God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 987
ตอนที่ 987
เมื่อฝนตกลงที่ตัวปู้หลี่เกื๋อ มันจะเคลื่อนไปทางอื่นราวกับโดนสิ่งกีดขวางที่ไม่อาจมองเห็นกั้นเอาไว้
รับชมจากระยะไกลห่าง จะเสมือนว่าร่างนั้นมีม่านพลังโปร่งแสงปกคลุม
การใช้พลังวิญญาณเพื่อแยกเอาน้ำฝนออกไป ก็ถือเป็นการฝึกฝนควบคุมพลังวิญญาณอย่างหนึ่ง
ผู้ฝึกตนขอบเขตโชคชะตาระดับสี่ทั่วไปก็ทำได้ แต่ปู้หลี่เกื๋อไม่ได้ใช้พลังวิญญาณปิดกั้นสายฝนง่ายดายเช่นนั้น
ฝนตกหนักหลายวันจนนำเอาความร้อนเลือนหายหมดสิ้น อากาศยิ่งผ่านไปยิ่งเย็นตัวลง
คนสัญจรไปมาบนถนนช่วงเช้ามีน้อย เสื้อผ้าพวกเขาเหล่านี้ต่างเปลี่ยนสไตล์ไปเหมือนดังฤดูใบไม้ร่วงของที่โลก
อาคารรอบด้านของเดิมถูกทุบทำลาย ตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยอาคารอันวิจิตรงดงามทดแทน
เห็นได้ชัดว่าเหล่าองครักษ์หลวงทำงานตามจี้อู๋ฮุยสั่งได้อย่างดีเยี่ยม
“เวลาผ่านไปเร็วนัก” ปู้หลี่เกื๋อพึมพำเสียงเบาก่อนสายตาจะมองเห็นร้านน้อยหยวนก่วยที่อยู่ตรงหน้า
คล้ายว่าเขาจะมาเร็วเกินไป
รอยยิ้มปรากฏชัดที่ใบหน้าก่อนเขาจะไปยืนรอ
“เถ้าแก่หยวนพร้อมขายหรือยัง?” ปู้หลี่เกื๋อกล่าวถาม
“ใกล้แล้ว” หยวนก่วยตอบรับ
เขาค่อนข้างประทับใจปู้หลี่เกื๋อไม่น้อยที่มาคนแรกแต่เช้าทุกวัน
“เข้ามานั่งรอก่อนก็ได้” หยวนก่วยกล่าวออก
“ยินดีแล้ว” ปู้หลี่เกื๋อพยักหน้ารับ
ผ่านสายฝนที่ตกไม่หยุด เขาเดินเข้าไปนั่งรอในร้านของหยวนก่วย
เขายังประหลาดใจที่ได้ทราบ ว่าในร้านมีกลิ่นหอมอ่อนจางปรากฏ
เมื่อสูดดม ปู้หลี่เกื๋อต้องขมวดคิ้วครุ่นคิด
“นี่… กลิ่นของซากุระ!” ปู้หลี่เกื๋อเผยดวงตาเป็นประกาย
“ใช่แล้ว” หยวนก่วยพยักหน้ารับพร้อมเผยความประหลาดในใจดวงตา
กลิ่นของซากุระในร้านมีอย่างเบาบาง แต่ปู้หลี่เกื๋อก็ยังตระหนักได้ตั้งแต่เข้ามาในร้าน
ในความคิดของหยวนก่วย ความคิดหนึ่งพลันปรากฏขึ้น
เขาเดินทางไปทั่วทวีปเทียนหลันก็นาน นอกจากรวบรวมเมนูอาหารของแต่ละภูมิภาค เขายังมีความคิดรับศิษย์สักคน
ขณะเวลาผันผ่านไป เขาไม่พบเลยแม้สักคน
แต่ตอนนี้หยวนก่วยเกิดรู้สึก ว่าตัวเลือกที่เหมาะสมได้ปรากฏตัวแล้ว
“เจ้าสนใจเป็นศิษย์ข้าหรือไม่?” หยวนก่วยกล่าวถามขึ้นมาอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ
“ศิษย์?” ปู้หลี่เกื๋อไม่ตอบสนองราวชะงัก
ผ่านไปหลายชั่วลมหายใจ เขาค่อยลุกพรวดขึ้นยืน
ดวงตาปู้หลี่เกื๋อเบิกกว้าง เสียงนั้นร้องดังตอบ “รับข้าเป็นศิษย์หรือ ผู้อาวุโสล้อกันเล่นหรือเปล่า?”
“อะไรกัน ร้านคึกคักแต่เช้าเลยหรือนี่?” เสียงหนึ่งดังปรากฏ
เหยาฮุยเฉินและฟ่านเฉิงเทียนเดินเข้ามายังร้านของหยวนก่วอยพร้อมได้เห็นเรื่องราวตรงหน้า
“ข้าไม่ได้ล้อเล่น” หยวนก่วยเผยความจริงจัง จากนั้นจึงมองลูกค้าทั้งสอง “ข้าคิดรับศิษย์”
“คิด?” เหยาฮุยเฉินเผยสีหน้าแปลกประหลาด “จำได้ว่าเจ้าเคยพยายามหาตัวศิษย์มานาน ตอนนี้พบแล้วหรือ?”
“ใช่” หยวนก่วยพยักหน้ารับ
ปู้หลี่เกื๋อเผยท่าทีสับสนขณะครุ่นคิด
สถานการณ์ตอนนี้คืออะไร?
เทพแห่งอาหารของทวีปเทียนหลันคิดอยากรับตัวศิษย์ เรื่องนี้ก็ควรเห็นดีเห็นงามด้วยไม่ใช่หรือ?
แต่เหตุใดคิดรับตัวข้าเป็นศิษย์อย่างกะทันหัน? พรสวรรค์ข้าไม่ได้ดีไปกว่าคนทั่วไปสักเท่าใดหรอกนะ…
ความคิดมากมายปรากฏในใจปู้หลี่เกื๋ออย่างยุ่งเหยิง จนเขาลืมเลือนที่จะตอบคำถาม
“แม้ว่าพรสวรรค์ดี แต่ไม่มีอะไรพิเศษ” ฟ่านเฉิงเทียนมองปู้หลี่เกื๋ออยู่พักหนึ่งก่อนจะเผยความฉงนใจ
พรสวรรค์ของปู้หลี่เกื๋อ ถือว่ามากพอที่จะผ่านพื้นฐานของสถาบันวิญญาณเมฆา
แต่หากคิดอยากกล่าวว่ามีตรงใดที่พิเศษ เขาไม่อาจพบเห็นได้
“แม้พรสวรรค์ทางการฝึกฝนเป็นสิ่งสำคัญ แต่ศิษย์ของข้านั่นถือเป็นเรื่องรอง” หยวนก่วยอธิบาย
“หรือเพราะเจ้าหนูนี่มีพรสวรรค์ด้านการทำอาหาร?” ฟ่านเฉิงเทียนเข้าใจความหมายของหยวนก่วย ตอนนี้ถึงกับเผยสีหน้าชะงัก
“ในร้านนี้ได้กลิ่นอะไรหรือไม่?” หยวนก่วยถามกลับ
ฟ่านเฉิงเทียนสูดดมและพิจารณา “กลิ่นอาหารเช้า”
เหยาฮุยเฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เหมือนจะมีกลิ่นหอมของซากุระ”
ด้วยฐานะจ้าวสำนักหุบเขาโอสะ เขาค่อนข้างไวต่อกลิ่น
“ซากุระหรือ ข้าไม่เห็นได้กลิ่น” ฟ่านเฉิงเทียนขมวดคิ้ว
“นี่จึงเป็นความแตกต่างระหว่างพวกเรา” เหยาฮุยเฉินเผยยิ้มพร้อมตบที่ไหล่ฟ่านเฉิงเทียน
ถึงตรงนี้เองที่ปู้หลี่เกื๋อค่อยหลุดพ้นจากความคิดอันยุ่งเหยิง
เขาได้ยินบทสนทนาของคนทั้งสาม
สาเหตุว่าทำไมคิดรับเป็นศิษย์ ก็เพราะเขาได้กลิ่นของซากุระ
ปู้หลี่เกื๋อค่อยทราบสาเหตุ
“เจ้าคิดว่ายังไง?” หยวนก่วยกล่าวถาม
ปู้หลี่เกื๋อสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะพยักหน้ารับ
คำถัดมานั้นหยวนก่วยกล่าวโดยไม่รอคำจากปากอีกฝ่าย “ข้า หยวนก่วยผู้นี้รับตัวศิษย์ย่อมไม่ใช่มักง่าย”
“หือ?” ปู้หลี่เกื๋อชะงัก
เหยาฮุยเฉินเผยยิ้ม “ก็แค่การทดสอบง่าย ๆ อย่างไรแล้ววิธีการคำนับอาจารย์ก็มีหลากหลาย เจ้าอาจต้องเหนื่อยหน่อยแล้ว”
ปู้หลี่เกื๋อถอนหายใจโล่งอก
การทดสอบ เขาก็พอมีความมั่นใจอยู่บ้าง
ส่วนเรื่องจะเป็นศิษย์ได้หรือไม่นั้น…
หยวนก่วยคือเทพแห่งอาหารของทวีปเทียนหลัน และยังเป็นยอดฝีมือขอบเขตราชันระดับสูงสุด ดังนั้นเป็นเรื่องปกติหากจะต้องมีความละเอียดรอบคอบ
ถัดจากนี้จึงเป็นเวลาอาหารเช้า
ปู้หลี่เกื๋อไม่แม้นำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมา
ผู้ที่มาซื้ออาหารเช้าต่างก็ได้เห็นปู้หลี่เกื๋อนั่งอยู่ในร้านของหยวนก่วย พวกเขาประหลาดใจกันไม่น้อย
“งั้นพวกเราไปร้านเถ้าแก่กันก่อนแล้ว”
หลังทานมื้อเช้าเรียบร้อย เหยาฮุยเฉินและฟ่านเฉิงเทียนจึงกลับออกไป
หลังเก็บของเรียบร้อย หยวนก่วยจึงนำปู้หลี่เกื๋อเข้ามายังห้องครัว
เขาต้องการทดสอบพรสวสรรค์ในฐานะพ่อครัว
อย่างไรแล้วมีเพียงประสาทรับกลิ่นที่ดีก็ไม่ใช่เพียงพอ…
“ทำไมวันนี้ปู้หลี่เกื๋อไม่มากัน?”
อานเหวยหยามาถึงร้านพร้อมตระหนักพบเห็นความผิดแปลก
เห็นได้ชัดว่าปู้หลี่เกื๋อเป็นตัวตนที่มังกรสาวเกิดความประทับใจ
“ไม่ทราบเช่นกัน” เหยาซือหยานส่ายศีรษะตอบ นางเองก็สงสัย
ตามปกติ ปู้หลี่เกื๋อมักเป็นคนแรกที่มาร้าน
วันนี้เกิดอะไรขึ้นกัน?
เหยาฮุยเฉินและฟ่านเฉิงเทียนเดินเข้ามาในร้านกันก็ตอนนี้
แน่นอนว่าพวกเขาได้ยินบทสนทนาของทั้งสอง
“ปู้หลี่เกื๋ออยู่ที่ร้านของหยวนก่วย” เหยาฮุยเฉินกล่าวพลางเดินไปหยิบไวน์หยกจากชั้นวาง
“ไปทำอะไรที่นั่นกัน?” เหยาซือหยานเกิดสงสัย
“หยวนก่วยคิดรับตัวเป็นศิษย์น่ะ” ฟ่านเฉิงเทียนหัวเราะ
ลั่วฉวน เหยาซือหยาน และอานเหวยหยาต่างเผยสีหน้างงงัน
สีหน้าของลั่วฉวนกลายเป็นแปลกไป
หยวนก่วยคิดรับตัวปู้หลี่เกื๋อเป็นศิษย์?
นี่มันเรื่องราวพระเจ้าเสกสร้างอะไรกันแน่!?
ฟ่านเฉิงเทียนจึงอธิบายเรื่องราวโดยคร่าว
ลั่วฉวนก็ยังประหลาดใจอยู่ไม่น้อย เขาไม่คิดว่าปู้หลี่เกื๋อจะมีพรสวรรค์ขนาดเหนือมนุษย์
ขณะทั้งสองเข้ามาในร้าน ลูกค้าอื่นก็เริ่มตามกันมา
หัวข้อการสนทนาย่อมไม่พ้นเรื่องปู้หลี่เกื๋อยังนั่งอยู่ที่ร้านของหยวนก่วย
เพราะลูกค้าเหล่านี้แวะซื้อมื้อเช้าที่ร้านของหยวนก่วยกันทุกเช้า
อาหารเช้าของร้านน้อยหยวนก่วยวันนี้คือหมั่นโถว
มันเป็นสีเหลืองเบาบางนุ่มฟูกลิ่นหอม และยังมีดอกไม้มีชมพูแปะประดับเอาไว้อย่างน่ารับชม
เพียงมองก็มากพอให้คิดอยากทานแล้ว