My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 587
ตอนที่ 587 ชดใช้
คําพูดที่แสนเรียบง่ายได้ดังก้องไปทั่วเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
ทันทีที่พูดจบ คนจํานวนมากก็กระโดดลงจากรถม้าลอยฟ้า
ตัวนมู่เฉิงได้ใช้หอกราชันย์ในทันที เงาของหอกนับพันได้พุ่งเข้าใส่เหล่าทหารราชสํานักอย่างไร้ปรานีทหารราชสํานักกว่าร้อยคนถูกจัดการอย่างรวดเร็ว
ทหารราชสํานักทั้งหลายต่างก็ลอยกระเด็นไป!
ตัวนมู่เฉิงถือเป็นแบบอย่างของชายผู้กล้าหาญ ชายผู้ที่สามารถเอาชนะคนกว่า 10,000 คนได้!
จ้าวยู่ หยวนเอ๋อ ซูฮ่องกงและผู้อาวุโสทั้งสี่ต่างก็เคลื่อนไหว ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันโจมตีศัตรู ทุกๆคนเริ่มใช้พลังอวตารของตัวเองในทันที!
นอกจากนี้ฝานซงและโจวจี้เฟิงยังได้ใช้พลังอวตารร้อยวิถีด้วยเช่นกัน!
ดูเหมือนว่าจะมียอดฝีมือจํานวนมากอยู่ในศาลาปีศาจลอยฟ้า!
ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายที่วางแผนจะฉกฉวยผลประโยชน์ในตอนแรกต่างก็ตื่นตกใจ ทุกคนที่ได้เห็นรถม้าล่องเมฆาต่างก็ดวงตาเบิกกว้าง
ผู้อาวุโสทั้ง 19 คนเองก็ตื่นตกใจเช่นกัน!
“จีเทียนเด่?”
“นั่นมันจีเทียนเดําไม่ผิดแน่!”
ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายใจเต้นรั่วมากขึ้นเมื่อได้เห็นร่างของหลิวคู่ที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น หรือว่าผู้อาวุโสทั้ง 19 คนจะหลอกลวงทุกคน? หลิวก่ผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอยู่ที่ไหนกันแน่?เกิดอะไรขึ้นกับราชสํานักที่มีเขตแดนพลังทั้งสิบกันแน่?เกิดอะไรขึ้นกับราชสํานักที่ต้องการจะยึดครองโลกใบนี้ ? ทุกอย่างล้วนแต่โกหกมันเป็นเพียงเรื่องโกหกเท่านั้น!
วิ่ง!
ผู้ฝึกยุทธที่เคยมารวมตัวกันต่างก็วิ่งหนีไปทุกทิศทางในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
เมื่อฮั่ววูเด้เห็นรถม้าลอยฟ้าตัวเขาก็รู้สึกมีพลังขึ้นมาอีกครั้ง “ยู่จึง นี่เป็นเวลาเหมาะสมแล้วที่เจ้าจะปลดปล่อยสิ่งที่ฝึกฝนมา!”
“ค่ะ!” ฮัวยู่จึงลอยตัวสูงขึ้น นางหมุนรอบตัวเองเป็นวงกลมก่อนที่จะปลดปล่อยลูกศรพลังงานใส่เหล่าผู้ฝึกยุทธที่กําลังวิ่งหนี
พรึบ!
พรึบ!
ลูกศรพลังงานได้พุ่งผ่านร่างอวตารไป ผู้ฝึกยุทธระดับล่างทั้งหลายต่างก็ตกลงมาจากท้องฟ้า
อีกด้านหนึ่งสายสะพายนิพพานก็ได้ส่องประกายระยิบระยับราวกับมังกรที่ลอยอยู่บนฟากฟ้าทุกคนที่ขวางทางสายสะพายต่างก็ถูกสายสะพายพันธนาการเอาไว้
สําหรับผู้อาวุโสทั้งสี่ พลังอวตารที่ไร้ซึ่งดอกบัวของพวกเขาไม่มีผู้ฝึกยุทธคนไหนที่สามารถต่อกรได้
ขวดน้ําเต้าสีทองมักจะทําให้ผู้ฝึกยุทธส่งเสียงกรีดร้องออกมา
เล้งลั่วได้โลดแล่นผ่านเหล่าผู้ฝึกยุทธราวกับปีศาจร้อย
ส่วนซุยู่ชูยังคงใช้ไม้เท้ามังกรขดสร้างตัวอักษรโจมตีไปทั่วเมือง
เมื่อสีคู่หยาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตัวเขาก็รู้สึกตื้นตัน
ทุกคนจากศาลาปีศาจลอยฟ้าต่างก็ออกต่อสู้ และก็เพราะแบบนั้นจึงทําให้กระแสการต่อสู้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงสาวกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างง่ายดาย
ไม่มีทหารคนไหนที่กล้าขยับหรือแม้แต่โจมตีด้วยซ่ำ!
“ข้าจะฆ่าทุกคนที่กล้าเคลื่อนไหว!”
ทุกคนต่างก็จับจ้องไปยังฮัวยู่จิงที่อยู่บนท้องฟ้า นางในตอนนี้ได้ใช้พลังอวตารดอกบัวสองกลีบเป็นที่เรียบร้อยแล้วเสียงของดอกบัวที่กําลังผลิบานได้ดังขึ้น ในระหว่างการต่อสู้พลังอวตารของนางก็ผลิกลีบดอกบัวกลีบที่สามออกมา! มันเป็นพัฒนาการระหว่างการต่อสู้นั่นเองคันธนูและลูกศรพลังงานยังคงเปี่ยมไปด้วยพลัง ลูกศรที่เต็มไปด้วยแสงสว่างได้ถูกยิงออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง
ตอนนี้กระแสการต่อสู้ได้เปลี่ยนไปแล้ว สาวกจากสํานักอเวจีต่างก็ส่งเสียงสนับสนุน
“ท่านปรมาจารย์!”
รถม้าล่องเมฆาถือเป็นสัญญาณแห่งความหวังสําหรับเหล่าสาวกสํานักอเวจี ในตอนนี้ไม่มีใครกล้าขยับเขยื้อนอีก
สีรู่หยาและฮั่วจงหยางต่างโล่งใจ พวกเขาไม่จําเป็นที่จะต้องใช้ยาเพิ่มพลังปีศาจอีกต่อไปแล้ว
ในตอนนั้นเองสู่โจวก็ได้เดินออกมาจากรถม้า ที่ด้านข้างของเขาถูกขนาบข้างไปด้วยเทียนซินและหอยสังข์ลูโจวมองไปที่หวางเย่วหนึ่งในแม่ทัพใหญ่คนสุดท้าย“แปดกลีบอย่างงั้นเหรอ?”
หวางเย่วเดินถอยกลับ
ลูโจวเดินลงมา
เสียงหอบเหนื่อยเริ่มดังขึ้น ทุกคนต่างก็กลั้นหายใจเมื่อเห็นลูโจวลงมาจากฟ้า ที่ใต้เท้าของอู่โจวมีพลังสีฟ้าจางๆล้อมรอบอยู่
ตุ้ม!
ทันทีที่เท้าของอู่โจวแตะพื้น ในตอนนั้นคลื่นพลังก็พุ่งเข้าหาใบหน้าของหวางเย่ว
หวางเย่วตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ไม่ว่าหวางเย่วจะพยายามหลบแค่ไหน แต่ดูเหมือนคลื่นพลังจะมีตาคลี่นพลังพุ่งเข้าหาหวางเย่วอย่างแม่นยําหวางเย่วถูกคลื่นพลังงานจู่โจมไปที่อกแบบเลี่ยงไม่ได้
ตุ้ม!
หวางเย่วล้มลงกับพื้น ตัวเขาได้แต่ทุกข์ทรมานอยู่กับความเจ็บปวด ข้าเองก็เป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวแป ดกลีบ แต่ทําไมข้าที่ถูกโจมตีถึงต้องถูกเหยียบย่ำซ่ำเติมแบบนี้!” หวางเย่วไม่สามารถที่จะควบคุมเลือดลมของ ตัวเองได้อีกต่อไปตัวเขากระอักเลือดออกมาอย่างเต็มปากท้ายที่สุดแล้วหวางเย่วก็นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นใบหน้าของเขาเปลี่ยนกลายเป็นสีแดง
ผู้อาวุโสทั้ง 19 คนได้กลับไปที่จุดสูงสุดของเมืองเรียบร้อยแล้ว ผู้ฝึกยุทธที่รอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เองก็ยังคงรอคอยอยู่ที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ในตอนนี้ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ไม่มีใครกล้าหายใจออกมาแรงๆทุกคนต่างก็จับจ้องไปยังปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในสํานักฝ่ายอธรรมชายชราคนนี้ไม่ได้ดูเป็นอันตรายเลยแม้แต่น้อยแต่ถึงแบบนั้นกลับมีบรรยากาศอันแปลกประหลาดปกคลุมรอบตัวเขา บรรยากาศนี้เองที่ทําให้ทั่วทั้งเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ตกอยู่ในความกลัวเห็นได้ชัดว่าชายชราคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาเขาก็คือผู้ มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบเป็นคนแรก ปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าผู้เป็นประมุขแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าและยังมีสาวกผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเก้า!
ในเวลานี้เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เงียบราวกับสุสาน
ลู่โจวยังคงจับจ้องหวางเย่ว
หวางเย่วยังคงนอนแน่นิ่ง
หลังจากที่ผ่านไปนาน ลู่โจวก็ยังไม่ละสายตาไปจากหวางเย่ว ชายที่อยู่เบื้องหน้าของเขาก็ถือแม่ทัพใหญ่คนสุดท้ายผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ แม่ทัพใหญ่ที่รอดชีวิตมาได้นั่นเอง
หวางเย่วเริ่มจิตใจแตกสลาย! บรรยากาศรอบตัวของลูโจวได้ทําลายจิตใจของหวางเย่วไปอย่างสมบูรณ์แบบหวางเย่วตัดสินใจที่จะพุ่งไปยังจุดสูงสุดของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ด้วยความเร็วสูงแทน
“คิดหนีอย่างงั้นสินะ? จู่โจวยกมือขึ้น ในตอนนั้นเองง่าวที่ถูกวางทิ้งไว้ก็ลอยไปหามือของลูโจว นิ้วของเขา ส่องประกายแสงสีฟ้าในขณะที่กําลังขว้างง้าว
พรึบ!
การโจมตีของลู่โจวรวดเร็วจนอยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน! ง้าวที่ถูกขว้างออกไปได้แทงทะลุแผ่นหลังของหวางเย่วไปเป็นเพราะง้าวที่มีขนาดใหญ่รวมไปถึงน้ําหนักที่มากจึงทําให้มันแทงทะลุหน้าอกของหวางเย่วไปเช่นกัน
นิ้วะ!
ง้าวได้แทงผ่านลําตัวไป ร่างของหวา
จมตีกลางอากาศได้ร่วงหล่นลงสู่กําแพงเมืองหลวง
“ติ้ง! สังหารเป้าหมายสําเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 1,500”
ผู้อาวุโสทั้ง 19 คนคอแห้งผาก ทุกคนตัวสั้นจนไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีก
ง้าวที่แทงทะลุร่างของแม่ทัพใหญ่เต็มไปด้วยหยาดเลือด มันได้ตกลงสู่พื้นดินไปในที่สุด
ลูโจวในตอนนี้ไม่ได้สนใจกับหวางเย่วอีกต่อไป ตัวเขาหันกลับมาก่อนจะกวาดสายตาไปยังจุดที่สูงที่สุดแทน “สถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่”
ผู้อาวุโสทั้ง 9 ที่ได้ฟังแบบนั้นได้แต่สิ้นหวัง
“พวกเจ้าทั้งหมดจงปลิดชีพตัวเองซะ” ลูโจวพูดออกมาห้วนๆ
สาวกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าต่างก็จับจ้องไปยังผู้ฝึกยุทธชุดขาวทั้งเก้าคนที่กําลังลอยอยู่คนเหล่านี้เป็นผู้ที่เปิดใช้งานและยังเป็นผู้รักษาเขตแดนพลังทั้งสิบนั่นเอง ถ้าหากจะบอกว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของการตายยู่เฉิงไห่มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดเพี้ยนเลย
“ผู้อาวุโสจี…ท่าน…ท่านจะ…ท่านจะก่อกรรมทําเข็ญเข่นฆ่าทุกคนไปเพื่ออะไรกัน?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งได้พูดออกมาด้วยความสิ้นหวัง ในแววตาของเขามีแต่ความหวาดกลัว
ในตอนนี้คาดว่าน่าจะมีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจํานวนมากแล้ว แต่ถึงแบบนั้นการฆ่าคนทั้งเมืองก็ยังเป็นสิ่งที่ถือว่าไร้มนุษยธรรมอยู่ดี
ลู่โจวเหลือบมองผู้อาวุโสที่เพิ่งพูด ตัวเขาไม่ได้เลือกที่จะตอบคําถาม ตัวเขาเลือกที่จะพูดอย่างหัวนๆต่อ “งั้นเจ้าก็เป็นคนแรกที่ต้องเริ่ม
“เจ้าเป็นคนแรกที่จะต้องชดใช้ชีวิตให้กับศิษย์ข้า…” เสียงของลูโจวฟังดูเยือกเย็น ในตอนนี้มือทั้งสองข้างของเขาไขว้อยู่ที่ด้านหลังลูโจวในตอนนี้ดูราวกับหุบเขาอันเยือกเย็นตัวเขากําลังอดทนรอให้ผู้อาวุโสตรงหน้าจบชีวิตตัวเอง
แต่ถึงแบบนั้นจะมีใครในโลกที่เต็มใจจะจบชีวิตตัวเอง? ใครกันจะกล้ามากพอที่จะเอามีดปักที่หัวใจตัวเองได้?
ดวงตาของผู้อาวุโสเบิกกว้างด้วยความหลสดกลัว ตัวเขาหันกลับไปก่อนจะใช้พลังอวตารเพื่อหนีไปให้ไกลที่สุดแทน!
สองกลีบอย่างงั้นเหรอ?
หยวนเอ่อที่เห็นแบบนั้นได้พูดขึ้น “ถ้าหากมีใครคิดหนี ข้านี้แหละจะตามไปจัดการเอง!”
พรึบ!
หยวนเอ๋อที่พูดจบรีบเคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็ว!
สายสะพายของนางได้ส่องแสงสีแดงก่อนจะเคลื่อนไหวตัวตามหยวนเอ่อราวกับมังกรที่กําลังเต้นรํา!
“เอ๊ะ! ช่างเชื่องช้อะไรแบบนั้น?” หยวนเอ๋อปรากฏตัวต่อหน้าผู้อาวุโสที่คิดหนีก่อนจะใช้เท้าเหยียบลงบนร่างอันแก่ชรา
ตุ้ม!
หน้าอกของผู้อาวุโสคนนั้นถูกกระแทกอย่างรุนแรง ผู้อาวุโสตกลงสู่พื้นในทันที
หยวนเอ๋อยังคงบินตามไป
ผัวะ!
สาวน้อยได้ใช้ขาเตะไปที่ผู้อาวุโสคนเดิม
เจ็ดดวงดาวล่องเมฆา!
หยวนเอ๋อปรากฏตัวบนผู้อาวุโสด้วยความเร็วสูงอีกครั้ง และครั้งนี้ผู้อาวุโสก็ถูกนางเหยียบย่ำอีกเช่นเคย
ตุ้ม!
ผู้อาวุโสตกลงสู่พื้นอย่างรุนแรง ผู้อาวุโสคนนั้นไม่หายใจอีกต่อไป
“ติ้ง! สังหารเป้าหมายสําเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 1,000”
ทั่วทั้งเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เงียบราวกับสุสาน
แม้แต่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็ยังแข็งแกร่งกว่าผู้อาวุโสของสถานศึกษาใหญ่ได้…
ทุกคนที่เห็นแบบนั้นต่างก็สิ้นหวัง
ลูโจวไม่ได้หันมองผู้อาวุโสที่คิดหนีอีกต่อไป ตัวเขาหันไปมองผู้อาวุโสคนอื่นแทน “คนต่อไปลงมือได้” คําพูดของลูโจวถือเป็นคําสั่งประหารชีวิต