The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - ตอนที่ 141
บทที่ 141 แร่หินหยกที่ราคาสูง
“คุณจี้ คุณจะตัดแร่หินที่นี่เลยหรือเปล่าคะ?” เมื่อจี้เฟิงดําเนินการทุกอย่างเสร็จสิ้น ฉินซูเลี้ยก็ไม่ต้องหันไปมองที่อู่ฉางฉุนที่พยายามจะชวนเธอคุยและภรรยาที่กําลังทําหน้าตาเบื่อหน่ายของเขาเธอจึงใช้วิธีการหลีกเลี่ยงโดยการพูดคุยสอบถามจี้เฟิงโดยตรง
จริงๆแล้วสําหรับฉินซูเจี้ย เงินหนึ่งล้านนั้นไม่ถือว่ามากเกินไปเพราะด้วยความแข็งแกร่งของบริษัทของเธอแม้ว่าจี้เพิ่งจะไม่สามารถคืนเงินจํานวนนี้ได้นั่นก็ไม่ใช่ปัญหารู้หรือไม่ว่าคาดิแอคที่ฉินซูเจี้ยมีอยู่นั้นมีราคามากก ว่าหนึ่งล้านหยวนเสียอีก
ดังนั้นฉันซูเจี้ยจึงให้ความสําคัญกับหินที่จี้เฟิงเพิ่งซื้อมามากกว่า
“แร่หิน? นี่ไม่ได้เรียกว่าหินหยกหยาบงั้นหรือ?” จี้เฟิงประหลาดใจเล็กน้อย จากที่เขาหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตรวมถึงแหล่งข้อมูลอื่นๆเขาพบว่าหินส่วนใหญ่ที่มีหยกก่อตัวอยู่ภายในจะเรียกว่าหินหยกหยาบและเมื่อเขาได้ยินคําว่าแร่หิน’จากปากของฉินซูเจี้ยเขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ
ฉินซูเลี้ยยิ้มออกมาทันที “ดูเหมือนว่าคุณจจะยังไม่ค่อยเชี่ยวชาญในธุรกิจนี้เท่าไหร่นักหินหยาบที่คุณจี้กล่าวถึงก็มีเช่นกัน แต่ก็ค่อนข้างหายากมีบางส่วนสําหรับคนที่อยู่ในวงการนี้จะเรียกว่าแร่หินหรือไม่ก็หินหยกดิบแน่นอนว่ามันก็เป็นเพียงแค่ชื่อเรียกที่แตกต่างกันเท่านั้นดังนั้นมันจึงไม่ใช่ปัญหาตราบใดที่ความหมายถูกต้อง
เมื่อจี้เฟิงได้ฟังคําอธิบายของฉันซูเจี้ยหัวใจของเขาก็เต้นตูมตามด้วยความอับอาย ใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
เหตุผลที่เขารู้สึกอับอายไม่ใช่อะไร แต่นั่นเป็นเพราะพวกคําเรียกต่างๆอย่างแร่หินและหินหยกดิบจี้เฟิงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าหินหยกหยาบหรือหยกเจไดต์เป็นสิ่งที่หาได้ยากและยังมีชื่อเรียกอื่นๆอีก
ถึงจี้เพิ่งจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับหินหยกดีมากนักแต่เขาก็รู้ดีว่าสิ่งที่ฉันซูเจี้ยพูดนั้นเป็นความจริงและเห็นได้ชัดว่าฉินซูเจี้ยพยายามพูดอธิบายเพื่อรักษาหน้าของเขาไว้โดยการบอกว่าหินหยกหยาบนั้นเรียกได้เช่นกันเพียงแต่จะหาได้ยากกว่าด้วยคําอธิบายเหล่านี้จี้เฟิงจึงพอจะเดาได้ว่าฉันซูเจียเป็นผู้ที่คร่ําหวอดอยู่ในวงการหยกอย่าง แท้จริงแล้วมันจะไม่กลายเป็นเรื่องตลกได้อย่างไรที่เขาทําตัวราวกับเป็นผู้เชี่ยวชาญต่อหน้าคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆ!
“ฮ่าฮ่า..!”
จี้เฟิงหัวเราะแห้งๆก่อนที่จะพูดว่า “คุณฉิน หินหยาบก่อนนี้มันมีขนาดใหญ่เกินไป ผมไม่สามารถขนย้ายมันกลับไปได้ด้วยตัวเองผมเลยตั้งใจว่าจะตัดหินหยาบก่อนนี้ที่นี่เลย แต่ผมได้ใช้เงินทั้งหมดที่มีไปกับหินหยาบก่อนนี้แล้วถ้าครั้งนี้ผมแพ้พนันผมเกรงว่าจะจ่ายเงินที่เป็นหนี้คุณไม่ได้”
ทันทีที่คําพูดนี้ออกจากปากจี้เฟิง ฉินซูเจี้ยจ้องมองไปที่จี้เฟิงเพื่อหาความหมายที่ลึกซึ้งจากคําพูดของเขาเธอเชื่อว่าสิ่งที่จี้เฟิงพูดเป็นความจริงทุกประการ เพราะเขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกหกเธอในเรื่องนี้ ถึงแม้เธอจะเคยมั่นใจว่าคงจะไม่มีใครกล้าพอที่จะมางานแสดงสินค้านี้ด้วยเงินเพียงหลักหมื่นหยวนอย่างไรก็ตามจากคําบอกเล่าของจี้เฟิงแร่หินก้อนนี้มีราคาสามล้านหยวนและก่อนหน้านี้จี้เพิ่งได้ขายหยกเนื้อน้ําได้ชิ้นหนึ่งซึ่งมีมูลค่าราวๆหนึ่งล้านเจ็ดแสนหยวนนั่นหมายความว่าในความเป็นจริงจี้เฟิงมาที่งานแสดงสินค้านี้ด้วยเงินติดตัวเพียงหลักหมื่นหยวนเท่านั้น!
คนที่มีเงินเพียงหลักหมื่นหยวนกล้าที่จะซื้อแร่หินหรือหินหยกดิบในราคาหลักล้านหลังจากที่ชนะเดิมพัน เพียงครั้งเดียว เขาโลภกับผลกําไรมหาศาลจากครั้งแรกหรือเขามีความมั่นใจในการซื้อแร่หินก้อนนี้จริงๆ?
เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่สงบนิ่งของจี้เฟิง ฉินซูเจี้ยก็ยิ้มออกมาทันทีถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าจี้เฟิงไปได้ความมั่นใจมาจากไหนแต่เธอก็แน่ใจว่านี่เป็นความมั่นใจของจี้เฟิงจริงๆไม่ใช่แค่ความโลภจากการชนะพนันหินครั้งก่อน
เมื่ออู่ฉางฉุนที่ยืนอยู่ข้างๆและได้ยินที่จี้เฟิงพูด เขาก็แทบจะกระอักเลือด เขาอยากจะตะโกนด่าออกมาทันทีเมื่อได้ยินแต่เขาก็ทําได้แค่เพียงก่นด่าและสาปแช่งจี้เฟิงอยู่ในใจ “ไอ้เด็กเปรตจึงมีเงินแค่หนึ่งล้านหยวนแต่กลับกลามาประมูลหินหยาบราคาสามล้านแข่งกับกูแถมยังประมูลอย่างไม่ยอมแพ้เพียงเพราะมีปัญหากันก่อนหน้านี้ถึงเลยทํากับกูแบบนี้สินะ!”
และนอกจากนี้เพราะการประมูลแบบลักไก่ของจี้เฟิง และการเสนอราคาที่ยั่วยุความต้องการของอู่ฉางฉันจึงทําให้อู่ฉางฉุนต้องเสียเงินเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมถึงสองสามล้านหยวน!
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้อฉางฉุนก็ยิ่งจ้องเขม็งไปที่จี้เฟิงด้วยแววตาอาฆาตแค้น ความเกลียดชังที่รุนแรงทําให้อกของเขาแทบระเบิดจนอยากจะฆ่าจี้เฟิงให้ตายในครั้งเดียว เงินสองสามล้านหยวนถึงแม้มันจะไม่ได้ทําให้เขาถึงกับล้มละลายแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องดีที่จะต้องเสียไปโดยไม่จําเป็นอย่างแน่นอนและถ้ามีเหตุการณ์ทําให้เขาต้องเสียเงินมากกว่านั้นอีกเพียงไม่กี่ล้านหยวนมันก็สามารถทําให้บริษัทของเขาต้องพบกับความยากลําบากได้
อย่างไรก็ตามไม่ว่าอิฉางฉุนจะเกลียดชังจี้เฟิงมากแค่ไหนแต่เขาก็ยังไม่กล้าทําอะไรทุ่มบ่ามเพราะมีฉินซูเจี้ยอยู่ที่นี่ด้วย และจากสถานการณ์ปัจจุบันดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างจี้เฟิงและฉินซูเจี้ยจะค่อยข้างดีอู่ฉางฉุนจึงทําได้แค่เพียงกลืนความโกรธของเขาลงท้องไป แต่เขาก็ไม่สามารถซ่อนดวงตาที่ฉายความอาฆาตมาดร้ายที่มีต่อจี้เฟิงได้
“คุณฉิน ผมต้องการผ่าแร่หินก้อนนี้ที่นี่เลย” จี้เฟิงไม่มีความจําเป็นใดๆที่จะต้องสนใจธุ์ฉางฉุนเขาเพียงพูดคุยกันฉันซูเจียเพื่อจัดการธุระของเขาต่อ
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นก็ง่ายนิดเดียว” ฉินซูเจียยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเธอก็กวักมือเรียกพนักงานบริการที่อยู่ไม่ไกล
พนักงานบริการวิ่งเหยาะๆมาทันทีและถามอย่างสุภาพว่า “คุณฉิน มีอะไรให้รับใช้หรือเปล่าครับ?”
ฉินซูเลี้ยกล่าวว่า “ไปหารถเข็นและส่งแร่หินนี้ไปยังที่ที่มีเครื่องตัดหิน”
จี้เฟิงตระหนักได้ในทันทีว่าในงานแสดงสินค้านี้หากลูกค้าต้องการที่จะตัดแร่หินหรือหินหยาบเหล่านี้จะมีพนักงานและรถเข็นไว้คอยบริการช่วยขนส่งแร่หินหรือหินหยาบเหล่านี้ไปยังจุดที่มีเครื่องตัดหินโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
“ดูเหมือนว่ายังมีอะไรให้ฉันต้องเรียนรู้อีกมาก!” จี้เฟิงแอบพูดอยู่ในใจ
พนักงานบริการรีบเข็นรถเข็นมา มันเป็นรถเข็นคันเล็กๆที่มีล้อเลื่อนสี่ล้ออยู่ใต้แผ่นเหล็กหนาและมีราวจับสูงเนื่องจากพื้นในลานโกดังเป็นคอนกรีตทั้งหมดมันจึงเป็นเรื่องที่สะดวกมากที่จะดันขึ้น
“คุณฉิน รบกวนคุณมากับผมได้มั้ยครับ ถ้าหากตัดแร่หินแล้วมีเนื้อหยกที่ตรงกับความต้องการของคุณผมจะได้ขายให้คุณโดยตรงทันที แต่ถ้าตัดออกมาแล้วไม่มีหยกอย่างที่คิด ผมจะหาเงินมาคืนคุณด้วยวิธีอื่นแทน” จี้เฟิงพูดพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย เขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าจะคืนเงินได้ร้อยเปอร์เซ็นต์จากแร่
หินก้อนนี้ ไม่เช่นนั้นทุกคนคงจะต้องเกิดความสงสัยในเรื่องนี้อย่างแน่นอน จี้เฟิงจึงพูดแบบแบ่งรับแบ่งสู่ให้ดูว่าเป็นเรื่องของการเสี่ยงโชคจริงๆ
ฉินซูเจียยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “คุณจี้ ฉันว่ามันน่าเบื่อถ้าเราเอาแต่พูดถึงเรื่องเงินตลอดเวลา”
จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้า เขาแอบรู้สึกชื่นชมฉินซูเจี้ยอยู่ในใจ ไม่ว่าสิ่งที่เธอพูดจะเป็นความรู้สึกจริงๆหรือแค่พูดเป็นมารยาทแต่แค่ทัศนคติที่ดีของเธอก็เพียงพอแล้วที่จะทําให้คนที่มีปฏิสัมพันธ์ด้วยรู้สึกดีและเธอก็เป็นนักธุรกิจที่ใจกว้างมาก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอได้เป็นเจ้าของบริษัทจิวเวลรี่ที่ใหญ่โต
“ที่รัก พวกเราจะไปตัดแร่หินกันเลยมั้ย?” เมื่อเห็นว่าจี้เพิ่งและคนอื่นๆหายไป ฮซูฉินก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบถามสามีของเธอแต่เมื่อเห็นสีหน้าที่มืดมนของสามี เธอก็เริ่มรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อยว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของพวกเธอจะผิดหรือเปล่า
“แน่นอน!” อู่ฉางฉุนตะคอกอย่างเย็นชาและพูดด้วยความโกรธ “ไอ้เด็กโง่นั่นมันซื้อหินหยาบทั้งๆที่ไม่มีลักษณะภายนอกใดๆที่บ่งบอกว่ามีหยกอยู่ข้างในเลย ดังนั้นหินก้อนนั้นจะต้องไม่มีหยกอยู่ภายในอย่างแน่นอนแต่มันก็ยังกล้าที่จะเดิมพันกับแร่หินน่าเกลียดก่อนนั้น แต่นั่นไม่ใช่กับแร่หินที่เราซื้อหินของเรามีลักษณะที่ดีมากดังนั้นพวกเราควรที่จะไปตัดหินในตอนนี้ด้วยเลย!”
ส่วนฮซูฮุยที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆมาพักใหญ่ๆ กําลังจ้องมองไปที่ด้านหลังของจี้เพิ่งด้วยความงุนงงและสับสน
เธอเพิ่งเลิกกับจี้เพิ่งได้เพียงแค่ปีเดียว แต่เด็กผู้ชายที่เธอคบหาในตอนนั้นเป็นเพียงแค่เด็กผู้ชายที่ไม่รู้แม้แต่หัวนอนปลายเท้าของตัวเอง เขามีเพียงแม่ที่มีอาชีพขายผักจนๆเลี้ยงดูมา ไม่ว่าจะมองมุมไหนเขาก็เป็นแค่เด็กผู้ชายที่ไร้ความสามารถอย่างที่สุด แต่ตอนนี้เขากลับดูเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน จี้เฟิงคนนี้ดูมีความมั่นใจและมีสีหน้าที่สุขุมแถมเขายังพูดคุยกับประธานฉินผู้หญิงที่โดดเด่นและสง่างามด้วยท่าทีสงบนิ่งการสนทนาด้วยความรู้สึกเท่าเทียมกันแบบนี้มันคืออะไร?
แม้แต่เรื่องที่จี้เฟิงใช้วิธีการเล็กน้อยเพื่อหลอกล่อทําให้พี่เขยของเธอที่ดูเหมือนจะมีอํานาจล้นเหลือต้องเสียเงินเพิ่มอีกหลายล้าน บางทีพี่สาวของเธอซูซูฉินอาจจะยังไม่เข้าใจในเรื่องนี้แต่ฮซ่ฮียนั้นเริ่มที่จะเอะใจและเข้าใจอะไรบางอย่างมากขึ้น
ตอนนี้จี้เฟิงคนที่เป็นแค่เด็กผู้ชายยากจนขี้อายและด้อยค่าได้เปลี่ยนไปแล้วหรือ? ฮซูฮุยรับไม่ได้กับความคิดเช่นนี้ในหัวของเธอสาเหตุที่เธอเลิกกับเขาเพราะเธอรู้ดีว่าไม่มีทางที่เธอจะมีอนาคตร่วมกันกับคนที่ต่ําต้อยกว่าเธอและเป็นได้เพียงแค่ขยะแต่ตอนนี้จี้เฟิงนั้นเปลี่ยนไปมากเขากลายเป็นชายหนุ่มเต็มตัวที่ดูสุขุมนุ่มลึกอย่างกะทันหันได้อย่างไร? แล้วถ้าเธอยอมรับว่าสิ่งที่เธอเห็นและคิดอยู่เป็นเรื่องจริง จะไม่เท่ากับว่าเธอนั้นโง่และมีปัญหาในการมองคนงั้นหรือ?
“เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่น่าสงสารก็เป็นได้แค่เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าเท่านั้น ไม่ว่าจะรู้จักคนระดับสูงซักกี่คนก็ไม่มีวันเปลี่ยนความจริงในเรื่องนี้ได้!”ฮซูฮุยเชื่อในสิ่งนี้
“พี่เขยเราไปตัดหินกันเถอะ ฉันอยากเห็นหยกข้างในหินของพี่เขยแล้ว!” ฮซ่ฮ่ยก้าวไปข้างหน้าสองกําวแล้วพูดเบาๆเธอต้องการให้พี่เขยของเธอและจี้เพิ่งตัดหินหยาบที่ร้านเดียวกันถ้าเป็นไปตามที่พี่เขยของเธอบอกมีความเป็นไปได้สูงมากที่การพนันหินหยาบของจี้เพิ่งจะพบกับความล้มเหลวเมื่อเป็นเช่นนั้นเธอก็อยากจะเห็น มันด้วยตาของตัวเองว่าจี้เฟิงจะสามารถทําเงินก้อนโตได้อย่างไร!ในขณะเดียวกันเรื่องนี้มันก็จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าทางที่เธอเลือกนั้นมันถูกต้องแค่ไหน!
ในเวลานี้จี้เฟิงและฉินซูเจียได้มาถึงสถานที่แห่งหนึ่งเนื่องจากงานแสดงสินค้ามีขนาดใหญ่จึงมีสถานที่ตัดหินหลายแห่งไว้คอยบริการและสถานที่ที่จี้เฟิงอยู่ในตอนนี้ไม่เหมือนกับครั้งแรก
ในตอนที่จี้เพิ่งมาถึงมีคนสองสามคนอยู่ตรงหน้าเขาและการตัดหินหยาบเพิ่งจะเสร็จสิ้นและสิ่งที่ได้คือหยกสีม่วงชิ้นหนึ่งที่มีน้ําหนักสามถึงสี่กิโลกรัมจี้เพิ่งเห็นท่าทางที่ดูหดหูของคนข้างๆก็รู้ได้ทันทีว่าเขารู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ซื้อหินหยาบก้อนนี้เสียเอง
“คุณจี้ ถึงตาคุณแล้ว!” ฉินซูเจี้ยยิ้ม
จี้เฟิงพยักหน้าและแอบชื่นชมฉินซูเจียอีกครั้ง สิ่งที่เธอพูดออกมาคือ “ถึงตาของคุณ” แทนที่จะเป็น “ถึงตาของเรา” ซึ่งหมายความว่าแม้ว่าพวกเขาจะมาตัดหินด้วยกัน แต่ในความเป็นจริงฉินซูเจี้ยไม่ได้มีความคิดที่จะมีส่วนร่วมหรืออยากได้หินของจี้เฟิงทั้งๆที่มีเงินของเธออยู่ในนั้นด้วย และยังเป็นจํานวนเงินที่มากกว่าหนึ่งล้านหยวนแต่เธอกลับแบ่งแยกได้อย่างชัดเจนว่ามันคือในส่วนที่จี้เพิ่งหยิบยืมและต่อให้เธอพูดว่ามันเป็นหินของพวกเราและต้องการที่จะมีส่วนในหินนี้จี้เฟิงก็คงจะไม่สามารถพูดอะไรได้
แต่ฉินซูเจี้ยก็ไม่ได้ทําเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นนักธุรกิจสาวที่ใจนักเลงและตรงไปตรงมามาก
จี้เฟิงและคนไม่กี่คนจากแผนกตัดหิน ช่วยกันขนย้ายแร่หินหยาบของเขาไปยังเครื่องจักรตัดหินทันทีอย่างรู้งาน
ชายวัยกลางคนจากแผนกตัดหินถามว่า “น้องชาย คุณมีแผนจะจัดการกับแร่หินก้อนนี้อย่างไร?”
จี้เฟิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาก็หยิบชอล์กจากด้านข้างขีดเส้นบนแร่หินหยาบและพูดว่า “แค่ตัดไปตามนี้ก็พอครับ”
“โอเค!” ชายวัยกลางคนพยักหน้าและสั่งให้พนักงานคนอื่นๆเตรียมดําเนินการตัดแร่หิน
จี้เฟิงไม่คิดที่จะตัดมันด้วยตัวเองอยู่แล้ว เพราะหยกในแร่หินก้อนนี้ใหญ่เกินไป เขามีประสบการณ์ในการตัดหินเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แถมยังเป็นเพียงหินหยกหยาบก้อนเล็กๆดังนั้นเขาจึงไม่กล้ายุ่งกับการตัดหินในครั้งนี้
แต่ชายวัยกลางคนที่ติดตามฉินซูเจีย พยักหน้าเล็กน้อยและพูดกับฉินซูเจียด้วยเสียงเบาว่า “น้องชายคนนี้มีสายตาที่ดี!”
ฉินซูเจียรีบถามกลับ “คุณหมายความว่าอย่างไร?”
ชายวัยกลางคนตอบด้วยเสียงเบา “ลักษณะภายนอกของแร่หินก้อนนี้ของคุณจไม่มีอะไรที่จะสามารถบ่งบอกได้เลยมันเป็นการพนันหินหยกอย่างแท้จริง และแน่นอนว่าการตัดหินแบบนี้ต้องไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะไม่มีใครรู้ว่าจะมีอะไรอยู่ข้างในดังนั้นถ้าเป็นคนที่ไม่มีความกล้าเขาจะเลือกวิธีตัดหินที่ละนิดซึ่งมันจะใช้เวลานานและลําบากมากแล้วถ้าหากยังไม่พบหยกอยู่ข้างในมันอาจจะใช้เวลาสองถึงสามวันเลยทีเดียว แต่หากใครที่ใจร้อนเลือกตัดในส่วนที่มากเกินไปมันอาจจะทําลายเนื้อหยกที่อยู่ข้างในได้!”
ฉินซูเจี้ยมองไปที่เส้นชอล์กบนแร่หินแล้วพูดว่า “งั้นหมายความว่า ถ้าตัดตามเส้นที่คุณจ์วาดมันจะเป็นความสมดุลระหว่างการตัดทั้งสองแบบไม่ว่าจะเป็นการประหยัดเวลาและการปกป้องหยกที่อยู่ข้างในอย่างดีที่สุดใช่หรือไม่?”
“ถูกต้อง!” ชายวัยกลางคนพยักหน้า
…จบบทที่ 1412