The Daily Life of the Immortal King - ตอนที่ 205
ตอนที่ 205 ประกายแสงสีทองและสายฟ้าสีเงิน
ลําแสงพระจันทร์เสียวสีทองถูกหยุดไว้อย่างคาดไม่ถึง!
ทุกคนที่เห็นภาพตรงหน้าต่างอยู่ในอาการตกใจ
ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่แค่เพียงรังสึกระบี่ที่ถูกหยุดไว้เฉยๆ แต่มันยังไม่สามารถทําให้คนตรงหน้าขยับแม้สักนิ้วเดียว
พูดกันตามตรง หวังลิ่งรู้สึกว่าเขามาทันเวลาอย่างฉิวเฉียด ถ้าหากเขามาช้ากว่านี้แม้สักวินาทีเดียว เทพมือระเบิดและสองคิงชูคงได้ถูกผ่าครึ่งด้วยลําแสงพระจันทร์เสี้ยวสีทองนี่ไปแล้ว
จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีใครกล้าขยับหรือส่งเสียงใดออกมา
ในขณะที่หวังลิ่งนั้นทําการหยุดรังสีกระบี่ เขาได้วิเคราะห์ถึงพลังวิญญาณที่ใส่มาในรังสีกระบี่นั่น ผู้ชายคนนั้นมีพลังที่ค่อนข้างน่ากลัว แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าปีศาจระดับช่องว่างเสริมแกร่งเสียอีก หรือยิ่งกว่าผู้ฝึกตนที่เขาเคยพบเจอมาตลอดชีวิต
แต่อันดับแรกเขาต้องทําการสลายรังสีกระบี่สีทองนี่ทิ้งไปเสียก่อน
หวังลิ่งขยับนิ้วโป้งบีบเข้าหานิ้วชี้ของเขา ลําแสงพระจันทร์เสี้ยวสีทองก็พลันสลายหายไปเหลือทิ้งไว้เพียงละอองแสงสีทองลอยอยู่ในอากาศ
ถ้าหากใครเห็นฉากนี้คงต้องนึกถึงเพลง “Can’t Leave You” ของ Susan Huang อย่างแน่นอน…
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเรียบร้อยและง่ายดาย
จอมมารกัวผีซึ่งกําลังมองเด็กคนนี้จากข้างหลัง แม้ว่าเด็กคนนี้จะสวมชุดนอนกระต่ายขาวซึ่งขัดแย้งกับความเก่งกาจของเขา และด้วยความเจ็บใจแต่เขาก็จําเด็กคนนี้ได้
เด็กคนนี้คือเด็กเมื่อตอนนั้นที่ทําลายอาวุธโบราณของเขาในร้านสะดวกซื้อเมื่อตอนนั้น!
“คุณเป็นใคร?” ชายหนุ่มจากหอคอยอมตะจ้องหวังสิ่งอย่างไม่ละสายตา พร้อมกับหยดเหงื่อเย็นเฉียบไหลตามหน้าผาก
เขาแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น รังสีกระบี่ซึ่งรุนแรงกว่าปกติถึง 50 เท่า ถูกหยุดไว้อย่างง่ายดายด้วยเพียงนิ้วเดียว
หวังลิ่งไม่ตอบอะไรกลับไป เขาแค่เพียงหันชายหางตามองไปยังบุคคลทั้งสอง ทําให้บุคคลทั้งสองตัวสั่นด้วยความกลัว
ความรู้สึกที่บ่งบอกว่า…หากพวกเขายังฝืนอยู่ต่อพวกเขาคงไม่รอดกลับไปอย่างแน่นอน!
“ถ้าอย่างนั้น ข้าขอตัว…”
เหงื่อเย็นเฉียบไหลออกมาจากหน้าผากของจอมมารกัวผี ทันทีที่เขาพูดจบ ควันสีม่วงทองก็พุ่งออกมาก่อนที่เขาจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
สําหรับจอมมารแล้ว มันคือว่าเป็นการตัดสินใจที่เจ็บปวดที่สุด
จากจุดที่ทั้งโลกต่างเรียกเขาว่า “จอมมาร” เขาก็ไม่เคยทําอะไรน่าอับอายเช่นนี้อีกเลย
จอมมารกัวผีนั้นหลบหนีไปตามที่หวังสิ่งคาดการณ์ไว้ ด้วยควันจากน้ําเต้าม่วงทอง ไม่มีทางเลยที่หวังลิ่งจะสามารถตามรอยไปได้ หรือจนกว่ามีดเล่มนั้นจะถูกซ่อมเสร็จ
แต่หวังลิ่งก็รู้ว่าจอมมารกัวผีคงอยู่ได้อีกไม่นาน
การชําเลืองหางตานั้นถือว่าหวังสิ่งส่งคําเตือน
และจอมมารกัวผีก็หายไปทั้งอย่างนั้น
จอมมารกัวผีผู้ซึ่งทั้งโลกหวาดกลัวนั้นมีจุดอ่อนอันใหญ่หลวง และจุดอ่อนนั้นก็คือหวังลิ่ง
ระหว่างชีวิตตนเองและศักดิ์ศรี จอมมารเลือกที่จะทิ้งศักดิ์ศรีอย่างไม่ลังเล
เขาสะบัดแขนเสื้อเพื่อไม่ให้ควันสีม่วงติดตัวเขาไป..
เขารู้สึกสงสารนิดหน่อย เพราะชายหนุ่มจากหอคอมอมตะคนนั้นยังไม่รู้ว่าเขากําลังเผชิญหน้ากับปัญหาอะไรอยู่
“ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ถ้าหากคุณกล้าขัดขวางหอคอยอมตะ ผมก็จะไม่ปราณี!” ชายหนุ่มคนนั้นพูดด้วยน้ําเสียงเย็นชาและจ้องไปทางหวังลิ่ง ด้วยการสะบัดนิ้วเพียงเล็กน้อย เขาได้สร้างตราประทับด้วยมือ
เกิดเสียงดังขึ้นก่อนที่กระบี่ทั้งเล่มจะเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ และพุ่งตรงไปยังข้างหลังของหวังลิ้งด้วยความเร็วที่น่าตกใจ
นี่เป็นวิชากระบี่ซึ่งปลิดชีพหัวหน้าของเหล่าศัตรูที่อยู่ห่างออกไปเป็นพันลี้ ในขณะที่ชายหนุ่มใช้วิชานี้ เขาได้แสดงสีหน้าถึงความมั่นใจ
มันเป็นวิชาที่เขาถนัดที่สุดในบรรยาวิชากระบี่ทั้งหมด มันเป็นวิชาที่ไว้ใช้สังหารศัตรูภายในกระบวนท่าเดียว!
หวังลิ่งแค่เพียงหันคอไปมองและเห็นว่ากระบี่สีแดงเล่มหนึ่งได้พุ่งตรงมาหาเขา
ความเร็วของกระบี่เล่มนี้เร็วมากหากเป็นผู้ฝึกตนระดับแก่นแท่วิญญาณก็ไม่สามารถรับได้
ปราณกระบี่สีทองที่เคลือบกระบี่เล่มนี้อยู่ ทําให้กระบี่เล่มนี้มีลักษณะคล้ายกับสายฟ้า!
เทพมือระเบิดซึ่งกําลังมองภาพเหตุการณ์นี้อยู่นึกอะไรบางอย่างออก “ผู้ชายคนนั้นบอกว่ากระบี่ของเขาชื่อว่าอเวจีหลบหนีใช่ไหม”
สองคิงชู: “หืม คุณเทพนึกอะไรออกงั้นหรอ?”
เทพมือระเบิด: “ฉันจําได้ว่ามันมีกระบี่ในตํานานเล่มหนึ่งชื่อว่าอเวจีหลบหนีเช่นกัน มันถูกจัดอันดับไว้อันดับที่หนึ่งของกระบี่ จุดเด่นของมันอยู่ที่ความเร็ว มันมีชื่อเรียกว่า ประกายแสงสีทอง และกระบอีกเล่มในซีรีย์เดียวกันมีชื่อว่า สายฟ้าสีเงิน ซึ่งจัดอยู่อันดับสองรองลงมา”
เมื่อได้ฟังจบ สองคิงชูก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัว ชายหนุ่มคนนั้นจากหอคอยอมตะครอบครองกระบี่ในตํานาน…เขาคิดไม่ออกเลยว่าใครกันที่คอยชักใยหอคอยอมตะอยู่เบื้องหลัง
แต่บางอย่างในตัวของสองคิงชูบอกว่า ทุกครั้งที่หลิงเงินเหรินปรากฏตัว เขาจะรู้สึกปลอดภัย ยิ่งตอนที่ปรากฎตัวด้วยชุดนอนกระต่ายขาวชุดนี้ด้วยแล้ว สองคิงชูสามารถรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและความใจดีจากเด็กหนุ่มคนนั้นได้…
“ไปลงนรกซะ” ชายหนุ่มจากหอคอยอมตะตะโกนออกมาหลังจากที่โจมตีด้วยอเวจีหลบหนี และในเวลาเดียวกันทางด้านสองคิงชูกับเทพมือระเบิดต่างถอนหายใจอย่างพร้อมเพรียงกันออกมา “ทําไมคนหนุ่มสมัยนี้ชอบรนหาที่ตายกันนักนะ?
หวังลิ่งมองด้วยหางตาไปยังเงากระบี่ซึ่งพุ่งตรงมาทางเขา เขาคิดในใจว่า หากคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เขา ผลการตัดสินคงออกมาโดยแทบที่จะไม่ต้องวิเคราะห์เลย
วูบ! ในขณะที่เขากําลังคิดฟุ้งซ่ายอยู่นั้น กระบี่เล่มนั้นก็พุ่งตรงมาทางเขาอย่างรวดเร็วดูเหมือนว่าเป้าหมายของมันคือกลางหลังของเขา
หวังลิ่งทําแค่เพียงเอียงตัวหลบไปด้านข้าง และจับด้านกระบี่เล่มนั้นด้วยมือเปล่า
ชายหนุ่มจากหอคอยอมตะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
เขาเหมือนโดนฟ้าผ่าและรู้สึกราวกับโลกทั้งโลกที่เขารู้จักได้พังทลายลง… มันเป็นไปได้ด้วยอย่างงั้นหรือ?!”
นั่นคือประกายแสงสีทอง กระบี่ในตํานานซึ่งรวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์!
ชายหนุ่มจากหอคอยอมตะงุนงง ในการที่จะจับตัวกระบี่จากตอนที่กําลังโจมตี…เด็กคนนั้นจะต้องมือไวสักแค่ไหน? จะต้องโสดมาสักกี่ปีกันเพื่อที่มือจะเร็วได้ถึงขนาดนั้น?
เขากัดฟันแน่นก่อนที่จะร่ายวิชาเรียกกระบอเวจีมีดกลับมา
แต่ทว่าไม่ว่าเขาจะร่ายวิชาสักเท่าไร กระบี่อเวจีมีดในมือของเด็กผู้ชายคนนั้นก็ไม่ขยับสักนิดเดียว
เขาเข้าใจแทบจะในทันที มันไม่ใช่ว่าวิชาของเขามันไม่ได้ผล แต่เด็กคนนั้นมีพละกําลังมหาศาล!
นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันวะเนี่ย?
เทพมือระเบิดและสองคิงชูซึ่งยืนอยู่หลังกําแพงบ้านที่พังไปครึ่งหนึ่ง ได้คาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นไว้แล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงถอนหายใจออกมา
“คุณเทพ คุณพูดถึงประกายแสงสีทองซึ่งมันคือกระบี่อเวจีมืด แล้วกระบี่ที่รวดเร็วเป็นอันดับสองที่ชื่อว่าสายฟ้าสีเงินหล่ะ?” สองคิงชูถามด้วยความสงสัย
“นายหมายถึงสายฟ้าสีเงินอันนั้นน่ะเรอะ?”
“ใช่แล้วครับ”
“มันชื่อว่าทะเลสาบหลบหนี” [ในส่วนนี้น่าจะเป็นมุขภาษาจีนซึ่งผมไม่ค่อยเข้าใจนักนะครับ ดูเหมือนว่าภาษาจีนมันจะแปลว่า Bitchi ซึ่งมาจากคําว่า Bitch….ผู้แปล]