God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1009
ตอนที่ 1009
กลุ่มแชทอย่างเป็นทางการของร้านต้นตำรับคึกคักอยู่เสมอ
และนี่เป็นครั้งแรกที่ลั่วฉวนได้เห็นข้อมูลที่โนริเอลพูดกล่าว
“การก่อสร้างประตูมิติเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว จากนี้จะไปเยือนร้านต้นตำรับได้”
เด็กสาวบอกเล่าให้ลูกค้าทั้งหลายทราบถึงการก่อสร้างประตูมิติ
ส่วนตัวตนดั้งเดิมของนาง เรื่องราวยังคงเป็นปริศนาและลึกลับ
“พวกผู้แข็งแกร่งชาวทะเลจะมาแล้วสินะ? อยากเจอแล้วสิ”
“โนริเอลเป็นชาวทะเลหรือ? ทำไมถึงซื้อโทรศัพท์วิเศษจากร้านต้นตำรับได้กันล่ะ?”
“ข้าคิดว่าเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงมีไม่พอแล้ว”
“เห็นด้วย”
“ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ละครั้งปัญหาการขาดแคลนจะได้รับการแก้ไข ไม่นานมานี้ก็เพิ่งเพิ่มจำนวนเครื่องเล่นขึ้นมา”
“…”
หัวข้อการสนทนาส่วนใหญ่ก็ยังเป็นร้านต้นตำรับ
ลั่วฉวนเปิดแอพวิดีโอขึ้นมา
หลายวันผ่านพ้น ลูกค้าหลายคนเริ่มมีความกระตือรือร้นลดน้อยลง
ที่น่าสังเกตคือจำนวนของวิดีโอลดน้อยลงและไม่ค่อยมีเนื้อหาที่น่าสนใจสักเท่าไหร่
แม้ว่าจำนวนลดลง แต่คุณภาพกำลังเพิ่มมากขึ้น
รับชมวิดีโอสุ่มไปเรื่อย ลั่วฉวนจึงได้ข้อสรุป
แผนการนำเสนอวิดีโอของหุบเขาโอสถคล้ายยังไม่เสร็จสิ้น อย่างน้อยลั่วฉวนก็ไม่เห็นวิดีโอของพวกเขาในเทียบอันดับ
วิดีโอเหล่านั้นคือความคาดหวังของเหยาฮุยเฉินที่จะได้ขึ้นเป็นอันดับแรก
ลั่วฉวนวางโทรศัพท์วิเศษก่อนจะหันมองทางลูกค้าคนพิเศษภายในร้านอยู่หลายครั้ง
นับตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ อีกฝ่ายยืนนิ่งไม่ไหวติงแต่อย่างใด
มันทำลั่วฉวนเกิดสงสัย ว่าอีกฝ่ายและต้นไม้โลกมีความเกี่ยวข้องใดกันหรือไม่
กระนั้นต้นไม้โลกก็ไม่ได้มีอาการตอบสนอง เรื่องนี้จึงมองว่าแปลก
อาการเงียบงันนั้นคงอยู่ได้ไม่นาน เมื่อกลิ่นหอมของอาหารลอยลงมายังชั้นล่าง ลั่วฉวนค่อยได้เห็นร่างนั้นที่คล้ายสั่นเล็กน้อย
นี่คืออะไร? ยอมจำนนต่ออาหารงั้นหรือ?
กลิ่นยิ่งมายิ่งหอมมากขึ้น ร่างในชุดดำหันมองมาเชื่องช้าไปยังทิศทางบันได
“น่าจะต้องอีกสักพัก” ลั่วฉวนพบเห็นการเคลื่อนไหวจึงกล่าวบอก
ไม่กี่วินาทีถัดจากนั้น ร่างในชุดดำจึงพยักหน้าตอบรับให้ลั่วฉวนก่อนจะหันไปมองต้นไม้โลกอีกครั้ง
และก็ยืนจ้องไปเช่นนั้น~
หลังได้ยินเสียงเรียกของเหยาซือหยาน ลั่วฉวนจึงขึ้นไปชั้นบนช่วยนำสำรับอาหารเช้าลงมา
จากนั้นจึงวางลงบนโต๊ะอย่างเต็มแน่น
ลั่วฉวนและเหยาซือหยานต่างนั่งรอ
“ไม่มานั่งหรือ?” เหยาซือหยานหันมองทางร่างในชุดดำที่เอาแต่สนใจมองทางด้านนี้
ที่โต๊ะอย่างไรก็ยังมีพื้นที่เหลือ
ไม่กี่นาทีถัดจากนั้น ร่างในชุดดำจึงเดินเข้ามาพร้อมนั่งลง
แม้สวมใส่หน้ากากปิดบังทั้งหมด แต่ลั่วฉวนรับรู้ได้ ว่าสายตานั้นจ้องมองที่อาหารตรงหน้า
มันราวกับดึงดูดความสนใจนางได้อย่างรุนแรง
แต่หากสวมหน้ากากก็ไม่อาจทานอาหาร เพราะมันไม่มีช่องให้นำอาหารเข้าปาก
ราวกับตระหนักได้ถึงปัญหา ร่างในชุดดำจึงลังเลก่อนจะยื่นมือออกจากใต้ชุดสีดำ
แขนนั้นเพรียวบาง ผิวหนังค่อนข้างขาวซีด ไม่เกินเลยหากจะกล่าวว่าซีดเซียว เพราะแขนนั้นพบเห็นเส้นเลือดดำอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อมือนั้นวางที่หน้ากาก มันหยุดไปครู่ จากนั้นจึงถอดออก
ภายใต้หน้ากากคือใบหน้าอันงดงามเย็นเยือก ริมฝีปากบางโค้งได้รูป จากที่เห็นนั้นน่าจะอ่อนเยาว์กว่าเหยาซือหยาน
เส้นผมสีขาวเงินเผยยาวทางด้านหลัง มันเป็นสีที่สะท้อนแสงได้อย่างงดงาม
ที่สะดุดตาของโฉมงามผู้นี้คือดวงตาสีแดง รวมถึงความสงบที่ราวกับทะเลสาบอันเงียบงันอย่างไม่อาจจับสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงใดได้
เหยาซือหยานมองอีกฝ่ายด้วยอาการประหลาดใจ นางแทบไม่อาจเชื่อมโยงกับเสียงแหบห้าวก่อนหน้านี้ได้เลย
กระทั่งลั่วฉวนยังอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้น เขาเองก็ไม่คาดคิด
สตรีตรงหน้ามองเหยาซือหยานที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเฉยชา ราวกับรอคอยคำสั่งถัดไปอยู่
เหยาซือหยานจึงหันมองลั่วฉวน ความหมายจากสายตานั้นคือ ‘ข้าควรทำยังไงดี?’
สตรีแปลกหน้ากำลังรอคอยคำถัดมาของเหยาซือหยานจริง เรื่องนี้ทำลั่วฉวนยิ่งมั่นใจ ว่าจิตของนางสมควรเกิดปัญหาขึ้น
“บางที… พวกเราควรเริ่มทานได้แล้วกระมัง?” ลั่วฉวนกล่าวแนะนำ
อย่างไรแล้วเขาก็ได้เห็นนางจับจ้องอาหารบนโต๊ะไม่วางตาตั้งแต่นั่งลง
“งั้นก็เริ่มทาน” เหยาซือหยานกล่าวตอบ
สตรีในชุดดำพยักหน้ารับพร้อมยื่นมือไปหยิบจับอาหาร
เหยาซือหยานขมวดคิ้วพร้อมหยุดมือนั้นเอาไว้
สายตาอีกฝ่ายเผยอาการสับสน เหยาซือหยานชี้ไปยังตะเกียบตรงหน้า
หลายวันที่ได้ใช้ชีวิตในร้านต้นตำรับ เหยาซือหยานได้เรียนรู้หลายสิ่งอย่างจากปากคำของลั่วฉวน
อีกฝ่ายลังเลก่อนจะหยิบเอาตะเกียบขึ้นมา
กระนั้นมือของนางคล้ายไม่ค่อยยืดหยุ่น ตะเกียบร่วงหล่นกับพื้นโต๊ะเพียงแค่พยายามขยับมือ
เหยาซือหยานถอนหายใจอย่างอับจนก่อนจะส่งส้อมให้
นางยื่นมือไปรับเอาไว้ จากนั้นจึงฟังคำอธิบาย แม้สีหน้าและดวงตาไม่แปรเปลี่ยน แต่ความรู้สึกนั้นราวกับกำลังยินดี
เหยาซือหยานตระหนักทราบได้เล็กน้อย
“ใส่ที่ให้ไว้ลงไปหรือเปล่า?” ลั่วฉวนกล่าวถามเหยาซือหยานพร้อมมองสตรีแปลกหน้าที่คล้ายอยู่ในอาการลังเลขณะมองอาหารเช้าตรงหน้า
“เรียบร้อยแล้ว” เหยาซือหยานพยักหน้ารับพร้อมลดเสียงเบาลง “เถ้าแก่สงสัยว่าวิญญาณของนางเกิดปัญหาขึ้นหรือ?”
ลั่วฉวนเคยบอกนางก่อนหน้านี้ ว่าผลองุ่นมีสรรพคุณช่วยชำระล้างวิญญาณและอาการตกค้างอื่น โดยสรุปแล้วหากเป็นคนทั่วไปทานเข้าไปจะได้รับอายุขัยอันยืนยาวขึ้น รอดพ้นจากโรคภัย รวมถึงวิญญาณที่อาจมีอาการผิดปกติ เหล่านี้มันมากพอจะบ่งบอกถึงความทรงอำนาจของผลองุ่น
เหยาซือหยานเคยทานเข้าไปครั้งหนึ่ง นางได้ข้อสรุปเหล่านี้ออกมา ยกเว้นแต่รสชาติสุดประหลาดเกินจะจดจำ สรรพคุณอื่นนั้นเทียบได้กับหิงห้อยกับดวงจันทร์
“มีความเป็นไปได้” ลั่วฉวนยังไม่อาจมั่นใจ “ลองดูไม่เสียหาย อย่างไรแล้วก็ไม่ได้มีผลเสียอะไร”
เหยาซือหยานนึกถึงกลิ่นและรสชาติที่เคยได้รับ สีหน้าอดไม่ได้ที่จะเหยเกเล็กน้อย
ผลเสียไม่มี แต่รสชาตินั้น…
หลังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สตรีเส้นผมสีเงินจึงเลือกอาหารอย่างแรก
ก้อนเค้กที่ประดับด้วยซากุระ ถือเป็นของหวานยามเช้าที่งดงามประจำวันนี้
นางที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ตอนนี้เลือกที่จะใช้นิ้วจับขึ้นมา
รับชมเรื่องราว ลั่วฉวนจึงคิดว่านางโดนรูปลักษณ์ของซากุระและกลิ่นดึงดูด อย่างไรแล้วสตรีกับของหวานก็เป็นสิ่งคู่กัน…