The Dark King – กษัตริย์แห่งความมืด - ตอนที่ 631
The Dark King – Chapter 631 ความเกลียดชัง
เมื่อมอสตินเพิ่งออกมาจากโรงเตี้ยม เขาเห็นผู้ใต้บังคับบัญชาคนสนิทของตนเองรีบวิ่งตรงเข้ามาหาและเขาก็พูดออกไปในขณะที่เมาว่า “ผมบอกคุณไปกี่ครั้งแล้วมาร์ตัน พวกเราเป็นผู้พิพากษาไม่ว่าจะทําอะไรต้องใจเย็นอยู่เสมอ….”
“หัวหน้าผู้พิพากษาครับ ผมมีข่าวร้ายมาแจ้ง!” มาร์ตันพูดออกไปด้วยน้ําเสียงที่กังวลว่า “มีเรื่องเกิดขึ้นในเมืองพอร์ตออชาร์ด มันเป็นเรื่องใหญ่มากครับ!”
มอสตินส่ายหัวเล็กน้อยยกขวดเหล้าในมือขึ้นดื่มแล้วพูดว่า “เมือง พะ-พอร์ตออชาร์ด อย่างนั้นหรอ? เกิดอะไรขึ้นที่นั่น ไม่ต้องรีบร้อนค่อยๆพูดมา … “
มาร์ตันรีบพูดออกไปว่า “ตระกูลเมลที่เพิ่งย้ายเข้ามาที่เมืองพอร์ตออชาร์ด ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกฆ่าล้างตระกูล!”
เพลง! ขวดเหล้าในมือของมอสตินล่วงหล่นกระแทกกับพื้นและแตกออกทันที ดวงตาที่เซื่องซึมจากความเมาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น “ตระกูลเมลถูกฆ่าล้างตระกูลอย่างนั้นหรอ? เกิดอะไรขึ้น?”
มาร์ตันพูดว่า “ผมยังไม่รู้ถึงรายละเอียดเชิงลึกว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น พวกเรารีบไปตรวจสอบกันเถอะครับ”
“รีบไปกันเถอะ!” มอสตินเดินตรงไปยังรถม้าที่จอดอยู่ข้างถนนและเข้าไปข้างในอย่างเร่งรีบ “ออกเดินทางได้ รีบตรงไปที่เมืองพอร์ตออชาร์ดโดยเร็วที่สุด!”
รถม้าวิ่งไปตามเส้นทางด้วยความรวดเร็วและสถานที่เกิดเหตุเมืองพอร์ตออชาร์ดอยู่ไม่ไกลมากนัก ทําให้พวกเขามาถึงคฤหาสน์ตระกูลเมลในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เมืองพอร์ตออชาร์ดถูกล้อมรอบไปด้วยผู้พิพากษาฝึกหัดจํานวนมากเพื่อป้องกันสถานที่เกิดเหตุเอาไว้
แม้ว่าจะเป็นเวลาเกือบเก้าโมงเช้าผู้คนจํานวนมากยังคงมารวมตัวกันอยู่รอบๆคฤหาสน์ตระกูลเมล
หลังจากมอสตินลงจากรถม้า ผู้พิพากษาฝึกหัดที่มารอต้อนรับก็โค้งคํานับและพูดว่า “ท่านอาจารย์ มอสติน ในที่สุดท่านก็มาถึง”
มอสตินขมวดคิ้วเล็กน้อย ทันทีที่เขาก้าวลงมาจากรถม้าก็มีกลิ่นคาวเลือดลอยมาแตะจมูก สีหน้าของเขาดูย่ําแย่และพูดออกมาว่า “เกิดอะไรขึ้นที่นี่”
ผู้พิพากษาฝึกหัดพูดออกมาว่า “เราได้รับแจ้งจากตระกูลวิคเกอร์ว่ามีผู้บุกเข้าโจมตีตระกูลเมล เมื่อพวกเรามาถึงที่แห่งนี้ตระกูลเมลก็ได้ตายไปหมดแล้ว!”
มอสติน หยุดชะงักและจ้องมองที่เขา “ตายทั้งหมดอย่างนั้นหรอ?”
ผู้พิพากษาฝึกหัดพยักหน้าอย่างขมขึ้นและพูดว่า “ใช่ครับ ทุกคนตายหมดแล้ว”
ดวงตาของมอสติน เบิกกว้างในขณะที่เขายังคงเดินไปข้างหน้าและพูดออกมาว่า “รู้ตัวคนที่เข้ามาโจมตีที่นี่แล้วหรือยัง?”
ผู้พิพากษาฝึกหัดลังเลและกระซิบออกไปว่า”พวกมันไม่ทิ้งศพของพวกพ้องที่ตายเอาไว้เลยครับ พวกมันอาจจะเก็บศพไปในระหว่างที่ล่าถอย ผู้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงบอกมาว่าครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมามีคนมากมายเดินผ่านไปมาบนถนนที่พาดผ่านคฤหาสน์แห่งนี้ รวมถึงพวกที่ก่ออาชญากรรมด้วย ผมได้ส่งคนตามรอยเท้าไปแล้ว อาจมีข่าวความคืบหน้าส่งกลับมาในไม่ช้านี้ครับ”
มอสตินพูดออกมาว่า “พวกมันกล้าโจมตีตระกูลเมลตอนกลางคืน ไม่จําเป็นต้องสืบเลยว่าพวกมันมีจํานวนคนมากแค่ไหน”
เมื่อมาถึงจุดที่เต็มไปด้วยผู้พิพากษาฝึกหัด มอสตินก้มหน้าลงมองและหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
เขาเห็นตะเกียงหลายดวงที่ส่องแสงอยู่ในวงล้อม มีศพนอนตายเกลื่อนบนพื้นดินจํานวนมาก เลือดสาดกระจายไปทั่วทุกหนแห่งทําให้ที่แห่งดูไม่ต่างอะไรกับนรก
สีหน้าของมอสตินดูแย่ เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปากและจมูกของตนเอง จากนั้นเขาเดินเข้าไปตรวจสอบตามศพที่นอนตายอยู่ทั่วคฤหาสน์ ในไม่ช้าใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ําเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“ฆ่า ฆ่าไม่เลือก!” เมื่อมอสตินเห็นซากศพที่นอนตายเกลื่อนอยู่ทุกที่ใบหน้าของเขาซีดโดยเฉพาะเมื่อเห็นศพของเด็กตัวเล็กๆที่ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม เขากําหมัดของตนเองและพูดอย่างอุ่นเคืองว่า “พวกสัตว์เดรัจฉาน แม้แต่เด็กๆก็ไม่เว้น!”
ผู้พิพากษาฝึกหัดถอนหายใจออกมาและพูดว่า “ผมเป็นผู้พิพากษาฝึกหัดมาหลายปีแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นฉากนองเลือดที่โหดร้ายป่าเถื่อนเช่นนี้ ฆาตกรและตระกูลเมลคงมีความบาดหมางเกลียดชังกันมาก ถึงขั้นลงมือฆ่าแม้กระทั่งผู้สูงอายุและเด็กๆที่ไร้ทางสู้ พวกมันยังมีความเป็นคนหลงเหลืออยู่ในจิตใจบ้างไหม?!”
ณ ปราสาทเก่าแก่ริมแม่น้ําโมซ่า เทียนซึ่งนั่งอยู่บนโซฟากําลังรอชาที่กาเบรียลกําลังชงมาให้ ในขณะที่ดื่มได้ไม่นานเกว็นเน็ทและเกล็นก็กลับมา
“พวกทหารรับจ้างเป็นยังไงบ้าง?” เทียนถาม
เกว็นเน็ทพยักหน้า “พวกผู้พิพากษายังตามรอยพวกเราไม่พบ แต่กําลังคนของพวกเรามีมากมายอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกตรวจพบ พวกเราควรทําอย่างไรต่อไปดีคะ? ? “
เทียนพูดออกมาว่า “ไม่ต้องทําอะไรทั้งนั้น ถ้าพวกเขาถูกพบตัวก็ถือเป็นโชคร้ายของพวกเขา”
เกว็นเน็ทตกตะลึง
เทียนหันไปมองซาร่าห์ที่นอนหมดสติอยู่บนพื้นห้อง เขาเทชาร้อนจากแก้วที่ถืออยู่ในมือลงไปที่ใบหน้าของเธอ จากนั้นซาร่าก็ตื่นขึ้นมาทันทีและลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ
“ไอ้สารเลว แกต้องการอะไรกันแน่?” ซาร่าห์เหลือบมองไปรอบๆอย่างรวดเร็วและรู้ได้ในทันทีว่าเธอถูกนําตัวมาที่ปราสาทของเทียน สีหน้าของเธอดูแย่และรู้สึกหวาดผวา
เทียนพูดอย่างใจเย็นว่า “พูดจาไม่เพราะเลยนะครับ ผมอุตส่าห์รอให้คุณตื่นขึ้นมาเพื่อที่จะทําให้คุณประหลาดใจ คุณรู้ไหมว่าตระกูลเมลของคุณตายไปกี่คนในค่ําคืนนี้?”
ใบหน้าของซาร่าเปลี่ยนไปทันทีและจ้องมองไปที่เขาอย่างโกรธแค้น “แก ไอ้สารเลว!”
เทียนทําเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูดออกมาและพูดต่อไปว่า “ผมไม่รู้ว่าตายไปทั้งหมดกี่คน แต่รู้ว่าในตอนนี้มีกี่คนที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ ผมขอนับก่อนนะ คนแรกก็คือคุณ ต่อไปสาวน้อยคนรับใช้ของคุณพ่อของคุณ และสุดท้ายหมอสองคนรวมเป็น 5 คน อืมม…”
เมื่อซาร่าได้ยินสิ่งที่เทียนพูดออกมาใบหน้าของเธอก็ซีดเผือดในทันที ร่างกายของเธอสันเล็กน้อยพร้อมกับพูดว่า “แก แกทําอะไรกับคนอื่นๆ?”
“แน่นอนว่ามัน ฆ่า” เทียนพูด “หรือจะให้ผมเชิญพวกเขามาดื่มชาอย่างนั้นหรอ?”
ซาร่ารู้สึกสิ้นหวัง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าโศกที่ไม่สามารถบรรยายได้ เธอจ้องมองไปที่เทียน และพูดว่า “ถึงแม้ว่าฉันจะตายไป ฉันก็จะคอยสาปแช่งแกและจะรอแกอยู่ในนรก !!! “
“งั้นคุณก็คงต้องรอนานหน่อยเทียนพูดอย่างเฉยเมย “คุณรู้ไหมว่าทําไมผมถึงยังไม่ลงมือฆ่าคุณ?”
ซาร่าจ้องที่เขาอย่างอุ่นเคือง “ทําไม? แกอยากรู้ที่เก็บสมบัติทั้งหมดของตระกูลเมลจากฉันใช่ไหม? แกพลาดแล้ว ไม่ว่าแกจะทําอะไรกับฉัน ฉันก็จะไม่บอกแกแม้แต่ครึ่งคําและบางทีฉันอาจจะบอกข้อมูลผิดๆให้แกก็ได้ “
“ผมไม่เคยเชื่อในสิ่งที่คุณพูดอยู่แล้ว” เทียนพูดต่อ “คุณสําคัญตัวเองผิดไปหรือเปล่า ผมแค่ต้องการแก้แค้นและอยากให้คุณได้ลิ้มรสสิ่งที่เจ็บปวดและสิ้นหวังที่สุดในโลก ผมเคยพูดไว้ว่าสิ่งที่พวกคุณได้ทําไว้กับผม ผมจะเอาคืนเป็นร้อยเท่า”
ซาร่าตกตะลึง
“สําหรับอุตสาหกรรมและทรัพย์สินของตระกูลเมลของคุณ แม้ว่าคุณจะไม่ปริปากพูดออกมาผมก็สามารถเอามันมาได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว”