Mechanical God Emperor - ตอนที่ 277
277 – อาเธอร์และเบอร์ธา
“พลังปราณ!! นี่คือพลังปราณงั้นรึ!! พลังปราณของข้า!!”
คาร์ลลืมตาขึ้นและรับรู้ได้ถึงร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไป แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขากรีดร้องออกมา น้ำตา 2 สายหลั่งไหลออกมาจากดวงตา
หลายปีมานี้ เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครกล้าเข้ามาคุยกับเขา ผู้คนมากมายหัวเราะเยาะเขาอยู่ในมุมมืด หาว่าเขาเป็นขยะ ผู้คนในตระกูลชาลามันเองก็ต้องการแย่งชิงตำแหน่งของเขา เนื่องจากตระกูลชาลามันถูกสร้างขึ้นโดยวูซุน และเป็นตระกูลที่แข็งแกร่ง เขาเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียว เป็นชายหนุ่มที่ไม่สามารถบ่มเพาะพลังปราณได้จึงไม่เป็นที่ยอมรับของผู้คน
ตอนนี้คาร์ลได้กลายมาเป็นอัศวินชั้นสูง ภายใต้การช่วยเหลือของโพชั่น เส้นเมอร์ริเดี่ยนของเขาถูกเปิดออก เส้นทางการบ่มเพาะพลังในอนาคตต้องก้าวหน้าขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ใช่ขยะที่ไม่สามารถบ่มเพาะพลังได้อีกต่อไป
คาร์ลที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เขาเดินไปหาหยางเฟยและยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้น “ท่านเอียน ข้า ผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูลชาลามัน ขอขอบคุณยาของท่าน ข้าเป็นหนี้บุญคุณท่าน หากท่านขาดเหลือสิ่งใด โปรดมาที่ตระกูลชาลามัน มาหาข้า!”
หยางเฟยยิ้มและพูดขึ้น “คาร์ล ข้าเพียงแค่ขายยาเท่านั้น คนที่นำยาไปได้คือเจ้า นั่นคือความสามารถของเจ้า เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก”
คาร์ลยิ้มและพูดขึ้น “ฮ่า ฮ่า ได้! ท่านเอียน ท่านยินดีมาเป็นเพื่อนกับข้าหรือไม่?”
หยางเฟยยิ้มและตอบกลับ “แน่นอน ได้สิ!”
การเปลี่ยนแปลงของคาร์ลอยู่ในสายตาของทุกคน เหล่าชนชั้นสูงของจักรวรรดิมอร์ริสยิ่งบ้าคลั่งขึ้นไปอีก ศึกชิงยาของหยางเฟยได้เริ่มต้นขึ้น
โพชั่นทั้ง 100 ขวดถูกปล่อยออกไปอย่างรวดเร็ว เขาได้รับเงินมากถึง 20 ล้านเหรียญทอง
การ์ซ่านั่งหัวเราะอยู่ด้านข้าง เงินมากกว่า 20 ล้านเหรียญทอง เขาจะได้รับอย่างน้อย 4 ล้านเหรียญทอง กำไรมหาศาลในครั้งนี้ เขาสามารถนำมันไปดึงตัวเหล่าผู้เชี่ยวชาญและซื้ออาวุธได้มากมาย
ก่อนที่ศึกชิงยาจะจบลง หยางเฟยเดินขึ้นไปบนเวทีช้าๆ
เบ็คกี้เดินตามคิดหยางเฟยไป
ด้านล่างเวทีสูง เหล่าชนชั้นสูงของจักรวรรดิมอร์ริสเงยหน้าขึ้นมองหยางเฟยทีละคน ทุกคนต่างมองด้วยความรู้สึกหวาดกลัวในจิตใจ
นักปรุงยาเอียน โพชั่นเพียงขวดเดียวสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของใครบางคนได้ บุคคลที่แข็งแกร่งเช่นนี้ เหล่าชนชั้นสูงของจักรวรรดิมอร์ริสไม่ต้องการเป็นศัตรูด้วย ถ้าไม่ถูกบังคับจริงๆ
หยางเฟยชี้นิ้วไปที่เบ็คกี้ ซึ่งอยู่ข้างเขา และพูดเบาๆ “ข้า เอียน ขอประกาศไว้ ณ ที่นี้ ข้าได้รับอนุญาตจากฝ่าบาทเรื่องการสร้างสถาบันเวทมนตร์ในเมืองโฮลี่แห่งนี้ เพื่อฝึกฝนเหล่าจอมเวทย์โดยเฉพาะ ฝ่าบาทเป็นผู้อำนวยการของสถาบันแห่งนี้ และข้าเป็นรองผู้อำนวยการคนแรก ถ้ามีใครสนใจ พวกท่านสามารถติดต่อนางได้”
เมื่อฟังคำพูดของหยางเฟย เหล่าชนชั้นสูงของจักรวรรดิเริ่มมีดวงตาแดงกล่ำ พวกเขาต้องมองเบ็คกี้ด้วยดวงตาที่เร่าร้อน
เบ็คกี้เห็นสายตาของเหล่าชนชั้นสูงก็เริ่มกลัว
พลังเวทย์ในดินแดนเฟย์สือถือเป็นหนึ่งในพลังที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากเทพ จอมเวทย์ในระดับผู้บัญชาการสามารถสังหารปรมาจารย์ดาบได้มากกว่า 10 คน
ปรมาจารย์ดาบซึ่งบ่มเพาะพลัง มีทั้งพลังโจมตีและพลังป้องกันที่แข็งแกร่ง ดาบในมือของพวกเขาสามารถสังหารวอร์ล็อคชั้นสูงได้ แต่เมื่อพวกเขาอยู่ห่างไกล เวทย์บอลไฟระดับ 1 ยังสามารถล้มพวกเขาได้และพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง ส่วนเวทย์ระดับ 2 ระเบิดมิสไซด์สามารถสังหารพวกเขาได้ทันทีที่สัมผัสโดนร่างกายของพวกเขา
มีเพียงทางเดียวที่ปรมาจารย์ดาบจะสามารถต่อสู้กับจอมเวทย์ได้ การขัดขวางไม่ให้จอมเวทย์ระบุตำแหน่งของเขาได้และสังหารก่อนที่จอมเวทย์จะเริ่มร่ายเวทย์ แน่นอนว่าปรมาจารย์ดาบมนุษย์สามารถทำลายเวทย์ระดับ 2 ได้ด้วยพลังปราณ แต่อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการต้านทานคำสาปของพวกเขาต่ำมากและยากที่จะหลบเลี่ยง พวกเขาสามารถทำได้เพียงเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายด้วยพลังปราณ
จอมเวทย์นั้นทรงพลังและด้วยการคงอยู่ของข่ายมนตรา รวมถึงมรดกเวทมนตร์โบราณ จำนวนของจอมเวทย์จึงหาได้ยากมากขึ้น
เมืองโฮลี่เป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิมอร์ริส เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีจอมเวทย์มากมาย ถ้าคุณอยู่เมืองที่ห่างไกล เป็นเรื่องยากที่จะหาจอมเวทย์เจอแม้แต่คนเดียว
จอมเวทย์ทั่วไปมีมากมายในจักรวรรดิมอร์ริส จอมเวทย์ทั่วไปเทียบได้กับขุนนาง พวกเขาได้รับสิทธิพิเศษมากมายที่เหล่าขุนนางได้รับ นี่ถือเป็นโอกาสของเหล่าประชาชนมากมาย
ขุนนางชั้นสูงมากมายมีบุตรหลานมากมาย แต่สามารถมีผู้สืบทอดตำแหน่งและอาณาจักรได้แค่คนเดียวเท่านั้น เด็กที่เหลือจึงทำได้เพียงปกครองเมืองเล็กๆในอาณาจักรนั้น และหาเลี้ยงตัวเอง
ทันทีที่เหล่าขุนนางชั้นสูงได้ยินว่าจะมีการก่อตั้งสถาบันเวทมนตร์ขึ้น พวกเขากระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมในฐานะนักเรียน เมื่อมีจอมเวทย์เกิดขึ้นในตระกูลของพวกเขา ไม่เพียงแต่มีการแข่งขันกันมากขึ้นในตระกูล แต่ยังมีเด็กคนอื่นๆที่สามารถได้รับโอกาสเช่นนี้ด้วย
หยางเฟยประกาศข่าวออกไป จากนั้นเขาหันหลังกลับและเดินลงจากเวทีทันที
เหล่าชนชั้นสูงของจักรวรรดิมอร์ริสเริ่มรวมตัวกันและเดินเข้าไปหาเบ็คกี้
ชายวัยกลางคนมีใบหน้าหล่อเหลาและหนวดเล็กบนริมฝีปาก เขามองเบ็คกี้ด้วยแววตาอ่อนโยน “เบ็คกี้น้อย ทำไมเจ้าไม่มาที่บ้านข้าบ้างล่ะ? ลิซ่าคิดถึงเจ้ามาก!”
เบ็คกี้มองชายวัยกลางคนด้วยแววตาตกตะลึง “ลุงเอ็ดวิน”
ในวัยเด็ก เบ็คกี้ไปเล่นที่บ้านของลิซ่าบ่อยๆ ทุกครั้งที่เธอเห็นเอ็ดวิน เธอจะรู้สึกเคารพและเชิดชูอย่างมาก หลังจากที่โตขึ้น เบ็คกี้เพิ่งเข้าใจว่าเอ็ดวินไม่ต้องการให้ลูกสาวของเขาไปยุ่งเกี่ยวกับลูกของสามัญชนอย่างเธอ
แม้ว่าพ่อของเธอจะเป็นปรมาจารย์ดาบ แต่มันยังไม่มีพลังเพียงพอ ปรมาจารย์ดาบอาจะมีชื่อเสียงในพระราชวัง ในฉากหน้าเหล่าขุนนางอาจจะแสดงความเคารพ แต่ในใจพวกเขา ไม่ได้เห็นปรมาจารย์ดาบอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
เหล่าขุนนางชั้นสูงที่รวมตัวกัน พวกเขาไม่ได้เชื้อเชิญปรมาจารย์ดาบให้มาเข้าร่วม
ตอนนี้ เอ็ดวินหาวิธีเข้าหาเบ็คกี้ การวางตัวของเขาสุภาพมาก แต่เบ็คกี้ไม่ได้สนใจ เธอรู้สึกแปลกๆในจิตใจ
เหล่าชนชั้นสูงของจักรวรรดิมอร์ริสเริ่มเข้าหาเบ็คกี้และต้องการข้อมูลจากปากเธอเกี่ยวกับสถานที่ที่เรียกว่าสถาบันเวทมนตร์ที่หยางเฟยพูดถึง
เบ็คกี้ถูกล้อมไปด้วยเหล่าชนชั้นสูงของจักรวรรดิ เธอขเข้าใจสถานการณ์ดี หยางเฟยได้อธิบายเหตุการณ์ตรงหน้าที่อาจจะเกิดขึ้นกับเธอมาแล้ว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานประมูลยาได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองโฮลี่อย่างรวดเร็ว ทั้งเมืองโฮลี่ตื่นตัวอย่างมาก
ผู้คนนับไม่ถ้วนเริ่มหันมาสนใจการก่อตั้งสถาบันเวทมนตร์ที่เกิดขึ้นอย่างฉุกละหุก เหล่าชนชั้นสูงเริ่มมองหาบัตรเชิญในการเข้าร่วมสถาบันเวทมนตร์ด้วยวิธีการต่างๆ
มรดกตกทอดเวทมนตร์ในดินแดนเฟย์สือนั้นมีความเก่าแก่มาก ยกเว้นเสียแต่ว่าเหล่าจอมเวทย์ในพระราชวังจะถ่ายทอดให้อย่างเป็นระบบ จอมเวทย์เหล่านั้นจะค้นหาเด็กๆที่เหมาะกับการฝึกฝนเวทมนตร์และวางแผนสืบทอดพลังไว้ในหัวของพวกเขา จากนั้นพวกเขาจึงจะได้รับการยอมรับว่าเป็นจอมเวทย์ฝึกหัดและเริ่มบ่มเพาะพลัง
แต่มีเหล่าจอมเวทย์นอกรีตบางส่วนที่ไม่ได้สนใจเรื่องจอมเวทย์ฝึกหัด เมื่อจอมเวทย์เหล่านั้นตาย มรดกตกทอดจึงถูกทิ้งไว้ เมื่อมีบุคคลโชคดีเข้าไปพบ เขาอาจจะได้หนังสือหรือสมุดเวทมนตร์ที่ถูกทิ้งไว้ และพวกเขาสามารถกลายเป็นจอมเวทย์ฝึกหัดคนใหม่
นอกจากตระกูลจอมเวทย์แล้ว แม้จะมีขุนนางชั้นสูงบางส่วนที่สามารถค้นหาสมุดเวทมนตร์ทั่วไปมาได้ แต่ยังยากที่จะฝึกฝนในการเป็นจอมเวทย์
ตอนนี้หยางเฟยได้เปิดสถาบันเวทมนตร์ขึ้นเป็นที่แรกในเมืองโฮลี่ เพื่อฝึกฝนเหล่าจอมเวทย์ นั่นทำให้เกิดการตื่นตัวขึ้นอย่างมหาศาล
ขุนนางชั้นสูงบางคนสงสัยในความแข็งแกร่งของหยางเฟย และได้ตรวจสอบที่มาของหยางเฟยว่ามาจากที่ใด
หยางเฟยเป็นจอมเวทย์วังหลวง เชามีจอมเวทย์ใต้ปกครองถึง 59 คน จอมเวทย์เหล่านั้นสามารถกลายมาเป็นอาจารย์ของสถาบันเวทมนตร์ได้
จอมเวทย์ทั้ง 59 คนนั้น ตราบเท่าที่ไม่เป็นบุคคลที่เลวร้ายเกินไป พวกเขาสามารถสอนให้กับจอมเวทย์ฝึกหัดได้
ในเขตสลัมของเมืองโฮลี่
สิ่งปฏิกูลมากมายไหลผ่าน ทุกพื้นที่เป็นดินโคลนที่เหม็นเน่า
หนึ่งในนั้นมีรูปร่างผอมบาง ใบหน้าซูบผอม มีสีเหลือง เนื่องจากขาดสารอาหาร วัยรุ่นผมสั้นและยุ่งเหยิงราวกับรังนก เขาระมัดระวังอย่างมากและเดินออกมาจากมุมมืด เขาเดินเข้าไปในห้องเล็ก
ในห้องนั้น มีเด็กสาวรูปร่างผอม ใบหน้าสีเหลือง อายุประมาณ 11-12 ปี แววตาของเธอราวกับสาวน้อยที่สดใส
“พี่อาเธอร์” เด็กสาวเห็นเด็กหนุ่มผมสั้นเดินเข้ามา
อาเธอร์มองไปยังน้องสาวของเขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรัก เขาหยิบผ้าออกจากแขนของเขา เปิดมันออก
“เบอร์ธา กินสิ”
เด็กสาวตัวน้อยมองอย่างมีความสุข หลังจากนั้นเธอหยิบชามใบเล็กออกมา 2 ใบและเทน้ำลงไปและส่งอีกชามให้กับอาเธอร์ “พี่อาเธอร์ กินด้วยกันเถอะ”
อาเธอร์กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เขาเลิกจ้องมองขนมปังสีดำและหันหน้าหนี “พี่กินมาแล้วน่ะ พี่ได้กินเศษขนมปังสีขาวที่พวกขุนนางทิ้งเอาไว้ ตอนนี้พี่ดลยไม่หิว”
โครก คราก
จากนั้น เสียงท้องของอาเธอร์ดังขึ้น มันดังมากในห้องที่เงียบสงบ
ในดวงตาของเบอร์ธาเริ่มมีน้ำใสๆ เธอส่งชามให้กับอาเธอร์ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความแน่วแน่
อาเธอร์ไม่ยืนกรานอีกต่อไป เขานำมีดออกมาตัดขนมปังที่แข็งยิ่งกว่าไม้ ออกเป็น 2 ท่อน และนำชิ้นใหญ่ให้กับเบอร์ธา “งั้นพวกเรามากินด้วยกันเถอะ!”