Martial God Space - ตอนที่ 264
Martial god space ตอนที่ 264 ร่างอวตารของจักรพรรดิ
ทุกคนต่างพากันตกตะลึงเมื่อมองไปที่ เย่ ซีหวิน พวกเขาไม่อาจเชื่อสายตาของตนเองได้ ซอมบี้ไม่สามารถต้านทานการโจมตี และ เย่ ซีหวิน สามารถฆ่ามันได้อย่างง่ายดาย ราวกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นเพียงเรื่องง่ายๆ เย่ ซีหวิน สามารถทำในสิ่งที่กลุ่มของผู้เชี่ยวชาญขนาดใหญ่ไม่สามารถทำได้ นี่เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ในสายตาของพวกเขา!
เย่ ซีหวิน เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญลมปราณมหาเทพขั้นที่ 7 เท่านั้น ในขณะที่กลุ่มของพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่อยู่ในระดับสุดยอดของลมปราณมหาเทพขั้นที่ 9 แต่ เย่ ซีหวิน สามารถฆ่าซอมบี้ระดับตำนานครึ่งก้าวได้ ในขณะที่ทั้งกลุ่มไม่สามารถทำได้ ทำไม เย่ ซีหวิน ถึงทำมันได้สำเร็จ? และขอบเขตที่แท้จริงของพลังของเขาคืออะไร?
จักรพรรดิเฉิน และผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ บางคนไม่รู้ว่า เย่ ซีหวิน สามารถฆ่าซอมบี้ได้อย่างไร เพราะมันเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส และสูญเสียพลังไปอย่างมาก เมื่อเทียบกับความสามารถในการต่อสู้ของ เย่ ซีหวิน อยู่ในสภาวะสูงสุด ไม่พูดถึงซอมบี้ตกอยู่ภายใต้การสะกดพลัง และส่วนใหญ่มันอาศัยเพียงความแข็งแกร็งของร่างกายอันน่าเกรงขามในการต่อสู้ แต่ เย่ ซีหวิน ก็ได้เปรียบในส่วนของความแข็งแกร็งของร่างกายอันน่าเกรงขามเช่นกัน และไม่ได้รับบาดเจ็บ ในไม่ช้าซอมบี้ก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ในขณะที่ เย่ ซีหวิน กลับเป็นฝ่ายได้เปรียบ อย่างไรก็ตามมีเพียงผู้เชี่ยวชาญไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เบื้องหลังของความมหัศจรรย์นี้
นอกจากนี้ ไม่ผิดถ้าจะบอกว่าในตอนนี้ไม่มีใครนอกจาก เย่ ซีหวิน เท่านั้นที่สามารถฆ่าซอมบี้ได้!
แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญบางคนจะทราบถึงสถานการณ์พิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในรอบหนึ่งพันปี แต่การที่ เย่ ซีหวิน สามารถฆ่าซอมบี้ได้นั้น สร้างความตื่นตกใจให้กับพวกเขาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเห็นฉากตอนที่ซอมบี้ระดับตำนานครึ่งก้าวถูกฆ่าได้อย่างง่ายดาย ซึ่งระดับขอบเขตของเขาห่างกันถึงสามระดับ นี่เป็นการกระทำที่อุกอาจและบ้าระห่ำอย่างมาก สำหรับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ที่อยู่ในระดับขอบเขตที่สูงกว่าเขาก็ไม่สามารถทำเช่นเดียวกับเขาได้
เมื่อเห็นออร่าอันทรงอำนาจของ เย่ ซีหวิน และความเชื่อมั่นในตนเอง ทำให้พวกเขาเกิดความอิจฉาริษยาขึ้นภายในหัวใจของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเขาไม่มีอารมณ์ที่จะมาใส่ใจกับความรู้สึกแบบนั้น เพราะกองทัพพันธมิตรของสัตว์ปีศาจ และทหารปีศาจกำลังต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งกับปีศาจโครงกระดูกและซอมบี้ และกำลังค่อยๆ ผลักดันพวกกลับไปที่ยอดเขา พร้อมกับฆ่าพวกมันไปพร้อมกัน
เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ในครั้งนี้กำลังเข้าสู่ช่วงวิกฤติ ดังนั้นพวกเขาต้องทำภารกิจให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด
กองกำลังพันธมิตรของสัตว์ปีศาจได้พยายามอย่างสุดกำลังเพื่อจำกัดวงของกองทัพซอมบี้เอาไว้ และผลักดันพวกมันถอยกลับไป แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่อาจต้านพวกมันเอาไว้ได้นานมากนัก เรื่องเร่งด่วนในตอนนี้ คือ นำตราประทับออกมา และจบการต่อสู้อันบ้าคลั่งนี้
” พวกเราไม่มีเวลาแล้ว รีบไปกันเถอะ ” เย่ ซีหวิน กล่าว ” เราต้องรีบไปให้ถึงยอดหุบเขาโดยเร็วที่สุด เพื่อนำตราประทับนั้นออกมา มิฉะนั้นเราจะไม่สามารถออกไปได้ การต่อสู้กำลังขยับเข้ามาใกล้ยอดหุบเขา และข้าเชื่อว่าพวกเจ้าคงไม่อยากรอเจอพวกมันอยู่ที่นี่ “
เย่ ซีหวิน ตระหนักถึงผลที่จะตามมา หากพวกเขาไม่สามารถนำตราประทับกลับมาได้ และเขารู้ดีว่าพวกเขาในตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่มาก กองทัพซอมบี้อันดุร้ายนั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างแท้จริง ดังนั้นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญของมนุษย์จึงไม่สามารถเสียเวลาได้อีกต่อไป พวกเขาต้องปิดผนึกก่อนที่กองกำลังพันธมิตรของพวกเขาจะหมดแรง
โดยไม่คำนึงถึงความอิจฉาริษยาและความเกลียดชังที่มีต่อ เย่ ซีหวิน ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดต่างเห็นด้วยกับคำพูดของเขา แทนที่ตอนนี้จะมัวแต่อิจฉาริษยากันพวกเขาต้องแสดงความกล้าหาญ และใส่ใจต่อสถานการณ์และต้องจบภารกิจนี้ให้เร็วที่สุด
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญพากันรีบวิ่งไปที่ยอดเขา ในขณะเดียวกันต้องคอยหลีกเลี่ยงซอมบี้ที่น่ากลัว และปีศาจโครงกระดูกระหว่างทาง เนื่องจากเกือบทุกพระราชวังมีสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวขอบเขตระดับตำนาน หรือเหนือกว่าอาศัยอยู่ แต่พวกมันดูเหมือนจะถูกกักขังภายในพระราชวังและไม่สามารถออกมา
ในที่สุดกลุ่มผู้เชี่ยวชาญก็มาถึงถนนเส้นหลักที่นำพวกเขาไปสู่ยอดเขา ถนนเส้นนี้ดูน่ากลัวมาก และกลุ่มผู้เชี่ยวชาญได้เจอกับซอมบี้ระดับตำนานครึ่งก้าวบนทางเดิน แต่โชคดีก็คือซอมบี้เหล่านี้ปรากฏตัวขึ้นเพียงตัวเดียว กลุ่มผู้เชี่ยวชาญสามารถหลีกเลี่ยง หรือหลอกให้มันไขว้เขวได้
บนยอดเขาสามารถมองเห็นพระราชวังอันงดงามทอดยาวไปทั่วทั้งยอดเขา ดูเหมือนวิหารลอยฟ้า และมีขนาดใกล้เคียงกับเมืองขนาดเล็ก เย่ ซีหวิน สังเกตเห็นแผ่นศิลาขนาดยักษ์แขวนอยู่บนท้องฟ้าเหนือพระราชวัง มีตัวอักษรขนาดใหญ่แกะสลักไว้บนแผ่นศิลาขนาดยักษ์นี้กำลังส่องประกายสว่างจ้า
ออร่าอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ออกมาจากแผ่นศิลาดังกล่าว ราวกับมันสามารถทำลายโลกได้ทั้งโลก
อย่างไรก็ตามออร่าอันน่าสะพรึงกลัวของพระราชวังกำลังลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรง และพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ออร่าอันน่าสะพรึงกลัวของพระราชวังกำลังปะทะเข้ากับออร่าของแผ่นศิลาที่กดทับลงมาจากด้านบนทำให้เกิดสมดุลระหว่างสองขั้วอำนาจในบริเวณที่ออร่ากันชนระหว่างแผ่นศิลายักษ์ และพระราชวัง ในบริเวณที่ออร่าปะทะกันทำให้พื้นที่มิติพังทลายและฟื้นฟูตัวเองเป็นกระบวนซ้ำๆ เช่นนี้อยู่อย่างต่อเนื่อง สามารถมองเห็นเศษเสี้ยวของพื้นที่มิติลอยออกมาจากที่นั่น ผู้เชี่ยวชาญต่างพากันได้รับผลกระทบอย่างมากจากฉากที่ปรากฏขึ้นนี้ซึ่งมันค่อนข้างน่ากลัว แม้กระทั่ง เย่ ซีหวิน ก็ไม่มีข้อยกเว้น เพราะเขาเองก็ไม่อาจควบคุมความหวาดกลัวที่ซ่อนอยู่ภายในใจของตัวเอง
มองเห็นพื้นที่มิติพังทลายและฟื้นฟูตัวเองอยู่ตรงหน้าของพวกเขา ดูเหมือนพวกเขากำลังยืนอยู่บนขอบของโลกทั้งสอง ที่กำลังชนกันซึ่งทำให้เกิดฉากดังกล่าวราวกับวันสิ้นโลกเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่มีเวลาสนใจสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์นี้ พวกเขาพากันรีบเดินตรงไปยังพระราชวังทันที
มีแผ่นป้ายลอยอยู่กลางอากาศ!
พระราชวังแห่งสวรรค์!
มันเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาระดับของอารยธรรมที่ถูกทิ้งไว้นานนับพัน ๆ ปีมาแล้ว
เย่ ซีหวิน ไม่รอช้ารีบวิ่งไปที่พระราชวังทันที
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในบริเวณพระราชวัง พวกเขาได้ยินเสียงของระฆังดังอย่างต่อเนื่อง ใช่ มันเป็นเสียงดังของระฆังที่เรียกบรรดาเหล่าอัจฉริยะหนุ่มมาที่เกาะปีศาจแห่งนี้
พวกเขาวิ่งเข้าไปในบริเวณพระราชวัง และเห็นระฆังโบราณกำลังส่งเสียงดังอย่างต่อเนื่อง
“แก๊งงงงงง!”
“แก๊งง!”
“แก๊งงงงงง!”
เสียงระฆังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และปลดปล่อยคลื่นเสียงที่มีความผันผวน แต่รอบๆ ระฆังมีม่านพลังบางอย่าง สิ่งนี้อาจเป็นเพราะตราประทับยักษ์ที่ลอยอยู่เหนือระฆังโบราณนี้ และมันปล่อยออร่าลึกลับที่มีพลังอำนาจเหนือกว่า ซึ่งคล้ายกับพลังอำนาจของกฎแห่งโลก แต่มันรุนแรงมากยิ่งกว่า ทุกคนสังเกตเห็นพลังอำนาจของตราประทับที่กำลังสะกดพลังของระฆังโบราณนี้
” นั่นคือตราประทับที่เรากำลังตามหา!” ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งกล่าวออกมาเสียงดัง ขณะที่สายตาของเขากำลังจดจ้องไปที่ตราประทับ ผู้ดูแลสุสานได้บอกข้อมูลเกี่ยวกับตราประทับนี้แล้ว และบอกพวกเขาว่าต้องถอดเอาตราประทับออกมา ถึงจะทำลายกองทัพซอมบี้ได้
ในขณะที่พวกเขาทั้งหมดต้องทำภารกิจให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด ทันใดนั้นประตูพระราชวังก็ส่งเสียงดัง ” แอ๊กกกก ” และบานประตูก็เปิดกว้างออก ร่างอันสูงใหญ่ของปีศาจพร้อมกับออร่าอันน่าเกรงขามหมุนวนรอบตัวเขา
ร่างของมันพร่ามัว และดูเหมือนร่างเงาของมนุษย์มีดวงตาสีแดง นอกจากนี้มันยังมีออร่าอันน่าสะพรึงกลัวของปีศาจ
ผู้เชี่ยวชาญต่างพากันหยุดชะงักทันทีเมื่อเห็นร่างเงานี้ และด้วยสัญชาตญาณทำให้พวกเขาต้องก้าวถอยหลัง พวกเขาเห็นสิ่งแปลกประหลาดมากมายบนเกาะแห่งนี้ แต่สิ่งนี้เป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดสำหรับพวกเขาทั้งหมด
“แก๊งงงงงง!” เสียงระฆังเริ่มสั่นดังเร็วขึ้น ถึงแม้จะมีตราประทับวางอยู่เหนือมันก็ตาม แต่มันยังสามารถถ่ายพลังงานในรูปแบบของคลื่นเสียงไปที่ร่างเงานั้นได้
ร่างเงานั้นยกกรงเล็บของมันขึ้น และคว้าจับพลังคลื่นเสียงดังกล่าว และฉีกมันออกเป็นชิ้น ๆ
“ครึ่นน!” ในขณะเดียวกันเกิดความผันผวนของมวลพลังงานรอบ ๆ ระฆัง และประตูมิติก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ และทันใดนั้นร่างของชายคนหนึ่งก็เดินออกจากประตูมิติอย่างช้าๆ เขาสวมชุดคลุมยาวของจักรพรรดิ และมีออร่าอันน่าเกรงขามที่ไม่สามารถจินตนาการได้ ผู้เชี่ยวชาญของมนุษย์ได้รับผลกระทบอย่างมากจากการปรากฏตัวของมัน พวกเขาต่างพากันรู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างบังคับให้คุกเข่าลง และแสดงความเคารพต่อจักรพรรดิสวรรค์
และในเวลานี้กระจกเทียนหยวน เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง ราวกับถูกแรงกดดันดังกล่าวเป็นตัวกระตุ้น
เย่ ซีหวิน ไม่เคยเห็นกระจกเทียนหยวนเป็นเช่นนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทรงอำนาจก่อนหน้านี้ที่เขาเคยเผชิญหน้ามาจนถึงปัจจุบัน
” เยโม่ มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่? ” เย่ ซีหวิน ถามเสียงดังในใจ
แต่เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่า เยโม่ ได้ปิดกั้นตัวเองอย่างสมบูรณ์ภายในกระจกเทียนหยวน และไม่กล้าที่จะพูดอะไร ดูราวกับว่า เยโม่ ไม่ได้อยู่ภายในกระจก และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เรื่องเช่นนี้เคยเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อครั้งผู้เชี่ยวชาญแห่งดาบปรากฏตัว และใช้เจตจำนงแห่งดาบของเขากับสาวกของลัทธิมาร แต่ในตอนนั้น เยโม่ ไม่ได้กลัวอะไรมากนัก ซึ่งชี้ให้เห็นว่าร่างอวตารของจักรพรรดิสวรรค์นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับจักรพรรดิ
หลังจากออกมาจากประตูมิติที่ปรากฏขึ้นเหนือระฆังยักษ์โบราณ ร่างอวตารของจักรพรรดิสวรรค์ค่อยๆ เดินห่างออกมาจากระฆัง แต่ไม่ช้าก็ชนเข้ากับตราประทับ อย่างไรก็ตามเขาก็สามารถเดินผ่านม่านพลัง และมองดูด้วยสายตาที่เย็นชาที่ไปยังร่างเงานั้น
ทันทีที่ร่างอวตารของจักรพรรดิสวรรค์เดินผ่านม่านพลัง ไม่มีใครในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญของมนุษย์สามารถทนแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวนี้ และคุกเข่าลงบนพื้น แม้แต่จักรพรรดิเฉินและผู้เชี่ยวชาญชั้นนำอื่น ๆ ก็ไม่มีข้อยกเว้น แม้แต่ เย่ ซีหวิน ก็ไม่สามารถต้านทานแรงกดดันนี้ได้ แม้จะได้รับการเสริมพลังจากกระจกเทียนหยวน
นับตั้งแต่ที่เขาได้รับกระจกเทียนหยวน เขาก็ไม่เคยใส่ใจกับการข่มขู่ของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นเรื่องตลกมากในสายตาของเขา กระจกเทียนหยวน เป็นเครื่องมือศักดิ์สิทธิ์ชั้นยอดของราชาปีศาจ ดังนั้นมีเพียงผู้เชี่ยวชาญซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าเขา ถึงจะสามารถสยบ เย่ ซีหวิน ได้
ดังนั้น เย่ ซีหวิน จึงไม่เคยถูกสยบ แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานระดับสูง ก็ไม่สามารถใช้แรงกดดันนี้สยบ เย่ ซีหวิน โดยบังคับให้เขาต้องคุกเข่า เพียงแค่ใช้ออร่าของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาไม่ได้รับการปกป้องจากกระจกเทียนหยวน เขารู้สึกได้ทันทีถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวบนร่างของเขา
” เจ้าพวกโง่เขลา!” จักรพรรดิสวรรค์ กล่าวออกมา และดูเหมือนคำพูดของเขาจะเป็นประกาศิตในทันทีที่เขาพูดคำเหล่านี้ ทุกคนต่างรู้สึกว่าพวกเขาได้ทำความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงที่สุดในชีวิต โดยการมาที่นี่ และต้องกว่าวขออภัยโทษ ถ้าหากยังต้องการมีชีวิตอยู่
แต่ จักรพรรดิสวรรค์ ไม่ได้มองไปที่ เย่ ซีหวิน และคนอื่น ๆ พวกเขาไม่ต่างอะไรจากมดปลวก ไม่สมควรได้รับความสนใจจากเขา
คำพูดเหล่านั้นส่งผลกระทบต่อร่างเงานั้น จักรพรรดิสวรรค์ จ้องมองอย่างดุร้ายไปที่ร่างเงา และ