Monster Pet Evolution – วิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงกลายพันธุ์ - ตอนที่ 138
“ซิลลี่มานี่สิ”
เกาเผิงโบกมือเรียกซิลลี่ให้ลอบมาหาเขา
“พูชิ พูชิ”
หลายวันมานี้พวกเขาได้ต่อสู้มาอย่างต่อเนื่องทำให้ส่งผลให้เขาและสัตว์อสูรรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก
ถึงแม้เขาจะเหนื่อยล้ามากเพียงไหน แต่เมื่อนึกถึงการรวบรวมวัตถุดิบที่มีค่าก็ทำให้เขาตื่นตัวขึ้นมาอย่างเต็มที่
“ใบเงินแถบแดงมีค่าราว 3เครดิตพันธมิตร แต่มันก็มีค่าน้อยกว่าดอกต้นราชพฤกษ์ประกายฟ้า แต่ใบเงินแถบแดงใช้พื้นที่น้อยกว่าดอกต้นราชพฤกษ์ประกายฟ้าทำให้เก็บได้มากกว่า ดังนั้นยิ่งเก็บได้มากก็ขายได้มาก งั้นเอาใบเงินแถบแดงล่ะกัน” เกาเผิงพึมพำอยู่คนเดียว
เขาหยิบดอกต้นราชพฤกษ์ประการฟ้าออกจากช่องมิติของซิลลี่และเอาใบเงินแถบแดงไว้ข้างในแทน
เกาเผิงคำนวณอย่างถี่ถ้วนเพื่อที่จะได้ของไปขายให้ได้มากที่สุด
ขณะที่เกาเผิงกำลังสำรวจป่าอย่างเพลิดเพลิน จู่ๆป่าก็เงียบลง ไม่มีแม้แต่เสียงนกและแมลงเลย นอกจากเสียงลมที่พัดผ่าน
มันเงียบเกินไปจนน่าขนลุก และป่าแห่งนี้ค่อนข้างทึบ แสงและเงาที่มืดสลัวแบบนี้ทำให้เพิ่มความรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก
เกาเผิงได้กลิ่นเหม็นจางๆที่เหมือนกับปลาเน่าที่ลอยมาลม
*แกร๊บ*
แค่เพียงเขาก้าวเดินก็ได้ยินเสียงใบไม้ดังไปทั่วแล้ว ใจเขากระวนกระเป็นอย่างมาก
เกาเผิงขมวดคิ้ว
‘มีตัวอะไรเฝ้ามองเขาอยู่’
“ทุกคนระวังตัวด้วยนะ”
ในความเป็นจริงเกาเผิงไม่จำเป็นต้องเตือนพวกมันเลย พวกมันได้รู้สึกตัวถึงความผิดปกตินี้มาสักพักแล้ว
ต้าซื่อได้มองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง ซิลลี่ได้บินร่อนลงที่ศีรษะของเกาเผิง
ส่วนสตีปี้ได้สังเกตเห็นอะไรบางอย่างในพุ่มไม้
“ชี่!!”
*สวบ สวบ*
สตีปี้ไปพุ่งไปที่พุ่มไม้ทันทีและได้พบกับกระต่ายน้อยสีขาว ที่ซ่อนตัวอยู่
เมื่อมันถูกพบตัวมันจึงได้กระโดดหนีทันที
เมื่อทุกคนเห็นว่าเป็นเพียงแค่กระต่ายทุกคนก็รู้สึกโล่งอกทันที แต่จู่ๆก็มีเงาสีดำได้พุ่งไปทางที่กระต่ายอย่างรวดเร็ว
เงาสีดำที่มีลักษณะเหมือนกับแท่งยาวๆได้แทงได้ศีรษะของกระต่าย เจ้ากระต่ายมันได้ตายอย่างรวดเร็ว ทางยาวๆนี้มีมีสีซีดๆม่วงๆที่ดูคล้ายกับซากศพ
มันมาจากพุ่มไม้ไกลๆที่ส่วนในส่วนลึกของป่า จากที่เกาเผิงได้ประมาณแท่งยาวๆนี้ ยาวราวๆ 4เมตรได้
แท่งไม้ที่เคลื่อนไหวราวกับสิ่งมีชีวิตนี้ได้หายได้ในป่าอย่างรวดเร็ว มันได้ทิ้งซากของกระต่ายที่หน้าผากของมันมีรูขนาดหัวแม่โป้งเจาะอยู่ไว้ เลือดค่อยๆไหลออกมาจากปากแผล
หากเกาเผิงไม่เห็นตัวมันเต็มๆ เกาเผิงก็ไม่สามารถระบุได้ว่ามันคือสัตว์อสูรชนิดไหน อย่างน้อยแค่โผล่มาครึ่งตัวเขาก็สามารถรู้ได้ในทันที
จากนั้นป่าได้กลับมาเงียบงันอีกครั้ง
เกาเผิงหัวเราะแห้งๆ เขานึกถึงพวกหนังพวกละคร ที่มีฉากที่ตัวเอกเจอเหตุการณ์ที่น่าขนลุกแบบนี้และพวกเขามักจะโง่เดินเข้าไปมันทั้งๆทีใครๆก็ดูออกว่าเข้าไปต้องตายอย่างแน่นอน
หากนี่เป็นละครเขาคงต้องเดินไปดูเจ้าแท่งไม้นั่นแน่ๆ
แต่นี่ไม่ใช่ละครทำไมเขาต้องพาตัวเองไปเสี่ยงด้วยล่ะ
เกาเผิงหันไปมองพวกเด็กๆของเขาและพูดว่า
“พวกเราถอยกันเถอะ เดินไปตามทางที่เราผ่านมา”
หลังจากนี้พวกเขาก็ค่อยเดินออกไปโดยไม่ละสายตาจากทิศทางที่สัตว์อสูรตัวนั้นอยู่
สัตว์อสูรตัวนี้มันค่อยเดินตามพวกเกาเผิงอย่างช้าๆ ด้วยท่าทีของเกาเผิง ได้กระตุ้นอะไรบางอย่างของมันเข้า ทำให้มันรู้สึกสนใจในตัวเกาเผิงเป็นอย่างมาก
พวกเกาเผิงได้เดินมาถึงหนองน้ำที่กว้างกว้าง เขายังรู้สึกได้ว่าสัตว์อสูรตัวนี้มันอย่างติดตามพวกเขามาอย่างใกล้ๆ มันคอยแอบมองพวกเขาหลังต้นไม้
เขาถอนหายใจไม่รู้จะทำอย่างไรดี หากสัตว์อสูรของเขามีการโจมตีระยะไกล เขาก็จะโจมตีใส่มัน ถึงแม้จะทำอะไรไม่ได้แต่อย่างก็ให้มันโผล่ตัวมาก็ยังดี จะได้รู้ว่ามันคือตัวอะไร
พวกเขายังคงเดินทางต่อ โดยที่พวกเขาพยายามเดินในที่โล่ง
ทันใดนั้นแท่งไม้ได้แทงออกมาจากในป่าด้วยความเร็วสูง แท่งไม้นี้ได้ยืดขยายไปหลายเมตร เพียงพริบตาแท่งไม้นี้ได้ทะลุผ่านดัมมี่แทงได้หัวใจของเกาเผิงเข้าเต็มๆ
แรงกระแทกส่งให้เกาเผิงกระเด็นไปด้านหลัง
ก่อนที่เขาจะโดนแทงโชคดีที่ทักษะเคลื่อนดาราทำงาน ความเสียหายที่เขาได้รับถูกส่งไปที่ต้าซื่อ
*แค่ก แค่ก*
เกาเผิงสำลักขึ้นมาทันที เขาพยายามลุกขึ้นและจับที่กลางอกเพื่อดูว่ายังปกติมั้ย
เมื่อพบว่ายังปกติดี เขาหันไปมองต้าซื่อ มีรูเจาะที่เปลือกของมัน ทำให้มันเศร้าซึมทันที มันเกือบจะเจาะเข้าไปในตัวต้าซื่อได้แล้ว
เกาเผิงได้เปิดใช้เคลื่อนดารา เพื่อกระจายความเสียหายของต้าซื่อไปยังสัตว์อสูรตัวอื่นๆ
เกาเผิงตอนนี้รู้สึกว้าวุ่นอย่างมาก เขาไม่คิดว่าสัตว์อสูรตัวนี้จะโจมตีจากระยะไกลได้มากกว่าหลายเมตรได้ เขามั่นใจว่าอยู่ห่างจากมันราวๆ 30เมตรได้
‘ตัวมันไม่น่าจะใหญ่ได้ขนาดนั้น มันคงมีความสามารถยืดแขนขาของมันแน่ๆ ไม่อย่างนั้นป่าแค่นี้ไม่สามารถซ่อนตัวมันได้หรอก’
……
ภายในห้องปฏิบัติการพิเศษของสำนักงานการสอบ มีใครบางคนกล่าวด้วยเสียงที่ดังว่า
“เจ้าตั๊กแตนกิ่งไม้มายาตัวนี้มันเจ้าเล่ห์มาก มันจะเล็งผู้เข้าสอบที่ไม่ระวังตัวจากนั้นก็ฆ่าเขาซะ พอเจ้านายตายสัตว์อสูรก็เสียใจจึงเผยช่องว่างออกมา ทำให้มันถูกสังหารได้อย่างง่ายๆ”
“แถวนั้นมีเจ้าหน้าที่อยู่ใกล้ๆมั้ย” กัปตันได้ถาม
“มีเจ้าหน้าที่กุหลาบขาวอยู่ห่างจากที่นั่นราว 5กิโลเมตรครับ ตอนนี้เธอกำลังบินไปที่นั่นแล้ว”
“ดี เจ้านี่ได้สังหารผู้เข้าสอบไปคนหนึ่งแล้ว เราจะให้เรื่องนี้เกิดซ้ำไม่ได้” ตอนนี้กัปตันรู้สึกปวดหัวอย่างมาก
คุณคิดว่าคนพวกนี้ปกติมั้ย ก่อนหน้านี้ที่พูดซะดิบดีว่าให้ผู้เข้าสอบเตรียมตัวเตรียมใจให้ดี หากต้องเสียชีวิต แต่ดูตอนนี้สิ พอมีคนตายมาหนึ่งคน กลับทำให้พวกเขาวุ่นวายและปวดหัวอย่างมาก พวกเขาคงจะแคร์ชีวิตผู้เข้าสอบมากกว่าที่คิดเพราะมันกระทบอะไรหลายอย่างแน่ๆ
“ดูกัปตันสิ เขาไม่ค่อยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะเกิดอะไรขึ้น” สนามชิกในทีมแอบนินทาเบาๆ
ส่วนกัปตันก็ถอนหายใจยาว
‘หวังว่าผู้เข้าสอบคนนี้จะสามารถเอาชีวิตรอดจนกว่ากุหลาบขาวจะไปถึงนะ’
ไกลออกไปมีนกอัลบาทรอสยักษ์ที่ไปทิศที่เกาเผิงอยู่ด้วยความเร็วสูง ที่อดของมันมีลายกุหลาบสีขาวตั้งอยู่ ส่วนที่หลังมีมีหญิงสาวผมสั้น ที่มีนัยน์ตาเรียวยาวนั่งอยู่
…….
“ถอย!!!” เกาเผิงสั่งขณะที่เอามือกุมหน้าอก
ดัมมี่หันไปคว้าเจ้านายและต้าซื่อ ก่อนที่จะมุ่งหน้าวิ่งหนีไป
ส่วนสตีปี้ได้ยิงลูกบอลใยแมงมุมเพื่อที่จะสกัดมันก่อนที่จะวิ่งตามไป
……..
“เด็กหนุ่มคนนี้ตัดสินใจได้ฉลาดมาก” สีหน้าของกัปตันดูโล่งอกมาก เขากังวลเกาเผิงจะสเปิดการโจมตีสวนกลับไปที่ตั๊กแตนกิ่งไม้มายา โชคดีที่เขารู้ว่าเขาควรถอยมากกว่าควรสู้