God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1023
ตอนที่ 1023
“อากาศเย็นลงอีกแล้ว” ปู้ฉืออีเปลี่ยนไปใส่เสื้อตัวที่หนากว่าเดิม รวมถึงยามพูดกล่าวจะมีควันออกมา
ภายในร้านรวงที่เปิดอยู่สองฟากข้างของทางจะได้เห็น ว่าผู้คนต่างสวมใส่ชุดที่เปลี่ยนแปลงไป
“ถึงอย่างนั้นไอศกรีมของร้านเถ้าแก่ก็ยังน่าทานอยู่ดี” เสียงของปู้หลี่เกื๋อดังจากด้านข้าง
ปู้ฉืออีต้องกลอกตามองตอบโดยไม่คิดโต้แย้งประเด็นนี้
ไม่ช้าทั้งสองจึงมาถึงร้านของหยวนก่วย
“อาจารย์ วันนี้มื้อเช้าเป็นอะไรกันขอรับ?” ปู้หลี่เกื๋อกล่าวถามด้วยความสงสัย
“ลองให้เจ้าเดา” หยวนก่วยกล่าวตอบกลับมา
ปู้หลี่เกื๋อสูดดม “หากข้าเดาไม่ผิด น่าจะเป็นอาหารเช้าเหมือนดังวันแรกที่ร้านน้อยหยวนก่วยเปิดขาย?”
“ถูกต้อง” หยวนก่วยพยักหน้ารับ
ปู้หลี่เกื๋อถอนหายใจโล่งอก
“เถ้าแก่หยวน เหมือนว่าในร้านจะมีลูกค้า?” ปู้ฉืออีตระหนักเห็นภายในร้านแม้มีหมอกไอน้ำหนาบดบัง
“คงต้องรออีกสักพัก เข้ามานั่งรอก่อนก็ได้” หยวนก่วยกล่าวบอก
ผ่านหมอกไอน้ำหนา ทั้งสองเดินเข้าไปในร้าน
ไม่ช้าจึงได้เห็นว่าเป็นอานเหวยหยากับปิงชวง
ก่อนอื่นคือกล่าวทักทาย
ทางด้านปิงชวงยังคงเล่นโทรศัพท์วิเศษไม่ตอบสนอง
“อืม นิสัยนางเป็นเช่นนี้แหละนะ” อานเหวยหยาช่วยอธิบาย
ปู้ฉืออีกับปู้หลี่เกื๋อพยักหน้ารับ
เมื่อวานทั้งสองได้เห็นปิงชวงที่ร้านต้นตำรับแล้ว ดังนั้นจึงเข้าใจ
…..
“กล่าวไปแล้ว ที่ร้านขยายวันนี้เพราะชาวทะเลจะมาหรือ?”
หลังได้ทานมื้อเช้า เหยาซือหยานจึงเก็บของขึ้นไปล้าง ขณะนี้นางค่อยลงมา
“จะว่างั้นก็ได้” แม้ลั่วฉวนไม่เคยไปยังเมืองใต้สมุทร แต่เขาคาดเดาได้ว่าชาวทะเลจะมีจำนวนไม่ใช่น้อยแน่
“โนริเอลได้บอกเวลาอะไรทำนองนี้ไหม?” เหยาซือหยานยังคงสงสัย
“ไม่มีบอกแน่ชัด” ลั่วฉวนส่ายศีรษะ “ทราบเพียงวันนี้ประตูมิติเสร็จสมบูรณ์ แต่เดี๋ยวคงมีอะไรแจ้งมาเพิ่มเติม”
“ประตูมิติ?” เหยาซือหยานเกิดสงสัยต่อเนื่อง
“คิดเสียว่าเป็นค่ายอาคมเคลื่อนย้ายประเภทหนึ่งที่ชาวไซเรนสร้างขึ้น รูปลักษณ์จะแตกต่างไปจากค่ายอาคมเคลื่อนย้ายที่เคยเห็นในทวีปเทียนหลัน” ลั่วฉวนอธิบาย
“เหมือนดังเก๋อหลัวและทวีปเทียนหลัน มันคือความแตกต่างระหว่างสองอารยธรรมสินะ?” เหยาซือหยานครุ่นคิดและได้ข้อสรุปเช่นนี้ออกมา
“เข้าใจเช่นนั้นก็ได้” ลั่วฉวนพยักหน้ารับ
“เถ้าแก่ พี่ซือหยาน อรุณสวัสดิ์” ปู้หลี่เกื๋อเดินเข้ามาในร้านเป็นคนแรก
ปู้ฉืออี อานเหวยหยา และปิงชวงเดินตามหลังกันเข้ามา
“อรุณสวัสดิ์” เหยาซือหยานยิ้มตอบรับ
กลุ่มคนเดินมุ่งตรงไปยังชั้นวางสินค้า
“ทำไมวันนี้ไม่มาทานมื้อเช้าด้วยกันล่ะ?” เหยาซือหยานเดินไปถามปิงชวง
“ร้านน้อยหยวนก่วย” ปิงชวงตอบกลับมา
“เป็นเช่นนี้นี่เอง” เหยาซือหยานพยักหน้ารับ “ที่นั่นไม่เลวเลย ฝีมือทำอาหารนั้นยอดเยี่ยม”
ปู้หลี่เกื๋อดื่มโคล่าเข้าไปก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาอย่างสดชื่น
แม้อากาศภายนอกร้านเย็นลงกว่าเดิม แต่อุณหภูมิภายในร้านต้นตำรับยังคงสบายกายเหมือนดังเคย
หลังได้ดื่มโคล่าดับกระหาย ตัวเขาจึงกลายเป็นมีเรี่ยวแรงขึ้นมา
ปู้หลี่เกื๋อชอบความรู้สึกนี้เป็นที่สุด
ขณะเขากำลังจะไปหาเครื่องเล่นเกมเพื่อนั่งเล่น ตอนนี้เองที่ได้ตระหนักพบเห็นสิ่งแตกต่างไปจากเดิมภายในร้าน
“เถ้าแก่ ที่ตรงนั้น…” ปู้หลี่เกื๋อหันมองลั่วฉวนด้วยสายตาตื่นเต้น
มันคือประตูใหม่ที่เหมือนดังหมู่บ้านซากุระ?
หรือจะมีสินค้าใหม่อย่างกาแฟเพิ่มเข้ามา?
ปู้หลี่เกื๋อเริ่มคาดหวังวาดภาพอยู่ในใจ
“เป็นมิติสำหรับใช้งานเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงเพิ่มเติม” ลั่วฉวนกล่าวบอก “เพราะมองว่าตอนนี้ออกจะไม่เพียงพอแล้ว ก็เลยเพิ่มเข้าไปอีกเล็กน้อย”
“เป็นเช่นนี้” ความตื่นเต้นของปู้หลี่เกื๋อเลือนหายไปหลายส่วน “นึกว่าเถ้าแก่จะนำเสนอสินค้าใหม่เสียอีก”
“หือ? มิติใหม่งั้นหรือ?” อานเหวยหยาที่กำลังเติมน้ำร้อนลงถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ยินคำของลั่วฉวน นางจึงตื่นเต้นก่อนจะวางถ้วยไว้บนโต๊ะ “ไปรับชมกันดีกว่า”
ปิงชวงไม่ตอบสนอง แต่ก็โดนอานเหวยหยาดึงตัวไปเรียบร้อยแล้ว
ทั้งสี่คนจึงเดินมาถึงตรงหน้าประตูโลหะ
สัมผัสถึงผู้คนที่เข้ามาใกล้ รอยแยกพลันปรากฏและเลื่อนออกสู่สองฟากข้าง
“ดูล้ำหน้ายิ่งนัก” ปู้หลี่เกื๋อกล่าวประทับใจ
พบเห็นคนทั้งสี่เดินเข้าไปยังมิติต่อขยาย ลั่วฉซนจึงเกิดความรู้สึกแปลกขึ้นมา
บางทีภายหน้า ร้านต้นตำรับอาจจะกลายเป็นพื้นที่ส่วนกลางไปยังพื้นที่ต่อขยาย
ถึงตอนนั้นผนังร้านคงมีประตูอันหลากหลายคงอยู่…
ยามนึกถึงแนวทางพัฒนาที่น่าจะเกิดขึ้นอยู่ในใจ ลั่วฉวนพลันต้องถอนความคิด
ช่างมันก่อน เรื่องนั้นคงอีกนาน ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดแล้ว
“มันดูแตกต่างจากที่ด้านนอก” ปู้ฉืออีประหลาดใจขณะรับชมไม้กระถางปรากฏทั่วทุกแห่ง
เพราะที่ด้านนอกนั้นในร้านจะมีสีเขียวก็เพียงแต่ต้นไม้โลก รวมถึงผู้คนก็ไม่ค่อยจะสนใจสักเท่าไหร่
จะมีก็แต่ลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยมาร้านต้นตำรับจึงค่อยสนใจต้นไม้โลกอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
“เครื่องเล่นเกมเสมือนจริงเหมือนกันหมด เถ้าแก่แค่เพิ่มมิติเข้ามา” ปู้หลี่เกื๋อไม่ค่อยใส่ใจกับสภาพแวดล้อมในการเล่นเกมสักเท่าไหร่
“หือ? แต่ที่นี่แตกต่างไปหน่อยนะ ลองเดินดูสิ!” อานเหวยหยาที่อยู่ไม่ไกลตอนนี้พบเห็นอะไรเข้า
ปู้หลี่เกื๋อและปู้ฉืออีจึงเดินตามไป
จากนั้นจึงค่อยรับชมสิ่งที่เห็นตรงหน้าก่อนดวงตาจะเบิกกว้างประหลาดใจ
มันมีห้องเล็กแยกโดดเดี่ยวออกไป แต่ละห้องคือเครื่องเล่นเกมสำหรับใช้ส่วนตัว
“นี่มัน… ห้องแยกเดี่ยว?” ปู้หลี่เกื๋อเกิดประหลาดใจขึ้นมาแล้ว
“เหมือนจะเป็นอย่างนั้น” ปู้ฉืออีตอบสนองอาการเดียวกัน
“เถ้าแก่เล็งเห็นประโยชน์ของการแยกพื้นที่ออกมาแล้ว” อานเหวยหยาเผยยิ้ม “ข้าคิดว่าลูกค้าส่วนหนึ่งเหมือนเคยพูดคุยกัน ว่าไม่ค่อยชอบใช้เครื่องเล่นเกมเสมือนจริงในสภาพแวดล้อมจอแจ ตอนนี้ปัญหานั้นคลี่คลายแล้ว”
“จำนวนนั้นมีร่วมสองร้อยห้องเห็นจะได้…” ปู้หลี่เกื๋อนับโดยคร่าว “น่าจะมากพอเลยทีเดียว”
ประเด็นสำคัญคือในเวลาปกติของช่วงนี้ แม้ในร้านมีห้าร้อยที่นั่งก็เต็มแน่น ลูกค้าหลายคนต้องนั่งรอ
นอกจากนี้แล้วยังมีลูกค้าหลายคนชอบบรรยากาศคึกคักภายในร้าน พวกเขาจะตั้งวงเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ด หรือไม่ก็รับชมผู้อื่นเล่นเกม พื้นที่สำหรับความเงียบสงบสองร้อยที่นั่งนี้สมควรมากพอ
ปิงชวงไม่ตอบสนอง ใบหน้าของนางยังคงเรียบเฉยเหมือนดังเคย สองมือนั้นเกาะกุมแขนอานเหวยหยาเอาไว้แน่นเพราะไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม
หลังเดินสำรวจ ทั้งสี่จึงกลับออกไป
ประเด็นหลักก็ยังคงอยูที่ร้านส่วนกลางอยู่ดี
เครื่องเล่นเกมเสมือนจริงล้วนเหมือนกันหมด ไม่มีความแตกต่างในการใช้งาน หากไม่ใส่ใจสภาพแวดล้อมแล้วจะนั่งเล่นที่ไหนก็ได้
“เป็นยังไงบ้าง?” เหยาซือหยานเผยยิ้มแย้มกล่าวถามต่อกลุ่มคนที่เพิ่งออกมา
“ไม่ค่อยดึงดูดใจข้าเท่าไหร่” ปู้หลี่เกื๋อตอบรับ เขาชอบบรรยากาศคึกคักมากกว่า
และในความเห็นของเขา กลอรี่จำเป็นต้องเล่นห้าคน นั่งด้วยกันจึงสนุกกว่า