The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - ตอนที่ 149
บทที่ 149 หมออัจฉริยะจอมปลอม
จี้ช่าวตงที่ยืนอยู่ข้างๆก็รีบพูดขึ้นทันทีว่า “หมอหลู่ ตราบใดที่คุณสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของพ่อผมให้หายได้ คุณสามารถบอกวิธีการหรือเงื่อนไขที่คุณการโดยตรงได้เลย!”
หมออัจฉริยะหลู่ส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “ฉันเดินทางไปทั่วโลก ไม่ว่าที่ไหนหากมีคนเจ็บป่วยฉันก็พร้อมจะช่วยเหลือ มันเป็นความต้องการของหมอธรรมดาคนหนึ่ง แต่เป็นเพราะฉันเรียนแพทย์จากท่านอาจารย์ที่อยู่ในภูเขามาตั้งแต่เด็กๆ ทําให้ฉันไม่มีใบรับรองคุณสมบัติทางการแพทย์ ในหลายๆครั้งมันทําให้ฉันไม่กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นหมอได้อย่างเต็มปากเต็มคํา ดังนั้นถ้าลําบากจนเกินไป คุณจี้ช่วยออกใบรับรองคุณวุฒิทางการแพทย์…”
“เรื่องนี้..” จี้ช่าวตงรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก การออกใบรับรองคุณวุฒิทางการแพทย์เป็นเรื่องง่ายสําหรับเขา เพียงแค่เขาหยิบโทรศัพท์และโทรออกเพียงครั้งเดียวทุกอย่างก็เรียบร้อย แต่อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เรื่องที่จะมาถามว่าเป็นเรื่องยากหรือไม่ที่จะทํา แต่มันเป็นเรื่องของการผิดหลักการอย่างไม่ต้องสงสัย ตั้งแต่ช่าวตงอยู่ในตําแหน่งเขาไม่เคยใช้อํานาจในทางที่ผิด และถ้าหากคนที่เป็นผู้นํายังละเมิดหลักการแบบนี้ เกรงว่าเขาจะกลายเป็นผู้นําที่ไร้จิตสํานึก
อย่างไรก็ตาม หากเขาปฏิเสธเรื่องนี้และทําให้การรักษาพ่อของเขาต้องล่าช้า เขาก็รู้สึกผิดและละอายใจไม่แพ้กัน
จี้ช่าวตงรู้สึกน้ําท่วมปากและมีความอับอายอยู่ภายในใจ แต่ในตอนนั้นเองจี้เจิ้นถั่วที่นอนอยู่บนเตียง พยายามสูดลมหายใจอย่างยากลําบากและพูดด้วยเสียงเบา “หมอหล่อย่ากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้หากคุณต้องการใบรับรองคุณสมบัติทางการแพทย์ฉันสามารถเขียนคําแนะนําให้คุณได้ แต่เชื่อเถอะว่าตราบใดที่คุณมีความสามารถจริงๆ คุณต้องสอบผ่านได้ด้วยตัวเองอย่างแน่นอน”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ฉันคิดว่าคงไม่สามารถทําการรักษาให้กับคุณจี้ต่อได้ ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ…” หมออัจฉริยะหลู่ส่ายหัวและพูดว่า “แต่กระดูกตรงสันหลังตรงส่วนเอวของคุณ มันเป็นอาการบาดเจ็บที่ร้ายแรงกว่าที่คิดไว้มาก หากปล่อยไว้…”
“ผมว่าเรื่องนั้นไม่น่าใช่ปัญหาสําหรับหมอหญ่ในตอนนี้!” จู่ๆจี้เพิ่งที่ยืนอยู่เงียบๆมาตั้งแต่ต้นก็พูดขึ้น “หมอหลู่ผมคิดว่าคุณน่าจะกังวลเรื่องที่ว่าคุณจะทําอย่างไรต่อไปกับชีวิตในอนาคตของคุณในคุก!”
ทุกคนถึงกับตกใจเมื่อได้ยินจี้เฟิงพูดแบบนี้
หมอหญ่หน้าแดงก่ําไปด้วยความโกรธ เขาจึงพูดด้วยน้ําเสียงไม่พอใจอย่างมาก “เด็กน้อย ที่เธอพูดนั่นหมายความว่าอย่างไร?”
จี้ช่าวตงรีบดึงแขนของเฟิงมาและกระซิบ “เสี่ยวเฟิงอย่าพูดไร้สาระ”
จี้ชาวเหลยมองไปที่จี้เฟิงและนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยปากถามจี้เฟิงว่า “เสี่ยวเฟิงนายรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับหมอหญ่ที่พวกเราไม่รู้หรือเปล่า”
จี้เฟิงมองไปที่หมออัจฉริยะหลู่และหัวเราะเยาะเบาๆ “หึหึ! หมอหลู่พูดไม่ผิด เพราะผมเชื่อว่าคุณไม่ได้โกหกเรื่องที่คุณบอกว่าคุณไม่มีใบรับรองทางการแพทย์ ผมจึงกลัวว่าถ้าคนอย่างคุณมีใบรับรองทางการแพทย์เข้าจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนป่วยเพิ่มขึ้นจากฝีมือของคุณอีกกี่คน!”
เขาหันหน้าไปทางจี้ชาวตงและถามว่า “พี่ใหญ่ ที่เรียกว่าหมออัจฉริยะหลู่นี่ต้องเป็นเพราะว่าเขาเป็นหมอที่เก่งกาจและโด่งดังมากเลยใช่มั้ย?”
จี้ช่าวตงหยุดคิดครู่หนึ่งจากนั้นเขาจึงพยักหน้าเล็กน้อย “ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะก่อนหน้านี้เลขาของฉันบอกว่าที่บ้านเกิดของเขามีหมอที่ฝีมือดี และมีความเชี่ยวชาญทางการแพทย์สูงมาก จนถึงขนาดถูกเรียกว่าหมออัจฉริยะ ข่าวทั้งหมดเป็นเรื่องจริงที่ได้รับการยืนยันมาจากเลขาของฉันเอง… เธอมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
“ปัญหาเหรอ? แน่นอนว่ามีแน่และมันก็ไม่ใช่ปัญหาเล็กๆด้วย!” สีหน้าของจี้เฟิงกลายเป็นเย็นชา เขาจ้องมองไปที่หมออัจฉริยะหลู่และพูดว่า “ที่ฉันตามมาที่นี่เพียงเพราะอยากจะถามว่าคุณจะมีแผนการอย่างไรในการรักษาอาสองของฉัน?”
“ฉันจําเป็นต้องบอกเธอด้วยหรือ? แต่ถึงฉันจะบอกเด็กอย่างเธอจะรู้และเข้าใจทักษะทางการแพทย์ได้อย่างไร!” หมอหญ่พูดด้วยความโกรธ “ในเมื่อพวกคุณไม่เชื่อมือฉัน ก็รักษากันเองก็แล้วกัน ฉันต้องขอลา!”
หลังจากพูดจบหมออัจฉริยะกําลังจะก้าวออกไปจากห้อง แต่จี้เฟิงก้าวไปที่ประตูและใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งของเขากีดขวางประตูไว้ทันที “แหม คุณหมออัจฉริยะ พอเรื่องถูกเปิดเผยก็จะขอตัวกลับเลยงั้นหรือ คุณเล่นตลกอยู่หรือเปล่าครับเนี่ย?”
ทันใดนั้นจ์ชาวตงก็ตอบสนอง “เสี่ยวเฟิง สิ่งที่เธอพูดมา เธอต้องการจะบอกว่าหมอหลู่คนนี้ไม่ได้มาที่นี่เพื่อต้องการจะรักษาพ่อจริงๆ แต่มาเพราะมีจุดประสงค์อื่นใช่มั้ย?!”
จี้ช่าวตงเป็นคนหัวไวและฉลาดมากอยู่แล้ว เขาทํางานในสายงานราชการ เขาจะไม่ระมัดระวังได้อย่างไร? อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการเจ็บป่วยของพ่อและการจัดการเรื่องต่างๆเป็นเรื่องที่วุ่นวาย จนทําให้เขาละเลยสิ่งสําคัญไปหลายอย่างซึ่งทําให้หมอหญ่ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่เหล่านั้น แต่ทันใดนั้นเองเขาก็นึกขึ้นได้ว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างไม่ชอบมาพากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าหมอหญ่มีอาการลุกลี้ลุกลนหลังจากที่เพิ่งพูดขึ้น จี้ชาวตงก็เข้าใจได้ในทันทีว่าหมอหลู่ผู้นี้ไม่เพียงแต่เป็นหมอปลอมเท่านั้น แต่ยังมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะแฝงตัวเข้ามาถึงภายในบ้านเพื่อจุดประสงค์ไม่ดีอย่างอื่น
“หมอหล่อะไรกัน ต้องเรียกว่าคนโกหกหลู่ไม่สิเขาน่าจะเป็นอาชญากรหลู่!” จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้มเยาะ จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับอาคนที่สองที่ยังคงนอนนิ่งด้วยความรู้สึกเจ็บปวดและมีเหงื่อเย็นๆผุดขึ้นที่หน้าผากของเขา “อาสอง จากที่ผมดูการกดของหมอหญ่จอมปลอมที่เขาเรียกว่าเป็นการรักษาอาสองนั้น ผมบอกได้เลยว่าด้วยการทําแบบนั้นเขาไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของอาสองได้เลย หรือแม้ว่าเขาอาจจะพอมีความรู้เรื่องการแพทย์อยู่บ้าง แต่เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของอาสองนั้นเขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะถ้าคนที่รู้จักวิธีการรักษาอย่างแท้จริงเขาจะไม่ทําให้อาสองต้องรู้สึกเจ็บมากขนาดนั้น”
จี้เฟิงเดินไปข้างหน้าสองก้าวและยื่นมือออกไปกดตรงเอวของจี้เจิ้นกั่วสองสามครั้งจากนั้นอี้เฟิงก็นวดวนบริเวณที่จี้เจิ้นกั่วรู้สึกเจ็บซ้ําไปซ้ํามาอยู่พักหนึ่ง
จี้เจิ้นถั่วกัดฟันแน่น มันทําให้จี้ช่าวตงถึงกับขมวดคิ้วทันที เห็นได้ชัดว่าจี้เฟิงกําลังรักษาพ่อของเขาแต่จี้เฟิงจะมีความรู้เกี่ยวกับการรักษาหรือไม่?
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานเหงื่อเย็นๆบนหน้าผากของจี้เจิ้นถั่วก็ค่อยๆหายไปและใบหน้าของเขาก็ค่อยๆผ่อนคลายลงไม่ดูทรมานเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป เห็นได้ชัดว่าความเจ็บปวดของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว
ในขณะนี้ใบหน้าของหมออัจฉริยะหญ่ก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
หลังจากนวดให้จี้เจิ้นกั่วอีกสองสามครั้ง จี้เฟิงก็พยุงร่างของเขาขึ้นและมองไปที่หมอหล่อย่างเย็นชา “นี่หรือคือวิธีที่คุณรักษาอาสองของฉัน หรือคุณแค่มั่วเอาเฉยๆ ?”
เวลานี้แม้แต่จี้ช่าวตงก็เข้าใจ หมออัจฉริยะหลู่ผู้นี้ไม่เพียงแต่แสร้งทําตัวเป็นหมออัจฉริยะเท่านั้น แต่ที่สําคัญกว่านั้นดูเหมือนว่าเขาจะทําอะไรบางอย่างที่ไม่สมควรทํากับพ่อของเขา!
ใบหน้าของจี้ชาวตงซีดลง จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาทันทีและกดหมายเลข “อาสาม ฉันช่าวตง…”
ใบหน้าของจี้เจิ้นถั่วแสดงรอยยิ้มที่พอใจ เขาเฝ้าดูลูกชายของเขาจัดการกับสิ่งเหล่านี้ด้วยวิธีที่ถูกต้องและเขาก็รู้สึกโล่งใจที่เห็นลูกชายของเขาเติบโตขึ้น มันทําให้เขามีความสุขมากกว่าสิ่งอื่นใด
“พ่อผม..” จี้ชาวตงมองไปยังผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้ลุกขึ้นยืนจากการช่วยพยุงของจี้เพิ่งด้วยแววตารู้สึกผิด เพราะความประมาทของเขาไม่เพียงแต่ทําให้การรักษาของพ่อเขาไม่สําเร็จแต่ยังทําให้พ่อของเขาต้องรู้สึกเจ็บปวดทรมาน ซึ่งทําให้เขารู้สึกผิดและเสียใจมาก
จี้เจิ้นถั่วตบไหล่ลูกชายแล้วยิ้ม “อย่าคิดมาก มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่จงจําเอาไว้ว่าอย่าไว้ใจหมออัจฉริยะคนไหนอีกต่อไป ทํางานของลูกต่อไปอย่างสบายใจก็เพียงพอแล้ว”
จี้ช่าวตงพยักหน้าจากนั้นเขาก็หันหน้าไปมองนายหญ่ที่เรียกตัวเองว่าหมออัจฉริยะ มีแสงเย็นเยียบฉายชัดออกจากดวงตาของเขา
หมออัจฉริยะหลู่ตัวสั่นด้วยความตกใจเขาก้มหน้างดอย่างหวาดกลัว เพราะเกรงว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเขาอาจจะถูกจี้ชาวตงพุ่งเข้ามาทําร้ายและฉีกทิ้งร่างของเขาจนไม่เหลือชิ้นดี อย่างไรก็ตามความเจ็บปวดที่คิดว่ากําลังจะได้รับกลับมาไม่ถึงเสียที ปรากฏว่าจี้ชาวตงไม่ได้ทําอะไรเลยเขาเพียงแค่จ้องมองหมอหลู่ด้วยสีหน้าโกรธ เคืองเหมือนกับมองทะลุเข้าไปถึงหัวใจ
หลังจากนั้นไม่นาน จี้ชาวเหลยก็เดินขึ้นมาและพูดว่า “พ่อ! แม่ทําอาหารเสร็จแล้วเลยให้ผมขึ้นมาดูว่าพ่อรักษาเสร็จหรือ…”
ทันทีที่เข้ามาและพูดจนเกือบจะจบเขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ “เกิดอะไรขึ้น?”
จี้ช่าวตงชี้ไปที่หมออัจฉริยะหลู่ด้วยสีหน้าดุดันและพูดด้วยน้ําเสียงเย็นชา “ผู้ชายคนนี้แสร้งเป็นหมออัจฉริยะ เพื่อมาทําการรักษาพ่อของเรา แต่ไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีการไหนในการทําให้พ่อของเราเหงื่อออกด้วยความเจ็บปวด หากไม่ใช่เพราะเสี่ยวเฟิงอยู่ที่นี่ด้วยก็ไม่รู้ว่าพ่อของเราต้องทนทุกข์ทรมานกับไอ้ชาติชั่วนี่อีกเท่าไหร่!”
“ไอ้สารเลว!”
เมื่อได้ยินที่จช่าวตงบอก จี้ชาวเหลยก็โกรธจนขาดสติเขาพุ่งตรงเข้าไปต่อยหมออัจฉริยะหมู่ทันทีตามด้วย หมัดหนักๆอีกสองสามหมัดจนหมออัจฉริยะหลู่ล้มลงไปกองกับพื้น “มึงเล่นผิดคนแล้ว วันนี้เป็นวันตายของมึง!”
“เสี่ยวเหลย พอๆ พ่อไม่ได้เป็นอะไร!” จี้เจิ้นกั่ว โบกมือห้ามจี้ชาวเหลยที่กําลังโกรธจนใบหน้าแดงก่ํา “มันไม่มีอะไรที่สําคัญ พ่อไม่อยากใส่ใจกับเรื่องนี้ แล้วอีกอย่างเสี่ยวตงก็โทรบอกอาสามเรียบร้อยแล้ว อีกเดี๋ยวน่าจะมีคนมาทําให้ผู้ชายคนนี้ยอมสารภาพความจริงทั้งหมดออกมา!”
“สารภาพ?”
จี้ชาวเหลยสะดุ้งทันที “พ่อหมายความว่าผู้ชายคนนี้ได้รับคําสั่งมาอีกที่งั้นหรือ?”
จี้เจิ้นกั่วไม่ตอบ เขาเพียงแค่หันมาและจับไหล่ของจี้เฟิงแล้วเดินออกจากห้องไป
จี้ชาวเหลยชี้ไปที่หมออัจฉริยะหญ่จอมปลอม ดวงตาที่เย็นชาและความโกรธที่ทําให้เขาถึงกับมือสั่น
“มึงตายแน่!” จี้ชาวเหลยกล่าวอย่างเย็นชา
จี้เฟิงนั่งลงไม่ไกลจากหมออัจฉริยะหญ่จอมปลอมโดยที่ไม่ได้พูดอะไร เขารู้ว่าอาสองของเขาจะจัดการเรื่องนี้อย่างถูกต้อง แต่สิ่งที่เขาต้องทําในตอนนี้คือเฝ้าระวังหมออัจฉริยะจอมปลอมคนนี้อย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันไม่ให้เขาฉวยโอกาสหลบหนีหรือมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหรือแม้แต่ต้องป้องกันไม่ให้เขาฆ่าตัวตาย!
ทันใดนั้นจี้เฟิงก็ขมวดคิ้ว เขาเห็นปากของหมอจอมปลอมคนนี้ขยับและเปิดออกเล็กน้อย
“พี่บ!” “พล่อก!”
ทันใดนั้นจี้เฟิงก็ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวอย่างรวดเร็วก่อนที่จี้ชาวตง จี้ชาวเหลยและหมออัจฉริยะจอมปลอม จะทันได้ตอบสนอง เขาคว้าคางของหมอหลู่และใช้แรงส่งจากข้อมือของเขาเล็กน้อยเพื่อดึงกรามของหมออัจฉ ริยะจอมปลอมจนกระดูกข้อต่อของกรามหลุดออกจากกัน
“น้องชายนายทําอะไรน่ะ!” จี้ช่าวเหลยตะโกนถามด้วยความตกใจ
“ผมคิดว่าที่เขาโดนมันยังไม่สาแก่ใจ ผมเลยอยากจะจัดการเขาอีกนิดหน่อย!” จี้เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ต้องการบอกรายละเอียดให้จี้ช่าวเหลยรู้ เพราะไม่เช่นนั้นเขาต้องมาอธิบายถึงทักษะของเขาและเรื่องที่หมอหญ่อาจซ่อนยาพิษไว้ในช่องระหว่างฟันของเขา ความเป็นไปได้เช่นนี้เป็นเรื่องที่คนทั่วไปส่วนใหญ่จะนึกไม่ถึง เว้นแต่จะเป็นคนที่มีประสบการณ์การฝึกอบรบมาเป็นพิเศษ
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เมื่อจี้ช่าวเหลยได้ยินแบบนั้นเขาก็รู้สึกสนใจในตัวน้องชายคนนี้และหัวเราะเสียงดัง “น้องพี่พูดถูกใจจริงๆ อันที่จริงฉันก็ยังไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ อยากจะจัดการไอ้ชั่วนี่อีกซักหมัดสองหมัดอยู่เหมือนกัน!” ทันทีที่พูดจบ จี้ชาวเหลยก็ชกเข้าไปที่ท้องของหมอหญ่จอมปลอมทันที
“ผัวะ!”
หมอปลอมหลู่ล้มลงอีกครั้งด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว จี้ชาวเหลยชกที่ท้องอย่างรุนแรงจนทําให้เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัวด้วยความเจ็บปวด
“บิ๊ก!”
แต่จี้ช่าวเหลยยังไม่พอใจ เขาเตะไปที่ขาของหมอปลอมหล่อย่างแรงอีกครั้ง
“อ๊ากกกก!!”
หมอปลอมหล่จับขาของเขากลิ้งไปกับพื้นและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างไม่หยุดหย่อน
จี้ชาวตงขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเหลยพอได้แล้ว รออาสามมาถึงเมื่อไหร่ก็ส่งตัวมันให้กับอาสามเขาไป!”
“โอเคๆ!” จี้ชาวเหลยตอบอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจและอดไม่ได้ที่เตะซ้ําอีกรอบ
“อ๊ากกกก!!” หมอปลอมหล่กรีดร้องและกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นอีกครั้ง
บางทีอาจจะเป็นเพราะจี้เจิ้นกั่วได้อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ให้คนที่อยู่ชั้นล่างได้ฟังแล้ว ดังนั้นแม้ว่าเสียงกรีดร์ องของหมอปลอมจะดังมาก แต่ก็ไม่มีใครขึ้นมาอีกเลย
จี้เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและในเวลาเดียวกันเขาก็ปิดหน้าต่างและม่านทั้งหมดภายในห้องอย่างรวดเร็ว เดิมที หมอปลอมหล่ทําการรักษาจี้เจิ้นกั่ว หน้าต่างส่วนใหญ่จึงถูกปิดอยู่บ้างแล้ว สิ่งที่จี้เฟิงต้องทําคือปิดที่เหลือทั้งหมดแม้กระทั่งผ้าม่าน
แม้ว่าการป้องกันเสียงของบ้านหลังนี้จะดีอยู่ในระดับหนึ่ง และผู้ที่อยู่อาศัยโดยรอบส่วนใหญ่จะอยู่ห่างออกไปค่อนข้างไกล แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะได้ยินเสียงกรีดร้องของหมอปลอมหลู่
ดังนั้นจี้เฟิงจึงปิดหน้าต่างทุกบานโดยเร็วที่สุดและในขณะเดียวกันก็มองออกไปผ่านช่องว่างในผ้าม่านและ เมื่อไม่พบเห็นใครอยู่ด้านนอกเขาจึงถอยกลับไป
เมื่อเห็นสิ่งที่เพิ่งทํา แววตาประหลาดใจของจี้ช่าวตงก็แสดงออกมาอย่างไม่ปิดบัง และดูเหมือนว่าเขาจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นทันทีและหันไปมองจี้เพิ่งด้วยความสงสัย
“พี่ใหญ่ทําไมพี่ถึงมองผมแบบนั้นล่ะ?” จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม
“เสี่ยวเฟิง เธอคิดอะไรบางอย่างอยู่ใช่มั้ย?” จี้ชาวตงถามด้วยเสียงทุ่ม “เป็นไปได้มั้ยว่ามีคนอยู่ด้านนอกคอย เฝ้ามองเหตุการณ์ภายในบ้านของเราอยู่?”
“พี่ใหญ่ พี่คิดมากเกินไปแล้ว!” จี้เฟิงยิ้มและส่ายหัว ผมไม่รู้ว่ามีใครแอบดูพวกเราอยู่หรือเปล่า ผมแค่กลัวว่าจะมีคนอื่นได้ยิน เพราะไอ้หมอชั่วนี่มันเล่นแหกปากร้องดังลั่นซะขนาดนี้”
เมื่อได้ยินสิ่งที่จี้เฟิงพูด จี้ชาวตงก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ที่เธอพูดก็ถูก ผู้ชายคนนี้กรีดร้องแบบนี้มันอาจจะส่งผลกระทบต่อการพักผ่อนของคนอื่นอย่างแน่นอน”
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา จี้เจิ้นถั่วก็พาชายสองคนในชุดสูทสีดําขึ้นมา และพวกเขาก็ทําการใส่กุญแจมือหมอจอมปลอมหลู่และจับตัวเขาออกไป