The King of the Battlefield - ตอนที่ 236
บทที่ 236: ดันดาเลี่ยน (1)
แล้วมูยองจะให้อะไรมัน
“ กำจัดพวกเทพปีศาจ”
มูยองตอบสั้นๆ
นี่เป็นเพียงการคาดการณ์ของมูยองเกี่ยวกับความต้องการของดันดาเลี่ยน เพราะมันดูไม่ได้เป็นที่ยอมรับเท่าไหร่ในหมู่เทพปีศาจ ไม่งั้นมันคงไม่ถูกราชาปีศาจเรียกว่าเป็น ‘เทพปีศาจใฝ่ต่ำ’ อย่างนั้น
ตัวตนอันโดดเดี่ยวในหมู่เทพปีศาจ มันทำทุกอย่างผู้เดียวและใช้ชีวิตโดยลำพัง การที่ในอดีตมูยองไม่เคยได้ยินชื่อของมัน นั่นหมายความว่าดันดาเลี่ยนเป็นเพียงผู้เดียวที่ไม่ได้ถูกเทพปีศาจฝ่ายปฏิปักษ์กวาดล้าง
ยังไงก็ตามนั่นคือเหตุผลที่ดันดาเลี่ยนไม่มีความรู้สึกดีๆต่อพวกเทพปีศาจอื่นๆ มูยองจึงเสนอการสังหารพวกมันเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน
โดยเท่าเทียมกัน เขาจะกำจัดเทพปีศาจทั้งหมด โดยไม่คำนึงถึงว่าพวกมันจะเป็นฝ่ายปฏิปักษ์หรือไม่ และแน่นอนว่าดันดาเลี่ยนก็ถูกรวมอยู่ในรายการนั้นด้วย แต่เขาไม่ได้พูดออกมา
“กำจัดเทพปีศาจ? เจ้ากำลังบอกว่าจะเป็นผู้กำจัดเหล่าเทพปีศาจทั้งหมดงั้นหรือ?”
วูม-
มันเป็นในขณะนั้นจู่ๆโลกก็หยุดลง เอลฟ์จำนวนนับไม่ถ้วน เบซองมินและสิ่งมีชีวิตทั้งหมดอยู่นอกกำแพงต่างก็หยุดชะงัก
ยังไงก็ตามโลกอันเดอร์เวิล์ดไม่ได้ถูกทำให้หยุดนิ่งจริงๆ
นี่เป็นพลังอำนาจของดันดาเลี่ยน มันโคลนโลกอีกโลกหนึ่งขึ้นมาครอบคลุมมูยอง
มันคือโลกแห่งการโกหกของดันดาเลี่ยน
เห็นได้ชัดว่าเป็นครั้งแรกที่มูยองเห็นพลังของเทพปีศาจตรงๆ แม้มูยองจะเคยเห็นเทพปีศาจสังหารหมู่มนุษย์หลายครั้ง และเห็นจอมเวทย์อย่างเมอร์ลินต่อสู้กับเทพปีศาจทั้งสาม แต่การเห็นกับการเผชิญหน้าโดยตรง แรงกดดันนั้นแตกต่างกัน
อย่างไรก็ตามมูยองเงยหน้าขึ้น
ไม่เหมือนกับในอดีตอีกต่อไป ในอดีตที่เขาทำได้เพียงมองดูเท่านั้น
เหตุผลที่เขาวิ่งโดยไม่หยุดพัก เขาแข็งแกร่งเพื่ออะไร? มันคือการเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เหรอ?
เพื่อปกป้องตัวเองจากการคุกคามของเทพปีศาจ และช่วยเหลือมนุษยชาติ!
เขากางปีกทั้งหกออก จากนั้นความร้อนก็เริ่มไหลซึมออกมาจากโลกแห่งการโกหกทีละนิด
หากปีศาจตรงหน้าสามารถสร้างโลกด้วยการโกหกของตน มูยองก็มีอาวุธพิเศษที่สามารถหลอมละลายโลกแห่งการโกหกนี้ได้ เปลวเพลิงของกาเบรียลที่สามรถชำระล้างให้ทุกสิ่งบริสุทธิ์ได้ไม่เว้นแม้แต่ลูซิเฟอร์!
“ การกำจัดเทพปีศาจก็เหมือนกับการทำลายโลกใบนี้ ไม่มีกฎที่สมบูรณ์แบบที่สุด หรือล้มเหลวที่สุด! เจ้ากำลังบอกว่าจะฝ่าฝืนกฎนั้นหรือ?”
“ ถ้าโซโลมอนทำฉันก็ทำได้”
โซโลมอนทำลายกฎ เพื่อไม่ให้โลกถูกทำลาย
เขาผลักดันผู้คนในโลกนี้ ทำให้ทุกคนแข่งขันเข่นฆ่ากัน และกลายเป็นศัตรูกับเหล่าเทพปีศาจตัวตนที่แทบจะไร้ทางต่อต้าน กฎงั้นหรอ? พวกมันไม่ได้อะไรขนาดนั้นหรอก
ยังไงก็ตาม…ดันดาเลี่ยนไม่ได้พูดความจริงไปซะหมด เขาปะปนคำหลอกลวงอยู่ในความจริงได้อย่างคลุมเครือ นั่นหมายความว่าอาจมีคำโกหกผสมในคำพูดของดันดาเลี่ยน
ดันดาเลี่ยนหัวเราะเมื่อชื่อของโซโลมอนออกมาจากปากของมูยอง
“ฮ่าๆๆๆ! เจ้านั่นมันโง่ที่ไม่แม้แต่เข้าใกล้ความจริงแต่ก็ฝืนทำลายกฎ! โซโลมอนสร้าง ‘เรือโนอา’ ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือมนุษยชาติ จากนั้นยังกระจายกำลังออกไปต่อต้านเทพปีศาจตามส่วนต่างๆของโลก ยังไงก็ตามมันยังคงล้มเหลว แล้วเจ้ายังบอกว่าต้องการที่จะทำลายกฎอีกคนเช่นนั้นเหรอ”
มูยองไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ เขาได้แต่ขมวดคิ้ว
โลกที่โซโลมอนช่วยเอาไว้ไม่ควรจะเป็นอันเดอร์เวิล์ด แต่มันต้องพูดถึงโลกที่มนุษย์อาศัยอยู่
แต่เมื่อมูยองรวบรวมเรื่องราวที่ได้ยินและเห็น ผู้ที่นำโลกไปสู่ความพินาศก็คือโซโลมอน
…บางทีเขาอาจต้องการลบล้างบาปของตนในตอนท้าย หรือเขาแค่หว่านเมล็ดเหล่านั้นเอาไว้เฉยๆ เพราะเหตุผลของพวกมันไม่ตรงกันเลย
‘เรือโนอา’ ความหวังของมนุษยชาติ เครื่องจักรที่มูยองเจอในบึงลึก เขาได้แต่คิดว่าทำไมสิ่งเหล่านั้นถึงอยู่ในอันเดอร์เวิล์ด วิธีไหนที่พวกมันสามารถผ่านเข้ามาในอันเดอร์เวิล์ดได้
ถ้าโซโลมอนอยากจะหว่านเมล็ดแห่งความหวังจริงๆ เขาคงต้องไปที่พื้นที่แห่งความว่างเปล่ามากกว่า พวกมันร่วงลงมาในอันเดอร์เวิล์ดโดยอิทธิพลของใครบางคน …เขาทำได้แค่คิดแบบนั้น และมีความเป็นไปได้สูงที่บางคนนั้นยังเป็นโซโลมอนด้วย เขาไม่ได้สร้างเรือโนอานั้น แต่ทำให้เรือโนอาตกสู่อันเดอร์เวิล์ดต่างหาก
“ นั่นเป็นเรื่องโกหก”
มูยองกล่าว แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองจากดันดาเลี่ยน
มันไม่ได้แม้แต่พยายามโน้มน้าวมูยองให้เชื่อ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้มูยองเดาทางยากว่ามันพูดความจริงหรือโกหกอยู่กันแน่
ดูเหมือนว่าความสามารถในการจับผิดของมูยอง จะไม่สามารถจัดการกับเทพปีศาจที่เกิดมาเพื่อโกหกเช่นดันดาเลี่ยนได้
แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ มูยองจะได้รับบางสิ่งมีค่าจากมัน
“ อันเดอร์เวิล์ดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของโลก หากกำแพงของอารามสีครามถูกทำลายมนุษย์จะสามารถกลับสู่โลกเดิมได้ เจ้าไม่สามารถแม้แต่จะตระหนักถึงบางสิ่งที่เล็กน้อยเช่นนี้ และเอาแต่พูดว่าต้องการฝ่าฝืนกฎ มันตลกจริงๆ”
โกหกชัดๆ แต่แน่นอนว่าข่าวลือเช่นนี้เคยแพร่กระจายในอดีต ยังไงก็ตามมูยองก็สรุปว่า ‘นั่นเป็นไปไม่ได้’
เป็นเพราะเทพปีศาจเป็นผู้ทำลายกำแพงนั้น พวกมันที่พยายามกำจัดเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ได้ทำลายกำแพงอารามสีครามพร้อมทั้งสังหารเมอร์ลิน นี่คือข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ มูยองมั่นใจเพราะเขาเป็นผู้ที่กลับมาสู่อดีต
“ นายคิดจะโกหกไปอีกนานแค่ไหน”
“ ข้าเป็นศูนย์รวมของการโกหก แต่ทุกสิ่งที่ข้าพูดจนถึงตอนนี้คือความจริง ถึงเจ้าจะได้ครอบครองพลังเทวะที่ยอดเยี่ยม แต่คงไม่สามารถต่อต้านเทพปีศาจได้ หากเจ้าไม่ได้เข้าใกล้ความจริงที่ข้ากล่าว “
เมื่อมาถึงจุดนี้แม้แต่มูยองก็สับสน ดันดาเลี่ยนกำลังพูดเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น
มันบอกว่านั่นคือความจริง แต่คำพูดเหล่านั้นอาจเป็นเรื่องโกหก
โกหกหรือเรื่องจริง? ด้านหนึ่งที่ยังสับสนก็เพราะว่ามูยองไม่รู้เรื่องโซโลมอนมากเท่าดันดาเลี่ยน
ดันดาเลี่ยนยังคงพูดต่อไป
“ข้ารู้ทุกอย่าง ข้าได้รับร่างของผู้คนนับร้อยพัน และได้รับน้ำพุแห่งความรู้ที่ยิ่งใหญ่ ข้ายังเคยอยู่ในสถานที่ที่เจ้าเรียกว่า ‘โลก’ และเคยใช้เวลาในฐานะมนุษย์ยาวนาน”
“ ไม่ใช่ว่าเทพปีศาจถูกเลเมเกทัลผนึกไว้เหรอ?”
“ ข้าไม่มีร่างที่แน่นอนจึงไม่ได้ถูกผนึกเอาไว้ มันเป็นอำนาจพิเศษที่มอบให้ข้าเท่านั้น และนั่นคือเหตุผลที่เทพปีศาจอื่นๆไม่ยอมรับข้า พวกมันกลัวผู้ที่รู้และมีประสบการณ์มากมาย ดังนั้นพวกมันจึงให้ความอัปยศแก่ข้า ด้วยการตราหน้าว่าเป็นอวตารแห่งการโกหก”
นั่นดูน่าเชื่อถือมาก คำพูดของดันดาเลี่ยนมีอำนาจในการโน้มน้าวผู้อื่น แม้แต่พลังในการเห็นทุกข์สุขในสรรพสิ่งของมูยองก็ไม่พบจุดผิดสังเกต
มูยองคิดว่าจะต้องมีความจริงปะปนอยู่ในคำพูดของมันด้วย ดังนั้นไม่ง่ายเลยที่จะแยกแยะว่าสิ่งไหนที่เป็นเรื่องโกหกและสิ่งไหนไม่ใช่
“ เงื่อนไขปัจจัยที่จะทำลายเทพปีศาจ? ข้ารู้ทุกเงื่อนไขของพวกมัน เจ้าไม่ต้องการรู้หรอกรึ? เจ้าต้องการเข้าใกล้ความจริงหรือไม่?”
มูยองแสร้งยิ้ม
แน่นอนว่าดันดาเลี่ยนค่อนข้างจะจัดการได้ยาก แม้ว่ามูยองจะฆ่ามันที่นี่ มันก็คงไม่ตายจริงๆเพราะไม่มีร่างกายที่แน่นอน และแผนการของมูยองที่จะทำให้มันกลายเป็นอันเดธก็พังทลายลงไปด้วย
แต่ตอนนี้เขาต้องการ ‘เงื่อนไขปัจจัย’ ในการฆ่ามัน เขาต้องมีเงื่อนไขนั้นเพื่อข่มขู่มันสำหรับประโยชน์ที่มากกว่า
“ถ้าฉันอยากรู้ ฉันต้องให้อะไรนายล่ะ?”
“ เจ้าไม่ได้บอกว่าจะไปสังหารพวกมันหรอกหรือ? ข้ากำลังพูดถึงผู้ที่มอบชื่อแห่งการโหกให้ข้า”
มูยองพยักหน้า
“ฉันให้สัญญา ฉันจะสังหารพวกมันให้นาย”
“ยอดเยี่ยม ข้าจะจารึกเงื่อนไขของพวกมันไว้ในจิตใจของเจ้า”
จากนั้นโลกก็เริ่มหมุนอีกครั้ง
นาฬิกาแห่งกาลเวลาเริ่มหมุนอีกครั้ง และพวกเขาก็กลับไปยืนอยู่ที่สนามรบ
มูยองตรวจสอบสภาพแวดล้อมของเขา
เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับเงื่อนไขแล้ว ถึงจะไม่ใช่ทั้งหมดก็ตาม แต่แน่นอนว่าเขาจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อเทพปีศาจจำนวนมาก
“ นายท่านทุกอย่างราบรื่นไหม”
เบซองมินถาม
มูยองพยักหน้าและดึงความโกรธเกรี้ยวออกมา
“ ฆ่าดาร์คเอลฟ์ที่เหลือให้หมด อย่าปล่อยให้วิญญาณของมันไปสิงอยู่ที่ร่างอื่น!”
มูยองทำลายบาร์เรีย และระดมกองกำลังทั้งหมดของเขาดำเนินการสังหารหมู่อย่างไร้ความปราณี โดยไม่เลือกปฏิบัติจากชายหรือหญิง เมืองของดาร์คเอลฟ์ก็ถูกย้อมด้วยเลือด
“ นี่มันไม่ถูกต้อง นี่มันโหดร้ายเกินไป”
ไฮเอลฟ์จินกล่าว
มูยองยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“ มันเป็นเรื่องจำเป็น ถ้าดันดาเลี่ยนย้ายไปอยู่อีกร่างหนึ่ง การจับตัวมันจะเป็นไปไม่ได้เลย”
“ ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ? ท่านต้องฆ่าพวกเขาทั้งหมดเช่นนี้หรือ?”
“ถูกต้อง”
มูยองยืนยัน และเขาไม่ฟังความคิดเห็นอื่น
เขาต้องการดำเนินการทุกสิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิม
“ เตรียมตัวซะ เราจะไปพบกับเกรโมรี่”
ตอนนี้เขารู้เงื่อนไขแล้ว ไม่จำเป็นต้องล่าช้าอีกต่อไป จากนั้นมูยองก็เผาทั้งเมืองด้วยเปลวเพลิง ราวกับว่าเขาไม่ต้องการแม้แต่จะทิ้งซากศพไว้เบื้องหลัง มูยองจัดลำดับความสำคัญตามประสิทธิภาพ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก ก็แค่ความเย็นชาจากเมื่อก่อนได้กลับมา
ยังไงก็ตามพวกผู้ติดตามของเขาดูไม่สบายใจเท่าไหร่ มูยองเป็นคนที่พวกเขาเชื่อและติดตาม แต่ดูเหมือนว่ามีบางอย่างรบกวนพวกเขาอยู่
“ปา?”
ขนาดสโนว์ยังไม่กล้าเข้าไปหามูยอง ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอจะต้องวิ่งเข้าไปอ้อนมูยองแล้ว แต่กลับพากันรักษาระยะห่างไว้หลังจากที่มูยองสั่งสังหารหมู่เหล่าดาร์คเอลฟ์
ทุกคนต่างรู้สึกอย่างนั้นแต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร คนเดียวที่พูดสิ่งที่พวกเขารู้สึกออกมาคืออาซูล
“ หรือว่าดันดาเลี่ยนจะควบคุมร่างกายของเขาไว้แล้ว แต่ไม่ต้องกังวลไป เขาอาจเป็นดันดาเลี่ยนแต่ก็เป็นมูยองในเวลาเดียวกัน เพราะดันดาเลี่ยนจะทำทุกอย่างตามที่เจ้าของร่างเดิมต้องการทุกประการ ดังนั้นพวกเจ้าอย่าห่วงไปเลยว่าจะบรรลุวัตถุประสงค์เดิมไม่ได้”
มีความเป็นไปได้ที่ดันดาเลี่ยนจะควบคุมร่างกายของมูยอง! อาซุลแสดงออกอย่างพอใจ แต่คนอื่นไม่สามารถยอมรับได้ง่ายๆ
เหตุผลที่พวกเขาติดตามมูยองไม่ใช่เพราะมีวัตถุประสงค์อะไร พวกเขาติดตามมูยองเพียงเพราะนั่นเป็นมูยอง
“ เจ้ามีวิธียืนยันหรือเปล่าว่านั้นเป็นใครกันแน่?”
ทาร์แแคนถาม และอาซูลหัวเราะ
“ สังหารเขา ผู้ที่สังหารเขาจะรู้ว่านั่นเป็นตัวจริงหรือปลอม”
ทุกคนเงียบไป ไม่มีใครสามารถทำได้
เบซองมินพยายามเลิกคิดอะไรที่ฟุ้งซ่าน ภายนอกของมูยองไม่ได้ดูแตกต่างจากเดิม แต่ความรู้สึกที่ ‘เชื่อมโยง’ มูยองกับเขาไว้ด้วยกันทำให้เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
บางทีนั่นอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลก บางทีเขาอาจเป็นมูยองจริงๆ และการที่พวกเขารู้สึกแปลกๆอย่างนั้นเพราะประสบอุบัติเหตุบางอย่างหลังจากพบกับดันดาเลี่ยน
ทว่า…ในเวลาเดียวกันพวกเขาไม่สามารถซ่อนความวิตกกังวลได้ ดันดาเลี่ยนสามารถยึดครองร่างของมูยองได้จริงหรือ?
ข้อสงสัยนั้นเพียงพอที่จะทำให้ทุกคนกังวล ยังไงก็ตามพวกเขาไม่ได้เชื่อคำพูดของอาซูลทั้งหมดเช่นกัน
YOU MAY ALSO LIKE
Tips: Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua. Ut enim ad minim veniam, quis nostrud exercitation ullamco laboris nisi ut aliquip ex ea commodo consequat. Duis aulores eos qui ratione voluptatem sequi nesciunt. Neque porro quisquam est, qui dolorem ipsum quia dolor sit ame