My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 554
ตอนที่ 554 ปีนขึ้นไปให้ถึงจุดสูงสุด!
“คนที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวล้วนแต่ถูกท่านไปแล้ว” ยู่เฉิงไห้รีบปฏิเสธ
“หย่งโชวอย่างงั้นเหรอ?” ลูโจวเดาว่าเป็นอดีตจักรพรรดิหย่งโชว ในระหว่างการต่อสู้ หลิวเก้อก็ได้เปิดเผยข้อมูลหลายอย่างก่อนที่ตัวเขาจะตายออกมา
หลิวเก้อมั่นใจมากว่าเทียนเดำจะต้องฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบก่อนที่จะเสียชีวิตไป หลิวเก้อยังมั่นใจอีกว่าตัวเขาจะต้องห้ามปรามลูโจวให้ได้ ไม่ว่าจะมีโอกาสสักกี่ครั้งตัวเขาก็จะทำ แต่ถึงแบบนั้นโจวก็ยังดื้อรั้น และเพราะแบบนั้นจึงทำให้หลิวเก้อตัดสินใจฆ่าลูโจว
ยู่เฉิงไห่ตอบกลับมา “ข้าจะยอมรับผิดเอง…แต่ข้าก็มีงานใหญ่ที่จะต้องทำ ข้าจะยังรับโทษในตอนนี้ไม่ได้”
ลูโจวลูบเคราก่อนจะถามออกมา “เจ้าอยากจะครองโลกขนาดนั้นเลยสินะ?”
“ถูกต้อง!”
“แล้วไงต่อ?”
ยู่เฉิงไห่เงียบไปชั่วครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำถามนั้น
ท้องฟ้ายามค่ำคืนเต็มไปด้วยดวงดาวมากมาย ที่รอบข้างทั้งหมดเงียบสงบ
“ข้ายังไม่ได้คิดเรื่องนั้น…” ยู่เฉิงไห่พูดต่อ “ข้าต้องการที่จะพิชิตโลกใบนี้ให้ได้ก่อน”
ลูโจวหันกลับมาอย่างช้าๆ ตัวเขาหันกลับมาเผชิญหน้ากับยู่เฉิงไห่ก่อนจะพูดอย่างจริงจัง “ข้าจำเจ้าในตอนที่เป็นวัยรุ่นได้ ในตอนที่ข้ารับเจ้ามาเป็นสาวก เจ้าน่ะแตกต่างจากคนอื่นๆ เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานมานับไม่ถ้วนและยังเข้าใจความโหดร้ายของโลกใบนี้ เจ้าสามารถอดทนในสิ่งที่ผู้อื่นทนไม่ได้…ข้าจำได้ว่าเมื่อเจ้าฝึกฝนตัวเองจนมีพลังขั้นสัมผัสแห่งการควบคุม เจ้าทั้งยินดีและก็ภาคภูมิใจมากแค่ไหน เจ้ายังสาบานเอาไว้อีกว่าจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดให้ได้”
ยู่เฉิงไห่ที่ได้ยินแบบนั้นรู้สึกแปลกประหลาด แม้แต่ตัวยู่เฉิงไห่เองก็ยังจำอะไรในอดีตไม่ได้นัก ตัวเขาแปลกใจที่อาจารย์สามารถจำได้ บางที่อาจเป็นเพราะบททดสอบที่ได้รับมากมายหลายครั้ง จิตใจของยู่เฉิงไห่จึงสงบนิ่ง ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดง่ายๆ
ลูโจวพูดต่อ “ข้าผิดเองที่ไม่ได้สั่งสอนเจ้าอย่างเหมาะสม…”
ยู่เฉิงไห่ตกตะลึงกับคำพูดเหล่านั้น ผู้เป็นอาจารย์ไม่ใช่ผู้ที่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเองได้ง่ายๆ ยู่เฉิงไห่คุกเข่าข้างหนึ่งก่อนที่จะพูดตอบกลับมา “ข้าไม่กล้าคิดแบบนั้น!”
“ถึงแม้ว่าเจ้าจะเรียกตัวเองว่าศิษย์ แต่ข้าก็ไม่กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นอาจารย์เจ้าหรอกนะ…” ลูโจว ถอนหายใจ
“ติ้ง! สั่งสอนยู่เฉิงไห่ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 200”
ยู่เฉิงไม่ได้แต่ก้มลง ตัวเขาไม่กล้าที่จะพูดอะไร
ลู่โจวเอามือไขว้หลังก่อนจะพูดต่อ “บางทีเจ้าอาจจะได้กลายเป็นผู้ปกครองดินแดนหยานก็ได้…เมื่อถึงเวลานั้นแม้แต่ข้าก็ต้องคุกเข่าให้กับเจ้า”
ยู่เฉิงไห่สั่นสะท้าน ตัวเขาได้คุกเข่าสองข้างลงบนพื้น “ทำไมท่านถึงได้พูดแบบนั้น ท่านอาจารย์?!”
ลู่โจวจ้องไปที่ยู่เฉิงไห่ก่อนที่จะขึ้นเสียง “ข้าพูดอะไรผิดอย่างงั้นเหรอ?” จากนั้นจู่โจวก็พูดต่อ “ข้ามีแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ชื่อของเขาก็คือเจียงอาเฉียน เขาเป็นองค์ชายสามแห่งดินแดนหยาน ด้วยความสามารถที่เขามีมันไม่ยากเลยที่เขาจะขึ้นครองราชย์ได้ แต่เจ้ารู้ไหมล่ะว่าทำไมเขาถึงไม่เลือกทางเดินนั้น?”
ยู่เฉิงไห่ส่ายหัว
ลู่โจวพูดต่อ “ก็เพราะว่าเขาได้เห็นคนกว่า 1,000 คนถูกเผาทั้งเป็นในตำหนักจิงเหอยังไงล่ะ แม่ของเขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น” ลูโจวชะงักไปชั่วครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “เจียงอาเฉียนสามารถกลายเป็นจักรพรรดิและใช้อำนาจในการฆ่าล้างแค้นผู้ที่ก่อเหตุในครั้งนั้นได้…แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ได้ทำ ตัวเขาเลือกทางเดินที่ฉลาดกว่านั้นในการเดินแทน”
ไม่จำเป็นจะต้องอธิบายอะไรให้มากมาย ลู่โจวเชื่อว่ายู่เฉิงไห่ต้องเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเจียงอาเฉียนมาจากสบู่หยามาแล้ว นอกจากนี้ตัวเขายังเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในหบเขาฤดูร้อนต้องมาถึงหูของยู่เฉิงไห่แล้วเช่นกัน
เสียงของยู่เฉิงไห่ที่ตอบกลับมาสั่นเครือ “ข้าไม่เหมือนกับเจ้านั่น ท่านอาจารย์ จะเป็นอะไรไหมถ้าหากข้าจะถามคำถามท่าน…”
“ว่ามา”
ยู่เฉิงไห่เงยหน้าขึ้น ตัวเขาได้มองเห็นสายตาของลูโจวที่กำลังจับจ้องมา ตัวเขายังจำได้ดีถึงเรื่องที่เจอในตอนที่ถูกขายให้กับชาวลั่วหลาน ยู่เฉิงไห่ยังจำได้ดีในตอนที่ตัวเขาพยายามต่อสู้และความพ่ายแพ้ที่ได้รับมา “ท่านอาจารย์รู้ไหม ว่าความรู้สึกของผู้ที่ไม่มีอะไรกินนอกจากดินเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนมันเป็นยังไง?”
คำถามของยู่เฉิงไห่ถือเป็นคำถามที่ต้องอาศัยความกล้าหาญในการถามเป็นอย่างมาก ฝ่ามือของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ หลังของเขาสัมผัสได้ถึงความเย็น แต่ถึงแบบนั้นคำพูดของหมิงซูหยินที่เพิ่งจะพูดในก่อนหน้านี้ก็ได้ปรากฏขึ้น ยู่เฉิงไห่รวบรวมความกล้าก่อนที่จะถามต่อไป “ท่านรู้ไหมว่าความรู้สึกของใครสักคนที่ได้แต่และถูกใครอีกคนเหยียบเอาไว้มันเป็นยังไง?” เนื่องจากยู่เฉิงไม่ได้ถามคำถามทั้งหมดไปแล้ว ในตอนนี้จึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาลังเลอีก ตัวเขาถอนหายใจก่อนที่จะพูดต่อ “ท่านรู้ไหมว่าความรู้สึกในตอนที่ถูกผู้ที่ไว้ใจที่สุดหักหลังมันเป็นยังไง?”
ลู่โจวสามารถอดทนให้กับสองคำถามแรกได้ แต่เมื่อคำถามสุดท้ายถูกถาม ตัวเขาก็ไม่อาจอดทนต่อไปได้อีก ลูโจวยกมือขึ้นก่อนที่จะเหวี่ยงมัน “สามหาว!”
ผัวะ!
ลูโจวตบหน้ายู่เฉิงไห่
“อึ้ง! สั่งสอนยู่เฉิงไห่สำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 200”
ยู่เฉิงไห้ไม่ได้หลบแต่อย่างใด “ท่านอาจารย์…ท่านน่ะเป็นผู้ที่อยู่สูงมาโดยตลอด เป็นถึงปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า…เป็นผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ใครกันที่จะกล้าปฏิเสธท่านแต่นั่นมันไม่ใช่สำหรับข้า…” เสียงของยู่เฉิงไห่สั่นเครือ แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังทรงพลัง “ข้าช่างไร้ค่า ทั้งที่ข้าทำดีมาโดยตลอด แต่ถึงแบบนั้นมันก็เปล่าประโยชน์ ใครๆ ต่างก็ซ้ำเติม ถ่มถุยข้า..ชีวิตทุกคนต่างก็มีค่า แต่ทำไมชีวิตของชาวภู่เฉียนถึงต้องไม่มีค่ากัน? แม้แต่ชีวิตหมูหมาก็ยังมีค่า แต่ข้า…ชีวิตข้ามันมีค่าน้อยกว่าหมูหมาอีกอย่างงั้นเหรอ? ข้า…ข้าไม่แม้แต่จะสามารถต่อสู้ดิ้นรนได้เลยเหรอ? ข้าอยากจะปีนขึ้นไป…ปืนขึ้นไปให้ถึงจุดสูง”
ยู่เฉิงไห่คุกเข่าลงก่อนที่จะชี้ไปยังหุบเขา แม่น้ำ และป่าไม้ “ทุกๆ คนมักจะมองเห็นค่าของใครสักคน ก็ต่อเมื่อคนคนนั้นอยู่ที่จุดสูงสุด!”
“พอได้แล้ว!”
ยู่เฉิงไห่ตกตะลึง ตัวเขามองไปที่ผู้เป็นอาจารย์ที่มีสีหน้าเคร่งเครียดและโกรธอย่างเห็นได้ชัด เมื่อได้เห็นแบบนั้นยู่เฉิงไห่ก็กระสับกระส่าย
ลูโจวสังเกตเห็นว่ายู่เฉิงไห้ไม่พอใจแค่ไหนจากสายตาของเขา “เจ้าน่ะถูกครอบงำ..เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นเพียงคนเดียวสินะที่ต้องทุกข์ทรมานเพราะเจอแต่ความยากลำบากน่ะ? เจ้าคิดว่าข้าไม่ได้ถูกทอดทิ้งในตอนที่เป็นเด็กอย่างงั้นเหรอ? ข้านะขึ้นสู่จุดสูงสุดของพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้ก็เมื่อ 300 ปีก่อน แล้วความยากลำบากที่ผ่านมากว่า 700 ปีของข้ามันเป็นความยากลำบากที่ด้อยไปกว่าเจ้าอย่างงั้นเหรอ? เจ้าคิดว่าข้าสามารถฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้อย่างง่ายดายอย่างงั้นสินะ? เจ้าไม่รู้ว่าข้าต้องผ่านอะไรมาด้วยซ้ำไป ข้าที่ผ่านความยากลำบากมาจะต้องทำเหมือนกับเจ้า คอยโทษชะตากรรมของตัวเองสินะ? ข้าต้องทุ่มเทแค่ไหนเพื่อที่จะฝึกฝนเลี้ยงดูเจ้าให้กลายเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้? โลกน่ะมันไม่เคย ไม่เคยหรอกที่จะยุติธรรม! เจ้าน่ะมันก็แค่ตื้นเขินและโง่เขลาก็เท่านั้น ทำไมข้าถึงได้มีศิษย์แบบเจ้ากัน?”
จิตใจของยู่เฉิงไห่ว่างเปล่า ชั่วครู่หนึ่งตัวเขาพูดไม่ออก ในที่สุดยู่เฉิงไห่ก็ตระหนักได้ว่าตัวเองนั้นเอาแต่ใจมากแค่ไหน “ทะ…ท่านอาจารย์…”
สิ่งที่ลูโจวพูดถูกต้องทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยง่าย การจะฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบไม่ใช่เรื่องง่าย มีผู้คนมากมายที่พยายามทุ่มเททั้งชีวิตแต่ก็พบเพียงแต่ความล้มเหลว
ลูโจวพูดต่อด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “อย่ามาเรียกข้าว่าอาจารย์…”
ยู่เฉิงไห่โค้งคำนับก่อนที่จะคารวะให้
บรรยากาศที่เคยดูคุกรุ่นจนถึงตอนนี้มันได้เงียบสงบ
สู่โจวหันหลัง ตัวเขาหันหน้าไปมองยู่เฉิงไห่ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่ได้พูดอะไร
ทั้งสองคนยังคงอยู่แบบนั้น อีกคนหนึ่งยืน ส่วนอีกคนนั้นกำลังคุกเข่า
ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันอีก
ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง เมื่อดวงจันทร์อยู่จุดที่สูงที่สุดบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ในที่สุดจู่โจวก็ถอนหายใจออกมา
ยู่เฉิงไห่ที่ได้ยินเสียงถอนหายใจสั่นสะท้าน
“สิ่งที่ข้าได้พูดทั้งหมด…พูดเพื่อบอกเจ้า แม้ว่าการแก้แค้นจะไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถึงแบบนั้นเจ้าก็ไม่ควรปล่อยให้ความแค้นทำให้ตาของเจ้ามันมืดบอด ถึงแม้ว่าเจ้าจะต้องทำลายเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ไป แต่ถึงแบบนั้นเจ้าก็ไม่อาจสูญเสียตัวตนเพราะพลังอำนาจได้”
ยู่เฉิงไห่ที่ถูกพูดแบบนั้นนิ่งเงียบ ตัวเขาไม่รู้เลยว่าจะต้องรู้สึกยังไง
ลู่โจวหันกลับไป
พรึบ!
เมื่อเห็นแบบนั้นยู่เฉิงไห้ก็ได้คารวะให้กับลูโจวอีกครั้ง