The simple life of the emperor - ตอนที่ 116
ภายในรถหญิงสาวที่มาจากวาติกันกำลังนั่งดูภาพที่ถ่ายจากดาวเทียมอยู่อย่างพินิจพิเคราะห์ ซึ่งนั่นก็คือภาพของเทียนหลางที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออย่างสบายใจภายใต้สภาพอากาศที่หนาวเย็นจนติดลบมากกว่า 5องศาฯ แล้วแถมเสื้อผ้าที่เขาใส่นั้นยังเป็นเพียงชุดคลุมแบบจีนโบราณอีกด้วยเธอนั้นแทบอยากจะไม่เชื่อสายตาเลยว่าจะมีคนใส่ชุดแบบนี้ในสถานที่แบบนี้
จากนั้นเธอก็หันไปถามกับลูกน้องของเธอ
”ได้ภาพของเขาแล้วสินะ”
”ได้แล้วครับหัวหน้า แล้วหัวหน้าจะทำยังไงต่อครับ ?”
เมื่อได้ยินคำถามของลูกน้องเธอก็คิดสักพักก่อนจะตอบกลับไปว่า
”ค้นหาประวัติและที่อยู่ของเขาซะ การที่เขารู้ว่าพวกเราต้องการอะไรแสดงว่าเขาก็รู้เหมือนกันว่าเจ้าสิ่งนั้นมันคืออะไร บางทีเขาอาจจะให้คำตอบที่พวกเขาค้นหามานานหลายปีก็ได้”
”เข้าใจแล้วครับ”
พวกเขาตอบรับอย่างแข็งขัน ทางด้านเธอนั้นก็จ้องมองภาพที่เทียนหลางกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ทางสบายใจ ทางด้านของเทียนหลางนั้นก็กำลังอ่านหนังสืออยู่เพื่อรอหน่วยเก็บกวาดของทางรัฐบาลที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้
ในจังหวะนั้นเองเทียนหลางก็ดูเหมือนจะนึกเรื่องอะไรบางอย่างได้ เขาตบหน้าผากของตัวเองเบาๆก่อนจะเอ่ยขึ้นมา
”จริงสิฉันลืมเรื่องของสำนักอัคคีไม่ซะสนิทเลย”
ก่อนหน้านี้เทียนหลางได้เขียนจดหมายส่งไปยังสำนักอัคคีว่าเขานั้นจะบุกไปทำลายสำนักแต่ว่าเกิดเหตุการณ์มากมายขึ้นเสียก่อนทำให้เขานั้นลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
”หลังจากที่จัดการตรงนี้เสร็จค่อยไปจัดการสำนักอัคคีก็แล้วกัน”
หลังจากที่ตัดสินใจได้แล้วเทียนหลางก็นั่งอ่านหนังสือต่อ ไม่นานนักหลังจากนั้นสัมผัสของเทียนหลางก็รับรู้ได้ว่ามีกลุ่มรถยนต์และเฮลิคอปเตอร์จำนวนหนึ่งกำลังมุ่งตรงมาทางนี้
”ดูเหมือนว่าจะมาแล้วสินะ”
เทียนหลางปิดหนังสือก่อนจะเก็บมันเข้าไปในแหวนพร้อมกับเก้าอี้และยืนรออย่างใจเย็น เมื่อขบวนรถมาจอดตรงหน้าของเทียนหลาง ก็ได้มีผู้ชายคนหนึ่งเดินลงมาจากรถเขาวิ่งตรงมาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าของเทียนหลางพร้อมกับทำความเคารพ
”อู้จี๋ จากหน่วยพิเศษที่ 6 มารับช่วงต่อแล้วครับ !!”
เทียนหลางพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
”ฉันจัดการเคลียร์ทุกอย่างด้านในหมดแล้ว แต่ดูเหมือนพวกมันจะได้ของที่ต้องการไปแล้วนะแต่ถึงอย่างงั้นฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันได้อะไรไป ยังไงก็ช่วยตรวจสอบให้หน่อยก็แล้วกันนะ”
เมื่อได้ยินคำอธิบายสั้นๆของเทียนหลาง อู้จี้ก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า
”ไม่ต้องห่วงครับ หากทางเราตรวจสอบทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วจะแจ้งไปยังเลขาไป๋ให้นะครับ แล้วคุณจะเดินทางกลับเลยไหมครับจะได้ให้ฮอไปส่ง”
เทียหลางส่ายหน้าพร้อมกับเอ่ยกับอู้จี้ว่า
”ไม่เป็นไรเดียวฉันกลับเองจะไวกว่า”
เมื่ออู้จี้ได้ยินก็ถึงกับงุนงงไปเล็กน้อยแต่เมื่อเขากำลังจะถามเพื่อคลายความสงสัยของตัวเอง เทียนหลางก็ได้หายไปจากตรงนั้นเรียบร้อยแล้ว อู้จี้ถึงกับตกตะลึงปนหวาดกลัวก่อนจะคิดถึงสิ่งที่เทียนหลางพึ่งจะพูดเมื่อครู่ อู้จี้ลูบเหงื่อที่ผุดออกมาจากหน้าผากเล็กน้อยก่อนจะพูดกับตัวเองว่า
”หน่วยหมาป่าน่ากลัวแบบนี้ทุกคนงั้นเหรอเนี่ย… ?”
หลังจากบ่นกับตัวเองแล้วอู้จี้ก็กลับไปทำงานของตัวเองต่อ
ส่วนเทียนหลางนั้นมาโผล่ยังกลางป่าแห่งหนึ่ง เขามองไปรอบๆก่อนจะพูดว่า
”นี่นะหรือหุบเขาฟูฉาง สภาพแวดล้อมเหมาะกับการบ่มเพาะเป็นอย่างมากแต่ถึงอย่างงั้นก็ยังคงเบาบางกว่าที่บ้านของฉัน”
หลังจากนั้นเทียนหลางก็เดินไปตามทางที่อยู่ในความทรงจำของเขา เมื่อเดินไปได้ไม่นานเทียนหลางก็พบกับบันไดหินอ่อนขนาดใหญ่ที่ทอดยาวไปยังยอดเขา
เทียนหลางเดินขึ้นบันไดไปอย่างช้าๆพร้อมกับมองทิวทัศน์รอบๆตัว ไม่นานนักเทียนหลางก็มาถึงทางเข้าของสำนักอัคคีซึ่งเป็นประตูขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยไม้อี้เหอโบราณมันถูกแกะสลักอย่างดีเป็นรูปเปลวเพลิงซึ่งบ่งบอกถึงสถานที่ที่มันตั้งอยู่
เทียนหลางมองป้ายที่ถูกเขียนด้วยตัวอักษรสวยงามว่า สำนักอัคคีอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสบัดมือเล็กน้อย
ตูม !!!
เสียงการพังทลายดังสนั่นไปทั่วบริเวณพร้อมกับประตูและป้ายที่ถูกทำลายจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เหล่าศิษย์และอาจารย์เมื่อได้ยินเสียงก็รีบกรูกันออกมายังบริเวณด้านหน้าทันที
”ใครกัน ? ใครกล้ามาทำลายประตูสำนักอัคคีของพวกเรา !!”
หนึ่งในอาจารย์ของสำนักอัคคีโวยวายออกมาทันที เมื่อควันจางหายพวกเขาก็ได้เห็นร่างของเทียนหลางที่กำลังเดินเข้ามาด้านในอย่างช้าๆ อาจารย์คนนั้นก็ได้ชี้หน้าเทียนหลางพร้อมกับพูดขึ้นด้วยอารมณ์โกรธแค้นว่า
”แกงั้นเหรอที่ทำลายประตูสำนักของพวกเรา !?”
เทียนหลางที่มองอยู่ก็สบัดมือเล็กน้อยทำให้แขนของอาจารย์ที่กำลังชี้หน้าเทียนหลางอยู่นั้นขาดทันที เมื่อรู้ว่าแขนของตัวเองถูกตัดหายไปเขาก็ร้องออกมาทันที
”อ๊าาาาาา แขนข้า แขนข้า”
เทียนหลางมองเขาช้าๆพร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น
”พ่อแม่ไม่เคยสอนหรือไงว่าห้ามใช้นิ้วชี้คนอื่นมั่วซั่ว ?”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งว่า
”เอาละ หลายคนกำลังสงสัยว่าข้ามาทำอะไรที่นี้ฉะนั้นข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าต้องเสียเวลา เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าได้ส่งจดหมายฉบับหนึ่งมาที่สำนักอัคคีคาดว่าพวกเจ้าคงจะได้รู้เนื้อหาในจดหมายแล้ว ฉะนั้นข้าจะไม่พูดซ้ำข้าจะมาทำลายสำนักอัคคีแห่งนี้”
ทันทีที่เทียนหลางพูดจบบนมือของเทียนหลางก็ปรากฏเปลวเพลิงสีทองขึ้นมา
”เผาพวกมันซะ !”
เมื่อพูดจบเปลวเพลิงในมือของเทียนหลางก็กระจายตัวออกพร้อมกับพุ่งตรงไปยังเหล่าศิษย์และอาจารย์ของสำนักอัคคี ทันทีที่ร่างกายของพวกเขาสัมผัสเข้ากับเปลวเพลิงสีทองนั้นร่างกายของพวกเขาก็ลุกไหม้และถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านภายในไม่กี่วินาที
แต่มันยังไม่จบเพียงเท่านั้นเปลวเพลิงสีทองยังคงลุกไหม้ต่อไปและลามไปยังอาคารและสิ่งปลูกสร้างภายในสำนักอัคคีอีกด้วย
ในตอนนี้บริเวณด้านหน้าของสำนักอัคคีต่างลุกไหม้ไปด้วยเพลิงสีทอง เหล่าลูกศิษย์และอาจารย์ของสำนักต่างวิ่งออกมาพยายามดับไฟแต่ไม่ว่าพวกเขาจะทำยังไงก็ไม่สามารถที่จะลดความรุนแรงของเปลวเพลิงที่กำลังโหมกระหน่ำได้เลย
ทางด้านของเทียนหลางที่กำลังเฝ้ามองสถานะการณ์อยู่อย่างใจเย็นก็พูดออกมาด้วยท่าทีสบายๆว่า
”เอาหล่ะ ลองไปค้นดูที่คลังของสำนักดูดีกว่าว่ามันมีอะไรดีๆบ้าง”
YOU MAY ALSO LIKE
Tips: Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua. Ut enim ad minim veniam, quis nostrud exercitation ullamco laboris nisi ut aliquip ex ea commodo consequat. Duis aulores eos qui ratione voluptatem sequi nesciunt. Neque porro quisquam est, qui dolorem ipsum quia dolor sit ame