The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - ตอนที่ 159
บทที่ 159 พบกันอีกครั้ง
จี้เฟิงนอนลงบนเตียงและตั้งสมาธิเพื่อเข้าสู่จิตใต้สํานึกของเขาอีกครั้ง
“คุณสมอง!” จี้เฟิงตะโกนเรียกในใจ
“มาสเตอร์ มีอะไรให้สมองช่วยหรือเปล่าครับ” เสียงของสมองหมายเลข 1 ดังขึ้น จากนั้นลูกบอลแสงก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าจี้เฟิงทันที มันคือสมองหมายเลข 1
“ยิมนาสติกชุดที่สองที่คุณสอนผมเมื่อคืนนี้ความจริงแล้วมันคืออะไรกันแน่ทําไมจู่ๆความแข็งแกร่งของผมถึงได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลขนาดนั้น ผมเพิ่งจะฝึกไปได้แค่คืนเดียว และแม้แต่โต๊ะหินก็พังลงอย่างง่ายด้วยด้วยหมัดเปล่าๆของผม!”
สมองหมายเลข 1 พูดว่า “นี่เป็นเรื่องปกติครับมาสเตอร์ เนื่องจากบนดาวโลกมีแรงโน้มถ่วงค่อนข้างต่ำ ดังนั้นความหนาแน่นของหินจึงน้อยกว่าในกาแลคซี่แกมมาซึ่งส่งผลให้เกิดความแตกต่างกันอย่างมากและนอกจากนี้มาสเตอร์ได้ดูดซับพลังงานจากภายนอกนั่นคือเหตุผลที่ทําให้มาสเตอร์รู้สึกว่ามีพลังเพิ่มมากขึ้น
“หะ? คุณกําลังพูดเรื่องอะไรเนี่ย!”
จี้เฟิงชะงักเล็กน้อย เขารู้สึกโกรธและสับสน “คุณเพิ่งบอกว่า เพราะแรงโน้มถ่วงของโลกต่ํากว่าของกาแลคซีแกมมา จึงทําให้ความหนาแน่นของหินที่โลกนั้นต่ํากว่าด้วย?”
“ถูกต้องครับมาสเตอร์” สมองหมายเลข 1 ตอบ
“แล้วมนุษย์ล่ะ ความหนาแน่นของเซลล์ในร่างกายมนุษย์เท่ากันหรือเปล่า?” จี้เฟิงถามอีกครั้ง
“ครับมาสเตอร์” สมองหมายเลข 1 กล่าว
“คุณแน่ใจนะ” จี้เฟิงยังคงรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เนื่องจากสภาพแวดล้อมมีความแตกต่างกันมาก มันจึงเป็นเรื่องแปลกหากมนุษย์ในกาแลคซี่แกมมาจะเหมือนกับมนุษย์บนโลก
“แน่ใจครับมาสเตอร์ สมองอยากให้มาสเตอร์มั่นใจในเรื่องนี้” สมองหมายเลข 1 กล่าว “มีเพียงเรื่องของสภาพแวดล้อมภายนอกที่แตกต่างกัน จึงทําให้มนุษย์ในกาแลคซี่แกมมาและมนุษย์บนดาวโลกได้รับผลกระทบที่แตกต่างกันเมื่อทําการปฏิบัติยิมนาสติกชุดที่สองและชุดต่อๆไป”
“แล้วอะไรคือผลของความแตกต่างพวกนั้น?” จี้เฟิงถามอย่างรีบร้อน
สมองหมายเลข 1 กล่าวว่า “สิ่งที่ได้จากการฝึกชุดยิมนาสติกเหล่านั้นของมนุษย์ในกาแลคซี่แกมมามาสเตอร์ก็ได้เห็นทักษะพิเศษเหล่านั้นในม่านแสงแล้ว ส่วนทักษะพิเศษของมนุษย์บนโลกจะเป็นอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับพัฒนาการของตัวโฮสผู้ฝึกชุดยิมนาสติกเอง”
“อะไรวะเนี่ย!”
จี้เพิ่งรู้สึกโกรธมาก เขาไม่คิดว่ารายละเอียดที่สําคัญเช่นนี้สมองหมายเลข 1 จะไม่บอกเขาทั้งหมด แต่ก็ว่าได้ไม่เต็มปากเพราะสิ่งที่สมองหมายเลข 1 บอกนั้นเป็นความจริงทั้งหมด เรื่องที่เขาบอกว่ามนุษย์ของกาแลคซี่ แกมมาเหมือนกับมนุษย์บนโลกก็น่าจะเป็นเรื่องจริงเพียงแต่เขาไม่ได้บอกถึงปัจจัยอื่นๆที่ทําให้เกิดความแตกต่างและมันยังเป็นความแตกต่างของสภาพแวดล้อมที่เป็นสิ่งที่สําคัญมาก! แค่! นั้น! เอง!
หลังจากโกรธอยู่สักพักจี้เฟิงก็ได้แต่ทําใจและยอมรับสภาพเขาจะโกรธปัญญาประดิษฐ์ไปให้มันได้อะไร?
หลังจากที่จี้เฟิงสงบลงเขาก็ถามต่อ “แล้วจากข้อมูลที่คุณมีพอจะบอกได้หรือไม่ว่าสิ่งแวดล้อมภายนอกของโลกกับกาแลคซี่แกมมาแตกต่างกันมากแค่ไหน แล้วมันจะส่งผลอย่างไรถ้าผมฝึกชุดยิมนาสติกเหล่านี้ไปเรื่อยๆ?”
สมองหมายเลข 1 ส่ายหัวทันทีและกล่าวว่า “มาสเตอร์ ต้องขออภัยด้วยที่ก่อนหน้านี้สมองอธิบายไม่ละเอียด นอกเหนือจากแรงโน้มถ่วงบนดาวโลกมีมากกว่ากาแลคซีแกมมาแล้ว ก็มีพลังงานจากสิ่งแวดล้อมภาย นอกที่หนาแน่นกว่ามากด้วยเช่นกัน แต่มาสเตอร์ไม่ต้องเป็นกังวลไปเพราะหลังจากที่มาสเตอร์ฝึกฝนยิมนาสติกชุดแรกอย่างเชี่ยวชาญแล้วไม่เพียงแต่ร่างกายของมาสเตอร์จะแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยพละกําลังที่มากขึ้นแล้ว แต่มาสเตอร์ก็ยังไม่เคยได้รับผลข้างเคียงที่ไม่ดีเลยใช่หรือไม่?”
จี้เฟิงอึ้งไปชั่วขณะและหลังจากคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วมันก็เป็นอย่างที่สมองหมายเลข 1 พูดจริงๆ หลังจากที่เขาฝึกยิมนาสติกชุดแรกมันก็ไม่มีผลร้ายใดๆกับเขาเลยแถมทักษะการต่อสู้และพละกําลังของเขาก็เพิ่มขึ้นมากอย่างน้อยหากเปรียบเทียบเขากับมนุษย์ธรรมดาทั่วไปเขาก็มั่นใจว่าเขานั้นอยู่ในระดับปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้อย่างแน่นอน
“เอ๊ะ! ที่บอกว่าพลังภายนอกหนาแน่นกว่านี่…คุณหมายถึงยังไง?” จี้เพิ่งถามอีกครั้ง
สมองหมายเลข 1 กล่าวว่า “มาสเตอร์ จากการตรวจจับของระบบ สมองพบว่าพลังงานที่มีอยู่ในอากาศบนโลกมีมากกว่าดาวเคราะห์ใดๆในกาแลคซี่แกมมา ดังนั้นเมื่อมาสเตอร์ฝึกปฏิบัติการยิมนาสติกชุดที่สองชั้น หมอกจากภายนอกคือสิ่งที่ร่างกายมาสเตอร์ดูดซับเข้าไปและกลายเป็นพลังงาน”
จี้เพิ่งเริ่มเข้าใจมากขึ้นและถามเพิ่มเติมว่า “งั้นสิ่งที่คุณพูดก็หมายความว่า พลังงานบนโลกนั้นแข็งแกร่งมาก ดังนั้นผลจากการฝึกการเคลื่อนไหวชุดยิมนาสติกจะดีกว่าอยู่ในกาแลคซี่แกมมา และถ้าผมฝึกไปจนถึงขั้นสุดท้ายจนสําเร็จ ผมก็จะแข็งแกร่งกว่าผู้ชายสองคนที่อยู่ในวีดีโอที่คุณฉายให้ผมดูใช่มั้ย?”
“ตามทฤษฎีแล้วเป็นเช่นนั้นครับมาสเตอร์!” สมองหมายเลข 1 ตอบ
“เฮ้อะ” จี้เฟิงรู้สึกโล่งใจในที่สุดแล้วดูเหมือนว่าสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันไม่น่าจะมีอิทธิพลต่อการฝึกฝนมากนักท่าทางการเคลื่อนไหวเหล่านี้ และผลที่ได้จะแตกต่างกันหรือไม่ก็ต่อเมื่อเขาได้ลองฝึกไปจนถึงขั้นสุดท้าย
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทําให้จี้เฟิงโล่งใจมากที่สุดก็คือเรื่องที่ร่างกายของมนุษย์ในกาแลคซี่แกมมาและร่างกายของมนุษย์บนโลกนั้นเหมือนกัน และไม่ว่าผลของการฝึกจะเป็นอย่างไรตราบใดที่ไม่เกิดเรื่องผิดปกติกับตัวเขามันก็ไม่ใช่ปัญหา
“เดี๋ยวนะ!” จู่ๆจี้เฟิงก็พูดขึ้น “เมื่อผมฝึกฝนท่าทางการเคลื่อนไหวยิมนาสติกชุดที่สอง มันทําให้ร่างกายของผมดูดซับพลังงานจริงๆเหรอ?”
“ใช่แล้วมาสเตอร์!” สมองหมายเลข 1 กล่าว “เมื่อการปฏิบัติการยิมนาสติกชุดที่สองเริ่มต้นขึ้น มาสเตอร์ก็จะสามารถดูดซับและนําพลังงานบนโลกมาใช้เนื่องจากพลังงานกระไฟฟ้าชีวภาพของมาสเตอร์นั้นไม่เพียงพอต่อการพัฒนาร่างกายในขั้นตอนต่อไป”
จี้เฟิงอึ้งไปเล็กน้อยสิ่งที่สมองพูดคงไม่ได้หมายถึงการเข้าฌานอะไรเทือกนั้นหรอกนะ?
“เป็นไปได้มั้ยว่ายิมนาสติกชุดที่สองที่สมองสอนเขาจะเป็นวิธีการเข้าฌานอย่างที่เขาคิดจริงๆ?” จี้เฟิงคิดอยู่ในใจเงียบๆ แต่หลังจากคิดอยู่นานเขาก็ยังคิดไม่ตกและไม่รู้ว่าจะหาเบาะแสเพิ่มเติมได้จากที่ไหนเขาได้แต่ ส่ายหัวเพื่อยอมแพ้
“คุณสมอง! เรามาฝึกกันต่อเถอะ!” เนื่องจากจี้เฟิงแน่ใจว่าจะไม่มีผลร้ายแรงใดๆมันก็ทําให้เขาโล่งใจขึ้นมาก และไม่ว่าการเคลื่อนไหวของยิมนาสติกเหล่านี้จะเป็นเทคนิคลับของศิลปะการต่อสู้เป็นการเข้าฌานหรือรวบรวมกําลังภายในอะไรก็ตาม ตราบใดที่สิ่งนี้ทําให้เขาสามารถพัฒนาร่างกายและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเขาได้โดยไม่รับผลกระทบมากนักก็เพียงพอแล้ว
จี้เฟิงจมอยู่กับการปฏิบัติการยิมนาสติกชุดที่สองอีกครั้งและความรู้สึกเย็นสดชื่นก็ไหลผ่านไปทั่วร่างกายของเขา…
เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และแล้ว 1 สัปดาห์ที่ผ่านไปทั้งแบบนี้
ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ จี้เพิ่งหมกมุ่นอยู่กับการเรียนรู้ยิมนาสติกชุดที่สองทุกวัน ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ลืมที่จะเรียนรู้ทักษะเทคโนโลยีสื่อสารและเครือข่าย และเขาก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วโดยแทบไม่ทันสังเกตว่าเวลาได้ผ่านไปถึง 1 สัปดาห์แล้ว
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
และในเช้าของวันที่เจ็ดประตูห้องของจี้เฟิงก็ถูกเคาะ
จี้เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นจากการหลับใหลเขารีบสวมเสื้อผ้าและเดินไปเปิดประตูห้องทันที
“ครับ…?” จี้เฟิงมองคนที่อยู่นอกประตูอย่างสงสัยเขาเป็นชายชราวัยหกสิบปีเศษ
ชายชราพูดขึ้นว่า “นักศึกษารถ Audi ที่จอดอยู่ชั้นล่างเป็นของเธอหรือเปล่า?”
จี้เฟิงพยักหน้า “ใช่ครับรถผมเอง มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?”
ชายชรากล่าวว่า “ถ้าเป็นรถของนักศึกษา ตามระเบียบของมหาวิทยาลัยแล้วรถของนักศึกษาจะต้องจอดในโรงจอดรถชั้นล่างและจะต้องเสียค่าที่จอดรถเดือนละ 350 หยวน”
จี้เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อตอนที่เขาเดินเล่นไปรอบๆมหาวิทยาลัยก่อนหน้านี้ เขาก็เห็นมีรถเยอะแยะที่จอดตามสถานที่ว่างต่างๆ หรือแม้กระทั่งจอดตามข้างทางไม่เห็นจะมีใครเสียค่าจอดรถเลยไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาได้มาจอดในโรงจอดรถหรือเปล่า
เมื่อจี้เฟิงถามสิ่งที่เขาสงสัยชายชราก็ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “รถเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นรถของผู้บริหารและ ผู้มีอิทธิพลในมหาวิทยาลัยเธอสามารถเปรียบเทียบกับผู้มีอิทธิพลเหล่านั้นได้หรือเปล่าล่ะ?”
จี้เฟิงอึ้งไปเล็กน้อยเขาส่ายหัวและยิ้มให้ชายชราแน่นอนว่าเขาไม่คิดจะเปรียบเทียบตัวเองกับผู้มีอิทธิพลเหล่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นผมจะจ่ายค่าที่จอดรถได้ที่ไหน?” จี้เฟิงยิ้ม
“มากับฉัน!” ชายชรายิ้มตอบเห็นได้ชัดว่าที่ชายชราถามถึงการเปรียบเทียบตัวเองของจี้เฟิงกับผู้มีอิทธิพลเป็นเพียงการล้อเล่น
อันที่จริงแล้วชายชราก็ไม่พอใจกับสิทธิพิเศษของผู้มีอิทธิพลและเหล่าผู้บริหารของมหาวิทยาลัยเช่นนี้อยู่เหมือนกัน แต่เขาไม่ใช่คนที่จะเปลี่ยนเรื่องพวกนี้ได้ เขาทําได้แค่เพียงพูดจาประชดประชันล้อเลียนบ้างเป็นบางครั้งบางคราว
เมื่อจี้เพิ่งมาถึงสํานักงานการจัดการของหอพักที่ชั้นล่างจี้เฟิงก็รู้ว่าชายชราคนนี้เป็นเสมียนในสํานักงาน แต่ในความเป็นจริงเขาก็เป็นผู้ดูแลหอพักด้วย
หลังจ่ายค่าที่จอดรถและรับใบเสร็จมาเรียบร้อยแล้ว จี้เฟิงก็ไปที่รถของเขาเพื่อที่จะขับเข้าไปจอดในที่จอดรถ
แต่หลังจากหยุดคิดอะไรเล็กน้อย จี้เฟิงก็เกิดเปลี่ยนใจ ตั้งแต่เขามาที่เจียงโจวเขายังไม่ได้ทําความคุ้นเคยกับสถานที่ต่างๆในเจียงโจวเลย เขาควรใช้โอกาสนี้เพื่อทําความคุ้นเคยกับมันไว้ล่วงหน้า
ในขณะนี้นักศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในชั้นเรียนแต่ก็มีนักศึกษาอีกจํานวนมากที่เดินเล่นอยู่ในมหาวิทยาลัยพูดตามตรงบรรยากาศร่มรื่นที่เต็มไปด้วยต้นไม้และทิวทัศน์ที่สวยงามของสหพันธ์มหาวิทยาลัยเจียงโจวนี้มันเป็นสิ่งที่ดีมากเมื่อเทียบกับเมืองที่เต็มไปด้วยมลพิษเช่นนี้ ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็เปรียบได้กับดินแดนบริสุทธิ์ที่หาได้ยาก
ดังนั้นในช่วงต้นของฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศร้อนจัดนี้ นักศึกษาหลายคนจึงนั่งกันอยู่ตามม้านั่งใต้ร่มไม้ พวกเขาต่างเพลิดเพลินกับความเย็นสบายและพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสบายใจ
เมื่อพวกเขาเห็นจี้เฟิงขับรถผ่านไป นักศึกษาบางคนก็ชี้มาทางรถของจี้เฟิงเป็นระยะๆ และหันไปพูดอะไรบางอย่างกับเพื่อนๆในกลุ่มของพวกเขา
จี้เฟิงไม่เคยใส่ใจกับการสนทนาเหล่านี้ และไม่คิดจะใส่ใจด้วย เพราะตั้งแต่เมื่อก่อนถ้าเขามัวแต่ใส่ใจคําพูดของคนอื่น มันคงเป็นเรื่องที่ทําให้เขารําคาญใจไปตลอดทั้งวัน
จี้เฟิงขับรถไปที่ประตูของมหาวิทยาลัยอย่างช้าๆ และในขณะนั้นเองเขาก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตูมหาวิทยาลัย เหมือนกําลังยืนพูดคุยอะไรกันบางอย่าง
และเมื่อจี้เฟิงเพ่งมองอย่างละเอียดก็พบเข้ากับใบหน้าและร่างที่คุ้นเคย มันทําให้ร่างกายของเขาแข็งทื่อ และดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น
เซียวหยูซวน?
นั่นคือเซียวหยูซวนจริงๆเหรอ?!
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังเรือนร่างที่มีเสน่ห์ที่ตอนนี้ถูกรายล้อมไปด้วยผู้ชายหลายคนอีกครั้ง มันคือเธอจริงๆ!
จี้เฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆสองสามครั้งกว่าเขาจะสงบลง จากนั้นคิ้วของเขาก็ขมวดขึ้น เพราะหนึ่งในบรรดาผู้ชายที่อยู่รอบๆเซียวหยูชวนมีเหอตงเป็นหนึ่งในนั้นด้วย เธอทําท่าเหมือนอยากจะหนีไปจากตรงนั้นแต่ถูกรั้งเอาไว้
จี้เฟิงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการได้พบกับเซียวหยูซวนอีกครั้งจะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เห็นได้ชัดเจนว่าตอนนี้เหอตงและเซียวหยูซวนเหมือนจะมีปัญหาขัดแย้งอะไรกันบางอย่าง แต่จี้เฟิงยังไม่รู้ว่าผู้ชายอีกสามสี่คนที่อยู่ข้างๆเหอตงเป็นใคร
จี้เพิ่งหยุดรถ แต่เขายังไม่ได้ลงจากรถในทันทีเขานั่งมองเซียวหยูซวนอยู่ในรถอย่างเงียบๆ
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจี้เฟิงไม่แน่ใจว่าเซียวหยูชวนนั้นต้องการจะพบกับเขาหรือไม่และยิ่งไปกว่านั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะเข้าไปแทรกแซงเรื่องระหว่างเธอกับเหอตง เพราะตอนนี้เขาและเซียวหยูซวนไม่ได้มีสถานะใดต่อกันพวกเขาไม่ได้เป็นลูกศิษย์กับอาจารย์กันแล้ว
…จบบทที่ 159-2