The Rise of Otaku - ตอนที่ 156
บทที่ 156 การสือบคดี
แม่มด เจ้าหญิง ราชา ตัวละครเหล่านี้เพียงพอที่จะทําให้ผู้คนนํามาแต่งเป็นเรื่องราวแฟนตาซีตะวันตกขึ้นมาได้ บางทีใครก็ตามที่อ่านเรื่องราวแฟนตาซีตะวันตกจํานวนมาก จะตัดสินใจเอาชนะแม่มดและเข้าไปช่วยเหลือเจ้าหญิง อ่าไม่…ในที่นี้มันควรจะเป็นช่วยแม่มดจับเจ้าหญิงแทน
โชคไม่ดีที่โจวหยูเป็นนักเรียนวิทยาศาสตร์ที่เรียนวิชาศิลปะศาสตร์มา ตามปกติความมีเหตุผลของเขานั้นสูงกว่าอารมณ์ ดังนั้นก่อนที่จะมีหลักฐานมากขึ้น แม้ว่าตรงหน้าของเขาจะมีสโนว์ไวท์และเจ้าหญิงเงือกตัวน้อยปรากฏตัวขึ้น เขาก็ยังคงเลือกที่จะไม่ช่วยพวกเขาทันที
กลับมาสู่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง หลังจากแม่มดคนสวยถูกต้อนจนมุมแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะเริ่มใช้การโจมตีขั้นสุดท้ายของเธอขึ้นมา เครื่องประดับคริสตัลที่หน้าผากของเธอเริ่มรวบรวมพลังงานและดูเหมือนว่าการโจมตี จะมีพลังมาก ไม่ใช่ว่าโจวหยูไม่ต้องการขัดขวางเรื่องนี้ แต่ตําแหน่งที่แม่มดคนนี้ยืนอยู่เป็นอะไรที่แย่มาก มันถึง ทําให้เขาไม่สามารถหยุดเธอได้ เพราะที่ที่เธอยืนอยู่ในตอนนี้นั้นเป็นบนหัวของหลินวานนั้นเอง ถ้าเขาได้ตบมันลงไปจริงๆ มันก็มีความเป็นไปได้มากที่จะทําให้ผู้หญิงคนนี้โกรธ
ในขณะที่เขากําลังลังเลว่าจะจัดการแม่มดคนนี้ยังไง ในที่สุดพลังงานที่รวบรวมมาก็พุ่งเข้าโจมตีแจ็คและหิ่งห้อยทันที รัศมีเวทมนตร์อันสวยงามแบบ CG ได้เปล่งประกายออกมาจากนั้นชิ่งห้อยและแจ็คก็ถูกกดลงไปในท่านั่งคุกเข่าครึ่งหนึ่งราวกับว่าแรงดึงดูดของโลกเพิ่มขึ้นหลายต่อหลายครั้ง มันทําให้พวกเขาไม่สามารถยืนขึ้นได้ในเวลาอันใกล้นี้
อย่างไรก็ตามโจวหยูดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากเวทย์มนตร์ เมื่อมองดูนิ่งห้อยและแจ็คที่ไม่สามารถสู้ต่อไปได้ เขาก็ไม่มีทางเลือกมากนักนอกจากต้องหนี ในส่วนสถานที่ที่เขาเลือกไปเองก็ได้กําหนดเอาไว้เช่นกัน นั้นคือห้องน้ําบนเครื่อง
ข้างในห้องน้ํานิ่งห้อยและแจ็คยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของเวทย์มนตร์แปลกๆ พวกเขายังอ่อนแอมาก อาจพูดได้ว่าพวกเขาไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไปถ้าเขาไม่รีบหาวิธีแก้ไขมัน ถ้าในตอนนี้กลุ่มแฟนคลับสุดบ้าคลั่งของมู่ลี่ปรากฏตัวขึ้น มันเป็นอะไรที่อันตรายมาก
“พลังเวทมนต์เป็นอะไรที่ที่ทรงพลังจริงๆ” แจ็คได้พูดพร้อมกับถอนหายใจออกมา “ข้าเพิ่งเคยต่อสู้กับแม่มดที่มีพลังมากขนาดนี้ ข้ามั่นใจว่าเธอต้องอยู่ในระดับสูงในหมู่พ่อมดแม่มดอย่างแน่นอน”
เมืองท้องฟ้ามีตัวละครที่ทรงพลังเช่นนี้เป็นสิ่งที่โจวหยูไม่เคยคาดคิดมากก่อน เห็นได้ชัดว่าโลกใบนี้นั้นเต็มไปด้วยความเรื่องที่ทําให้ประหลาดใจได้จริงๆ ในอนาคตเขาจําเป็นต้องทําตัวธรรมดาเข้าไว้ ไม่มีใครรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อเห็นหน้าตาที่อ่อนแอของพวกเขา โจวหยมองไปรอบๆแล้วพูดว่า “เครื่องบินลํานี้จะลงจอดเร็วๆนี้ ถ้าสถานการณ์มันแย่ถึงที่สุดจริงๆ พวกเราก็ยังสามารถซ่อนที่นี่ได้ และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่ที่นี่ด้วย”
“ไม่มีใครเหรอ! ใครบอกกัน?”
เมื่อโจวหยูพูดประโยคสุดท้ายเสร็จไปไม่นาน ก็ได้มีเสียงปริศนาดังขึ้นมาจาด้านบนหัวของเขาทันที เมื่อเป็นแบบนั้นเขาก็ทําได้เพียงเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าบริเวณนั้นชายชราคนหนึ่งที่มีเคราสีขาวแต่งตัวเหมือนแกนดัล์ฟโผล่ออกมาจากมุมหนึ่ง
“นี่เป็นสถานที่ต้องห้ามของเมืองท้องฟ้า หอคอยศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่ฉันใช้รวบรวมพลังเวทย์มนตร์อีกด้วย พวกเจ้าไม่ต้องพูดอะไร ข้ารู้เรื่องทั้งหมดดีผ่านทางด้านลูกบอลคริสตัล ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่รู้เรื่องพวกนี้ด้วย ดังนั้นข้าต้องขอโทษที่กิจการภายในของเมืองของข้าได้สร้างความเดือดร้อนกับพวกเจ้าขึ้น “
จากนั้นใน “สถานที่ต้องห้าม” – ห้องน้ําสาธารณะ ชายชราที่มีเคราสีขาวก็เริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น
ปรากฏว่าเดิมที่เมืองท้องฟ้าเป็นสถานที่สงบสุข แต่วันหนึ่งได้มีแม่มดชั่วร้ายได้เข้ามาในเมืองขณะที่ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนที่มาเยี่ยมชมและหลังจากนั้นก็พักอาศัยอยู่ที่นี้ ทางราชาและพ่อมดแม่มดต่างก็พยายามอย่างดีที่สุด เพื่อค้นหาแม่มดที่ชั่วร้ายรายนี้ แต่พวกเขาทั้งหมดก็ยังล้มเหลว
เมื่อการค้นหาได้ลมเหลวตลอดมา มันก็ทําให้พวกเขาคิดว่าอาจมีคนวงในที่คอยช่วยแม่มดชั่วร้าย หรือบางทีแม่มดชั่วร้ายอาจจะปลอมตัวเป็นคนระดับสูงไปแล้ว
ด้วยความกังวลเหล่านี้เองทําให้เกิดความระแวงความคลางแคลงใจเกิดขึ้นตลอดเวลา และเมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้นความกังวลพวกนี้ก็กลายเป็นเนื้อร้ายที่คอยกัดกินหัวใจของทุกคน ดังนั้นพ่อมดอย่างชายชราคนนี้จึงเลือกที่จะที่ซ่อนตัวอยู่ในหอคอยศักดิ์สิทธิ์นี้ คอยเฝ้าดูเพื่อหาโอกาสโจมตีในครั้งต่อไป
แม่มดคนที่สู้กับพวกโจวหยูนั้นมีชื่อว่าเนสสา เธอเองก็ที่เป็นสมาชิกของหอคอยนี้เช่นกัน เธอได้พยายามค้นหาแม่มดที่ชั่วร้ายและต่อมาเธอก็เริ่มสงสัยว่าเจ้าหญิงเอลิซาอาจจะเป็นเป้าหมายที่เธอตามตัว และได้มีเหตุการณ์หนึ่งที่ได้หนุนความคิดนี้ของเธอ เมื่อไม่นานมานี้เจ้าหญิงเอลิซาได้พบชายชราคนหนึ่ง ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์อย่างการลอบวางยาพิษเกิดขึ้น
เมื่อพ่อมดที่ดูเหมือนแกนดัล์ฟได้พูดถึงรายละเอียดของคดีนี้จบลง โจวหยูก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นอะไรซับซ้อนและไร้เงี่ยนงํามาก เขาที่เป็นเพียงคนธรรมดาไม่รู้ด้วยซ้ําว่าจะช่วยอีกฝ่ายยังไง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการวางแผนจับกุมคนร้ายเลย สิ่งเดียวที่เขารู้สึกว่าสามารถทําได้ตอนนี้ก็คือการรออยู่เงียบๆ ดูเหมือนจะเป็นอะไรที่ดีที่สุดแล้วในสถานการณ์นี้
แม้ว่าเขาอยากจะช่วย แต่ด้วยข้อมูลเพียงเล็กน้อยมันไม่พอให้เขาทําอะไรได้ และถ้าแม่มดผู้ชั่วร้ายได้ปลอมตัวเป็นคนอื่นได้ด้วยแล้ว มันยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะจับกุมเธอในเร็วๆนี้
แต่ด้วยการข้อร้องของพ่อมด ทําให้โจวหยูใจอ่อนยอมช่วยเหลือในที่สุด และเพื่อเป็นการขอบคุณในการช่วยเหลือในครั้งนี้ อีกฝ่ายได้ทําการถอดคาถาเวทย์มนตร์ที่ถูกโยนลงบนพึ่งห้อยและแจ็คออกให้ และเขายังรับรองว่าเนสสาจะไม่มายุ่งกับพวกเขาอีกตลอดการเดินทางนี้ เพื่อที่ว่าพวกเขาจะสามารถมุ่งเน้นไปที่การสืบสวนได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
โจวหยได้พักอยู่ในห้องน้ํามาระยะหนึ่งแล้ว พนักงานเสิร์ฟเองก็ได้มากระตุ้นเขาหลายครั้งเพื่อให้ออกมา เพราะในตอนนี้ได้มีคนรออยู่ข้างนอกเพื่อใช้ห้องน้ํา อย่างไรก็ตามในขณะเดียวกันนั้นเองเนสสาก็ปรากฏตัวขึ้น แต่เดิมเธอเป็นสมาชิกของหอคอยศักดิ์สิทธิ์นี้อยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงสามารถเข้าและออกสถานที่ได้อย่างอิสระ
คนที่ต้องการเข้าห้องน้ําอาจไม่ทราบว่าสถานที่นี้ได้มีกลุ่มพ่อมดอาศัยอยู่ที่นี่ อย่างไรก็ตามหลังจากเรื่องนี้จบลงโจวหยูได้สาบานกับตัวเองว่าเขาจะไม่เข้าห้องน้ําสาธารณะแบบสุ่มอีกต่อไป เพราะคุณไม่มีทางรู้ว่าจะมีอะไรอาศัยอยู่ในห้องน้ําเหล่านั้น
“ฮาห์! เจ้าต้องการปกป้องผู้สมคบของเจ้าหญิงชั่วร้ายใช้ไหม?? ตอนนี้กษัตริย์ได้หมดสติไปแล้วและเจ้าหญิงชั่วร้ายเองก็ได้หลบหนีไปแล้วเช่นกันนี้ยังไม่แสดงว่าเธอได้เข้าร่วมกับแม่มดที่ชั่วร้ายอีกเหรอ?”
เป็นกฎที่ตั้งขึ้นโดยพ่มดแม่มดในอดีตที่ว่าไม่อนุญาตให้ใช้การต่อสู้ในหอคอยนี้ และถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะไม่พอใจมากขนาดไหนก็ไม่สามารถละเมิดกฏนี้ได้ ทําให้ในตอนนี้พวกเขาต่างก็ทําได้เพียงพูดคุยกันเท่านั้น
“เฮ้อ! เนสสา! เจ้าก็รู้นี้ว่าพวกเขาเป็นเพียงนักท่องเที่ยวเท่านั้น มันไม่มีทางเกี่ยวข้องกับแม่มดที่ชั่วร้ายเด็ดขาด ดูเหมือนว่าการตามล่าแม่มดที่ชั่วร้ายตลอดมาของเจ้าคงทําให้จิตใจของเจ้าเปลี่ยนไป”
“และอีกอย่างพวกเขายังมีอัศวินสตาร์ไลท์อยู่ที่นี่ด้วย เจ้าก็รู้ว่าอัศวินสตาร์ไลน์นั้นเป็นคนยังไง พวกเขาไม่มีทางเข้าร่วมกับความมืดอย่างแน่นอน!”
ชายชราที่ชื่อฮาห์ได้ช่วยแก้ไขสถานการณ์ที่เข้าใจผิดนี้ได้ในที่สุด พร้อมกับได้พูดถึงเรื่องที่กลุ่มของโจวหยูจะให้ความช่วยเหลือในการหาแม่มดที่ชั่วร้ายนี้อีกแรกเช่นกัน เหลือเวลาอีกแค่ประมาณหนึ่งชั่วโมงเครื่องนี้ก็จะลงจอดแล้ว ด้วยเวลาเพียงแค่นี้มันก็อาจจะไม่พอที่จะได้เรื่องอะไร แต่เขาก็ยังคงจะลองเสี่ยงดู ไม่แน่ว่าด้วยวิธีนี้คะแนนความเป็นมิตรของทุกคนในเมืองท้องฟ้าอาจจะเพิ่มขึ้น และเขาอาจจะได้รับคนของที่นี้ไปด้วยก็ได้
เมื่อคิดได้แบบนี้ คนแรกที่เขาต้องการดึงตัวไปก็คือพ่อมดฮาห์ เพราะเขาดูแล้วเป็นคนที่อัธยาศัยดี และดูเหมือนว่าจะมีพลังสูงอีกด้วย อย่างไรก็ตามมันก็มีเปอร์เซ็นต์ที่อีกฝ่ายอาจจะปฏิเสธเช่นกัน
หลังจากพนักงานเสิร์ฟได้กระตุ้นอีกครั้งในที่สุดโจวหยูก็ออกมาจากห้องน้ําและเดินกลับไปที่ที่นั่งของเขา และพร้อมที่จะประชุมวางแผนว่าจะทํายังไงในเวลาที่จํากัดแบบนี้
หลังจากคิดซ้ําแล้วซ้ําอีกโจวหยูยังรู้สึกว่าเขายังเจอแต่ทางตัน นักสืบทุกคนที่เขาเห็นในอนิเมะมักจะพูดเสมอว่า “ปริศนาทั้งหมดได้รับการแก้ไขแล้ว” ก่อนที่จะตามมาด้วยการรวมตัวผู้ต้องสงสัยทั้งหมดและใช้การให้เหตุผลที่เข้มงวดเพื่อค้นหาอาชญากรทีละขั้นตอน แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเขาทําแบบนั้นไม่ได้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ําว่า จะต้องเริ่มจากจุดไหนและต้องทํายังไงต่อไป?
แม้ว่าโชคของเขาจะแย่มาก แต่ตอนนี้เป็นสิ่งเดียวที่เขาสามารถไว้วางใจในทีมของตัวเองเท่านั้น แม้ว่าเขาจะไม่สามารถหาตัวผู้ร้ายที่ต้องการได้ในเวลาที่จํากัด แต่พวกเขาก็ยังสามารถลงจากเครื่องบินลํานี้ได้อยู่ดี แน่นอนว่าถ้าเป็นแบบนี้มันไม่ใช่จุดจบที่สมบูรณ์แบบและคะแนนความเป็นมิตรอาจจะลดลง แต่เขาก็ไม่สามารถทําอะไรเช่นกัน เขาก็คงทําได้เพียงหวังให้ในครั้งหน้าเขาจะเจอภารกิจที่ง่ายกว่านี้เท่านั้น
หากปราศจากสิ่งกีดขวางบนเครื่องบิน โจวหยูและนิ่งห้อยนักล่าเงินรางวัลก็อาจจะเข้าร่วมการล่าในครั้งนี้ แต่พวกเขาทําไม่ได้ดังนั้นพวกเขาจึงทําได้เพียงนั่งพูดคุยและวางแผนเป็นขั้นตอนในเวลาที่จํากัดได้เท่านั้น