The Rise of Otaku - ตอนที่ 169
บทที่ 169 คําสาปและวิธีแก้ไขา
เมื่อมองไปทางเบียโม่ที่ทุกย่างก้าวที่เขาเดินนั้นดูเหมือนว่าจะมีน้ําค้างแข็งทิ้งเป็นรอยเท้าสีขาวไว้เป็นแนวยาว เมื่อดูรูปนี้โจวหยูก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปคุยกับอีกฝ่ายในตอนนี้ ทางด้านเบียโม่เองก็เช่นกัน ดังนั้นจึงทําให้บรรยากาศในบ้านกลายเป็นมีแอร์ที่เปิดอยู่ตลอดเวลาเดินไปมา
ดังนั้นเพื่อเป็นการไม่แสหาเรื่องเข้าตัวเอง โจวหยูจึงหันไปสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นกับบูบูบและชายชราขี้เมาได้เท่านั้น
ทั้งสองต่างก็มองหน้ากันแล้วก็ได้ไอออกมา “ไอ! คือ…เมื่อเราไปถึงแผนก G เราก็พบว่าไอดอลทุกคนที่มาร่วมงานต่างก็มีชุดสวยๆใส่กัน ดังนั้นพวกเราก็คิดว่าอย่างน้อยเบียโม่ของเราเองก็ควรจะมีใส่บ้าง แต่มันติดปัญหาที่เรามีเงินไม่มากพอ แต่ด้วยทักษะการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าที่สุดยอดของพวกข้า มันทําให้พวกเขาหาสถานที่หนึ่งเจอ…”
“แต่เรื่องทั้งหมดนี้มันเป็นความผิดของชายชราขี้เมาคนนั้น เพราะมันเป็นคนที่ทําให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น!”
ชายชราขี้เมาเองก็ได้โต้กลับทันที “เจ้านี้ก็มีความกล้านะ! ใครกันที่บอกว่าของคําสาปนั้นมีเปอร์เซ็นที่จะถูกเพียง 1 เปอร์เซ็นต์กัน? “
พวกเขายังคงโต้เถียงกันไปมา และในที่สุดพวกเขาก็สบถซ้ําๆกัน แต่จากคําที่ไม่ต่อเนื่องโจวหยูก็สามารถจับมารวมกันและสรุกแบบคราวๆได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ปรากฏว่าพวกเขาทั้งสองคนได้ไปพบดันเจี้ยนป่าในพื้นที่นั้น ซึ่งมันเป็นดันเจี้ยนที่มีของต้องสาปเก็บเอาไว้ แต่มันก็มีของที่เป็นคําสาปร้ายแรงจริงๆไม่มาก อาจจะพูดได้ว่าเพียงแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ดังนั้นเพื่อชุดที่ดี และการชนะรางวัลที่หนึ่ง พวกเขาได้ใช้เวลาไปหนึ่งวันเต็มๆกว่าจะเคลีบดันเจี้ยนนี้ได้ และได้สมบัติชั้นยอดออก
มา
พวกเขารู้มาว่ากล้องที่พวกเขาถืออยู่นั้นมีชุดที่พิเศษอยู่ แต่มันจําเป็นที่ต้องให้คนที่ต้องการใส่เปิดมันเท่านั้น ด้วยความตื่นเต้นนี้เองพวกเขาลืมอ่านคําเตือนตัวเล็กๆที่อยู่ข้างกล่องก่อนที่พวกเขาจะส่งไปให้เบียโม่ เป็นคนเปิดมัน แต่พวกเขาไม่คิดว่าหลังจากที่กล่องถูกเปิดมาคนที่เปิดก็ได้สวมใส่ชุดต้องสาปไปแล้ว
แต่สิ่งที่แย่กว่านั้นคือชุดที่อยู่บนตัวของเบียโม่นั้นมันเป็นชุดของผู้หญิง
เมื่อพวกเขาตรวจสอบข้อมูลของดันเจี้ยนนี้ให้ละเอียดมากขึ้น พวกเขาก็รู้หีบสมบัติที่พวกเขาได้มานั้นถูกสาป มันจะสุ่มของต้องสาปออกมาทุกครั้งที่มีคนเปิดมัน แต่มันมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่จะได้คําสาปร้ายแรง แต่เดิมพวกเขาคิดว่าไม่มีทางที่พวกเขาจะโชคร้ายเช่นนี้ แต่ไม่มีใครคาดหวังว่าเบียโม่จะได้ รับมันจริงๆ อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้าของจริง
ในช่วงเวลานั้นเบียโม่ไม่สามารถหาคําพูดอะไรที่บรรยายความรู้สึกของตัวเองได้ เขารู้ว่าที่ทั้งสองคนทํานั้น เพราะความหวังดีและมีความตั้งใจที่ดี ถ้าจะพูดกันจริงๆแล้วมันเป็นเพราะเขามันดวงซวยเองที่ดันไปเปิดเจอคําสาปเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์นั้น
เขาที่ไม่มีทางเลือกอีกแล้วจึงได้ตัดสินใจที่จะไปประกวดในชุดผู้หญิงนี้ อย่างน้อยมันก็คงไม่ใช่เรื่องแย่อะไรนั่นคือความคิดก่อนเริ่มงาน แต่ก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น เขากับเป็นผู้ชนะการประกวดของแผนก G และยังได้ฉายาว่า – เจ้าชายผู้ชอบแต่งคอสเพลย์
เมื่อนึกไปถึงช่วงที่ลูกคนนี้ต้องใส่ชุดผู้หญิงปรากฏต่อหน้าผู้ชมมากมาย มันก็อาจจะทําให้ทุกคนที่เห็นคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเกย์ไป และนั้นทําให้โจวหยอดรู้สึกอยากจะหัวเราะไม่ได้
อนิจจาเมื่อเทียบกับพี่สาวอย่งมู่ลี่ที่มีฉายาว่าราชินีแล้ว ดูเหมือนว่าหมู่บ้านมินิลู่หัวจะมีคนที่มีชื่อเสียงขึ้นคนแล้ว
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องตลก แต่ปัญหาก็ยังคงต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด โจวหยูจึงถามทั้งสองคนต้องเรื่องว่า “มีวิธีไหนบ้างที่จะทําลายคําสาป? ถ้าเรายังปล่อยมันเอาไว้แบบนี้ ฉันคิดว่าหมู่บ้านของเราคงกลายเป็น น้ําแข็งหมดแน่”
ตามปกติแล้วตอนนี้มันเป็นฤดูร้อน มันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ช่วงนี้จะมีอากาศเย็นๆเพื่อลดอุณหภูมิบ้าง แต่เมื่อคิดว่าอุณหภูมิที่ลดลงนั้นมาจากลูกชายคนเล็กของตัวเอง มันก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไรมากนัก
ทั้งสองคนต่างก็ส่ายหัวไปมาการเป็นนักผจญภัยนั้นทุกคนต่างก็รู้เกี่ยวกับไอเท็มคําสาปไม่มากอยู่แล้วยิ่ง ไม่ต้องพูดถึงวิธีการลบคําสาปเลย ต่างกันพวกเขาไม่เคยได้ยินอะไรที่สามารถใช้ทําลายคําสาปทั้งหมดได้
มีเพียงราชาแห่งโจรผู้ซึ่งมีประสบการณ์ผจญภัยมากที่สุด ที่ใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ท่านลอร์ด! ข้า คิดว่าพอมีทางอยู่! แต่มันเป็นเรื่องยากมาก ท่านต้องรู้ก่อนว่าอุปกรณ์คําสาปพวกนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองประเภท คือชั่วคราวและถาวร ถ้าเป็นอย่างแรกเราทําเพียงแค่รอเวลาคําสาปพวกนั้นก็จะหายไปเอง แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง มันก็มีวิธีจัดการเพียงแค่สองวิธีคือหนึ่งเป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุด นั้นคือจัดการคนร่ายคําสาปนี้ สองการไปมีอาบน้ําในแสงศักดิ์สิทธิ์”
วิธีแรกนั้นบูบูและชายชราขี้เมาไม่ใช่ว่าจะคิดไม่ได้ พวกเขาต่างก็ลงไปสืบหาเรื่องนี้ในดันเจี้ยนอยู่หลายวัน แต่มันก็ไม่พบเบาะแสอะไรเลย
เมื่อรู้อย่างนี้แล้วตอนนี้โจวหยูจึงไม่มีทางเลือกนอกจากใช้วิธีที่สองได้เท่านั้น แต่เขาจะไปหาแสงศักดิ์สิทธิ์อะไรนั้นได้ที่ไหนกัน?
เนื่องจากไม่มีวิธีที่รวดเร็วไปกว่านี้อีกแล้ว เขาจึงได้สอบถามวิธีที่จะหาแสงศักดิ์สิทธิ์จากราชาแห่งโจร ก่อนที่เขาจะรู้ว่าการที่ได้รับแสงศักดิ์สิทธิ์มานั้นเป็นเรื่องยากมา แต่มีสองวิธีที่ง่ายที่จะได้รับมัน นั้นคือการหาต้นไม้แห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ และอีกวิธีหนึ่งคือการสร้างคริสตจักรและมีเทพธิดา
อย่างไรก็ตามมันน่าเสียดายที่สองสิ่งนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อน มันทําได้เพียงแค่รอให้เจ้าตู้ขายของอัตโนมัตหรือชามสุมสมบัติจากเจ้าชายมังกรได้เท่านั้น
แม้ว่าโจวหยูจะรู้สึกเสียใจที่ลูกชายของตัวเองจะต้องทนรอไปอีก แต่มันก็ไม่มีวิธีไหนอีกแล้วในตอนนี้ที่จะช่วยได้
รายการ “สุดยอดเซฟ” ได้ถ่ายทําของโปรแกรมนี้เป็นไปอย่างราบรื่นมาก ผู้รับผิดชอบยังบอกอีกว่าในหลายฤดูกาลก่อนหน้านี้มีการออกอากาศในบางช่องทีวีของโลก ACG และการจัดอันดับของมันก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างดี และในครั้งนี้ผู้รับปิดชอยพูดออกมาไม่หยุดว่าเขารู้สึกพอใจกับมันมากขนาดไหน ด้วยความสามารถของ สองพี่น้องกากและเบ็นเท็นไม่เพียงแต่จะทําให้รายการอาหารที่ทําออกมานั้นจะน่ากินเท่านั้น แต่มันยังเป็นอะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรายการนี้
เขาไม่เคยคิดเลยว่าหมู่บ้านไกลปืนเที่ยงแบบนี้ จะมียอดเพชรที่มีทักษะขั้นเทพอาศัยอยู่
ไม่เพียงแค่คนจากบริษัทจัดการเท่านั้นที่ตกใจ แม้แต่สมาชิกในหมู่บ้านมินิลู่หัวเองก็ตกใจกับเหตุการณ์นี้ เช่นกัน แต่สิ่งที่พวกเขาตกใจไม่ใช้ฝีมือของสองพี่น้อง แต่เป็นรายการอาหารที่ปรากฏตรงหน้าท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็อยู่กันแต่ในหมู่บ้านเล็กๆนี้มาโดยตลอด มันเป็นเรื่อยากอย่างมากที่พวกเขาจะหาอาหารอร่อยได้ โดยเฉพาะเจ้าชายมังกรตัวอ้วนรายนั้นเขาถึงกับไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ทุกครั้งที่อีกฝ่ายมาร่วมรายการมันก็มักจะปรากฏภาพที่น้ําลายไหลออกมาเหมือนน้ําตกทุกครั้ง
อาหารในหมู่บ้านมินิลู่หัวนั้นเป็นอะไรที่เรียบง่ายมาก โดยปกติแล้วพวกเขาจะทานผักที่โจวหยูเป็นคนปลูกถึงแม้ว่ามันจะมีหลากหลายประเภทให้เลือกกิน แต่มันก็ยังไม่สามารถสู้อาหารจากเนื้อที่ปรากฏในรายการนี้ไม่ได้
“พี่ใหญ่! อาหารที่พี่ทํานั้นมันเป็นอะไรที่น่าเบื่อเกินไป พี่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงมันบ้างไหม?”
เจ้าชายอ้วนคนนี้ได้มาบ่นกับเขามากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว แต่มันเป็นอะไรที่น่าเสียดายที่โจวหยูไม่สามารถทําอะไรได้เลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ หมู่บ้านมินิลู่หัวเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ มันไม่สามารถผลิตพวกเนื้อสัตว์และพืชผลระดับสูงเหล่านั้นได้ และมันยังไม่มีศูนย์การค้าซึ่งมีอยู่แต่ในเมืองใหญ่ๆอย่างเมืองสตาร์ไลน์ เรื่องพวกนี้มันจําเป็นต้องได้รับการพัฒนาขึ้น แต่มันก็อยู่ในระดับที่ค่อยเป็นค่อยไปได้เท่านั้น
หลังจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านมากขึ้น แม้ว่าโจวหยูไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แต่เขาก็ยังสามารถทําอะไรได้บ้าง
“โอเค! ฉันจะไปคุยกับผู้จัดการดุกให้ และฉันจะขอให้เขาทําให้นายเป็นแขกของรายการ”
เดิมแต่ละตอนของรายการจะเชิญแขกหลายคนรวมถึงไอดอลที่เป็นที่นิยม นักชิม และผู้คนทั่วไปของโลก ACG มาลิ้มรสอาหารและแสดงความคิดเห็น ด้วยรูปร่างหน้าตาของเจ้าชายอ้วนที่น่ารักมากดังนั้นการขอให้อีก ฝ่ายรับเข้าเป็นแขกคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ดึกเป็นหัวหน้าของรายการนี้ ตามคําร้องขอของโจวหยู เขาเห็นด้วยอย่างง่ายดาย “เขาใช้เจ้าชายมังกรที่น้ําลายไหลออกมาเหมือนน้ําตกคนนั้นใช้ไหม? ถ้าใช้มันก็ไม่มีปัญหาอะไร มันกับเป็นเรื่องดีเสียอีกที่รายการจะมีคนตลกมาเพิ่มสีสันให้ “
ทันทีที่อีกฝ่ายเปิดปากพูดก็พูดไม่หยุด อีกฝ่ายไม่เพียงแต่อยากได้เจ้านายมังกรเข้าร่วมเท่านั้น แต่ยังคิดอยากจะเชิญคนอื่นเข้าร่วมด้วย
“ พี่โจว! ยังมีใครในหมู่บ้านของพี่ที่อยากแสดงอีกไหม? ยกตัวอย่างเช่นถ้าพี่สามารถปล่อยให้มู่ลี่เข้าร่วมกับเรา ผมรับรองว่าเพียงแค่การปรากฏตัวเพียงสั้นของเธอมันจะต้องทําให้ชื่อเสียงของเธอเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน แน่นอนว่าค่าธรรมเนียมการปรากฏตัวไม่ใช่ปัญหา หรือไม่ก็เป็นเบียโมเจ้าชายคอสเพลย์ผู้ที่พึ่งจะได้รับความสนใจในเร็วๆนี้ ผมรับรองได้เลยว่าเรื่องที่เขาเป็นคนของเมืองแบล็กสตาร์นั้นไม่ใช่เรื่องสําคัญ เพราะยังไงรายการ ของเราก็เปิดฉายทั้งสองเมืองอยู่แล้ว
ดึกยังคงคิดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ แต่ใบหน้าของโจวหยูกับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและได้เขากระซิบว่า “ซู่! ช่วยลดเสียงลงหน่อย! นายอย่าไปพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเบียโม่เด็ดขาด!”
น่าเสียดายที่มันสายเกินไป เพราะในตอนนี้เขาได้ปรากฏตัวด้านหลังดึกแล้ว
อากาศเย็นรอบๆตัวเบียโม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแล้ว ทันใดนั้นก็เกิดพายุหิมะลูกใหญ่ที่ปกคลุมทั้งสตูดิโอ เจ้าชายมังกรอ้วนผู้น่าสงสารที่กําลังจะเอาเนื้อเข้าไปในปากของเขากับถูกแช่แข็งทันทีกลายเป็นรูปปั้นน้ําแข็งอย่างไม่รู้ตัว
โจวหยยังทนความหนาวไม่ได้ เขาถึงกับรีบวิ่งออกจากสตูดิโอและสั่นสะเทือนภายใต้ดวงอาทิตย์
อนิจจา! ฉันได้พยายามเตือนเขาแล้ว