The Dark King – กษัตริย์แห่งความมืด - ตอนที่ 627
The Dark King – Chapter 627 ไม่ทันตั้งตัว
ซาร่าห์ยิ้มและยกแก้วของตนเองขึ้นมา “ขอบคุณสําหรับความช่วยเหลือของทุกๆท่าน ตระกูลของเราจะไม่ลืมความช่วยเหลือครั้งนี้แน่นอน เมื่อพวกเราสามารถเข้าไปในกําแพงชั้นในได้พวกเราจะตอบแทนตระกูลวิคเกอร์อย่างแน่นอน”
ดวงตาของชายวัยกลางคนเป็นประกายขึ้นมาและอุณหภูมิในร่างกายของเขาก็สูงขึ้นเล็กน้อย เขารีบยกแก้วของตนเองขึ้นมาและกล่าวว่า “คุณซาร่าห์ช่างสุภาพจริงๆ ลูกสาวที่ทั้งงดงามและเฉลียวฉลาดแบบคุณถือเป็นสิ่งล้ําค่าสําหรับวงศ์ตระกูลจริงๆ แม้ว่าพวกเราจะอยู่ห่างกันถึง 6 เมตรแต่ผมขอใช่ไวน์แก้วนี้เฉลิมฉลองให้แก่ความยิ่งใหญ่ที่กําลังจะกลับมาของคุณซาร่าห์”
ซาร่าห์ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก คุณปู่พูดอยู่เสมอว่าจะพาฉันมาที่เมืองพอร์ตออชาร์ด ท่านพูดว่าที่นึ่งดงามมากอาหารทะเลก็อร่อยและเหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้ชีวิตหลังเกษียณของท่านที่นี่ ตอนนี้ฉันได้เห็นความงดงามนั้นด้วยตาของตนเองแล้ว มันดีมากกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ซะอีก ฉันได้ยินมาว่าเมืองพอร์ตออชาร์ดได้มีการทําข้อตกลงกับทางกองทัพมานานหลายปีและเมืองพอร์ตออชาร์ดจะไม่ต้องถูกเกณฑ์ทหารไปออกรบยามที่มีศึกสงคราม คุณเจมส์ช่างเป็นผู้ปกครองดินแดนที่ชาญฉลาดจริงๆค่ะ!”
เจมส์ยิ้มออกมาทันทีแล้วพูดว่า “เรื่องพวกนั้นเป็นสิ่งที่คุณพ่อผมทําครับ ตอนนี้ท่านแก่มากจนวางมือจากเรื่องพวกนี้แล้ว ท่านพูดอยู่เสมอว่าอยากจะมาเยี่ยมคุณจอร์จ น่าเสียดายที่ท่านอยู่ไกลไปหน่อยและตอนนี้ท่านก็กําลังป่วยครับ!
“ให้มันเป็นเรื่องของอนาคตเถอะค่ะ” ซาร่าห์ยิ้มและพูดต่อไปว่า “คุณเจมส์ ตระกูลของคุณได้ปกครองเมืองเล็กๆแห่งนี้มานานหลายชั่วอายุคนและสามารถชนะใจทุกๆคนในเมืองมาได้ตลอด ทําไมคุณไม่ลองไปเช่าเส้นทางออกไปนอกกําแพงยักษ์หรือรับสมัครกองทหารของตนเองดูบ้างคะ?”
เจมส์ส่ายศีรษะและถอนหายใจออกมา “ผมเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่คุณพ่อของผมท่านดื้อรั้นเกินไป ผมแค่ต้องการปกป้องเมืองเล็กๆของพวกเรา ผมอยากใช้ชีวิตยามแก่ของตนเองให้เป็นสุข ในฐานะที่เป็นลูกชาย ผมทําอะไรไม่ได้เลย การได้เข้าไปอยู่ในกําแพงชั้นในดูเหมือนจะเป็นความฝันเดียวของพ่อมานานหลายปี”
ซาร่าห์พยักหน้าเล็กน้อยและพูดออกมาว่า “การได้กลับไปที่กําแพงชั้นในก็เป็นความฝันของพ่อฉันมานานหลายปีด้วยเหมือนกันค่ะ ฉันคิดว่าในอดีตตระกูลเมลและตระกูลวิคเกอร์ต่างก็ถูกขับไล่ออกมาจากกําแพงชั้นในด้วยความผิดอะไรบางอย่าง ทวดของฉัน ปู่ของฉัน พ่อของฉัน พวกเขาทุกคนต่างก็หวังที่จะได้กลับเข้าไปอยู่ในกําแพงชั้นในอีกครั้ง”
เธอก้มศีรษะลงและพูดต่อไป น้ําเสียงของเธอในตอนนี้ดูไม่พอใจเล็กน้อย “สมาคมเมลลอนซึ่งเคยเป็นของตระกูลของเราได้พบโอกาสที่จะสามารถเข้าไปยังกําแพงชั้นในได้ แต่มันก็ทําให้ตระกูลของเราต้องถูกตระกูล อื่นๆเพ่งเล็งด้วยความอิจฉาและพยายามใส่ร้ายตระกูลของเราให้มีความผิด ทําให้ตระกูลของเราต้องล้มละลาย ไม่อย่างนั้นแล้วตอนนี้ตระกูลเมลของฉันและตระกูลของคุณเจมส์อาจจะได้กลับเข้าไปอยู่ในกําแพงชั้นในแล้วก็ได้”
เจมส์จ้องมองเธอและยิ้มออกมา “ยังมีโอกาสที่รอคอยเราอยู่เสมอ คุณซาร่าห์อย่าเพิ่งผิดหวังไปเลยครับ ตอนนี้ก็ยังไม่สายหรอกพวกเราจะกลับไปยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง”
ซาร่าห์หยุดความไม่พอใจของเธอได้ทันทีและพูดออกมาว่า “ให้ฉันออกไปส่งคุณนะคะ”
“คุณซาร่าห์ไม่ต้องทําแบบนั้นก็ได้ครับ” เจมส์ยืนขึ้นและเดินออกไป ซาร่าห์เดินตามมาส่งเขาที่หน้าปราสาทของตระกูลเมล ปราสาทของตระกูลวิคเกอร์ก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก
เมื่อเห็นเจมส์เดินหายเข้าไปในความมืดรอยยิ้มบนใบหน้าของซาร่าห์ก็หายไปทันทีและดวงตาของเธอก็กลับมาเย็นชาอีกครั้ง “ไอ้โง่เอ๊ย แค่เงิน 100,000 เหรียญทองแต่อยากสานสัมพันธ์กับตระกูลของเรา แกฝันกลางวันอยู่หรือเปล่า!”
“นายหญิงคะ ตระกูลวิคเกอร์ให้ได้แค่ 100,000 เหรียญทองหรอคะ?” หญิงรับใช้ผมสั้นที่อยู่ข้างๆเธอก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
ซาร่าห์พูดออกมาด้วยความเย็นชาว่า “ไอ้พวกชาวประมงเหม็นคาว ตอนนี้พวกเราตระกูลเมลต้องแกล้งทําเป็นขอบคุณพวกมันอย่างยิ่งใหญ่ เงินแค่ 100,000 เหรียญทอง ถ้าอุตสาหกรรมของตระกูลเรายังไม่ถูกปิดไป ฉันไม่มีวันสนใจเงินจํานวนเล็กน้อยเท่านี้แน่นอน!”
“เป็นไปตามที่นายหญิงพูดเสมอค่ะ” หญิงรับใช้คนนั้นตอบกลับมาด้วยความเคารพ
ซาร่าห์จ้องมองไปที่อยู่รับใช้ของตนเอง สายตาที่เย็นชาของเธอก็หายไปทันทีเธอยื่นมือออกไปลูบศีรษะของหญิงรับใช้เบาๆ “ลิซ่า มีแต่เธอเท่านั้นที่ไม่เคยหมดหวังในตัวฉัน”
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันจะไม่ทิ้งนายหญิงไปไหนแน่นอนค่ะ” ลิซ่าพูดออกมาเบาๆ
ซาร่าห์ยิ้มและลูบศีรษะของเธอ “เข้าไปในบ้านกันเถอะ”
“ได้ค่ะนายหญิง” ลิซ่าพยักหน้า
หญิงสาวทั้งสองคนเดินกลับเข้าไปที่ชั้น 2 คนรับใช้ที่อยู่ในปราสาทต่างก็ต้องก้มศีรษะให้ทั้งสองคนเมื่อพวกเธอเดินผ่านไป
หลังจากที่ซาร่าห์และลิซ่าเดินเข้ามาในห้องแล้วเธอก็รีบปิดประตูอย่างรวดเร็วและหันไปมองรอบๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงที่แปลกประหลาดดังขึ้นมาทันที่ทําให้หญิงสาวทั้งสองคนต้องตกตะลึง “ไม่คิดเลยนะว่านายหญิง ของตระกูลเมลจะเป็นพวกรักร่วมเพศจริงๆ”
คําพูดที่ได้ยินนี้เหมือนเป็นสิ่งที่กระตุ้นความโกรธของเซาร่าห์ เธอรีบหันไปมองทันที “แกเป็นใคร??”
เมื่อเธอหันไปก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นว่ามีคน 3 คนที่อยู่บนโซฟาในห้องนี้ มีคนเดียวที่นั่งอยู่บนโซฟาอีก 2 คนยืนอยู่ข้างๆ ชายที่นั่งอยู่บนโซฟายืดขาของเขาอย่างเต็มที่และเอนหลังพิงโซฟา เขามีผมสีดําและมีสีหน้าที่ดูเย็นชา ดวงตาของเขาดูเฉยเมยแต่ก็เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
เมื่อซาร่าห์ได้เห็นใบหน้าของคนคนนี้ สีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธของเธอก็หายไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่แดงเพราะความโกรธก่อนหน้านี้ก็ซีดลงทันที มือของเธอสั่นเล็กน้อยและเธอค่อยๆเดินถอยหลังกลับไป เธอรู้สึกเสียใจขึ้นมาที่ไม่ได้ล็อคประตูห้องนี้ก่อนจะออกไป
“จะไปไหนเข้ามาใกล้ๆสิ” เทียนเห็นซาร่าห์กําลังเดินถอยไปช้าๆก็พูดขึ้นมาทันที
เซอร์กี้ที่ยืนอยู่ข้างๆก็ยิ้มออกมา เขาพุ่งตัวออกไปปรากฏตรงหน้าหญิงสาวทั้งสองคน เขายื่นมือออกไปหาซาร่าห์ แต่ทันใดนั้นฝ่ามือของเขาก็ถูกโจมตีทันทีเป็นลิซ่าที่เข้ามาประชิดตัวเขา ความเร็วของเธอสูงมากเห็นได้ชัดว่าเธอไม่ใช่แค่หญิงรับใช้ธรรมดา
เขาตกตะลึงเล็กน้อยและเห็นว่าซาร่าหรีบวิ่งไปที่ประตูและกําลังเปิดประตูออกไปเพื่อขอความช่วยเหลือ เขารู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีและชกไปที่หน้าอกของลิซ่าอย่างรวดเร็ว ร่างกายของลิซ่ากระเด็นชนไปกระแทกกับประตูทันที
เขาใช้โอกาสนี้รีบวิ่งเข้าไปโจมตีบริเวณไหล่ของซาร่าห์และลิซ่า ก่อนจะโยนทั้งสองคนไปหาเทียน
ซาร่าห์รู้สึกเจ็บที่ไหล่ของเธอและร้องออกมา
ลิซ่ารีบเข้ามาช่วยเหลือเธอทันที “นายหญิงคะ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ซาร่าห์กัดริมฝีปากของตนเองและจ้องมองไปที่เทียนด้วยความโกรธ “แกมาที่นี่ทําไม แกต้องการอะไรกันแน่ ฉันจะบอกให้แกรู้ไว้ที่นี่คือเมืองพอร์ตออชาร์ดเป็นเมืองสําคัญที่ทางกองทัพคอยปกป้องอยู่เสมอ ถ้าแกฆ่าฉันไปทางกองทัพและโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์จะต้องไล่ล่าตัวแกอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแน่นอน ตระกูลเมลของพวกเราเป็นขุนนางมาอย่างยาวนาน แกจะต้องเสียใจกับสิ่งที่ทําลงไปแน่นอน!”
“จะขู่ให้ฉันกลัวหรือไง?” สีหน้าของเทียนยังคงเฉยเมย เขาหันไปพูดกับเซอร์กี้ว่า “ได้ยินมาว่านายชอบคนสวยไม่ใช่หรอ? สนใจคนที่อยู่ตรงหน้าหรือเปล่า?”
เซอร์กี้มองไปที่ซาร่าห์และสายศีรษะทันที “ผมไม่ชอบผู้หญิงที่ร้ายกาจแบบนี้ครับ”
“ฉันไม่ได้ให้นายแต่งงานกับเธอ ฉันแค่ถามเผื่อว่านายต้องการ” เทียนไม่ใช่คนดีอะไรอยู่แล้ว
เซอร์กี้เกาศีรษะของตนเองจากนั้นก็ตอบกลับมาว่า “อย่างนั้นก็ได้ครับ”
“ไม่!” ลิซ่าตกตะลึงไปทันทีและจ้องมองไปที่เทียนด้วยความโกรธ “ต่อให้ฉันตายไป ฉันก็ไม่ยอมให้พวกแกทําร้ายนายหญิงเด็ดขาด”
เทียนจ้องมองไปยังใบหน้าที่คุ้นเคยของเธอเจตนาสังหารในดวงตาของเธอดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ “ไม่เจอกันนานนะลิซ่า เธอลืมฉันไปหรือยัง”
ลิซ่าตอบกลับมาอย่างเย็นชาว่า “ฉันไม่มีทางลืมแน่นอนว่าพวกเรามาจากบ้านเด็กกําพร้าเหมยซาน ถ้าเรายังมีความทรงจําดีๆต่อกัน ฉันขอร้องล่ะปล่อยพวกเราไปเถอะ ตราบใดที่นายสัญญาว่าจะปล่อยนายหญิงไปฉันจะให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่นายต้องการ!”
“ไม่!” ซาร่าห์ตะโกนออกมาทันที
เทียนพูดออกมาอย่างเฉยเมย “ความทรงจําดีๆหรอ? ในตอนที่เธอถูกรับไปเลี้ยงแล้ว เธอทําร้ายฉันด้วยการบอกว่าฉันเป็นแค่ไอ้โง่คนหนึ่ง เพื่อให้คนที่มาอุปการะไม่สนใจฉัน ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะประสบความสําเร็จมากเลยทีเดียว ไม่คิดว่าเด็กคนหนึ่งที่ถูกคนสวนรับไปเลี้ยงจะได้เป็นใหญ่เป็นโตในตระกูลเมลที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ฉันดูคนไม่ผิดจริงๆ แม้ว่าเธอจะมีจิตใจที่เลวร้ายไปหน่อยแต่ฉันก็คิดว่าเธอน่าจะมีอนาคตที่ดี”
สีหน้าของลิซ่าดูย่าแย่ในตอนนี้ขณะที่เธอพูดออกมาว่า “ตอนนั้นนายก็น่าจะรู้ดีว่าถ้านายอยากจะได้รับการอุปการะ นายต้องหาโอกาสด้วยตัวเอง”
“ใช่” เทียนพยักหน้า “ฉันเห็นด้วยกับเรื่องนี้นะ ตอนนี้ถ้าเธออยากจะรอด เธอก็ต้องหาโอกาสด้วยตัวเอง”
“แก!” ลิซ่าตะโกนออกมาทันที
เทียนยืนขึ้นมาและพูดว่า “มัดพวกเธอทั้งสองคนเอาไว้ก่อน แล้วเราค่อยทําให้คุณซาร่าห์ได้เห็นสิ่งที่น่าประหลาดใจทีหลัง”
สายตาของซาร่าห์เต็มไปด้วยความหวาดกลัวขณะที่เธอพูดออกมาว่า “แกจะทําอะไร แกบ้าไปแล้วหรือไง พวกเราเป็นขุนนางนะ!”
“ขุนนางหรอ?” เทียนมองมาที่เธอยังเฉยเมย “มันช่วยให้เธอรอดไปได้หรือเปล่า?”