดี ดังนั้นจะทําอะไรก็ทําไปผมเบื่อที่จะพูดแล้ว” เซี่ยเหลี่ยพูดเสร็จก็หันหลังเดินกลับทันที
เมื่อเซี่ยเหลียหันหลังเดินกลับไปแล้ว ฉิงเสวียงเหมือนจะหันหลังเดินกลับไปด้วยเช่นกันแต่ก่อนที่เธอจะหันหลังกลับนั้น เธอก็ได้ชูนิ้วกลางให้กับอันซูฮยอนก่อนหนึ่งครั้ง
“ไอ้สารเลวเอ๊ยย!” อันซูฮยอนตะโกนออกพร้อมกับรีบพุ่งตัวไปหานิ่งเสียงที่อยู่ภายในโรงงานอย่าง
รวดเร็ว
“หยุด!” ทหารยามหน้าประตูได้ตะโกนออกมาพร้อมยกปืนไรเฟิลขึ้นเล็งไปที่อันซูฮยอน
นั่นทําให้การพุ่งตัวของอันซูฮยอนต้องหยุดลง เขาไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวหลังจากโดนปืนเล็งอยู่
ในตอนแรกที่เขาพาเจ้าหน้าที่กงสุลพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตํารวจและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายคนมานั้น เขาคิดว่าจะต้องจับและควบคุมตัวเซี่ยเหลียได้อย่างแน่นอนแต่ในความเป็นจริง มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาคิดเพราะสุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่สามารถจับตัวเซียเหลี่ยได้แถมยังโดนดูถูกอีกต่างหาก..
เมื่อทําอะไรไม่ได้ อันซูฮยอนจึงได้แต่มองดูเซียเหล่ยเดินหายไปจากสายตา
“ผมว่าตอนนี้เรากลับกันก่อนดีกว่า” ชูครีพูดขึ้นเป็นภาษาเกาหลีและพูดต่ออีกว่า “ที่นี่เป็นสถานที่ที่ถูกควบคุมและดูแลโดยทหาร ซึ่งตราบใดที่เขาไม่ออกมาเราก็ทําอะไรไม่ได้ ดังนั้นเรารอให้เขาออกมาก่อนดีกว่าแล้วค่อยเริ่มแผน !”
อันซูฮยอนหันไปพูดกับชูครีว่า “กูต้องการให้มันตาย!”
คิมจียอนได้เดินไปใกล้กับอันซูฮยอนและกระซิบไปว่า”แน่นอน…ตามที่คุณต้องการ
อันซูฮยอนหันไปมองที่ชูครีและคิมจียอนจากนั้นก็พูดว่า”งั้นตอนนี้เราก็กลับกันก่อน!”