Mechanical God Emperor - ตอนที่ 279
279 – ศิษย์ของหยางเฟย
อาเธอร์เดินเข้ามาหาจอมเวทย์วัยกลางคนและพูดขึ้นด้วยความเคารพ “นายท่าน ชื่อของข้าคืออาเธอร์ขอรับ นี่คือน้องสาวของข้า เบอร์ธา ขอบพระคุณที่ช่วยข้าเอาไว้ขอรับ”
เบอร์ธาก้มศีรษะเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพต่อจอมเวทย์วัยกลางคน เธอพูดด้วยความนอบน้อม “ขอบพระคุณค่ะ! นายท่าน”
จอมเวทย์วัยกลางคนกวาดตามองทั้งสอง เขาพูดอย่างไม่ถือตัว “อย่าขอบคุณข้าเลย ข้าเพียงทำตามคำสั่งของท่านเอียน”
“ไปกันเถอะ!”
จอมเวทย์วัยกลางคนเดินนำออกไปจากสลัมพร้อมทั้งผู้คุ้มกันระดับอัศวิน เขาไม่ต้องการเสียเวลาแม้แต่นาทีเดียวกับชุมชนแออัดที่ทำให้จิตใจหม่นหมอง
อาเธอร์รู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของท่านจอมเวทย์ที่บอกว่าเขาได้รับคำสั่งจากท่านเอียน ไม่ใช่เพราะมีเมตตากับเด็กทั้งสอง
อาเธอร์นำน้องสาวของเขาออกจากสลัมไปพร้อมกับจอมเวทย์วัยกลางคนอย่างรวดเร็ว
อาเธอร์และน้องสาวของเขาออกจากสลัมและเดินตรงเข้าสู่ทิศตะวันตกของเมืองโฮลี่
หลังจากที่ผ่านถนนสายหนึ่ง สถาบันขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่มากกว่า 300 ตารางกิโลเมตร สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ถูกตั้งไว้อย่างงดงามในสายตาของอาเธอร์และเบอร์ธา
มีประตูทางเข้าตั้งอยู่ทั้ง 4 ทิศของสถาบันเวทมนตร์ ประตูทางทิศตะวันออกเต็มไปด้วยรถม้าหรูหรามากมาย เหล่าขุนนางเด็กและชนชั้นสูงต่างสวมชุดหรูหราอยู่บริเวณประตูทิศตะวันออก
อาเธอร์มองไปยังประตูทิศตะวันออกและพาน้องสาวของเขาเดินข้ามถนนตรงไปยังประตูทางทิศเหนือของสถาบันเวทมนตร์
ประตูทิศเหนือของสถาบันเวทมนตร์เต็มไปด้วยเหล่าสามัญชนและคนจนที่แต่งตัวธรรมดาต่อแถวเรียงคิวยาว เด็กทั้งหมดที่หยางเฟยพามานั้น ทั้งหมดต่างมีความฝันที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของพวกเขา แต่ละคนเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นมหาศาล
เหล่าขุนนางเด็กของสถาบันเวทมนตร์ หยางเฟยได้รับบริจาคเงินมากมาย ตราบเท่าที่พวกเขามีเงินและมีคุณสมบัติในการบ่มเพาะพลังไม่แย่จนเกินไป เขายินดีรับเข้าสถาบัน และเหล่าประชาชนและคนยากไร้เหล่านี้สามารถได้รับค่าเล่าเรียนฟรีได้ หากมีคุณสมบัติในการฝึกฝนเวทมนตร์และยังได้รับเงินเดือนที่เพียงพอต่อการใช้ฝึกฝนเวทมนตร์
ประตูทางทิศเหนือของสถาบันเวทมนตร์เป็นประตูแห่งความหวังของประชาชนทั่วไปและเหล่าคนยากไร้ที่จะมีโอกาสได้เข้าสู่โลกเวทมนตร์
ทุกครั้งที่ประตูทิศเหนือเปิดออก จะมีประชาชน 200-300 คนหลั่งไหลเข้ามา ส่วนใหญ่ใบหน้าของเด็กเหล่านั้นมักเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ทุกครั้งที่ประตูเปิดเข้ามา จะมีเด็ก 1-2 คนที่ตื่นเต้น เด็กเหล่านั้นไม่รู้ว่าพวกเขาจะมีคุณสมบัติหรือไม่ บ่อยครั้งที่ต้องนำเด็กที่ไม่แข็งแรงออกมาพักผ่อน
ฝูงชนมากมายทยอยกันเดินเข้ามาและเดินออกไปเมื่อรู้ว่าตนไม่มีคุณสมบัติ ด้านหลังของฝูงชนมีอาเธอร์และเบอร์ธากำลังยืนอยู่
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ถึงคราวของอาเธอร์และเบอร์ธา ทั้งสองพี่น้องเดินตามเด็กกว่า 200 คนไปทางประตูทางทิศเหนือของสถาบันเวทมนตร์และเข้าไปด้านใน ภายในห้องๆหนึ่งเต็มไปด้วยอักขระเวทย์ลึกลับนับไม่ถ้วน
ในห้องนั้น มีจอมเวทย์วัยกลางคนนั่งอยู่ เขาทำให้ห้องทั้งห้องมืดลงทันตา
ทันทีที่ห้องมืดลง เด็กวัยรุ่นทั้งหมดเริ่มกรีดร้องตะโกนออกมา
อาเธอร์เดินเข้าไปยืนขวางเบอร์ธาและนำมีดสั้นของเขาออกมาอย่างระมัดระวัง
จอมเวทย์วัยกลางคนตะโกนขึ้นอย่างไม่เข้าใจ “เงียบ ห้ามพูดออกมา! ไม่เช่นนั้นก็ออกไปซ่ะ!”
ทันทีที่ได้ยินจอมเวทย์ตะโกนออกมา เหล่าเด็กวัยรุ่นเงียบลงในทันที นี่เป็นโอกาสที่พวกเขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของพวกเขาได้ พวกเขาไม่ปล่อยโอกาสเหล่านั้นให้หลุดมือไปแน่นอน
จอมเวทย์วัยกลางคนเริ่มร่ายเวทย์ออกมา แสงเวทมนตร์ถูกปล่อยออกมาจากลูกแก้วเวทมนตร์ด้านหน้าเขา
ภายในห้องนั้น หนึ่งในอักขระเริ่มเปล่งแสงออกมา มันปลดปล่อยคลื่นพลังแปลกประหลาดปกคลุมไปยังเด็กวัยรุ่นทุกคนภายในห้อง
ร่างของเด็กวัยรุ่นเริ่มเปล่งแสงออกมาแตกต่างกัน ส่วนใหญ่เด็กเหล่านั้นจะมีแสงจางๆ แต่แสงของอาเธอร์และเบอร์ธาส่องสว่างออกมาราวกับดวงอาทิตย์ 2 ดวงกำลังเฉิดฉายออกมาจากร่างของพวกเขา
“อัจฉริยะ!! อัจฉริ-ยะถึง 2 คน ยอดเยี่ยม ข้าพะ-พบอัจฉริยะถึง 2 คน!” จอมเวทย์วัยกลางคนมองดวงอาทิตย์ทั้ง 2 อย่างตื่นเต้นและพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ข้าต้องไปรายงานไปยังเบื้องบน!!”
จอมเวทย์วัยกลางคนหยิบคริสตัลเวทย์สื่อสารออกมาและร่ายเวทย์ใส่ลงไปในคริสตัล
เสียงจากคริสตัล หยางเฟยตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ว่าไง ฟริทซ์”
ฟริทซ์พูดด้วยความเคารพ “ท่านผู้อำนวยการขอรับ ข้าพบอัจฉริยะถึง 2 คน ไม่สิ สุดยอดอัจฉริยะถึง 2 คนขอรับ พวกเขาเป็นเด็กยากไร้ขอรับ”
“สุดยอดอัจฉริยะ? น่าสนใจ ข้าไปเอง”
เสียงของหยางเฟยหายไป ไม่นาน แสงสีขาวส่องสว่างออกมา ทั่วทั้งห้องถูกแสงสว่างกลืนกินหายไป
สายตาของเด็กวัยรุ่นถูกดึงดูดโดยแสงสว่างเจิดจ้า พวกเขามองเห็นร่างที่ปกคลุมไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่ง ราวกับหยางเฟยกำลังเดินจากดินแดนแห่งแสงลงมายังโลกมนุษย์
เมื่อหยางเฟยมาถึง เขามองไปยังเด็กที่มีแสงจางๆและแสงดวงอาทิตย์ 2 ดวงที่ส่องสว่างออกมาจากร่างของอาเธอร์และเบอร์ธา
หยางเฟยมองด้วยแววตาสนุกสนาน มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยและเผยรอยยิ้มออกมา “นี่เป็นสมบัติล้ำค่าที่แท้จริง”
จากระดับแสงเวทมนตร์ที่ส่องสว่างออกมาจากร่างของอาเธอร์และเบอร์ธา อาเธอร์มีจิตวิญญาณขั้นที่ 6 ระดับสูง และเด็กหญิงเบอร์ธา เขากลัวว่าจะมีระดับจิตวิญญาณสูงกว่าขั้นที่ 7 ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะของเหล่าวอร์ล็อคและเป็นอัจฉริยะของเหล่าจอมเวทย์เช่นกัน
การบ่มเพาะพลังวอร์ล็อคคล้ายกับการบ่มเพาะพลังเวทมนตร์ มันคือการใช้เคล็ดวิชาของจอมเวทย์ที่มีความสามารถทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งทรงพลังยิ่งกว่าการตั้งสมาธิของจอมเวทย์ในดินแดนเฟย์สือ อัจฉริยะทั้ง 2 คนนี้จะเปล่งประกาย ตราบเท่าที่พวกเขาได้รับการดูแลอย่างดี
“ข้าเป็นผู้อำนวยการของสถาบันเวทมนตร์ เอียน พวกเจ้าทั้ง 2 ชื่ออะไรกันบ้าง?”
หยางเฟยเดินไปหาอาเธอร์แลเบอร์ธา เด็กวัยรุ่นคนอื่นๆถูกบังคับให้เปิดทางด้วยกระแสพลังบางๆ เขาก้าวไปหาอาเธอร์และเบอร์ธาทีละก้าว
อาเธอร์เงยหน้ามองหยางเฟยด้วยความตื่นเต้น “ชื่ของข้าคืออาเธอร์ขอรับ นี่คือน้องสาวของข้า เบอร์ธา!”
หยางเฟยพูดอย่างนุ่มนวล “อาเธอร์ เบอร์ธา ข้าต้องการให้พวกเจ้ามาเป็นศิษย์ของข้า เจ้ายินดีหรือไม่?”
หัวใจของอาเธอร์เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เขารีบดึงน้องสาวของเขาคุกเข่าลงกับพื้นและพูดอย่างนอบน้อม “ข้ายินดีขอรับ ยินดีมาก ท่านผู้อำนวยการขอรับ ได้โปรดรับพวกเราทั้ง 2 เป็นศิษย์ด้วยขอรับ”
ในสถาบันเวทมนตร์ จอมเวทย์เพียงคนเดียวสามารถจัดการอันธพาลกลุ่มใหญ่ที่ควบคุมสลัมได้ ดูอย่างชายตาเดียวเบนเดอร์ที่ไม่กล้ามีเรื่องกับเหล่าจอมเวทย์ บุคคลที่ยิ่งใหญ่อย่างผู้อำนวยการสถาบันเวทมนตร์ยินยอมรับศิษย์ด้วยตัวเอง อาเธอร์รู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร เขาไม่กล้าแสดงท่าทางเย่อหยิ่งเพราะกลัวว่าโอกาสนี้จะหายไป
หยางเฟยพึงพอใจและยิ้ม “ลุกขึ้นเถอะ!”
กระแสพลังเบาบางปกคลุมร่างของอาเธอร์และเบอร์ธา นำพาพวกเขาออกไปจากห้อง
สายตาอิจฉาริษยามองมาจากทุกๆด้าน อาเธอร์สามารถรับรูได้ถึงสายตาอิจฉารอบตัวเขาได้อย่างชัดเจน
แม้แต่จอมเวทย์วัยกลางคนก็มีแววตาอิจฉาและรู้ดีว่าโชคชะตาของสองพี่น้องได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
หยางเฟยชี้นิ้วไปที่ร่างของสองพี่น้อง แสงสว่างส่องไปยังร่างของทั้ง 3 และหายไปจากห้อง
จอมเวทย์วัยกลางคนกวาดสายตาไปทั่วห้องและพูดขึ้น “พวกเจ้าทั้งหมดไม่มีคุณสมบัติ ถ้าไม่มีค่าเล่าเรียนก็กลับได้”
เหล่าขุนนางเด็กที่ไม่ผ่านคุณสมบัติ พวกเขายินยอมจ่ายเงินมหาศาล เพื่อให้ได้เข้าสถาบันเวทมนตร์ ในขณะที่สามัญชนและคนยากไร้ มีเพียงอัจฉริยะเท่านั้นที่สามารถเข้ามาเรียนเวทมนตร์ในสถาบันเวทมนตร์ได้
อำนาจของขุนนาง หยางเฟยไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ เขายังต้องใช้เงินในการใช้จ่ายสำหรับสถาบันเวทมนตร์แห่งนี้ หากไม่มีเงินของเหล่าขุนนางเด็ก สถาบันเวทมนตร์แห่งนี้คงไม่สามารถดำเนินการสอนต่อไปได้ เนื่องจากสถาบันเวทมนตร์ไม่ได้รับการสนุบสนุนเงินจากจักรวรรดิมอร์ริส
เด็กๆในห้องเริ่มเศร้าใจและเดินออกจากห้องไปเงียบๆ
ในห้องที่หรูหราถ แสงสว่างส่องออกมา หยางเฟยปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับอาเธอร์และเบอร์ธา
เบ็คกี้อยู่ในชุดนักรบสีฟ้าดูแข็งแกร่งและปราดเปรียว เบ็คกี้เดินมาหาหยางเฟยและพูดขึ้น “นายท่าน!”
เบ็คกี้ทำงานกับหยางเฟยมาหลายวัน ความกังวลของเธอค่อยๆหายไป เธอมีคุณสมบัติเพรียบพร้อมในการเป็นเลขาของเขา
หยางเฟยพูดขึ้น “เบ็คกี้ นับตั้งแต่วันนี้ไปทั้ง 2 คนนี้เป็นศิษย์ของข้า เจ้าช่วยนำสองคนนี้ไปแนะนำสถานที่และกฎระเบียบหน่อย”
เบ็คกี้มองไปยังอาเธอร์และเบอร์ธาอย่างอิจฉา เธอพูดกับหยางเฟยอย่างเคารพ “เจ้าค่ะ นายท่าน!!”
แสงเวทมนตร์ส่องสว่างขึ้นใต้เท้าหยางเฟย หยางเฟยหายไปจากห้องอีกครั้ง
เบ็คกี้มองแผ่นหลังของหยางเฟยที่หายไป เธอสงบสติอารมณ์และพูดขึ้น “ชื่อของข้าคือเบ็คกี้ เจ้าสามารถเรียกข้าว่าพี่สาวเบ็คกี้ได้ ตอนนี้พวกเจ้าทั้งสองมากับข้า ข้าจะบอกกฎระเบียบของพวกเจ้าที่นี่”
อาเธอร์พูดขึ้น “ขอรับ! พี่สาวเบ็คกี้!”
เบอร์ธาพูดตามพี่ชาย “เจ้าค่ะ! พี่สาวเบ็คกี้!”
**********************************************************************
เห็นน้องสาวและคิดถึงฉิงเย่เลย หายไปนาน