Martial God Space - ตอนที่ 286
Martial god space ตอนที่ 286 หลังจากหายนะ
กองกำลังทหารปีศาจกำลังพยายามหลบหนีไปทางรอยแยกของพื้นที่มิติ บรรดาผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานรีบวิ่งไล่ตามเพื่อฆ่าพวกมันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หวู่ โผ่เทียน และคนอื่นๆ เขาเพิ่งประสบกับความเจ็บปวดจากการสูญเสียอดีตผู้นำนิกาย ตอนนี้เขากำลังทนทุกข์ทรมานจากความเศร้าโศก และต้องการระบายความโกรธแค้นทั้งหมดของเขาออกไป ดังนั้นเขาจึงรีบตรงเข้าไปฆ่าทหารปีศาจที่อยู่ใกล้ๆ รอยแยกของพื้นที่มิติ
หวู่ โผ่เทียน ตอนนี้ดูราวกับเทพจุติลงมาสู่โลกใบนี้มาพร้อมกับกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัว กองกำลังปีศาจไม่มีใครสามารถหยุดยั้งเขาได้นอกจากร่างเงาปีศาจที่ตายไปแล้ว หวู่ โผ่เทียน เวลานี้กำลังโกรธมาก เพราะกองกำลังทหารปีศาจกล้าโจมตีบ้านของเขา และความสูญเสียในครั้งนี้มันมากเกินไป
เย่ ซีหวิน ออกคำสั่งให้ ยอดขุนเขาเฉียนหยู่ พุ่งเข้าไปในรอยแยกของพื้นที่มิติ เขาเป็นผู้เปิดทาง หลังจากนั้นคนอื่นๆ ก็ตามเขาเข้ามา ยอดขุนเขาเฉียนหยู่ เป็นป้อมปราการสงคราม ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ ซึ่งจะมอบให้กับศิษย์แท้จริงเท่านั้น และมันยังทรงพลังยิ่งกว่า ยอดขุนเขา ธรรมดาทั่วไป แม้กระทั่งการโจมตีของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตลมปราณระดับตำนาน ก็ไม่สามารถทำลายมันได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้น ยอดขุนเขาเฉียนหยู่ เมื่อรวมกับพลังของ เย่ ซีหวิน อำนาจการทำลายล้างของมัน นับว่าเป็นหายนะสำหรับทุกคน หรือสิ่งใดก็ตามที่ยืนขวางทางของพวกเขา ความสำคัญของ ยอดขุนเขาเฉียนหยู่ สามารถพิจารณาได้จากข้อเท็จจริงจากประวัติศาสตร์กว่าพันปีที่ผ่านมาของสำนักยี่หยวน จำนวนของป้อมปราการสงครามมีไม่เกินสิบ และมีเพียง ศิษย์แท้จริง เท่านั้นที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นเจ้าของป้อมปราการสงคราม อย่างไรก็ตามในอดีตไม่ได้มี ศิษย์แท้จริง มากเกินกว่าจำนวนป้อมที่มีอยู่
สิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องรู้ว่า การสร้างป้อมปราการสงคราม ดังกล่าวนี้ เป็นเรื่องยากยิ่งกว่าการฝึกนักรบที่มีความแข็งแกร่งเท่ากัน แต่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรทั้งหมดมากกว่าเกือบสิบเท่าในการสร้าง
ป้อมปราการสงครามเหล่านี้มีความสำคัญมากในระหว่างการโจมตีดังกล่าว และมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ปกป้องนิกายเท่านั้น ในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ ผู้ที่ได้รับมอบป้อมปราการสงครามจากผู้อาวุโสพวกเขาไม่อยู่ที่นั่น และตอนนี้พวกเขาต้องพึ่งพาป้อมปราการสงครามที่เหลืออยู่เพื่อทำลายล้างกองกำลังทหารปีศาจ
ภายใต้การบัญชาการของ เย่ ซีหวิน ยอดขุนเขาเฉียนหยู่ ของเขาได้กำจัดทหารปีศาจจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง
ปลายทางอีกด้านของรอยแตกของพื้นที่มิติ เมื่อ เย่ ซีหวิน ได้ผ่านเข้ามามันปกคลุมไปด้วยหุบเขานับพันตารางกิโลเมตร แม้ว่า เย่ ซีหวิน เองก็ไม่แน่ใจว่าสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ไหนในโลกของเขา แต่เขามั่นใจว่านี่ต้องเป็นรังของพวกปีศาจอย่างแน่นอน
ทหารปีศาจหลายตัวต่างพากันตกใจหลังจากเห็นผู้บุกรุกปรากฏตัวในรังของพวกมัน ผู้เชี่ยวชาญปีศาจพร้อมกับอสูรสงครามจำนวนมากต่างมารวมพลกันเพื่อตั้งรับการโจมตีจากผู้บุกรุก
ยอดขุนเขาเฉียนหยู่ ถูกล้อมรอบด้วยม่านพลังของปราณจิตวิญญาณ ซึ่งคอยปกป้องทั้งยอดขุนเขาเอาไว้ แม้ว่าจะบริโภคพลังงานจำนวนมากจากแหล่งกำเนิดปราณจิตวิญญาณที่อยู่ใต้ฐานของป้อมปราการสงคราม ซึ่งแหล่งกำเนิดปราณจิตวิญญาณนี้ทำให้ป้อมปราการสงครามมีประสิทธิภาพและใช้งานง่าย แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับแหล่งกำเนิดปราณจิตวิญญาณหลักของสำนักยี่หยวนได้
” ตูมมมมม! ” กองกำลังทหารปีศาจโจมตี ยอดขุนเขาเฉียนหยู่ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการโจมตีม่านพลังทำให้มันสั่นสะเทือน
” บุกเข้าไป! ” ภายใต้คำสั่งของ เย่ ซีหวิน ยอดขุนเขาเฉียนหยู่ ก็เริ่มลอยตัวขึ้น และบินเข้าไปหุบเขาทันที อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆและค่ายกลได้ถูกเปิดใช้งานทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ระหว่างทางได้ถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลอง ในขณะที่คนๆ อื่น บินตามเข้าไป
หวู่ โผ่เทียน และผู้อาวุโสคนอื่นๆ บินตามมาทัน ป้อมปราการสงคราม พวกเขาก็รีบพุ่งตรงไปข้างหน้าเพื่อโจมตีค่ายของปีศาจ ทหารปีศาจจำนวนมากไม่สามารถต้านทานการโจมตีและถูกฆ่าตายในทันที
” บังอาจมากเจ้าพวกมนุษย์ ที่กล้าบุกรุกดินแดนของข้า? ” เสียงคำรามดังออกมาจากค่ายของปีศาจ จากนั้นก็มีกรงเล็บที่น่าสะพรึงกลัวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า มันกระแทกฝ่ามือลงมาทันที ทำให้สาวกหลายคนถูกฆ่าตายในครั้งเดียว
” ย๊ากกกก! ” หวู่ โผ่เทียน คำราม และแกว่งดาบ เห็นได้ชัดว่าเทคนิคการใช้ดาบของเขาค่อนข้างคล้ายกับอดีตผู้นำนิกาย แม้ว่าจะไม่รวดเร็วและทรงพลังเท่าอดีตผู้นำนิกายก็ตาม การโจมตีด้วยปราณดาบของเขาดูเหมือนจะมีพลังมากพอที่จะทำลายโลกนี้ได้
การโจมตีด้วยดาบของ หวู่ โผ่เทียน ครั้งนี้เขาผสานพลังเข้ากับกฏแห่งโลก ปราณดาบอันทรงพลังขนาดใหญ่พุ่งตรงเข้าไปตัดกรงเล็บปีศาจบนท้องฟ้า พลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวของมันทำให้ภูเขาที่อยู่บริเวณโดยรอบถูกทำลายแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย พร้อมกับฆ่าทหารปีศาจที่อยู่ในรัศมีอีกด้วย
” อ๊ากกกกกกซ์! ” เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังก้องไปทั่วท้องฟ้า และร่างของมันก็โผล่ออกมาจากช่องว่างมิติ
” ฉัวะ! ” หวู่ โผ่เทียน โจมตีด้วยดาบอีกครั้ง ด้วยพลังของเขาทำให้ร่างของปีศาจที่ซ่อนอยู่ในช่องว่างมิติ ระเบิดออกกลายเป็นหมอกเลือดขนาดใหญ่ เขากลายเป็นคนเลือดเย็นไร้ความปรานี เพราะในหัวใจของเขามันเต็มไปด้วยความโกรธแค้น และนี่คือวิธีเดียวที่จะระบายมันออกมา
ความฮึกเหิมของ เหล่าสาวก ลุกโชนเพิ่มมากยิ่งขึ้นหลังจากได้เห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขารีบตรงเข้าไปกำจัดสาวกของลัทธิมารทันที บรรดาเหล่าสาวกของลัทธิมารต่างพากันแตกตื่นหลังจากนักรบปีศาจที่แข็งแกร่งของพวกมันถูกจัดการได้อย่างง่ายดาย พวกมันถูกสังหารโดยเหล่าสาวกของสำนักยี่หยวนที่กำลังโกรธแค้น ภายใต้การนำของ หวู่ โผ่เทียน
หลังจากเวลาผ่านไปเกือบครึ่งวัน ในที่สุดการสังหารหมู่แต่เพียงฝ่ายเดียวก็สิ้นสุดลง ไม่มีใครหนีรอดจากค่ายปีศาจแห่งนี้ได้ ผู้เชี่ยวชาญของปีศาจ และสาวกของลัทธิมารถูกฆ่าตายทั้งหมด สุดท้ายสำนักยี่หยวนก็สามารถกวาดล้างรังของปีศาจได้อย่างสิ้นซาก
ข่าวลือสำนักยี่หยวนถูกโจมตี สร้างความตกใจ และเป็นที่กล่าวถึงแพร่กระจายไปทั่วทั้งอาณาจักรหุบเขาเมฆา แต่ข่าวสูญเสียผู้เชี่ยวชาญลมปราณระดับนักปราชญ์ของทั้งสองฝ่าย ทำให้พวกเขารู้สึกโล่งใจ การดำรงอยู่ของผู้เชี่ยวชาญลมปราณระดับนักปราชญ์มีอิทธิผลต่ออาณาจักรหุบเขาเมฆาเป็นอย่างมากในเชิงกลยุทธ
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับสำนักยี่หยวน
โดยการโต้กลับในครั้งนี้ของสำนักยี่หยวน องค์กรลัทธิมาร ได้รับผลกระทบอย่างหนัก และถูกกวาดล้างจนไม่อาจฟื้นตัวได้หลังจากเหตุการณ์นี้
อย่างไรก็ตามความสูญเสียของสำนักยี่หยวนนับว่าน้อยกว่าเมื่อเทียบกับฝ่ายของปีศาจ หนึ่งในสามของสาวกของสำนักยี่หยวน ถูกฆ่าตายและหลายร้อยคนได้รับบาดเจ็บ แม้กระทั่งศิษย์เอกที่เปรียบเหมือนกองกำลังหลักของนิกายก็ถูกสังหาร และได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมไปถึงเหล่าผู้อาวุโสที่คอยปกป้องบรรดาเหล่าสาวกในสนามรบ
ถึงแม้ว่าพวกผู้อาวุโสจะปรากฏตัวขึ้น เพียงแค่เข้าร่วมในช่วงท้ายของการต่อสู้ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ปรากฏตัวในสนามรบ แต่ในความเป็นจริงพวกเขาพัวพันอยู่กับการต่อสู้กับกองกำลังของปีศาจที่แทรกซึมเข้ามาในส่วนลึกของนิกาย
เวลานี้ สำนักยี่หยวน ต้องประสบความสูญเสียอย่างมาก พวกเขาต้องสูญเสียหนึ่งในสามของจำนวนสาวกทั้งหมด อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของสำนักยี่หยวนได้แสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ คงไม่มีใครกล้าคิดที่จะท้าทายสำนักยี่หยวนอีกในเวลานี้
สำนักยี่หยวน แม้จะถูกโจมตีอย่างหนัก แต่กลับรอดพ้นจากการถูกกวาดล้าง และสามารถยืนหยัดมาได้นานนับพันๆ ปี
ชัยชนะของสำนักยี่หยวนในครั้งนี้ จะได้ถูกบันทึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของ อาณาจักรหุบเขาเมฆา
ไม่มีใครคิดว่า สำนักยี่หยวนจะต้องประสบเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนี้ ในเวลานี้ สำนักยี่หยวน ได้จัดงานศพอย่างยิ่งใหญ่เพื่อเป็นการรำลึกถึงท่านอดีตผู้นำนิกาย และได้เชิญบรรดาบุคคลผู้มีอิทธิพลมากมาย
อดีตผู้นำนิกาย มีชีวิตรอดต่อมาอีก 1,000 ปี ก่อนที่เขาจะตายอย่างสงบในท่านั่งสมาธิ สาวกทั้งหมด และบรรดาบุคคลผู้มีอิทธิพลต่างพากันเดินทางมาเพื่อคารวะป้ายวิญญาณของเขา ถึงแม้พวกเขาจะอายุน้อยกว่า และไม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว แต่พวกเขาก็ให้ความเคารพอย่างลึกซึ้งกับท่านอดีตผู้นำนิกาย อดีตผู้นำนิกายได้ต่อสู้อย่างกล้าหาญ และช่วยสำนักยี่หยวนเอาไว้จากผู้เชี่ยวชาญปีศาจระดับนักปราชญ์ได้ ในที่สุดเขาก็เสียชีวิตอย่างสงบในท่านั่งสมาธิ
ถ้าหากท่านอดีตผู้นำนิกายไม่สามารถหยุดยั้ง ร่างเงาปีศาจ จากการทำลายล้างสำนักยี่หยวน อาณาจักรหุบเขาเมฆา ทั้งหมดจะต้องพบกับหายนะ
ที่ด้านบนสุดของภูเขาซึ่งตั้งอยู่ในอาณาเขตของ สำนักยี่หยวน มีร่างของชายสองคนกำลังยืนอยู่บนยอดเขา สายลมฤดูใบไม้ผลิที่ปะทะร่างทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่น และสบาย เมื่อยามสายลมพัดโชย
เย่ ซีหวิน กำลังมองลงมาจากด้านบน สำนักยี่หยวนตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างการฟื้นฟู สาวกจำนวนหนึ่งช่วยกันเก็บกู้ซากปรักหักพัง และซ่อมแซมในส่วนที่เสียหาย
” ข้าได้ข่าวว่าเจ้าจะเดินทางไปยัง สถาบันยอดยุทธ เป็นความจริงหรือไม่? ” เย่ ซีหวิน ถามชายหนุ่มที่ยืนข้างๆ เขา เขาเป็นผู้นำกลุ่มสาวกรุ่นเยาว์ของ นิกายลิขิตสวรรค์ (หย่วนฉาง) ชื่อ เจี้ยน วู่เฉิน เขามาคารวะป้ายวิญญาณอดีตผู้นำนิกายในฐานะตัวแทนจาก นิกายลิขิตสวรรค์
เย่ ซีหวิน รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ถึงแม้เขาจะรู้ว่า เจี้ยน วู่เฉิน เป็นผู้นำกลุ่มสาวกรุ่นเยาว์ของ นิกายลิขิตสวรรค์ และอยู่ในขอบเขตลมปราณปัจฉิมบท ซึ่งกำลังจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตลมปราณระดับตำนานครึ่งก้าวเช่นเดียวกับเขา แต่ไม่แปลกใจเลยที่ เย่ ซีหวิน ถูกมองข้ามในระหว่างเข้าร่วมการประเมินที่ถูกจัดขึ้นในสำนัก ขอบเขตลมปราณของ เจี้ยน วู่เฉิน อยู่เหนือกว่าเขา
สำหรับสถาบันยอดยุทธแล้ว ด้วยระดับลมปราณเช่นนี้ไม่ต่างอะไรจากขยะ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นศิษย์แท้จริงที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มสาวกรุ่นเยาว์ของสำนัก หลังจากที่เข้าร่วม สถาบันยอดยุทธ สาวกที่มีพรสวรรค์อย่าง เจี้ยน วู่เฉิน ก็ไม่มีข้อยกเว้นให้ไปรวมอยู่ในกลุ่มของศิษย์ชั้นนอกเช่นกัน
( NT : ศิษย์ชั้นนอก > ศิษย์ชั้นใน > ศิษย์หลัก > ศิษย์เมล็ดพันธุ์ > ศิษย์เอก > ศิษย์แท้จริง )
เจี้ยน วู่เฉิน ก่อนหน้านี้เป็นเพียง ทาสดาบ ของนิกาย แต่สถานะของเขาในตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว
เย่ ซีหวิน เคยอ่านเจอบันทึกเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า ทาสดาบ ของ นิกายลิขิตสวรรค์ พวกเขาจะคัดเลือกสาวกหนุ่มสาวที่มีพรสวรรค์และได้รับการฝึกฝนอย่างหนักในสถานะของ ทาสดาบ เพื่อรับใช้ตระกูลจักรพรรดิ์ อย่างไรก็ตาม เจี้ยน วู่เฉิน ได้ก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งผู้นำของสาวกรุ่นเยาว์ของ นิกายลิขิตสวรรค์
อาจกล่าวได้ว่า องค์ชายแปด และคนอื่น ๆ หลายคนต่างตระหนักถึงศักยภาพของ เจี้ยน วู่เฉิน เพราะเขาเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ และไม่มีใครเทียบได้ในกลุ่มสาวกรุ่นเยาว์ของ นิกายลิขิตสวรรค์ อนาคตของเขาจะเติบโตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เย่ ซีหวิน เชื่อว่า เจี้ยน วู่เฉิน จะประสบความสำเร็จใน สถาบันยอดยุทธ
ถึงอย่างนั้น แม้ว่าเขาจะเคยรับใช้ องค์ชายแปด แต่ถูกบังคับให้เป็นศัตรูกับ เย่ ซีหวิน แต่ เย่ ซีหวิน ก็ไม่ได้ถือสาเอาเรื่อง
มู่ หลิง ยกย่องเขาก่อนหน้านี้ว่าทักษะการใช้ดาบของ เจี้ยน วู่เฉิน ไร้ที่ติเมื่อเทียบกับตัวเขาเอง มู่ หลิง รู้สึกประทับใจมาก และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงช่วยชีวิตของ เจี้ยน วู่เฉิน ไว้บนเกาะปีศาจ
จะกล่าวให้ถูกต้องก็คือ พวกเขาสมควรจะเป็นกลุ่มแรกที่ได้ไป สถาบันยอดยุทธ
เจี้ยน วู่เฉิน ตอบด้วยท่าทางที่ไม่แยแสบนใบหน้าของเขา ” พวกเขาเหล่านั้นต้องตายก็เพราะข้า ข้าพาพวกเขาไปสู่ความตาย “
เย่ ซีหวิน เข้าใจในทันที เกี่ยวกับสิ่งที่ เจี้ยน วู่เฉิน หมายถึง ความสูญเสียที่เกิดขึ้นบนเกาะปีศาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อเขา เพราะการตายของคนในตระกูลราชวงศ์ โดยเฉพาะ องค์ชายแปด เขารู้สึกผิดต่อการเสียชีวิตของนายน้อย
” แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันจบลงแล้ว มันไม่สำคัญอีกต่อไป ข้าฉันจะเปิดเส้นทางด้วยตัวของข้าเอง มันคือวิถีแห่งดาบของข้า! “
เย่ ซีหวิน หันไปมอง เจี้ยน วู่เฉิน ก็รู้ในทันทีว่า เขาคงตัดสินใจได้แล้วว่าจะเข้าร่วมในการประเมินในครั้งนี้
” ถูกต้อง ข้าจะเข้าร่วมในการประเมินของ สถาบันยอดยุทธ เราจะไปด้วยกัน “