The Trembling World - ตอนที่ 349
TTW:บทที่ 349 ทรัพย์สินส่วนบุคคล
เมื่อถึงจุดนี้ หลิวกํา ตัดสินใจที่จะแทรกซึมเข้าไปในสังคมนี้ก่อน โดยวิธีนี้เขาสามารถหาคนที่เขาต้องการและเข้าใจสถานการณ์ภายในได้ดีขึ้น
“แน่นอน!แม้ว่าคุณจะไม่ใช่ผู้เล่น พวกเราก็ยอมรับชาวเมืองในท้องถิ่นอย่างมีความสุขแต่ปัญหาก็คือพวกชาวเมืองต่างเกลียดชังเรา ดังนั้นหากชาวเมืองต้องการเข้าร่วมกับเราแล้วพวกเขาจะสามารถเข้าร่วมกับหมู่บ้านเริ่มต้นของเราได้”
“แต่ผู้เล่นเป็นเหมือนผู้ปกครองของชาวเมือง ถ้าคุณตัดสินใจที่จะนําชาวเมืองเข้ามาคุณต้องรับผิดชอบต่อการกระทําของพวกเขา ถ้าพวกเขาทําผิดหรือทําลายกฏใดๆคุณต้องทุกข์ทรมานต่อการลงโทษ”พนักงานต้อนรับทั้ง 2 คนหลังเลสักครู่ก่อนจะตอบ หลิวกํา
“นั่นหมายความว่า….ผู้เล่นแต่ละคนสามารถนําชาวเมืองมาที่นี่ 1 คนได้ใช่ไหม?” หลิวกํา แสดงนาฬิกาข้อ มือให้พนักงานทั้ง 2 คนได้เห็น
“ใช่แล้ว”พนักงานต้อนรับพยักหน้า
“เราสามารถนําสุนัขเข้าไปได้หรือไม่?” หลิวกํา ชี้ไปที่นาน่าซึ่งอยู่ข้าง ยินฮี
หนึ่งในพนักงานต้อนรับตอบว่า “สุนัขตัวนี้น่ารัก มันคงไม่มีปัญหา” พนักงานพยายามที่จะใช้มือลูบที่หัวของนาน่าแต่นาน่าปฏิเสธ
“สุนัขเหล่านี้ได้รับความทุกข์ทรมานจากภัยพิบัติถึงแม้ว่าพวกมันไม่ได้กลายเป็นสัตว์ประหลาด แต่เป็นการดีที่สุดถ้าคุณจะไม่แตะต้องมัน ถ้าคุณโดนกัดผมไม่อยากถูกจับลงโทษ” หลิวกํา เตือนพนักงาน
“โอ้ เข้าใจแล้ว”พนักงานต้อนรับตอบด้วยความอับอาย
“เรามีผู้เล่น 5 คน 2 คนเป็นชาวเมือง ถ้าพวกเราให้การรับรองพวกเขาพวกเขาสามารถเข้าไปพร้อมพวกเราเลยได้ไหม” หลิวกำ ชี้ไปที่ ยินฮี และ ลีดิงเซียง
“ได้ทั้งสองคนเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของคุณ เมื่ออยู่ข้างในพวกเขาจะได้รับการปกป้องจากเรา”พนักงานทั้งสองคนพยักหน้า
“ทรัพย์สินส่วนตัว?” หลิวกํา ขมวดคิ้วกับคําตอบนี้
“อ่า…เพราะเราเป็นผู้เล่นที่สร้างค่ายนี้ขึ้นมาเราขอสงวนสิทธิ์ในการปกป้องผลประโยชน์ให้กับผู้เล่นก่อน ในฐานะผู้เล่นคุณควรเข้าใจเหตุผลของเราที่ทําอย่างนั้นใช่ไหม?แน่นอนว่าใครก็ตามที่คุณนําเข้าไปจะเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของคุณ แม้ว่าจะไม่มีสถานะหรือตําแหน่งแต่พวกเขาจะไม่ถูกรังแกโดยคนอื่น ถ้ามีคนรังเกียจ พวกเขาก็เหมือนกับพวกเขารังเกียจคุณ นั่นเป็นการละเมิดหลักเกณฑ์ของเรา”พนักงานรีบอธิบาย
“เอาละบอกผมว่ากฎของคุณคืออะไร” หลิวกํา ยังคงสอบถามต่อ
“ถ้าคุณตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกับเรา ผมจะพาคุณไปยังตึกเริ่มต้น ภายในตึกนั้นเป็นที่ที่คุณจะได้เรียนรู้กฎเกณฑ์ทั้งหมดของเรา” พนักงานต้อนรับสามารถเปิดเผยข้อมูลได้เฉพาะคนที่เป็นสมาชิกของพวกเขาเท่านั้น
“แล้ว…จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมเห็นกฎเหล่านั้นแต่ผมรู้สึกว่าผมไม่สามารถทําตามได้ และผมไม่ต้องการอยู่อีกต่อไป มีข้อจํากัดในการแยกตัวออกมาหรือไม่?” หลิวกํา ถาม
“ไม่มีข้อจํากัด คุณสามารถออกไปได้ตลอดเวลา ตราบใดที่ทรัพย์สินส่วนตัวของคุณไม่ได้รับการแลกเปลี่ยนกับคนอื่นคุณสามารถนําติดตัวออกไปได้ เราสนับสนุนเสรีภาพและความเสมอภาค ผู้นําของเราเป็นผู้นําแบบอย่าง เขาอยู่เกินระดับ10 กระสุนและดาบไม่สามารถทําอันตรายต่อเขาได้ ความสามารถของเขาลึกซึ้งและ แข็งแกร่ง เขาต้องการที่จะสร้างสังคมที่เหมาะกับโลกใบนี้ภายใต้กําแพงเหล่านี้ผู้เล่นสามารถเพลิดเพลินกับการรักษาความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม” พนักงานต้อนรับยังคงโฆษณาเกี่ยวกับผลประโยชน์ของพวกเขา
“เหนือระดับ 10 อย่างนั้นหรอ?ระดับของเขาสูงเท่าไหร่กัน” หลิวกํา แสดงความตกใจ แต่มันเป็นเพียงการแสดงเท่านั้น ถ้าผู้นําคนนี้ไม่ได้ขี้โม้เขาก็ต้องเป็นผู้เล่นรุ่นเบต้า เขายังคงไม่แน่ใจว่าผู้เล่นรุ่นเบต้านี้ควรที่จะหนีไปยังเกาะหลักหมดแล้วหรือไม่
“ผู้นําคนนี้เริ่มต้นพร้อมกับพวกเรา เขาสามารถทําคะแนนได้ดีและขึ้นถึงระดับ 10 ผู้นําคนนี้ต้องเป็นอัจฉริยะ เขาต้องถูกส่งมาจากสรวงสวรรค์เพื่อเรา ตราบใดที่เราทําตามผู้นําของเราเราจะพบกับประตูมิติที่พาเรากลับบ้านตามข่าวลือ จากนั้นเราจะสามารถออกจากโลกที่น่าสยดสยองใบนี้ได้” พนักงานต้อนรับยังคงสรรเสริญผู้นําของเขา
ฮันกวงมิน และ เชาเหมิง เหลือบมองหน้ากัน คําพูดเหล่านี้ฟังดูคุ้นๆมันเหมือนกับที่ จางเฉียงหลี่ พูดกับสมาชิกในทีมของเขา
“ผู้นําของคุณฟังดูเหมือนมาจากสวรรค์ ผมต้องการรู้ว่าคน 1000 คนที่อยู่ที่นี่พวกคุณแก้ปัญหาเรื่องการกินอาหารได้อย่างไร?คุณไม่กลัวการขาดแคลนอาหารอย่างนั้นหรอ?” หลิวกํา ถามคําถามสุดท้าย
“ที่ด้านหลังภูเขาเป็นสถานที่ที่มีแต่ผู้นําของเราเท่านั้นที่เข้าไปได้ ที่นั่นมีร้านอาหารและสิ่งจําเป็นในชีวิตประจําวันมากมาย มีอาหารกระป๋อง มาม่าเก็บไว้ที่นั่นทั้งหมด ด้านบนของที่นี่เป็นวิทยาลัยจึงมีสิ่งอํานวยความสะดวกหลายอย่างกับการเก็บสมบัติเอาไว้ ท่ามกลางผู้เล่นของเรามีบางคนที่เชี่ยวชาญด้านการเกษตร พวกเราได้เริ่มไถที่ดินใหม่เพื่อทําการเกษตรและหว่านเมล็ด คุณเห็นร่องเมฆตรงนั้นไหม มันเป็นเพราะกําปั้นของผู้นําของเราเป็นคนทะลวงเมฆทําให้มีแสงส่องลงมา ดังนั้นทําให้พื้นที่เพาะปลูกของเราเจริญเติบโตในบริเวณที่แสงแดดส่องถึง”พนักงานพูดโดยไม่ต้องคิด
หลิวกํา ลูบหน้าผากของตัวเอง เขาเริ่มรู้สึกเสียใจกับคนที่เชื่อในเรื่องแบบนี้ ถ้าร่องเมฆนั้นไม่ได้ปรากฏตัวออกมาเหนือภาคเหนือของเมืองนินจิง แต่เป็นทางตอนใต้ คงจะเป็น จางเฉียงหลี่ ที่พูดคําเหล่านี้ จางเฉียงหลี่ จะเล่าเรื่องเหมือนแบบนี้ไหมว่าพี่ใหญ่หลิวสามารถเจาะทะลุท้องฟ้าด้วยกําปั้นของเขา? ด้วยลักษณะของ จางเฉียงหลี่ แล้วมีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะพูดแบบนั้น
“ผู้นําของเราคือพระเจ้า ตราบใดที่เราติดตามเขาเราจะไม่อดตาย ตราบเท่าที่เขายังอยู่เรายังมีความหวัง ทุกคนมีชีวิตก็เพราะเขา เราโชคดีที่มีชีวิตเพราะเขา สมาชิกทุกคนที่นี่รู้สึกขอบคุณเขา” พนักงานต้อนรับยังคงแสดงความรักต่อผู้นําของเขา มันฟังเหมือนกับคําพูดของผู้ศรัทธาที่เคร่งในศาสนาของตัวเอง
“เอาล่ะผมไม่มีอะไรจะถามแล้ว พาพวกเราเข้าไปดูรอบๆ” หลิวกํา สนใจเรื่องหมู่บ้านเริ่มต้นมีมากแต่ดูเหมือนว่าเขาจะได้ทดสอบความสามารถของเขาในเร็วๆนี้
หลังจากที่บรรลุระดับ 10 แล้วด้วยความสามารถใหม่ของ หลิวก เขาจึงอยากหาคนที่มีความสามารถเทียบเท่ากัน เขาคิดว่าบนเกาะร้างห่างไกลอย่างเมืองนินจึงค่อนข้างจะหาคนที่เหมาะสมยาก แต่เขาไม่คาดคิดว่าคนที่เหมาะสมกับอยู่ใกล้ๆแค่นี้