The Daily Life of the Immortal King - ตอนที่ 197
ตอนที่ 197 หลังจากถึงจุดสุดยอดแล้วทุกอย่างก็จบ…
ความมั่นใจของดามาราจานั้นมีที่มาที่ไป กําปั้นของเขาถูกห่อไว้ด้วยพลังของสายฟ้าเทพเจ้า อาวุธชิ้นนี้ไม่ได้มีดีแค่เพียงพลังทําลายล้างเพียงอย่างเดียว ความพิเศษของมันก็คือเมื่อพลังของมันแทรกซึมเข้าไปในร่างกายแล้ว จะส่งผลทําให้เซลล์ประสาทหยุดทํางานไปชั่วครู่ นั่นจึงทําให้มีคนจํานวนไม่กี่คนเท่านั้นที่รับหมัดนี้ เข้าไปแล้วยังคงสามารถทรงตัวอยู่ได้
แน่นอนว่าพลังของดามาราจานั้นไม่ได้มีเยอะอะไร แต่ด้วยพลังของสายฟ้าเทพเจ้าเขาจึงไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น เพราะคราวก่อนที่เทพมือระเบิดรับหมัดของเขาเข้าไป เทพมือระเบิดที่ว่าแน่ยังต้องนอนหมดสภาพ เหมือนศพขยับไปไหนไม่ได้ถึงสองวัน
“ล่าสุดฉันพึ่งมีโอกาสได้สู้กับเทพมือระเบิด ฉันใช้พลังของสายฟ้าเทพเจ้าแค่เพียงสามในห้าของมัน ฉันได้ยินกิตติศัพท์ของคุณหลิงเงินเหรินมานาน นั่นทําให้ฉันคิดถึงการประลองนี้ขึ้นมา” ดามาราจาเงยหน้าขึ้นมองไปทางหวังลิ่งด้วยสีหน้าจริงจัง
เมื่อฟังจนถึงจุดนี้โทยะจอมอมตะก็เข้าใจเรื่องทั้งหมด “คือนายอยากให้คุณหลิงเป็นเป้าซ้อมพลังของสายฟ้าเทพเจ้าใช่ไหม?”
“เมื่อ300ปีก่อน ฉันได้รับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้มา ฉันใช้เวลาถึง300บในการฝึกฝนเพื่อที่จะใช้งานมันอย่างเต็มประสิทธิภาพ และหลังจากนั้นฉันก็มาจบชีวิตตัวเองอยู่ที่งานซ่อมแซมในตําหนักตระกูลเสียว…สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดในชีวิตของฉันก็คือ ฉันไม่เคยเห็นพลังที่แท้จริงของสายฟ้าเทพเจ้าด้วยตาของฉันเลยสักครั้ง”
เมื่อพูดจบดามาราจาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ด้วยการที่เป็นผู้สืบทอดของตระกูลสายฟ้า สิ่งเดียวที่ฉันต้องการก็คือการเห็นพลังที่แท้จริงของมันในช่วงชีวิตของฉัน ฉันจึงจะได้หมดห่วงกับชีวิตเสียที”
หวังลิ่งหลุดเข้าไปในห้วงความคิดของตนเองหลังจากที่ได้ฟังคําพูดของดามาราจา สําหรับเขามันไม่ใช่เรื่องง่ายอะไรแบบนั้น การที่จะยืนอยู่เฉยๆให้อีกฝ่ายต่อยโดยไม่ตอบโต้มันอาจจะถือเป็นโอกาสดีที่จะทดสอบความสามารถในการควบคุมแรงสะท้อน หญ้าบนหลุมฝังศพของนักฆ่าขององค์กรเงาสายธารที่ต่อยเขาเมื่อคราวก่อนคงจะโตมีความสูงถึงสิบเมตรแล้ว…
แต่ในคราวนี้มีความแตกต่างจากคราวที่แล้วนิดหน่อย ในครั้งนี้หวังลิ่งมียันต์ผนึกที่หวังหมิงทําให้ใหม่ มันอาจจะช่วยให้เขาควบคุมพลังได้ดีขึ้น คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับสมาธิของเขาที่จะควบคุมพลังให้ได้โดยที่ไม่เผลอทําร้ายดามาราจา
ท้ายที่สุดแล้วหวังลิ่งก็ยอมรับคําขอของดามาราจา อันที่จริงแล้วเขาก็แบบสงสัยในพลังของอาวุธที่ส่งต่อกันมาจากยุคสงคราวพลังขี่ด้วย
มีหลายคนบอกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่หลงเหลือในยุคปัจจุบันนั้นพลังของมันถดถอยลงตามกาลเวลา
นั่นก็เพราะแหล่งพลังงานของอาวุธศักดิ์สิทธิ์นั้นคือพลังชี้ ตัวอย่างเช่นไฟศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลเสี่ยว เนื่องจากมันไม่ค่อยได้ถูกใช้งานในการต่อสู้ปัจจุบันมันจึงทําได้แค่เพียงเป็นพลุดอกไม้ไฟ หรือเป็นไฟที่ใช้ในการย่างบาร์บีคิวในร้านอาหาร แต่ทว่าสายฟ้าเทพเจ้านั้นมีความพิเศษกว่า ตรงที่มันสามารถดูดซับพลังจากธรรมชาติได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่มีพายุฝน พลังของมันจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเลยทีเดียว
ส่วนเหตุผลที่ว่าทําไมสายฟ้าเทพเจ้าจึงยังคงสภาพอยู่ดีโดยเมื่อเปรียบเทียบกับอาวุธชิ้นอื่น นั่นก็เพราะว่ามันได้เปลี่ยนแหล่งพลังงานของมันจากพลังชี้ไปเป็นพลังวิญญาณแทน เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนตัวมันจึงจําเป็นต้องวิวัฒนาการตาม
“ในเมื่อคุณหลิงเงินเหรินไม่มีข้อคัดค้านอะไรงั้นผมขอเป็นคนดูก็แล้วกัน ดามาราจานายมีสถานที่ที่ดีกว่านี้ไหม? นายคงไม่คิดจะสู้กันในนี้ใช่ไหม?” โทยะจอมอมตะเอ่ยถามดามาราจา
“ฉันมี!” ดามาราจาพยักหน้าตอบ
ดามาราจารีบติดต่อศูนย์บริการลูกค้าให้หารถมารับพวกเขาไปส่งที่ลานกว้าง
“ลานกว้างแห่งนี้เป็นจุดถ่ายรูปที่ทางตําหนักกําลังซ่อมแซมอยู่ ดังนั้นบุคคลภายนอกจึงไม่ไม่มีทางเข้ามาได้” ดามาราจาลงมาจากรถและแนะนําสถานที่นี้ให้แก่ทั้งสองคน “ที่แห่งนี้เคยเป็นลานฝึกของตระกูลเสี่ยวในยุคสงครามพลังชี่”
เมื่อพูดจบเขาก็ชี้ไปยังจุดสีดําบนที่อยู่ห่างออกไปจากพวกเขาประมาณ500เมตร
เมื่อมองตามไปยังทางที่ดามาราจาชี้ หวังลิ่งก็เห็น “จุดสีดํา” นั่นคือโต๊ะหินสีดําตัวหนึ่ง ผิวของมันมีรอยปริแตกและถูกปกคลุมไปด้วยมอสและแม้แต่ฐานของมันก็มีรากไม้พันเกาะกันเต็มไปหมด
“นั่นคือหินวิเศษแห่งการทดสอบซึ่งตระกูลเสี่ยวใช้ทดสอบบรรดาลูกศิษย์ในสํานัก มันเป็นสิ่งที่พวกเราต้องปกป้องและดูแลเป็นพิเศษภายในตําหนักแห่งนี้ มันถูกเคลือบด้วยฟิลม์พิเศษเพื่อป้องกันการถูกกัดกร่อนจากธรรมชาติ” ดามาราจาอธิบาย
“นายใช้สายฟ้าเทพเจ้าซ่อมแซมมันไม่ได้หรือ?” โทยะถามอย่างสงสัย
ดามาราจาส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่าย “มันไม่มีส่วนใดเลยที่ทํามาจากโลหะ มันทําขึ้นมาจากหยกทั้งตัว ดังนั้นสายฟ้าเทพเจ้าจึงไม่สามารถทําอะไรได้”
มันเป็นอย่างนี้เองสินะ…
โทยะจอมอมตะและหวังลิ่งพยักหน้าอย่างเข้าใจ
เมื่อหวังลิ่งเตรียมตัวเสร็จ โทยะจึงรีบถอยออกไปอยู่ด้านข้างของลานกว้างแห่งนี้ เขาตะโกนเชียร์หวังลิ่งจากจุดที่เขายืนอยู่ “โชคดีนะคุณหลิงเงินเหริน!”
เหลือเพียงแค่หวังลิงและดามาราจายืนอยู่กลางลานกว้างแห่งนี้
ดามาราจากมตัวลงคํานับหวังลิ่งก่อนที่จะเงยขึ้นมาและสวมแว่นตากันลมของเขา
“คุณหลิงได้โปรดระวังด้วย…”
เมื่อพูดจบก็เกิดเสียงเหมือนไฟช็อตและกระแสไฟฟ้าวิ่งออกมาจากมือซ้ายของเขา ประกายแสงไฟสว่างจ้า จนแทบจะทําให้คนมองตาบอดได้เลย
โทยะจอมอมตะซึ่งยืนอยู่ข้างนอกจําเป็นต้องยกมือขึ้นมาปิดตา ข้างในลานกว้างเต็มไปด้วยแสงสว่างสีขาว จนเขาแทบมองสิ่งที่เกิดขึ้นข้างในไม่เห็นแล้ว
เมื่อพลังของสายฟ้าเทพเจ้าถูกปล่อยออกมา หวังลิ่งซึ่งยืนอยู่ตรงข้ามกับดามาราจาคิดว่าพลังมันช่างเหมือนกับโซล่าแฟร์ (Solar flare เป็นการปล่อยแสงสว่างออกมาเพื่อทําให้การมองเห็นพล่ามัว อ้างอิงจาก Dragon ball) แต่แสงของสายฟ้าเทพเจ้านั่นจ้าเสียยิ่งกว่าโซล่าแฟร์เสียอีก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่มีผลกับตาสวรรค์ของหวังลิ่งเลยแม้แต่น้อย
แสงที่กระพริบในมือซ้ายของดามาราจากระพริบเป็นจํานวนเจ็ดครั้งแล้ว นั่นแปลว่าพลังของมันชาร์จจนถึง 70% แล้ว
เขาไม่กล้าที่จะใช้พลังแบบเต็มสูบเพราะเขาเคยใช่ไป60%เมื่อคราวก่อน ก็ทําให้เทพมือระเบิดนอนเป็นผักบนเตียงไปถึงสองวัน
“รับมือ!” เมื่อพลังของสายฟ้าเทพเจ้าชาร์จจนถึงระดับ7 ดามาราจาพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วเข้าหาหวังลิ่ง และหมัดซ้ํายขึ้นชกไปยังหน้าอกของหวังลิ่ง
ในทางกลับกันหวังลิ่งกลับยืนนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แรงกระแทกของมันนั้นมหาศาลจนกับให้เส้นผมของเขาลไปข้างหลัง และถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น มันก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นไปมากกว่านั้น อันที่จริงแล้วหวังลิ่งกําลังใช้สมาธิควบคุมกายเซียนของเขาไม่ให้มันสะท้อนพลังกลับไป
เมื่อประกายสายฟ้าหายไป ดามาราจาจ้องไปยังร่างของเด็กหนุ่มซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าเขา
เขาสามารถพูดได้คําเดียวเลยว่าหลิงเงินเหรินนั้นแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก! พลังระดับ/ของสายฟ้า เทพเจ้าไม่ส่งผลใดต่อบุคคลตรงหน้าเลย! ขาของคนทั่วไปจะต้องสั่นล้มพับลงเพราะพลังของสายฟ้าไปแล้ว!
ทางด้านหวังลิ่ง หลังจากที่เขาได้รับกระแสไฟฟ้าเข้าไป เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บหรือชาอะไรทั้งสิ้น…ในทางกลับกัน เขากลับรู้สึกจักจี้เสียอีก!
หรือจะพูดให้ง่ายๆ: หลังจากถึงจุดสุดยอดแล้วทุกอย่างก็จบ…