God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 667-668
ตอนที่ 667 : ผู้อำนวยการไป่ลี่
มู่หรงไห่เถิงเอนกายไปใกล้ก่อนจะเผยยิ้ม “คนจากสถาบันวิญญาณเมฆาน่ะ”
สถาบันวิญญาณเมฆาและนครจิ่วเหยาถือว่าอยู่ไกลห่าง
แม้ว่าวิหคลึกล้ำทองคำสีชาดจะมีความเร็วสูงล้ำ แต่เดินทางก็ยังต้องใช้เวลาไม่ใช่น้อย
ด้วยระยะทางไกลมหาศาล ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายที่จะสร้างจึงยิ่งซับซ้อน
นับเป็นโชคดีที่หลังรอคอยมานาน ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายทางฝั่งสถาบันวิญญาณเมฆาก็สร้างได้สำเร็จ
วันนี้เป็นเวลาที่ผู้อื่นจากสถาบันวิญญาณเมฆาจะมาเยือน
เสวียนเฉียพยักหน้ารับพร้อมอุทานออก “จะได้พบท่านปู่ไป่ลี่กับคนอื่นด้วยใช่ไหม?”
“ถ้าผู้อำนวยการไป่ลี่ได้ยินที่เจ้าเรียกคงโกรธเป็นแน่” มู่หรงไห่เถิงเผยยิ้มรับ
“ข้าจึงไม่กลัว!” เสวียนเฉียหัวเราะ
กลุ่มศิษย์ต่างก็พูดกล่าวกัน
ผ่านไปหลายนาที
ฟ่านเฉิงเทียนเผยยิ้มแย้ม “มากันแล้ว”
ลวดลายอักขระบนค่ายอาคมเคลื่อนย้ายเผยแสงทีละน้อย จากหมองหม่นสู่สว่างเจิดจ้าจนแทบไม่อาจมองเห็น
ลำแสงนับไม่ถ้วนก่อเกิดเป็นรูปร่างซับซ้อนที่บริเวณศูนย์กลางค่ายอาคม ขณะเดียวกันพลังงานมิติอันยิ่งใหญ่ก็ปรากฏออกเพราะวัฏจักรพลังงานภายในค่ายอาคมเกิดการเรียกใช้งาน
ที่ด้านบนค่ายอาคม ตอนนี้มีออร่าปรากฏ ห้วงมิติประหนึ่งทะเลสาบที่โปร่งแสง
ด้วยเส้นทางมิติที่ก่อตัวเกิดขึ้นจึงทำให้ได้พบเห็นหลายคนที่ก้าวเดินออกมาจากอีกด้าน
ขณะเวลาผ่านไป เส้นทางมิติก็ยิ่งเปรียบดังกระจกโปร่งแสง กลุ่มคนที่อีกฟากราวกับผ่านม่านพลังซึ่งไม่อาจมองเห็นก้าวเดินออกมา ทั้งที่แท้จริงแล้วระยะห่างนั้นมันมากเกินกว่าหมื่นกิโลเมตร
รอบด้านค่ายอาคมเคลื่อนย้ายมีคนรับชมอยู่มาก แม้เคยเห็นค่ายอาคมเคลื่อนย้ายทำงานหลายครั้งแล้ว แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นการเดินทางที่ยิ่งใหญ่กว่าครั้งใด
ต้องกล่าวว่าประชากรของนครจิ่วเหยาในเวลานี้ส่วนใหญ่ต่างคุ้นเคยแล้ว กับการที่ในชีวิตประจำวันจะเกิดพลังงานรุนแรงผันแปรดึงดูดความสนใจ พวกมันแทบจะกลายเป็นเรื่องราวที่พบเห็นได้ทั่วไป
ไม่ว่าจะเป็นที่โลกใด หากพบเจอบ่อยครั้งเข้าไม่คุ้นชินจึงเป็นเรื่องแปลก…
“ผู้อำนวยการ”
กลุ่มคนเกือบร้อยก้าวเดินลงจากค่ายอาคมเคลื่อนย้ายพร้อมกล่าวทักทายฟ่านเฉิงเทียน
หลายสิบคนที่นำมาต่างถือครองออร่าอันยอดเยี่ยม
สถาบันวิญญาณเมฆา หนึ่งในสี่สถาบันใหญ่แห่งทวีปเทียนหลัน พวกเขาไม่น้อยหน้ากว่าผู้ใด
จำนวนของศิษย์ในสถาบันโดยรวมแล้วมีหลายร้อยชีวิต
ศิษย์หลายสิบคนตอนนี้ต่างมองเมืองที่แปลกใหม่ด้วยความสงสัย
“ที่นี่คือนครจิ่วเหยาหรือ? ดูสวยงามดีเหมือนกันนี่นะ”
“ผู้ฝึกตนมากมายนัก เหล่านี้ต่างมารวมตัวเพราะร้านต้นตำรับหรือนี่?”
“อีกไม่ช้าจะได้เล่นเกมเสมือนจริงที่กล่าวขานกันแล้ว แทบอดใจรอไม่ไหว…”
บทสนทนาของเหล่าศิษย์ดังขึ้นคนแล้วคนเล่า เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตื่นเต้นยินดีกันเพียงใด
“ท่านปู่ไป่ลี่!” เสวียนเฉียวิ่งเข้าหาไป่ลี่เหวินฉู่
ไป่ลี่เหวินฉู่เป็นชายวัยกลางคนท่าทีอ่อนโยนและสง่างาม
แต่แล้วได้ยินเสียงเรียกจากเสวียนเฉียมันทำหางตาเขาต้องกระตุก
“เสี่ยวเสวียนเฉีย ไม่ใช่บอกหลายครั้งแล้วหรือว่าให้เรียกข้าเป็นผู้อำนวยการไป่ลี่” ไป่ลี่เหวินฉู่คุกเข่าลงข้างหนึ่งกล่าวออกด้วยรอยยิ้ม
“ข้าจำได้” เสวียนเฉียเผยดวงตาเป็นประกาย “ท่านปู่ไป่ลี่”
ไป่ลี่เหวินฉู่กล่าวอะไรต่อไม่ถูกแล้ว…
บรรดาศิษย์ผู้อื่นต่างหันมองมา ก่อนจะหันหนีพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ฟ่านเฉิงเทียนเองก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออก “เข้านครจิ่วเหยากันก่อน”
กลุ่มคนจึงเดินทางเข้านครจิ่วเหยาอย่างยิ่งใหญ่
ระหว่างทางไป่ลี่เหวินฉู่ยังไม่คิดยอมแพ้ เขาพยายามบอกให้เสวียนเฉียเรียกชื่อที่ถูกต้อง
กระนั้นจากท่าทีที่ได้เห็น ผลลัพธ์คงไม่ได้เป็นดังที่ใจเขาคาดหวัง…
ตอนที่ 668 : ราบลื่น
ไอศกรีมที่เพิ่งวางจำหน่ายถือว่าได้รับความนิยมจากเหล่าลูกค้ายิ่งกว่าที่ลั่วฉวนคาดคิด
ตามที่ลั่วฉวนคาดเดา เหตุผลก็เพราะวันเวลาเริ่มเปลี่ยนแปลง
เหมือนดังที่เคยกล่าวไว้ สภาพอากาศของนครจิ่วเหยายิ่งผ่านไปก็ยิ่งร้อน
ตอนนี้จะเรียกว่าเป็นช่วงต้นฤดูร้อนก็ว่าได้ และอีกไม่ช้าก็จะร้อนกว่านี้
สินค้าเย็นปรากฏออก ไอศกรีมไม่เพียงช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งทางพลังจิต แต่รูปลักษณ์และรสชาติก็ยังดีด้วย
เช่นนี้มันจึงได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น
เหยาฮุยเฉินและคณะผู้อาวุธสหุบเขาโอสถต่างมารวมตัวกันเพื่อทานไอศกรีม
ลั่วฉวนตอนนี้ทำตัวเป็นประหนึ่งปลาตากแห้งที่นอนเอกเขนก ทว่าเขาก็รับชมเรื่องราวอยู่โดยตลอด
พอจะนึกสภาพกลุ่มผู้เฒ่าหนวดเคราสีขาวยาวเฟื้อยร่วมวงกันทานไอศกรีมได้หรือไม่?
“พลังจิตแข็งแกร่งขึ้นจริงด้วย” ผู้อาวุโสที่สามจากหุบเขาโอสถพยักหน้ารับเพ่งพิจจริงจัง
“แม้ไม่ชัดเจน แต่ก็มีจริง” ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งกล่าวเสริม
“อีกทั้งคำแนะนำของไอศกรีมยังไม่ได้กล่าวว่ามีการจำกัดที่ตรงใดด้วย” ผู้อาวุโสใหญ่เริ่มครุ่นคิด “หรือก็คือ หากทานไอศกรีมนี่ต่อไปเรื่อย ๆ อย่างนั้นพลังจิตก็แข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไร้ขีดจำกัด”
บรรดานักปรุงยาต่างก็มีงานอดิเรกที่ค่อนข้างพิเศษ
งานอดิเรกของผู้อาวุโสใหญ่คือการวิเคราะห์และหาข้อสรุปของเรื่องราวทั้งหลาย
“โดยทฤษฎีแล้วก็สมควรเป็นเช่นที่กล่าว” หลังเงียบงันไปครู่หนึ่งผู้อาวุโสคนอื่นจึงตอบรับ
“แต่ผู้อาวุโสใหญ่ก็ต้องเข้าใจ แนวคิดกับความเป็นจริงมักไม่ค่อยสัมพันธ์กัน” เหยาฮุยเฉินตบไหล่ผู้อาวุโสใหญ่
ผู้อาวุโสใหญ่เผยสีหน้าเจื่อน
เขาทราบว่าเมื่อครู่เป็นตนด่วนสรุปจนเกินไป
“ตอนนี้กล่าวถึงรสชาติไอศกรีมก่อนจึงดีกว่า” เหยาฮุยเฉินมองผู้อาวุโสทั้งหลายด้วยสีหน้าจริงจัง
บรรดาผู้อาวุโสต่างเงียบเสียง
จ้าวสำนัก พอได้แล้วกระมัง!
“ฮ่าฮ่า ข้าก็แค่พูดไป” เหยาฮุยเฉินยิ้มตอบรับก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “สรรพคุณของไอศกรีมที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งทางพลังจิต เรื่องนี้สมควรหารือและให้นักปรุงงยาผู้อื่นมาเยือนร้านต้นตำรับกันแล้ว”
สำหรับนักปรุงยาทั้งหลาย พลังจิตเป็นสิ่งสำคัญ
ความแข็งแกร่งและปริมาณพลังจิตที่ถือครอง มันแทบจะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จในการปรุงยา
ถัดจากนั้นหลายคนจึงเริ่มพูดกล่าวถึงเรื่องราวของหุบเขาโอสถ
เพราะหุบเขาโอสถดำเนินในรูปแบบสำนัก ดังนั้นการจัดการเรื่องราวทั้งหลายเป็นไปอย่างหละหลวม
ไม่ว่าจะศิษย์หรือนักปรุงยาต่างก็มีอิสระกันอย่างเต็มที่
ผ่านไปครู่หลายคนจึงหารือต่อกันก่อนจะได้ข้อสรุป
อย่างไรแล้วหุบเขาโอสถก็สร้างค่ายอาคมเคลื่อนย้ายเป็นที่เรียบร้อย มาเยือนนครจิ่วเหยาไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
เพราะอย่างนั้นคิดไปมาก็เป็นเรื่องง่ายดาย
“ข้ารู้สึกมาตลอดว่าหารือหรือไม่หารือต่างก็ได้ผลลัพธ์เท่ากัน” ผู้อาวุโสที่สามเผยความสงสัย
“จ้าวสำนักก็เป็นเช่นนี้ ผ่านมาหลายปียังไม่คุ้นชินอีกหรือ?” ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยตอบเสียงเบาขณะมองหลังเหยาฮุยเฉิน
“ข้าได้ยินนะ” เหยาฮุยเฉินเอ่ยคำขึ้น
ผู้อาวุโสใหญ่กระแอมไอก่อนจะหยุดพูดกล่าว…
“เถ้าแก่ กลุ่มแชทนี่เข้าร่วมได้กี่คนกัน?” เหยาซือหยานกำลังสอบถามลั่วฉวน
นางส่งโทรศัพท์วิเศษให้ลั่วฉวนพร้อมชี้ที่หน้าจอ
ลั่วฉวนมองตาม
เพียงหนึ่งชั่วโมงผ่านพ้น จำนวนผู้เข้าร่วมกลุ่มแชทก็เกินหนึ่งร้อยคนเข้าไปแล้ว
“เหมือนว่าลูกค้าทั้งหลายจะกระตือรือร้นกันดี” ลั่วฉวนเผยความเห็น
ด้วยมีเค้าลางจากกระดานสนทนาก่อนหน้านี้ แอพแชทจึงเป็นที่เข้าใจง่ายต่อการใช้งาน