The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - ตอนที่ 152
บทที่ 152 วุ่นวาย
“ไม่อยู่ที่โรงเรียนเหรอ?”
เมื่อพวกเขามาถึงประตูโรงเรียนมัธยมที่ 13 ทั้งสามคนก็บอกให้ยามของโรงเรียนโทรหาจี้ช่าวหยิน หลังจาก นั้นไม่นานยามก็วางสายโทรศัพท์และบอกกับพวกเขาว่าจี้ช่าวหยินไม่ได้อยู่ในโรงเรียนและไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปอยู่ที่ไหน
ใบหน้าของชาวตงจมลงทันที เดิมที่เขาคิดว่าน้องชายคนเล็กของเขายังเด็กและอาจจะยังติดเล่นอยู่บ้างแต่ตอนนี้เป็นเวลาเรียนเขากลับไม่อยู่ในโรงเรียนด้วยซ้ําจะทําตัวอุกอาจมากเกินไปแล้ว!
“พวกคุณสามคน.. ดูแล้วไม่น่าจะเป็นเพื่อนของจี้ช่าวหยินใช่มั้ย?” ยามของโรงเรียนอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นเมื่อมองพวกเขาทั้งสามคน
จี้เฟิงยิ้มและถามว่า “พี่ชายรู้ได้ยังไง?”
ยามตอบด้วยรอยยิ้ม “จี้ช่าวหยินเขามีชื่อเสียงโด่งดังในย่านนี้พอสมควร เพราะตั้งแต่เขามาเรียนที่นี่เขาแทบจะไม่ได้มาเข้าเรียนเลยแต่นักเรียนในโรงเรียนทุกคนต่างก็เกรงกลัวเขาแต่ก็มีหลายคนที่เข้าหาเขาอย่าง ประจบประแจง แล้วอีกอย่างโดยปกติแล้วในเวลานี้เขาก็น่าจะเที่ยวเล่นอยู่ในสถานบันเทิงใกล้ๆนี่แหละ และถ้า พวกคุณเป็นเพื่อนของเขาจริงคุณจะต้องรู้นิสัยของเขาอย่างแน่นอน!”
ในขณะที่ยามกําลังพูดถึงจี้ช่าวหยินอย่าเมามัน ใบหน้าของจี้ช่าวตงก็ยิ่งดํามืดขึ้นทุกทีจนเมื่อยามพูดจบดวงตาของชาวตงก็เบิกกว้างและการหายใจของเขาก็เร็วขึ้นดูเหมือนเขาพยายามที่จะระงับความโกรธของเขาอย่างมาก
“แล้วสถานบันเทิงใกล้ๆที่ว่านี้อยู่ที่ไหนล่ะ?” จี้ชาวเหลยถามอย่างใจเย็น
ยามของโรงเรียนเริ่มรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ จึงพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง “เอ่อ.. พวกคุณคือคนในครอบครัวของจี้ช่าวหยินงั้นเหรอ? อันที่จริงฉันก็แค่ได้ยินคนอื่นเขาพูดมา น่าจะเป็นเพียงข่าวลือ ฉันไม่ค่อยรู้อะไรหรอกอย่าถามฉันอีกเลย”
“หึม! ทําไมพูดไม่เหมือนเมื่อกี้นี้เลยล่ะ?” จี้เฟิงพูดยิ้มๆ
“เฮ้อ..” ยามได้แต่ถอนหายใจและยิ้มอย่างขมขึ้น “พวกคุณเป็นคนในครอบครัวของช่าวหยินพวกคุณก็น่าจะรู้จักเขาดีอันธพาลตัวเล็กตัวน้อยแถวนี้ต่างเชื่อฟังคําสั่งของเขากันทั้งนั้นแล้วถ้าเกิดเขารู้ว่าฉันเป็นคนพูดเรื่องของเขาขึ้นมาอย่าว่าแต่ฉันจะตกงานเลยเกรงว่าแม้แต่ครอบครัวของฉันก็คงจะอยู่ไม่เป็นสุข!”
“เขาจะกล้าทําเรื่องที่ผิดกฎหมายอย่างนั้นเหรอ?!”
จี้ช่าวตงคําราม เขาเตะไปที่ล้อรถอย่างดุเดือด ตอนนี้เขาเหมือนกับสิงโตที่กําลังโกรธเกรี้ยวมันทําให้คนที่อยู่ใกล้ๆแทบอยากจะวิ่งหนี
“พี่ชาย อย่าเป็นกังวลไปเลย ผมขอรับรองว่าจี้ช่าวหยินจะไม่สามารถแตะต้องพี่กับครอบครัวของพี่ชายได้อย่างแน่นอน ขอแค่บอกกับพวกเรามาว่าสถานบันเทิงที่ว่านี้อยู่ที่ไหนและยังมีที่ไหนอีกบ้างที่จช่าวหยินชอบไปบ่อยๆ” จี้เพิ่งกล่าวพร้อมรอยยิ้มใสซื่อ
“จริงเหรอ..” ยามยังคงรู้สึกไม่ค่อยเชื่อใจสักเท่าไหร่ ท้ายที่สุดแล้วการเป็นยามรักษาการณ์ประจําโรงเรียนนอกจากจะเป็นงานที่ไม่ค่อยเหนื่อยแล้วเงินเดือนก็ยังดีอีกด้วย เขาจึงไม่อยากตกงานเพียงเพราะความปากพล่อยของเขา
“จริงแท้แน่นอน!” จี้เพิ่งยิ้มที่มุมปากและกล่าวว่า “แต่จะว่าไปพี่ชายก็พูดเรื่องแย่ๆของจี้ช่าวหยินออกมาตั้งเยอะแยะแล้วอ่ะเนอะถ้าพวกเราเปลี่ยนใจแล้วเอาเรื่องนี้ไปบอกจี้ช่าวหยินพี่ชายต้องเจอกับอะไรบ้างก็คิดดูเอาเองก็แล้วกันนะ ทางเลือกที่ผมเสนอให้นี่ดีที่สุดแล้ว”
“น้องชาย… ทําไมถึงได้ใจร้ายกับยามตัวเล็กๆอย่างฉันนัก!” ยามถึงกับหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ เขาเกลียดตัวเองที่ทําตัวไร้มารยาทพูดเรื่องคนอื่นโดยไม่คิด และมันก็กําลังจะทําให้เขาเสียงานไปจริงๆแล้วตอนนี้
“ไม่ต้องห่วงหรอกพี่ชาย ตราบใดที่บอกพวกเรามาตามตรงว่าตอนนี้จชาวหยินอยู่ที่ไหนพวกเราจะไม่บอกให้จี้ช่าวหยินรู้อย่างแน่นอนว่าพวกเรารู้มาจากพี่ชาย!” จี้เฟิงยิ้มกว้างอีกครั้ง
การข่มขู่และการล่อลวงก็เป็นหนึ่งในวิธีสอบสวนขั้นพื้นฐานที่จี้เฟิงได้ฝึกฝนจากระบบฝึกจนนํามาใช้ได้อย่างชํานาญ
แน่นอนว่ายามของโรงเรียนไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจากจะต้องเชื่อใจจี้เฟิง เขาพูดด้วยน้ําเสียงเศร้าสลด“น้องชายนี่เป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ… ฉันจะบอกเท่าที่ฉันรู้ก็แล้วกันปกติแล้วจี้ช่าวหยินจะไม่ค่อยได้เข้ามาที่โรงเรียนสักเท่าไหร่ส่วนใหญ่แล้วเขาจะไปเที่ยวเล่นอยู่ข้างนอกฉันได้ยินมาว่าล่าสุดเขาเข้ากันได้ดีกับคนที่ชื่อหลงอะไรนี่แหละ พวกเขามักจะพากันไปสถานบันเทิงที่ชื่อบลูสกายเอนเตอร์เทนเมนท์ที่อยู่ห่างออกไปประมาณสองช่วงถนนฉันคิดว่าตอนนี้พวกเขาน่าจะอยู่กันที่นั่น!”
“บลูสกายเอนเตอร์เทนเมนท์.. โอเค! ขอบคุณมากพี่ชาย!” เมื่อเห็นยามโรงเรียนยังคงทําหน้าเศร้าเขาก็อดไม่ได้ที่จะส่งยิ้มให้“ไม่ต้องห่วงเราจะไม่บอกจี้ช่าวหยินว่าพี่ชายพูดอะไรบ้างเพราะพวกเรามาที่นี้ก็เพื่อต้องการที่จะมาสั่งสอนเขานี่แหละ!”
ยามถอนหายใจด้วยความโล่งอก “แล้วทําไมไม่บอกกันก่อน ทําเอาฉันกลัวจนเหงื่อแตกพลั่กไปหมดไหนๆก็ไหนๆฉันขอพูดอะไรหน่อยอย่าโกรธเคืองกันเลยนะฉันสงสัยมานานแล้วว่าทําไมจี้ช่าวหยินถึงได้เอาแต่เที่ยวเล่นอยู่ข้างนอกเขาเรียนไม่เก่งเหรอ? เขาเอาแต่ออกไปเที่ยวเล่นกับพวกอันธพาลน้อยใหญ่ตลอดทั้งวันแถมยังไม่เห็นจะมีใครกล้าห้ามปรามเขาซักคนฉันก็กลัวว่าวันหนึ่งเขาจะเสียคนและอาจจะทําให้ครอบครัวเดือดร้อนแต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้นแล้วล่ะ!”
จี้เฟิงมองไปที่พี่ชายทั้งสอง จี้ชาวตงทําหน้าทิ้งตึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ยิ้มอย่างฝืนๆและกล่าวว่า “ก็..ตามนั้นขอบคุณสําหรับข้อมูล..”
หลังจากที่พวกเขากลับเข้าไปในรถ จี้เฟิงก็พูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่ พี่รอง พวกพี่ยังคัดค้านข้อเสนอของผมอยู่หรือเปล่า?”
“เสี่ยวเล่ย ออกรถ!” เสียงของจชาวตงเย็นลง “ฉันอยากจะเห็นกับตาว่าไอ้เด็กเหลือขอคนนี้มันจะทําตัวโง่เง่าได้ถึงขนาดไหน!”
ทุกคําพูดที่ได้ฟังจากยามของโรงเรียนทําให้จี้ช่าวตงรู้สึกเหมือนกับถูกมีดอันแหลมคมที่มแทงเข้าไปในหัวใจอย่างรุนแรงเขากล้าใช้อํานาจของตระกูลในทางที่ผิดแถมยังคบกับพวกอันธพาลนี่หรือคือน้องชายแสนดีของเขา!
จี้ชาวเหลยก็รู้สึกโกรธไม่แพ้กัน “พี่ใหญ่ฉันคิดว่าเสี่ยวเฟิงพูดถูก พี่ควรส่งเจ้าเด็กโง่เสี่ยวหยินให้กองทัพช่วยฝึกฝนเขาและถ้าเขายังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ก็ให้เขาอยู่ในนั้นไปยาวๆตระกูลของเราจะมีคนนิสัยแบบนี้ไม่ได้!”
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ หากจะมีแกะดําปะปนอยู่บ้างซัก 1 หรือ 2 ตัวก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ซักเท่าไหร่นักเพราะไม่ว่าจะตระกูลไหนต่างก็ต้องมีคนที่ผิดแผกแตกแถวอยู่บ้างเป็นธรรมดา
อย่างไรก็ตามตระกูลจิ้นั้นแตกต่างออกไป ชายชราผู้นําตระกูลได้กล่าวไว้ว่า ไม่ควรหาประโยชน์จากอํานาจโดยมิชอบแม้ป่าหรืออาของพวกเขาบางคนจะไม่ใช่คนเก่งแต่อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ใช่คนที่ทําความชั่ว!
แต่จี้ช่าวหยินลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลขี้กลับมาทําลายชื่อเสียงที่รุ่นปู่รุ่นพ่อได้สร้างสมไว้จนเกือบหมดแล้วถ้าพ่อของเขารู้เข้าจะต้องเกิดปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน!
มีคํากล่าวที่ว่าถ้าเก็บกวาดบ้านยังไม่สะอาดก็อย่ารอาจจะไปกวาดล้างแผ่นดิน!
ขนาดลูกชายของเขา เขายังไม่สามารถจัดการให้เป็นคนดีได้ แล้วเขาจะสามารถโน้มน้าวคนอื่นๆในปกครองได้อย่างไร?
จี้ช่าวเหลยรู้ว่าสมัยเด็กๆตัวเขาเองก็เคยออกนอกลู่นอกทางมาบ้าง ดังนั้นการที่น้องเล็กของเขาจะมีพฤติกรรมเช่นนี้คงจะเป็นเรื่องปกติ แต่การคบเพื่อนนั้นเป็นเรื่องสําคัญในเมื่อคบกับคนที่เป็นอันธพาลและชวนกันไปมั่วสุมกันทุกวันเช่นนี้สุดท้ายแล้วเขาจะเติบโตมากลายเป็นคนอย่างไร?
เขานึกไปถึงสมัยก่อนที่ตัวเขาเองก็คบกับเพื่อนหลากหลายประเภท แม้แต่เพื่อนที่เป็นอันธพาลก็มีไม่น้อยแต่เขาก็ไม่เคยทําให้ชื่อเสียงของตระกูลต้องมาแปดเปื้อนฉาวโฉ่ขนาดนี้มาก่อน!
จู่ๆจี้ชาวเหลยก็เหยียบคันเร่งเต็มฝ่าเท้า ตอนนี้เขารู้สึกโกรธมาก และ BMW X6 ก็ออกจากโรงเรียนอย่างรวดเร็วและมุ่งหน้าไปยังสถานบันเทิงที่มีชื่อว่าบลูสกายเอนเตอร์เทนเมนท์
น่าจะเพราะมันเป็นเวลาบ่ายสองกว่าแล้ว และมันไม่ใช่ช่วงเวลาเร่งด่วน บนท้องถนนจึงไม่มียานพาหนะมากมายนักภายในระยะเวลาไม่นานจี้ชาวเหลยที่ขับรถด้วยความเร็วก็มาถึงสถานที่ที่เรียกว่าบลูสกายเอนเตอร์เทนเมนท์
แหล่งรวมความบันเทิงที่ชื่อว่าบลูสกายเอนเตอร์เทนเมนท์ ถ้ามองจากภายนอกจะเห็นเป็นห้องโถงที่ค่อนข้างใหญ่เต็มไปเครื่องเล่นวิดีโอเกมต่างๆมีทั้งเกมเต้นและตู้เกมยิงปืน ฯลฯ และเด็กผู้หญิงบางคนกําลังเล่นเกมตีตัวตุ่น
หลังจากจอดรถพวกเขาทั้งสามคนก็รีบเดินเข้าไปในในห้องโถงที่เต็มไปด้วยเสียงอึกทึกดังมาจากลําโพงของเครื่องเล่นเกมต่างๆเสียงของมันดังมากจนทําให้พวกเขารู้สึกชาที่หนังศีรษะ
อย่างไรก็ตามสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเด็กวัยรุ่นจํานวนมากเกือบจะเรียกได้ว่าอยู่กันอย่างแออัดเด็กวัยรุ่นหญิงชายส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ต่างแต่งกายแปลกๆและทําสีผมเป็นสีสันต่างๆทั้งแดงและเหลืองพวกเขากําลังเล่น เกมคอนโซลที่มีอยู่เกือบทุกชนิดอย่างบ้าคลั่งเด็กๆเหล่านี้ส่วนใหญ่มีอายุ 16หรือ 17ปี และบางคนก็มีอายุเพียง 13 หรือ 14 ปีเท่านั้น
ที่แย่ไปกว่านั้น เด็กผู้ชายส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ต่างมีบุหรี่อยู่ในปาก พวกเขาต่างสูบและพ่นออกมาราวกับเป็นเรื่องปกติส่วนเด็กบางคนก็เล่นเกมไปและตะโกนเสียงดังไปเป็นระยะๆพวกเขาดูบ้าคลั่งมาก
ส่วนเด็กผู้หญิงยิ่งทําให้รู้สึกอึ้งได้มากกว่า ทุกครั้งที่พวกเธอเล่นเกมผ่านด่านพวกเธอจะกอดกับผู้ชายที่ยืนเชียร์อยู่ข้างๆหรือแม้กระทั่งจูบปากกันอย่างเปิดเผย
แต่สิ่งที่ทําให้จี้เฟิงรู้สึกประหลาดใจมากที่สุดก็คือเขาเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่หน้าเครื่องเล่นเกมและมีเด็กผู้ชายสองคนยืนอยู่ข้างๆเธอและทุกครั้งที่เธอเล่นเกมชนะเธอจะกอดและจูบกับเด็กผู้ชายทั้งสองคนเธอช่างดู..เท่ในสายตาของเธอและคนที่อยู่ที่นี่แต่สําหรับจี้เฟิงแล้วเขาเกรงว่าผู้หญิงขายตัวข้างถนนมาเห็นก็คงจะต้องยอมแพ้
จี้เพิ่งรู้สึกเหมือนได้เปิดหูเปิดตาเลยที่เดียว
อย่างไรก็ตามจี้ช่าวตงและจี้ชาวเหลยไม่มีเวลาว่างเพื่อมาสังเกตพฤติกรรมของเด็กวัยรุ่นชายหญิงเหล่านี้โดยเฉพาะช่าวตงในฐานะผู้นําเขารู้สึกไม่สบายใจกับพฤติกรรมเหล่านี้ของเยาวชนแถมสิ่งแวดล้อมในนี้นั้นแย่มากอากาศเต็มไปด้วยมลพิษและมีเสียงดังวุ่นวายตลอดเวลาเขาไม่โอเคกับแหล่งมั่วสุมเช่นนี้จริงๆ
“ฉันว่าพวกเราควรแยกกันตามหาเสี่ยวหยิน เอ้อ เสี่ยวเฟิงเธอยังไม่เคยเจอกับเสี่ยวหยินดังนั้นเธอไปกับเสี่ยวเหลยเถอะ” จี้ชาวตงกล่าวอย่างใจเย็น
จี้เฟิงพยักหน้าและทั้งสามคนก็แบ่งกันเป็นสองกลุ่มและแยกย้ายกันไปตามหาจี้ช่าวหยิน
เมื่อมองไปยังสถานที่ที่วุ่นวายแห่งนี้มันทําให้จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าต้องฝ่าฝูงชนที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อผสมกับกลิ่นบุหรี่และกลิ่นของน้ําหอมด้อยคุณภาพซึ่งมันทําให้จี้เฟิงถึงกับรู้สึกมั่นหัว
“เด็กสาวเหล่านี้แทบจะเกินเยียวยา.. อายุยังน้อยแท้ๆ” จชาวเหลยแทบจะอาเจียนหลังจากได้กลิ่นเหม็นฉุนของน้ําหอมเกรดต่ํา
ส่วนอี้เฟิงได้แค่ยิ้มอย่างบิดเบี้ยว ตอนเขาอายุเท่านี้เขายังคงช่วยแม่ขายผักทุกวันแล้วจะมี “เวลาพักผ่อน”เช่นนี้ได้อย่างไรความจริงแล้วตั้งแต่เขาเติบโตมา เขาเคยเข้าร้านเกมเล็กๆที่หมางซื่อแทบจะนับครั้งได้แล้วนับประสาอะไรกับสถานที่แบบนี้
จี้เฟิงตั้งสมาธิพยายามที่จะไม่มองไปยังสิ่งที่ทําให้เขาจะต้องขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้งเขาพยายามเพ่งความสนใจไปที่วัยรุ่นชายรอบตัวเขา แม้ว่าเขาจะไม่เคยพบกับช่าวหยินมาก่อนแต่เขาก็แน่ใจว่าถ้าได้มองอย่างใกล้ชิดเขาจะต้องเห็นความคล้ายคลึงระหว่างจี้ช่าวหยินกับตัวเขาเองอย่างแน่นอนดังนั้นถ้าเขาได้มองอย่างละเอียดเขาจะต้องสามารถรู้ถึงความแตกต่างนี้ได้
สายตาของจี้เฟิงนั้นดีกว่าจี้ชาวเหลยอย่างไม่ต้องสงสัยแต่เขาแทบจะสแกนวัยรุ่นในสถานบันเทิงแห่งนี้ที่ละคนจนจะครบหมดแล้วแต่เขาก็ยังไม่พบใครที่ดูคล้ายคลึงกันกับเขา
“ไม่อยู่ที่นี่?” ชาวเหลยขมวดคิ้วเล็กน้อย
จี้เฟิงยิ้มแห้งๆ “ผมคิดว่าเราน่าจะกําลังทําเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากมันมีวิธีที่ง่ายกว่าการแยกการตามหาแบบนี้เราก็แค่ต้องไปสอบถามกับเจ้าของสถานบันเทิงแห่งนี้โดยตรง”
ในความเป็นจริงถ้าแม้แต่ยามของโรงเรียนยังรู้จักจี้ชาวหยินเป็นอย่างดี ด้วยชื่อเสียงอันโด่งดังของเขามันทําให้เห็นได้ชัดว่าจี้ช่าวหยินเป็นที่รู้จักกันดีแค่ไหน และตราบใดที่จี้ช่าวหยินมาที่นี่เป็นประจําเจ้าของที่นี่ก็จะต้ องรู้จักกับจี้ช่าวหยินและมันคงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเขาจะพยายามทําทุกอย่างเพื่อประจบประแจงจช่าวหยิน และในเขตบริเวณนี้ต่างเต็มไปด้วยสถานบันเทิงอีกมากมาย มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้พวกเขาขับรถเข้าไปตามหาในทุกๆที่
ดังนั้นการถามเจ้าของสถานบันเทิงแห่งนี้จึงเป็นวิธีที่ดีและรวดเร็วที่สุด
เหตุผลที่จี้เฟิงไม่ได้ฉุกใจคิดในเรื่องนี้ได้ตั้งแต่แรกนั่นเป็นเพราะในตอนที่เขาเข้ามาที่นี่เขามัวแต่ตื่นตะลึงและรู้สึกประหลาดใจกับสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมของเด็กวัยรุ่นเหล่านี้ดังนั้นเขาจึงไม่ทันได้คิดถึงวิธีนี้
ทันใดนั้นดวงตาของจี้ชาวเหลยก็สว่างวาบขึ้น เขาพยักหน้าอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “เออใช่!ถามเจ้าของที่นี่ ก็จบ!”
ทั้งสองคนเดินย้อนกลับและพบกับเถ้าแก่เจ้าของสถานบันเทิงแห่งนี้กําลังนั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ใกล้ประตูทางเข้าใบหน้าของจี้ชาวเหลยดูคันไม้คันมือแปลกๆ เขาพร้อมและกําลังจะอ้าปากถามแต่จี้เฟิงได้ถามขึ้นก่อน“ลูกพี่พอจะเห็นจี้ช่าวหยินมาที่นี่วันนี้บ้างหรือเปล่าฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาพอดีมีบางอย่างเกิดขึ้นกับครอบครัวของเขาฉันเลยถูกส่งเพื่อมาตามเขากลับไปที่บ้านอย่างเร่งด่วน!”
เจ้าของสถานบันเทิงเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณ 40 ปี เขาตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่จี้เฟิงพูดจช่าวหยิน.. เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นถึงลูกชายคนเล็กของเลขาธิการคณะกรรมการพรรคเทศบาลแล้วมีบางอย่างเกิดขึ้นกับครอบครัวของเขานั่นหมายความว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับพ่อของเขาที่เป็นเลขาธิการคณะกรรมการพ รรคของเทศบาลใช่หรือไม่?
แม้เจ้าของสถานบันเทิงแห่งนี้อยากจะประจบประแจงจี้ช่าวหยินมากก็ตาม แต่นี่ก็เป็นโอกาสที่ดี
อย่างไรก็ตามเมื่อคิดว่าสถานที่ที่จชาวหยินอยู่ในตอนนี้เป็นที่ไหน.. เจ้าของสถานบันเทิงก็อดไม่ได้ที่จะลังเลเขากําลังคิดไตร่ตรองอยู่ว่าเขาควรจะพาขี้เฟิงและจี้ชาวเหลยไปหาจี้ชาวหยินตอนนี้ดีหรือไม่
แต่ถึงเขาจะลังเลแต่การตอบสนองของเขาก็รวดเร็วมาก บางที่อาจจะเป็นเพราะเขามักจะเจอกับสถานการณ์และต้องคอยจัดการกับเรื่องแบบนี้อยู่เป็นประจํา
จากนั้นเขาก็พูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “ฉันไม่รู้ว่าจี้ช่าวหยินที่พวกคุณพูดถึงคือใคร เพราะปกติฉันไม่ได้อยู่ร้านนี้ฉันแค่มาช่วยดูร้านนี้เป็นบางครั้งบางคราว แต่ยังไงพวกคุณทั้งสองโปรดรอสักครู่ฉันจะลองไปถามคนอื่นๆดูว่าคนที่คุณกําลังตามหาอยู่ที่นี่หรือไม่ แล้วเดี๋ยวฉันจะให้คนไปบอกกับพวกคุณทีหลัง”
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อย “ขอบคุณมากลูกพี่”
เจ้าของร้านพยักหน้าและริบเบียดตัวเข้าไปในฝูงชนแม้ร่างของเขาจะอวบอ้วนแต่มันก็ยืดหยุ่นมากเขาจมหายเข้าไปในฝูงชนอย่างรวดเร็ว
“เสี่ยวเฟิง ดูเหมือนว่าเสี่ยวหยินจะอยู่ที่นี่จริงๆ” ตอนนี้สีหน้าของชาวเหลยดูน่ากลัวมากการพูดจาโกหกบ่ายเบี่ยงของเจ้าของสถานบันเทิงจะหลอกลวงเขาได้อย่างไร ในฐานะประธานของบริษัทเจียนอันกรุ๊ปเขาต้องพบเจอกับผู้คนมากมาย คิดหรือว่าในบรรดานักธุรกิจรายใหญ่ๆจะไม่มีใครที่ฉลาดไปกว่าเถ้าแก่เจ้าของสถานบันเทิง?
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อจัดการและผดุงความยุติธรรม เอาเป็นว่าตอนนี้เราต้องหาจี้ช่าวหยินให้พบก่อน”
จี้ชาวเหลยพยักหน้า เขามองไปยังสถานที่แห่งนี้ที่เต็มไปด้วยเด็กวัยรุ่นชายหญิงที่อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะที่กําลังทําตัวเหลวเหลกทั้งสูบบุหรี่และเล่นเกมอย่างบ้าคลั่ง มันทําให้เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น “ดูเหมือนว่าที่นี่จะต้องถูกสะสางได้แล้ว”
ในขณะนั้นช่าวตงมองเห็นจี้เฟิงและจี้ชาวเหลยยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า เขาจึงเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็วและพูดขึ้นว่า“ฉันหาจนทั่วแล้วแต่ก็ยังไม่เจอ”
“น่าจะอยู่ในนั้น!” จี้ชาวเหลยชี้ไปที่ด้านในสุดของห้องโถง และพูดว่า “ถึงฉันจะไม่รู้ว่าในนั้นมันมีอะไรแต่ต้องไม่มีสรวงสวรรค์อยู่ในนั้นแน่!”
จี้ชาวตงได้แต่ถอนหายใจและไม่ได้พูดอะไร เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าในสถานที่เช่นนี้มักจะมีอะไรอยู่เบื้องหลังยิ่งไปกว่านั้นถ้าภายในนั้นเป็นอย่างที่เขาคิดจริง แล้วพบว่าจี้ช่าวหยินอยู่ข้างใน เขาก็ไม่อยากทําให้น้องอีกสองคนต้องรู้สึกไม่สบายใจหรือแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อยากเห็นว่าสิ่งที่เขาคิดจะเป็นเรื่องจริง
อย่างไรก็ตามหัวใจของชาวตงรู้สึกถึงความโกรธได้มากกว่า เขาได้ตัดสินใจแล้วว่าต่อให้แม่ของเขาจะไม่เห็นด้วยที่จะส่งจี้ช่าวหยินไปที่กองทัพและให้ฝึกฝนอยู่ที่นั่นอย่างต่ําเป็นเวลาหนึ่งปีและถ้าเขายังไม่ปรับปรุงตัวเองจี้ช่าวหยินจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตอยู่ในกองทัพและอย่าหวังว่าจะได้ออกมา!
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เห็นจี้ช่าวหยินวิ่งออกมา และเมื่อเขามองเห็นจี้ช่าวตงและอีกสองคนที่ยืนอยู่เขาก็มีสีหน้าและท่าทางที่ตื่นตระหนกทันที สีหน้าของทั้งสามคนยิ่งทําให้เขารู้สึกใจคอไม่ดีมากยิ่งขึ้นเมื่อเขาวิ่งมาถึงเขาจึงรีบพูดขึ้นทันทีว่า“พี่ใหญ่พี่รองที่บ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?”
จี้เฟิงเพิ่งจะมีโอกาสได้เห็นลูกพี่ลูกน้องที่เขาเคยได้ยินแต่ชื่อเสียงคนนี้อย่างใกล้ชิด แม้ว่าเด็กคนนี้จะอายุเพียงสิบห้าสิบหกปีแต่เขาก็ไม่ได้เตี้ย เขาน่าจะสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรแต่ใบหน้าของเขานั้นบงบอกอายุที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะได้อย่างชัดเจน
จี้ช่าวตงตะคอกอย่างเย็นชา “ยังห่วงคนที่บ้านเป็นอยู่เหรอ?”
จี้ชาวหยินรู้สึกผิดทันที “พี่ใหญ่…”
“นายกําลังทําอะไรอยู่ในนั้น?” จี้ชาวเหลยถามอย่างใจเย็น
จี้ช่าวหยินได้แต่ก้มหน้างด ไม่กล้าตอบ
“ห์!” จี้ชาวตงไม่รอคําตอบเขาถามอย่างเย็นชา “มันเป็นคาสิโนใช่มั้ย?”
“ครับ มันเป็นคาสิโน..” จี้ช่าวหยินตอบเสียงอ่อย
จี้เฟิงและจี้ชาวเหลยมองหน้ากันและกันทันที และก็มีคําว่า “ว่าแล้ว” ปรากฏอยู่ในสายตาของคนทั้งคู่
“ตามมา แล้วกลับไปกับพี่เดี๋ยวนี้!” ใบหน้าของจี้ช่าวตงดูแย่มาก แต่ตอนนี้เขาไม่คิดที่จะตําหนิจี้ช่าวหยินเลยเขารู้สึกผิดหวังเกินไปที่จะดุด่าจช่าวหยินในเวลานี้ และที่สําคัญเขารู้ดีว่าดุด่าไปก็คงจะไม่ได้ผลมันถึงเวลาที่เขาจะต้องใช้ไม้แข็งจริงๆแล้ว สําหรับความเหลวไหลของน้องเล็กของเขาในตอนนี้เหลือเพียงทางเดียวที่จะทําให้เขากลับตัวกลับใจได้จี้ช่าวหยินจะต้องถูกส่งไปฝึกฝนในกองทัพอย่างเข้มงวดเท่านั้น!
ทุกคนต่างรู้ดีว่าการพนันก็ไม่ต่างจากยาเสพติด มันเป็นสิ่งเสพติดอีกรูปแบบหนึ่ง ด้วยอายุของจี้ชาวหยินเขายังไม่สามารถควบคุมตนเองได้ดีนักมันคงแปลกถ้าเขาสามารถกลับตัวกลับใจได้ด้วยคําบ่นด่าเพียงไม่กี่คํา
“พี่ใหญ่ ยังไม่กลับตอนนี้ไม่ได้เหรอ?” ชาวหยินพูดอย่างลนลาน
“ได้สิ ตามใจนายเลยก็แล้วกัน ตราบใดที่นายประกาศว่าไม่ใช่ลูกหลานของตระกูลอีกต่อไป และหลังจากนั้นต่อให้นายอยากกลับไป ก็จะไม่มีแม้แต่โอกาส!” จี้ชาวตงกล่าวเบาๆ
จี้ช่าวหยินไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป เขารู้ว่าตอนนี้พี่ใหญ่ของเขาโกรธมากเขาจึงทําได้แต่ทําถามที่พี่ใหญ่บอกอย่างเชื่อฟัง “ผมจะกลับไปกับพี่”
ทั้งสี่คนขึ้นรถ BMW X6 อีกครั้ง และจี้ชาวตงก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและกดโทรออกไปที่หมายเลขของจี้เจิ้นกั่ว “พ่อคือผม…”
เมื่อจี้ชาวตงโทรหาพ่อของเขา จชาวหยินก็ถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือพ่อของเขา เขามองไปที่จี้ช่าวเหลยด้วยแววตาอ้อนวอน แต่ก็พบว่าพี่ชายคนที่สองของเขาก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธไม่ต่างจากพี่ใหญ่เมื่อเห็นดังนั้นช่าวหยินก็ยิ่งทําอะไรไม่ถูก
“พี่รองผมผิดไปแล้ว” จี้ชาวหยินพูดด้วยน้ําเสียงอ้อนวอน
“หึ!” จี้ชาวเหลยส่งเสียงอย่างเย็นชาโดนไม่สนใจคําวิงวอนของชาวหยินและหันหน้าไปมองนอกหน้าต่างโดยไม่หันไปมองที่จช่าวหยินอีก
“อาสาม ผมช่าวตง ตอนนี้ผมอยู่แถวแหล่งรวมความบันเทิงชื่อว่าบลูสกายเอนเตอร์เทนเมนท์ใกล้กับโรงเรียนมัธยมที่ 13 มีการเปิดบ่อนการพนันอยู่ข้างในอาสามส่งคนมาที่นี่ได้เลยทันที.. ถ้าเป็นไปได้รบกวนอาสามอย่าให้เรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไป…”จี้ช่าวตงวางสายหลังจากพูดคุยเสร็จ
จี้ชาวหยินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เขาคิดไม่ถึงว่าพี่ชายคนโตของเขาจะถึงขนาดส่งคนมาจัดการกับบลูสกายเอนเตอร์เทนเมนท์แบบนี้ดูท่าว่าเขาจะต้องพบกับปัญหาใหญ่แล้วคราวนี้..!
…จบบทที่ 152-