God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1022
ตอนที่ 1022
หลังเก็บใบไม้มาเรียบร้อย ลั่วฉวนจึงค่อยหันมองไปทางเครื่องเล่นเกม
มันไม่มีใดแตกต่างจากปกติ เครื่องเล่นเกมทั้งหมดถูกจัดเรียงไว้อย่างสวยงาม
ความแตกต่างหนึ่งเดียวคือมีประตูบนผนัง ขณะที่ข้างกันนั้นคือทางเข้าสู่มิติขายอาวุธ
วัสดุสีเงินที่สร้างประตูจะเหมือนดังหภาพยนตร์ล้ำยุคอย่างไรอย่างนั้น มันคือประตูที่เชื่อมต่อไปยังอีกมิติ
สำหรับลั่วฉวนแล้วไม่มีอะไรให้แปลกใจ จำนวนเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงที่เพิ่มเข้าไปใหม่จะอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
เขาเดินเข้าไป
สัมผัสได้ถึงลั่วฉวนที่เข้ามาใกล้ รอยแยกพลันปรากฏตรงกลางของประตูพร้อมเลื่อนเปิดออกซ้ายขวา
นี่จึงเป็นประตูอัตโนมัติที่ลั่วฉวนต้องการให้เป็น
เครื่องเล่นเกมเสมือนจริงก็เหมือนเดิม มิติแห่งนี้สว่างได้โดยไม่ต้องมีแหล่งกำเนิดแสงสว่าง รวมถึงมีการจัดวางไว้กระถางเอาไว้ตามมุมเพื่อช่วยให้อากาศสดชื่น
เมื่อเดินเข้าไปแล้วลั่วฉวนจึงสำรวจมองรอบ
มันไม่แตกต่างอะไรจากที่ภาพจำลองแสดงให้เห็น ทั้งหมดเป็นไปตามที่กำหนดเอาไว้
หากมองจากเพียงภายนอกร้านต้นตำรับ คงยากที่จะจินตนาการถึงได้ว่าภายในมีมิติอันกว้างใหญ่เหล่านี้คงอยู่
หลังเดินสำรวจดูสองรอง ลั่วฉวนจึงค่อยเดินกลับออกจากพื้นที่เปิดใหม่
เมื่อเขาออกมา ประตูโลหะจึงปิดลงอีกครั้ง
รอยแยกที่ประตูเปิดออกสองฟากข้างจะกว้างพอให้คนเข้าไปได้ทีละคน
ลั่วฉวนมองทางกระดานที่แขวนบนผนัง เหล่านั้นคือกฎการใช้งานเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงที่เขียนเอาไว้
ถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนหน่อยแล้ว
เขาขึ้นไปยังชั้นสอง
ตอนผ่านห้องครัว เหยาซือหยานตระหนักพบเห็นเขาเข้า
“เถ้าแก่?”
“มาเอาของนิดหน่อย”
“ของ?”
“ปากกา มีอะไรต้องเขียนใหม่”
ร่างของลั่วฉวนหายไปจากสายตา
เหยาซือหยานได้แต่เกิดความสงสัยในใจ
เท่าที่นางจำได้ มีแต่ตอนที่เขียนกฎทั้งหลายของร้านต้นตำรับจึงต้องใช้ปากกา
หรือเถ้าแก่คิดปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์ใหม่ หรือเพิ่มขึ้นจากเดิม?
ลั่วฉวนกลับลงมาชั้นล่าง จากนั้นจึงปลดกระดานลงจากผนัง ไม่ช้าจึงเริ่มปรับเปลี่ยนข้อมูลตามที่ควรเป็น
เดิมระยะเวลาเล่นเกมเขียนไว้ “สามชั่วโมง” ตอนนี้ปรับแก้เป็น “สี่ชั่วโมง” และจึงแขวนขึ้นผนังอีกครั้ง
เรียบร้อยแล้วเขาจึงกลับไปนั่งที่หลังโต๊ะรับเงินพลางนำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมานั่งเล่นรอ
ผ่านไปพักหนึ่งเหยาซือหยานจึงถือสำรับอาหารเช้าลงมาจากชั้นบน
จากนั้นนางจึงจัดเรียงวางบนโต๊ะอาหาร
“เถ้าแก่ปรับเปลี่ยนอะไรไปหรือ?” เหยาซือหยานกล่าวถามด้วยความสงสัย
“เพิ่มระยะเวลาใช้งานเครื่องเล่นเกมเสมือนจริง” ลั่วฉวนตอบกลับไปอย่างไม่คิดอะไรมาก
“เรื่องนี้นี่เอง” เหยาซือหยานเผยยิ้ม “ลูกค้าเกือบทุกคนในร้านต่างเกิดความรู้สึกว่าเล่นเกมได้น้อยเกินไป หากทราบว่าเพิ่มเวลาเล่นเกมขึ้นมาแล้วคงประหลาดใจกันแน่ กล่าวถึงเรื่องนี้ เถ้าแก่ให้ใช้โทรศัพท์วิเศษปรับเปลี่ยนข้อมูลด้วยหรือไม่?”
นางจำได้อย่างชัดเจนว่าลั่วฉวนให้โพสต์เนื้อหากฎและข้อควรปฏิบัติผ่านทางกระดานสนทนาของร้าน
“ตอนนี้ยังไม่จำเป็น” ลั่วฉวนชี้ไปยังประตูโลหะที่อยู่ไม่ไกล “นอกจากนี้แล้วเมื่อคืนร้านได้ทำการขยายเรียบร้อย”
เมื่อมองตามไปยังทิศทางที่ลั่วฉวนชี้บอก เหยาซือหยานจึงได้เห็นว่ามันมีประตูเพิ่มขึ้นมา
“การขยายร้านครั้งนี้เหมือนจะแตกต่างจากครั้งก่อน” เหยาซือหยานเกิดประหลาดใจ
ก่อนหน้านี้หลายครั้งคือขยายพื้นที่เดิม นั่นก็คือพื้นที่ภายในร้านใหญ่มากขึ้นเรื่อยมา
แต่การขยายร้านครั้งนี้ เว้นแต่เพิ่มประตูโลหะขึ้นมาบานหนึ่ง สภาพแวดล้อมภายในร้านแทบไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
“ตอนนี้พื้นที่ภายในร้านกว้างขวางพอแล้ว หากขยายกว่านี้คงไม่ดี” ลั่วฉวนกล่าวบอก
“ข้าเห็นด้วย” เหยาซือหยานพยักหน้ารับ จากนั้นจึงเดินไปยังพื้นที่เพิ่งเปิดใหม่ “เถ้าแก่ ข้าขอเข้าไปรับชมหน่อย”
ลั่วฉวนลุกขึ้นไปหยิบเอาก้อนดำน้อยขึ้นมาวางบนโต๊ะ
จากนั้นเขาจึงเริ่มตักอาหารยัดเยียดให้ก้อนดำน้อย
ก้อนดำน้อยปรากฏสองมือยื่นออกมาเป็นการผลักลั่วฉวนเผยท่าทีปฏิเสธ
กระนั้นลั่วฉวนก็ยังคงเพลิดเพลิน
เหยาซือหยานที่มาถึงตรงหน้าประตูโลหะ นางสงสัยว่ามันเปิดอย่างไร แต่ไม่ช้ารอยแยกก็ปรากฏพร้อมบานประตูที่เลื่อนออกสองข้างด้วยตัวมันเอง
“ประตูทำงานด้วยตัวมันเอง?”
เหยาซือหยานเกิดประหลาดใจขณะเดินเข้าไป
ลั่วฉวนตอนนี้กำลังหยอกล้อก้อนดำน้อย กระนั้นก็ยังได้ยินเสียงอุทาน
ไม่กี่นาทีถัดจากนั้น เหยาซือหยานจึงค่อยเดินกลับมา
ใบหน้านางค่อนข้างเผยอาการประหลาดใจ “เถ้าแก่ มิติภายในนั้นเหมือนจะกว้างยิ่งกว่าภายในร้านเสียอีก”
“เพราะมันเป็นพื้นที่แยกออกไป ดังนั้นใหญ่ขึ้นอีกนิดก็ไม่เป็นไร” ลั่วฉวนกล่าวบอก “อย่างไรแล้วก็ไม่ใช่ลูกค้าทุกคนจะชื่นชอบบรรยากาศคึกคัก”
“เห็นด้วย” เหยาซือหยานตอบรับ นางกำลังคาดหวังจะได้เห็นปฏิกิริยาตอบสนองของลูกค้าทั้งหลายยามได้ทราบเรื่อง
ที่มิติส่วนตัว อานเหวยหยาลืมตาตื่นก่อนจะหาว
ไม่ไกลห่างคือปิงชวงที่ยังคงถือโทรศัพท์วิเศษ ดวงตาสีแดงนั้นสะท้อนภาพบนหน้าจอ
“น่าจะเช้าแล้ว” อานเหวยหยาลุกขึ้นก่อนจะยืดเอว “ปิงชวง อรุณสวัสดิ์”
ปิงชวงหันมองตอบอานเหวยหยาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “อรุณสวัสดิ์”
“ได้เวลาทานมื้อเช้ากันแล้ว” อานเหวยหยากล่าวบอก
พอได้ยินเสียงนี้ ปิงชวงจึงเก็บโทรศัพท์วิเศษไป
แม้ว่าใบหน้าของนางไม่เผยสีหน้าใดออก แต่การกระทำนั้นบ่งบอก
“ไม่ใช่ที่ร้านเถ้าแก่” เพราะเมื่อวานฝากท้องที่ร้านต้นตำรับไปสองมื้อแล้ว อานเหวยหยาไม่คิดไปรบกวนตอนเช้าวันนี้อีก
ปิงชวงมองที่นาง สายตานั้นเผยความนึกคิดเด่นชัดถึงความสงสัย
“ร้านน้อยหยวนก่วย เป็นร้านที่ทำอาหารได้เก่งกาจอีกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว” อานเหวยหยากล่าวบอก
นางตระหนักพบเห็นถึงอารมณ์ภายในของปิงชวงที่แปรเปลี่ยนไปจากเดิม
“ฝีมือเถ้าแก่หยวนไม่น้อยกว่าเหยาซือหยานเลยนะ!” อานเหวยหยากล่าวออกอย่างจริงจัง “เดี๋ยวพอได้ทานแล้วเจ้าจึงได้ทราบ”
ปิงชวงไม่พูดตอบ
เส้นทางมิติชั่วคราวเปิดออก ปิงชวงถูกดึงร่างเดินทางไป
สภาพแวดล้อมบิดเบี้ยว เสียงฝนดังปรากฏให้ได้ยิน
สองร่างมาปรากฏตรงหน้าประตูร้านของหยวนก่วย
ไอน้ำสีขาวพวยพุ่งออกมา เหล่านี้สมควรเกิดจากกระบวนการทำอาหาร หยวนก่วยอยู่ด้านหลังหม้อนึ่งขนาดใหญ่พลางถือโทรศัพท์วิเศษไว้ในมือ
“เถ้าแก่หยวน มื้อเช้าพร้อมให้ทานหรือยัง?” อานเหวยหยาจูงมือปิงชวงเดินเข้ามาสอบถาม
“ต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย” หยวนก่วยเงยหน้าขึ้นมองไปยังปิงชวง
เขายังจำเรื่องราวเมื่อคืนก่อนได้
ร่างในชุดดำปรากฏตัวอย่างไร้ตัวตนและหายไปในตรอก
หากไม่ใช้ตาเพื่อมอง เช่นนั้นจะไม่ทราบถึงการคงอยู่ของร่างนั้น
หลังเดินทางในทวีปเทียนหลันมาก็ยาวนาน เขาไม่เคยได้เห็นอะไรแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน
และเขาก็ไม่คาดคิดด้วย ว่าร่างในชุดดำนั้นจะเป็นสตรี
“เข้ามารอในร้านก่อนได้” หยวนก่วยกล่าวบอก
“วิเศษแล้ว” อานเหวยหยาพยักหน้ารับก่อนจะจูงมือปิงชวงเดินเข้าร้านหยวนก่วยไป