God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1010
ตอนที่ 1010
เมื่อสตรีเส้นผมสีเงินนำก้อนเค้กใส่เข้าในปาก ลั่วฉวนค่อยได้เห็นถึงคลื่นที่ปรากฏในดวงตาสีแดงของนาง
“คล้ายจะชอบนะ” เหยาซือหยานกระซิบกับลั่วฉซน
อาหารในปากยังไม่ได้ถูกกลืน เค้กอีกก้อนหนึ่งก็ถูกหยิบขึ้นมาแล้ว
เพราะมีลูกค้าไม่คุ้นหน้าร่วมทานอาหารเช้า ดังนั้นบรรยากาศจึงแปลกไปกว่าแต่ก่อน อย่างน้อยลั่วฉวนกับเหยาซือหยานก็เอาแต่มองนาง
“แล้วจานไหนที่ใส่ผลองุ่นเข้าไป?” ลั่วฉวนถามเสียงเบา
“โจ๊กผลไม้” เหยาซือหยานตอบเสียงบา
บทสนทนาระหว่างคนทั้งสองไม่ได้กระทบใดต่ออีกฝ่าย จิตวิญญาณของนางราวกับกำลังดื่มด่ำไปกับกระบวนการกินจนไม่ตอบสนองต่อโลกภายนอก
ภายใต้สายตาของลั่วฉวนแหละเหยาซือหยาน นางมองโจ๊กผลไม้ที่วางตรงหน้าพร้อมใช้ช้อนตักขึ้นชิม
การเคลื่อนไหวนั้นฉับพลันแข็งค้าง สีหน้าเย็นเยือกราวน้ำแข็งแตกสลาย ประกายเจิดจ้าปรากฏเจือจางในดวงตา ริมฝีปากนั้นเริ่มขยับอ้าออกเล็กน้อย
“เหมือนว่าจะได้ผลนะ” เหยาซือหยานกล่าวบอก
รับชมภาพฉากตรงหน้า นางจึงนึกถึงประสบการณ์ที่เคยได้รับ สีหน้าตอนนี้อดไม่ได้ที่จะเหยเก
ลั่วฉวนมองท่าทีของนางพร้อมคาดหวังถึงการเปลี่ยนแปลงถัดไป
ไม่กี่วินาทีถัดจากนั้น นางโขลกไอออกมาอย่างรุนแรงพร้อมใช้มือป้องปาก น้ำตาไหลหลั่งจากหางตา
ไม่ว่าจะทั้งลั่วฉวนหรือเหยาซือหยานล้วนเผยท่าทีราวคาดคิดไว้อยู่ก่อนแล้ว อาการตอบสนองเช่นนี้จึงปกติ เหยาซือหยานยังจดจำได้ถึงรสชาติประหลาดที่ติดค้างในปากแทบข้ามวัน
อาการไอคงอยู่หลายนาทีก่อนจะสงบลง สตรีผมเงินมองโจ๊กผลไม้ตรงหน้าพร้อมเผยอาการหวาดกลัวทางสีหน้า
หากเทียบกับสีหน้าไร้อารมณ์ก่อนหน้านี้ ถือว่าพัฒนาขึ้นมาก
ตามที่ลั่วฉวนคาดเดา นางคงไม่ทานโจ๊กผลไม้แล้ว แต่สรรพคุณก็เริ่มทำงานไปแล้วเช่นกัน
“นี่คือ…?” เสียงแหบแห้งทว่าอ่อนหวานปรากฏจากริมฝีปากสตรีผมเงิน ราวกับนี่เป็นครั้งแรกในช่วงเวลาอันยาวนานที่ได้พูดกล่าว
หากเทียบกับเสียงแหบห้าวก่อนหน้านี้ เหมืมอนว่าหน้ากากจะเป็นตัวทำให้เสียงเกิดการเปลี่ยนแปลง ลั่วฉวนสรุปออกมาเช่นนี้
“โจ๊กผลไม้” เหยาซือหยานตอบกลับ
เพียงแต่ใส่ผลไม้พิเศษที่เถ้าแก่ภูมิใจนำเสนอ แน่นอนว่าคำเหล่านี้นางกล่าวอยู่ในใจ
สตรีผมเงินขมวดคิ้วคล้ายยังมีความเจ็บปวดหลงเหลือ
“ทานให้หมดอาจจะช่วยให้ดีขึ้นได้” เหยาซือหยานกล่าวบอก
ลั่วฉวนไม่พูด เพียงแต่รับชมอย่างเงียบงัน
สายตาของสตรีผมเงินมองที่โจ๊กผลไม้ตรงหน้า ท่าทีตอนนี้คือลังเล ราวกับประสบการณ์เมื่อครู่ได้ฝังลึกแน่น
นางกำลังชั่งใจ
มันราวกับเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ ลมหายใจนั้นสูดเข้าลึกพร้อมเผยประกายในดวงตา
นางยกถ้วยโจ๊กผลไม้และทานเข้าไปหมดในรวดเดียว
กระนั้นก็เห็นได้ชัด ว่ามันไม่อาจแปรเปลี่ยนรสชาติ
การโขลกไออย่างรุนแรงดำเนินอยู่อีกหลายนาที
เมื่อปาดเช็ดคราบน้ำตาเรียบร้อย นางค่อยกลับคืนอาการปกติ
แม้ว่าสีหน้ายังคงเรียบเฉย แต่หากเทียบกับตอนเพิ่งถอดหน้ากาก ตอนนี้ดวงตานั้นกระจ่างชัดเจน
“เจ้ามีนามว่าอะไร?” เหยาซือหยานมองด้วยความสงสัย
“นาม?” คำของเหยาซือหยานคล้ายจมลึกในความทรงจำของนาง
ท่าทีสับสนปรากฏพร้อมการส่ายศีรษะตอบรับ
ลั่วฉวนทานเค้กเข้าไปก่อนจะหันมองทางต้นไม้โลก
อาการความจำเสื่อมอีกหนึ่งแล้ว อย่างต้นไม้โลกเขาก็ไม่ทราบว่าควรทำยังไงเช่นกัน และนี่น่าจะเป็นผลมาจากขุมนรก
หลังเงียบงันไปพักหนึ่ง สตรีผมเงินจึงกล่าวอีกครั้ง “ปิงชวง”
“นามเจ้าหรือ?” เหยาซือหยานถามเพื่อยืนยัน
นางส่ายศีรษะ แต่ไม่ช้าก็พยักหน้ารับ
เหยาซือหยานขมวดคิ้วก่อนจะเข้าใจว่านางต้องการสื่อถึงอะไร “ลืมนามแท้จริง ตอนนี้คือนามชั่วคราว?”
นางพยักหน้าตอบรับ
ลั่วฉวนเกิดความรู้สึกแปลกขึ้นในใจขณะรับชมการสนทนาระหว่างคนทั้งสอง
ช่างมัน ก็ไม่ได้สำคัญอะไร
ทานมื้อเช้าต่อดีกว่า
สตรีผมเงินตอนนี้ใช้นามชั่วคราวว่าปิงชวงหลังได้ทานโจ๊กผลไม้เข้าไป แต่สภาพที่เห็นคือไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากเดิมมาก นางยังคงเงียบ ยกเว้นตอนที่ตอนคำถามเหยาซือหยาน นอกเหนือจากนั้นนางก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก
หลังทานมื้อเช้าเรียบร้อย เหยาซือหยานจึงค่อยเก็บของขึ้นชั้นสอง
“สินค้าในร้านอยู่ทางด้านนั้น วิธีและข้อกำหนดเขียนไว้บนกระดานแล้ว รับชมดูก่อน” ลั่วฉวนไม่ลืมที่จะทำหน้าที่เถ้าแก่ร้านเพื่ออธิบายข้อมูลให้ปิงชวงได้ทราบ
นางพยักหน้าตอบรับคำของลั่วฉวน จากนั้นจึงมองหน้ากากสีดำในมือ หลังลังเลอยู่พักหนึ่ง นางเลือกที่จะไม่ใส่มันอีก
“เรียนรู้อะไรจากเถ้าแก่หยวนบ้าง?” เสียงของเจียงเฉิงจวินกล่าวถาม
เขาและปู้หลี่เกื๋อกำลังเดินบนถนนในเมือง แน่นอนว่ายังต้องใช้พลังวิญญาณกันเอาน้ำฝนออกไป
ประชากรในนครจิ่วเหยาล้วนพูดกล่าวถึงเรื่องปู้หลี่เกื๋อได้หยวนก่วยรับตัวเป็นศิษย์กันถ้วนหน้า
เพียงผ่านร้านต่าง ๆ ผู้อื่นที่พบเห็นก็พร้อมเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาเป็นเรื่องนี้
ความจริงที่ว่าได้ติดตามหยวนก่วยซึ่งเป็นพ่อครัวนั้นไม่มีผู้ใดกล่าวถึง สำหรับผู้ฝึกตน ความแข็งแกร่งจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นพ่อครัวหรือศิษย์ เป้าหมายคือสิ่งเดียวกันไม่แปรเปลี่ยน
ตอนนี้เจียงเฉิงจวินไม่กล้าวัดฝีมือกับปู้หลี่เกื๋อแล้วยามได้ทราบว่าอีกฝ่ายได้เทพแห่งอาหารรับเป็นศิษย์ กระทั่งว่าเขาตื่นตะลึงอยู่นานด้วยซ้ำ
สหายคนสนิทปุบปับกลับกลายเป็นศิษย์ของผู้ฝึกตนชั้นแนวหน้าสุดของทวีปเทียนหลัน เรื่องนี้ทำเอาเขารู้สึกราวกับไม่ใช่เรื่องจริง
แต่แม้มีความเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ ปู้หลี่เกื๋อก็ไม่ได้เปลี่ยนไป เขายังคงเป็นคนใช้ชีวิตสนุกสนานเหมือนดังเคยไม่ว่าจะทั้งคฤหาสน์ขุนนางใต้ ร้านน้อยหยวนก่วย และร้านต้นตำรับ
“อาจารย์กล่าวว่าให้ข้าไปเล่าเรียนทุกคืน” ปู้หลี่เกื๋อตอบกลับอย่างเรียบง่าย
ฝนตกหนักยังคงไม่มีทีท่าจะหยุด ในช่วงเช้าตรู่เช่นนี้จึงมีคนสัญจรไปมาน้อย ทั้งสองพูดคุยไปพลางเดินมุ่งหน้าสู่ร้านต้นตำรับ
ที่ประตูหน้าร้านของหยวนก่วย ตอนนี้มีหมอกสีขาวปรากฏเป็นการตัดแทรกสายฝนที่ร่วงหล่น
“มาได้ถูกเวลา อาหารเช้าของอาจารย์น่าจะเกือบได้ที่แล้ว” ปู้หลี่เกื๋อมองทางร้านที่อยู่ไม่ไกล
“อยู่กับเจ้าตอนนี้ทำข้ารู้สึกแปลกชอบกล” เจียงเฉิงจวินบ่นอุบอิบ
ปู้หลี่เกื๋อขยับจมูกสูดดม “กลิ่นหอมอ่อนจาง เหมือนวันนี้จะเป็นของหวานอีกแล้ว ว่าแต่เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
“ไม่มีอะไร” เจียงเฉิงจวินส่ายศีรษะตอบกลับ จากนั้นจึงสูดลมหายใจเข้าลึกเหมือนดังปู้หลี่เกื๋อ “ในอากาศเช่นนี้มีกลิ่นด้วย? ไฉนข้าไม่ได้กลิ่นอะไรเลย?”
“เป็นเรื่องของพรสวรรค์” ยามกล่าวถึงเรื่องนี้ปู้หลี่เกื๋ออดไม่ได้ที่จะเผยความภาคภูมิออกมา “เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้”
เจียงเฉิงจวิน : …