Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก - ตอนที่ 200
200 – ฉันจะแนะนําพวกเขาให้รู้จัก
โจวเจ๋อนอนเล่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองไปประมาณ 3 ชั่วโมงจากนั้นเขาก็ลุกขึ้น
ในขณะเดียวกันหมอหลินที่นอนอยู่ด้านข้างเห็นเขาตื่นขึ้นมาก็รีบลุกขึ้นมาทันที
“อยากเข้าห้องน้ําไหม?”
โจวเจ๋อพยักหน้า
หมอหลินช่วยประคองโจวเจ๋อเดินออกจากห้องเพื่อไปห้องน้ํา
ห้องน้ําเป็นห้องเล็กๆแยกจากตัวอาคารโถสุขภัณฑ์เป็นโถดินเผาซึ่งค่อนข้างโบราณเล็กน้อย
หมอหลินรู้สึกงงๆอยู่บ้าง จากการที่เธอเดินสํารวจห้องเก็บของของชายชราเธอประเมินว่าเขาค่อนข้างเป็นคนรวยคนหนึ่ง การที่เขาจะขายของสะสมชิ้นสองชิ้นก็น่าจะเพียงพอสร้างห้องน้ําใหม่แล้ว
โจวเจ๋อจับกับกําแพงด้วยมือข้างหนึ่งและเตรียมที่จะปลดเข็มขัดด้วยมืออีกข้างหนึ่ง แต่หมอหลินก็เอื้อมมือออกไปช่วยโจวเจ๋อแก้เข็มขัด
สิ่งนี้ทําให้โจวเจ๋อประหลาดใจ ในเวลานี้หมอหลินเป็นเหมือนภรรยาที่กําลังดูแลสามีป่วย ทุกอย่างเป็นธรรมชาติมาก
โจวเจ๋อจึงปล่อยให้มันเป็นไปตามทิศทางที่ควรจะเป็น เขาหลับตาและปล่อยให้ “ท่อน้ำ” ของเขาอยู่ภายใต้การประคองของหมอหลิน
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ก็มีเสียงขัดจังหวะดังเข้ามา
“ให้ฉันช่วยไหม” เป็นเสียงของชายชราเขาตื่นกลางดึกและมาเข้าห้องน้ํา
หมอหลินที่จัดการทุกอย่างจะเสร็จแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองโจวเจ๋อเป็นความหมายว่าเอาไงดี
โจวเจ๋อต้องการจะบอกเธอว่า “ทําต่อ” และ “อย่าหยุด”
แต่เขาต้องแสร้งทําตัวเป็นสุภาพบุรุษแล้วพูดว่า
“ให้เขาก็มาเถอะ”
หมอหลินเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรเขาไม่สามารถยับผมลงไปในส่วมซึมได้”
หมอหลินพยักหน้าเดินออกจากห้องน้ํา ชายชราก็เดินเข้ามา
“ไม่ได้มีเจตนาจะขัดคอพวกเธอ คนแก่แล้วมักจะนอนไม่ค่อยหลับในช่วงกลางคืน
ด้วยความช่วยเหลือของชายชรา โจวเจ๋อก็ปลดปล่อยได้อย่างสะดวก ชายชราปล่อยมือจากโจวเจ๋อแล้วเดินไปล้างมือที่ก๊อกน้ํา
ในตอนที่พวกเขาออกจากห้องน้ำมาโจวเจ๋อก็หันไปบอกกับหมอหลินว่า
“คุณกลับไปพักผ่อนก่อน เดี๋ยวผมจะไปคุยกันกับคุณลุงที่ห้องของเขา”
ชายชรามึนงงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังพยักหน้าและกล่าวว่า
“ตกลง”
เมื่อเข้าไปในห้องของชายชรามันเป็นห้องเล็กๆมิหนําซ้ํายังถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยผ้าม่านสีดํา
โจวเจ๋อเห็นเพียงเตียงเดียวและโต๊ะกาแฟของชายชราจากนั้นเขาจึงหาที่นั่งด้วยตัวเอง
“เปิดม่านให้ผมดูหน่อย” โจวเจ๋อกล่าว
“ไม่มีอะไรให้ดู โดยเฉพาะค่ําคืนแบบนี้”
“ผมอยากเห็น” โจวเจ๋อยืนยัน
“ตกลง ถ้าเธออยากดูฉันก็จะให้ดูมันไม่มีอะไรต้องปิดบังอยู่แล้ว”
ดูเหมือนว่าชายชราจะสนใจเช่นกัน เขาลุกขึ้นเดินไปที่ด้านข้างของม่านสีดําแล้วเปิดม่านออก
ห้องหลังผ้าม่านเป็นเหมือนกับห้องประชุมเล็กๆมีที่นั่งอยู่เต็มไปหมด
นอกจากนี้ยังมีโต๊ะใต้ทิ้งซึ่งมีเหล้าบ่มตั้งไว้ ด้านหน้ามีตัวเล็กๆโต๊ะหนึ่งซึ่งมีอาหารหลายจานรวมทั้งกระถางธูป
ชายชราดูมีความตื่นเต้นเขากล่าวกับโจวเจ๋อว่า
“ฉันไม่รู้ว่าทําไมฉันถึงอยากพาเธอมาที่บ้านหลังนี้ เหมือนโชคชะตานําพา บางทีพวกเขาอาจจะอยากเจอเธอก็ได้”
ชายชราชี้ไปที่รูปบนผนังแล้วกล่าวว่า
“มาฉันจะแนะนําพวกเขาให้รู้จัก นี่คือผู้บัญชาการกองพันของเราผู้บัญชาการเฉิน ตอนที่ฉันเข้าร่วมกองทัพฉันเรียกเขาว่าแม่ทัพเฉินฉันไม่รู้ชื่อเต็มของเขา
เขาเสียชีวิตจากกระสุนปืนใหญ่ของพวกไอ้ยุ่นในปีที่ 5 ที่ฉันเข้าร่วมกองทัพ น่าเสียดายที่พวกไอ้ยุ่นยอมจํานนไปก่อนฉันเลยไม่มีโอกาสได้แก้แค้นให้เขา
นี่คือหวังเกาจื่อ จ้าวซานฉวนและอู่ซี คนพวกนี้เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของฉัน หน้าที่ของพวกเราคือการตลบหลังของพวกไอ้ยุ่นที่เซี่ยงไฮ้
นี่คือโจวชงกับซุนเตือข่ายพวกเขาเสียชีวิตอย่างน่าสมเพชในสงครามกลางเมืองที่ปักกิ่ง
เมื่อฉันออกไปช่วยพวกเขาเธอรู้หรือเปล่าว่าร่างกายของพวกเขาถูกย่างจากระเบิดไปแล้ว
“นี่คือ..นี่คือ…”
ชายชราพูดชื่อมากมายในคราวเดียว รวมถึงสถานที่ที่คนเหล่านี้เสียชีวิตด้วย คนเหล่านี้ล้วนเป็นทหารที่สังกัดอยู่ในกองพันของเขา
เขาจดจํารายละเอียดทุกอย่างได้ซึ่งหมายความว่าเขาเก็บข้อมูลของสหายที่ตายแล้วเหล่านี้ไว้ในใจเสมอ และไม่เคยลืมมัน
ขณะที่โจวเจ๋อนั่งอยู่ข้างเตียง เขาพยักหน้าไม่หยุด
เขารู้สึกเขินอาย ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บและไม่สามารถลุกขึ้น
ในความเป็นจริงโจวเจ๋อสามารถมองเห็นได้ ในเวลานี้ทั้งห้องเต็มไปด้วยผู้คน คนที่มียศสูงหน่อยก็จะนั่งบนเก้าอี้ในขณะที่บางส่วนก็นั่งบนพื้นบางคนก็พิงผนัง
เมื่อชายชราแนะนําชื่อบุคคลโจวเจ๋อก็จะยิ้มและแสดงความเคารพแก่บุคคลเหล่านั้น บุคคลเหล่านั้นก็ยิ้ม และพยักหน้าตอบด้วยเช่นกัน
หลังจากที่ชายชราแนะนําตัวเสียงของเขาดูเหมือนจะแหบแห้ง เขาหยิบเหล้าบนโต๊ะขึ้นมาจิบ
“ไม่คิดว่าคุณจะมีความกล้าถึงขนาดนี้ คุณรู้หรือเปล่าหัวหน้าเขตที่คุณฆ่าไปเมื่อคืนก็ยังไม่กล้าก้าวเข้ามาในห้องนี้ด้วยซ้ํา!” ผีแม่ทัพเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“โจวเจ๋อ”
ชายชราเหมือนจะไม่รับรู้ว่าผีพวกนี้อยู่กับเขาตลอดเวลา เขาถอนหายใจยาวแล้วกล่าวว่า
“ไม่รู้ทําไมฉันถึงรู้สึกดีใจที่ได้พบเธอ ฉันคิดว่าเพื่อนๆของฉันเขาคงอยากรู้จักเธอจึงได้ชวนเธอมาที่บ้านของฉันวันนี้!”
“……….” โจวเจ๋อ
“60 ปีที่ผ่านมาฉันไม่มีความสุขเลย ฉันเป็นคนเดียวในกองพันที่รอดชีวิตในขณะที่เฝ้าดูเพื่อนๆล้มลงที่ละคน”
“บางที่พวกเขาอาจจะอวยพรคุณก็ได้”
โจวเจ๋อกล่าว
การได้รับการอวยพรจากภูตผีมากมายขนาดนี้หากเป็นคนอื่นที่ไม่ได้มีจิตใจท้อแท้แบบชายชราและไปประกอบธุรกิจของตัวเอง ป่านนี้พวกเขาคงร่ํารวยเป็นมหาเศรษฐีระดับประเทศ
“ฮ่าๆๆ ฉันไม่สามารถลืมพวกเขาได้ พวกเขาตายไปแล้วแต่ฉันยังพยายามทําเหมือนพวกเขามีชีวิตอยู่ ในช่วงวันสําคัญอย่างเช่นวันนี้ฉันก็จะมานั่งรําลึกถึงพวกเขาและดื่มเหล้าที่นี่
โจวเจ๋อมองไปที่ชายชราและไม่พูดอะไร
โจวเจ๋อยังมองไปที่ฝูงชนพูดตามตรงนี่เป็นครั้งแรกที่โจวเจ๋อไม่ได้มีความต้องการที่จะส่งวิญญาณไปนรก ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความนอบน้อมต่อวีรบุรุษสงครามเหล่านี้
“ฉันจะเล่าอะไรให้ฟังมันเป็นความลับของฉัน ตามปกติแล้วฉันจะนอนไม่ค่อยหลับดังนั้นฉันจึงมาดื่มเหล้าในห้องนี้ หลังจากที่นอนหลับไปฉันจะฝันว่าได้อยู่กับเพื่อนๆของฉันอีกครั้ง!”
โจวเจ๋อไม่ได้พูดอะไร เขาทําได้เพียงชื่นชมชายชราในใจเท่านั้น นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าเหลือเชื่อชายชราคนนี้อาศัยอยู่กับวิญญาณคนตายหลายสิบคน
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาไม่มีโชคร้ายอะไรเลย ชายชราคนนี้สามารถมีอายุได้เกือบร้อยนั่นย่อมเป็นข้อพิสูจน์ เรื่องนี้ได้ดี
โจวเจ๋อไม่ได้ถามวิญญาณทหารเหล่านี้ว่าต้องการลงนรกหรือไม่ บางทีความหมกมุ่นของพวกเขาอาจเป็นเพราะชายชรายังมีชีวิตอยู่
บวกกับความสัมพันธ์ระหว่างอดีตสหายดังนั้นพวกเขาจึงรวมตัวอยู่ที่บ้านของชายชราไม่ได้จากไปไหน
นี่เป็นชีวิตที่เงียบสงบและไม่ส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างดังนั้นโจวเจ๋อจึงทําได้เพียงหลับตาข้างหนึ่งเท่านั้น
เขารู้ดีว่าเมื่อชายชราคนนี้ตายคนเหล่านี้ทั้งหมดก็จะเดินทางไปน้ําพุเหลืองพร้อมกัน หลังจากนั้นทุกคนก็จะรวมกันเป็นกองพันอีกครั้ง