I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด - ตอนที่ 259
ตอนที่ 259 ความห้าวหาญเหมือนสิงโต
หลังจากที่เอริคได้อ่านบทหนังไป 1 รอบ เขาก็พบว่ารายละเอียดของบทหนังเรื่องนี้กับในชีวิตที่แล้วของเขามีบางส่วนที่แตกต่างกัน แต่เรื่องราวของหนังเรื่องนี้กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมเลย
เพราะเหตุนี้ถ้าในอนาคตเอริคได้ถ่ายทําหนังเรื่องนี้จริงๆ เขาก็สามารถดัดแปลงแก้ไขรายละเอียดของหนังเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย
สิ่งสําคัญไปกว่านั้นคือ เอริคไม่เคยเจอทํานองเพลง unchained ในบทหนังเรื่องนี้มาก่อน หนังเรื่อง Ghost ในชีวิตที่แล้วของเขากลายเป็นเพลงคลาสสิกที่เล่าเรื่องราวออกมาทางบทเพลงนั้น ท่วงทํานองที่พรั่งพลออกมาถึงสายสัมพันธ์ที่พันธนาการพวกเขาไว้ เพลงนี้สามารถบอกเล่าเรื่องราวของหนังเรื่องนี้ได้อย่างลึกซึ้ง ถ้าหากคิดจะเปลี่ยนเพลงประกอบหนังเรื่องนี้เป็นเพลงอื่น หนังเรื่อง Ghost ก็จะไม่กลายเป็นเพลงคลาสสิกที่ถูกกล่าวไว้ในชีวิตที่แล้วของเอริคอย่างแน่นอน
เพราะมีผลกระทบนี้เกิดขึ้น เอริคมั่นใจ 100% ถ้าเขาไม่ได้เป็นผู้กํากับหนังเรื่องนี้ เพลง unchained ต้องไม่ได้ปรากฏออกมาอีกแน่ ถ้าไม่มีเพลงนี้ จะยิ่งทําให้หนังเรื่องนี้ไม่สมบูรณ์ หลังจากที่หนังได้ออกฉายออกไปแล้ว ก็ต้องรอดูว่าจะได้ผลตอบรับมากน้อยแค่ไหน หากได้รับเสียงตอบรับเพียงครึ่งหนึ่งจากชีวิตที่แล้วเขาก็นับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้ว
“คุณบูริน หลังจากที่ผมได้อ่านบทหนังเรื่องนี้แล้ว ผมคิดว่ายังมีอีกหลายจุดที่ยังต้องแก้ไข แต่โดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้มีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจเลยทีเดียว คุณจะขายบทหนังเรื่องนี้เท่าไหร่ครับ? “เอริคปิดบทหนังเรื่องนี้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถาม
สายตาที่ดูเจ้าเล่ห์ของบรูซได้ฉายออกมาภายใต้แว่นตาคู่นั้น แต่เขาไม่ได้ตอบคําถามของเอริคแต่อย่างใด เขากลับถามคําถามขึ้นมาแทน ” คุณวิลเลี่ยมครับ คุณคิดว่าจุดไหนที่ต้องแก้ไขครับ ?”
เอริคมองไปยังบรูซก่อนจะส่ายหน้าแล้วตอบไปว่า ” เรื่องนี้ต้องดูตอนถ่ายทําอีกทีครับ”
บรูซเห็นเอริคไม่ได้ซักไซ้ถามอะไรต่อ ในใจเขาคิดว่าที่เอริคพูดแบบนี้ก็เพื่อจะกดราคาให้ต่ําลง เขามั่นใจว่าตัวเองได้ดัดแปลงแก้ไขบทหนังเรื่องนี้มาอย่างละเอียดแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่สมบูรณ์ที่สุดก็ตาม แต่ก็ไม่จําเป็นต้องดัดแปลงมากเหมือนที่เอริคพูดอย่างแน่นอน
“คืออย่างนี้ครับคุณวิลเลี่ยม ” บรูซพูดขึ้น ” ในงานเลี้ยงเมื่อคืน ฉันได้แนะนําบทหนังเรื่องนี้ให้กับอีกกลุ่มหนึ่งด้วย มีหลายคนที่สนใจบทหนังเรื่องนี้ ผู้อํานวยการของบริษัท Paramount อย่างชาร์ล เจฟฟี่บอกว่าถ้าฉันขายหนังเรื่องนี้ให้กับบริษัทของเขา เขาไม่เพียงแต่จะใช้ตําแหน่งในฐานะผู้อํานวยการสร้างหนังสนับสนุนการถ่ายทําเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เขายังจะให้ฉันมีส่วนร่วมในการสร้างหนังเรื่องนี้ด้วย ฉันจะได้รับทั้งชื่อเสียงและผลกําไรอย่างแน่นอน “
เอริคหัวเราะด้วยเสียงเย็นชาอยู่ในใจ แต่ไม่ได้ส่งเสียงใดๆออกมา “คุณบูรินครับ บริษัท Paramount ให้ส่วนแบ่งกําไรคุณเท่าไหร่ครับ ?”
บรูซลังเลอยู่ชั่วครู่ เขาอยากจะยื่นนิ้วออกมานับด้วยซ้ํา แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่กล้าพูดโกหก เขาเลือกที่จะบอกความจริงแทนว่า ” นอกจากค่าบทหนัง 3 แสนดอลลาห์อเมริกาเหนือแล้ว คุณเจฟฟี่ยังสัญญาว่าจะให้ส่วนแบ่งร้อยละ 1 ดอลลาห์อเมริกาเหนืออีกด้วย”
“แล้วคุณคิดว่าหลังจากถ่ายทําหนังเรื่องนี้เสร็จแล้วจะสร้างรายได้ในบ็อกออฟฟิศเท่าไหร่กันละ? “
บรูซยิ้มอย่างภูมิใจก่อนตอบไปว่า “คุณวิลเลี่ยม ในเมื่อหนังเรื่องนี้น่าสนใจมากขนาดนี้ ฉันคิดว่าบ็อกออฟฟิสจะได้รับรายได้อย่างน้อย 100 ล้านดอลล่าห์ หรืออาจจะมากกว่านั้น “
เอริคจึงพูดขึ้นว่า “คุณดูนี่ ถ้าคุณมอบหนังเรื่องนี้ให้กับผู้กํากับคนอื่น รายได้ในบ็อกออฟฟิศจะอยู่แค่ 100 ล้านดอลล่าห์ ถ้าตัดต้นทุน 20 ล้านและค่าโฆษณาอีก 10 ล้านออก สุดท้ายแล้วคุณจะได้ส่วนแบ่งนี้เพียงแค่ 250000 ดอลล่าห์เท่านั้น ซึ่งเป็นจํานวนที่น้อยกว่าค่าบทหนังของคุณเสียอีก “
“เรื่องนี้ฉันรู้ “บรูซยักไหล่ก่อนพูดไปว่า ฉันเพิ่งจะค้นพบวันนี้เหมือนกัน คุณวิลเลายม ฉันไม่รู้ว่าคุณจะเสนอราคาบทหนังเรื่องนี้เท่าไหร่ ?”
” 5 แสน ดอลล่าห์ ” เอริคพูด ซึ่งเขาไม่จะไม่เสนอราคาที่สูงเกินไป ไม่อย่างนั้นจะต้องทําการเจรจาต่อรองกัน
บรูซแสดงสีหน้าไม่เชื่อออกมา ก่อนพูดโดยใช้น้ําเสียงที่สูงว่า ” คุณวิลเลี่ยม บทหนังที่สามารถทํารายให้ออฟฟิศกว่า 100 ล้านดอลล่าห์ มีค่าแค่ 5 แสนดอลล่าห์อย่างนั้นเหรอครับ ? “
“คุณบูรินครับ อย่าเพิ่งไปคาดหวังถึงรายได้ 100 ล้านดอลล่าห์ในบ็อกออฟฟิศเลยดีไหมครับ ? ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าหนังเรื่องนี้จะทํารายได้ให้บ็อกออฟฟิศเท่าไหร่ ดังนั้นคุณบอกมาเลยดีว่าคุณต้องการเท่าไหร่ “
บรูซชูนิ้วขึ้นและพูดว่า ” 3 ล้านดอลล่าห์ ฉันเคยมีบทหนังที่สร้างเป็นหนังสําเร็จมาแล้วถึง 2 เรื่อง ดังนั้นถ้าเป็นระดับฮอลลีวูดคุณคิดว่าควรจะได้ส่วนแบ่งเท่าไหร่ละ ฉันไม่ต้องการส่วนแบ่งจากผลกําไร ฉันต้องการร้อยละ 1 ของรายได้ในบ็อกออฟฟิส “
ถึงแม้จะเตรียมใจมาบ้างแล้วก็ตาม แต่เอริคก็คิดไม่ถึงว่าบรูซจะห้าวหาญเหมือนสิงโตกล้าเสนอราคาแบบนี้ออกมา ต่อให้เป็นตัวเขาเอง เขาก็ไม่เคยคิดถึงผลตอบแทนเท่านี้มาก่อน ตอนแรกที่เขาได้เขียนบทหนังเรื่อง 17 Again เขาได้เสนอราคาที่ต่ําที่สุดแค่ 2 แสนดอลล่าห์เท่านั้น และไม่ได้รับส่วนแบ่งใดๆอีกเลย
หลังจากทําหนังเรื่อง Home Alone ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นหุ้นส่วนเองก็ตาม แต่เพื่อไม่ให้มีใครมาโต้แย้งได้ในอนาคตถึงปัญหาเรื่องภาษีต่างๆ รวมทั้งค่าตอบแทนของนักเขียนบทและผู้กํากับ ดังนั้นเอริคจึงต้องระบุให้ชัดเจนในสัญญาของเขา
ตัวอย่างเช่นหนังเรื่อง The Others ที่ออกฉายไป เขาเป็นผู้เขียนบทหนังเรื่องนี้เอง เพราะหนังเรื่อง The Others ใช้เงินลงทุนแค่ 5 ล้านดอลล่าห์ ซึ่งเขาเองก็ยังไม่ได้รับค่าตอบแทนของนักเขียนบทหนังเรื่องนี้เลย นอกจากร้อยละ 3 ของกําไรเท่านั้น ดูจากแนวโน้มของรายได้ในบ็อกออฟฟิศแล้วรวมๆกันแล้วน่าจะได้รับแค่ 1 ล้านดอลล่าห์
เอริคเอนกายไปพิงพนักเก้าอี้หนัง ก่อนที่เขาจะยิ้มแล้วพูดออกมาว่า ” คุณบูริน ราคาที่คุณเสนอออกมามันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกครับ ไม่เคยมีนักเขียนบทหนังคนไหนในฮอลลีวูดจะได้รับเงินค่าตอบแทนแบบนี้มาก่อน
” ไม่ ไม่ ไม่ ก่อนหน้าฉันมีอยู่ 1 คน ” บรูซพูดต่อว่า ” คุณวิลเลี่ยม เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หนังเรื่องนี้สามารถทํากําไรได้มากมายอย่างแน่นอน ราคาที่ฉันเสนอก็ไม่เกินไป หรอกไม่ใช่ไหม ? บางทีเสียงตอบรับของหนังเรื่องนี้อาจทําให้ค่าตัวของนักแสดงนําชายในหนังเรื่องนี้สูงกว่าฉันอีกก็ได้นะ “
“คุณคิดผิดแล้ว คุณบูริน ผมรับผลมากขนาดนั้นไม่ได้หรอกครับ ถ้าผมมีรายได้ขนาดนั้นรายได้ของผมต้องถูกพาดหัวข่าวลงหนังสือพิมพ์อย่างแน่นอน พวกเขาต้องตรวจสอบลงไปถึงทุกๆรายได้ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นที่ผมถือ อยู่รวมไปถึงตําแหน่งผู้กํากับและนักเขียนบทหนังด้วย แล้วถ้าผมรับหน้าที่นักเขียนบทอย่างเดียว ตัวเลขของรายได้เหล่านั้นก็คงไม่ถึง 100 % อย่างแน่นอน “
“คุณวิลเลี่ยมครับ ถ้าพบจะให้คุณเสนอราคาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของคุณละ คุณคิดว่าไง? ” บรูซพูด ” บทหนังเรื่องนี้ก็เหมือนกับลูกๆของฉัน ดังนั้นฉันหวังว่าจะมีผู้กํากับหนังที่ดีสักคนที่สามารถสร้างมันให้กลายเป็นหนังที่มีคุณภาพได้”
เอริครู้สึกเหมือนถูกเหยียมหยามอยู่ในใจ สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือคนที่ชอบบอกว่าบทหนังเหล่านั้นเป็นเหมือนลูกๆของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะมีหลายคนที่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ แต่คนส่วนใหญ่ก็แสร้งทําเป็นชื่อก็เท่านั้น
อีกอย่างเอริคก็เพิ่งได้ยินถึงสิ่งที่บรูซแสดงถึงห้าวหาญเหมือนสิงโต เขาเข้าใจทันทีว่าชายหนุ่มตรงหน้าต้องมีเบื้องหลังอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาต้องคุยถึงปัญหาของบทหนังกับเอริคไม่ใช่เรื่องรายได้ที่จะได้รับจากหนังเรื่องนี้
“ค่าตอบแทน 3 ล้านดอลล่าห์รวมถึงส่วนแบ่งจากรายได้ในบ็อกออฟฟิศมันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ” เอริคพูด ” เมื่อสักครู่คุณบอกว่าบริษัท Paramount เสนอค่าตอบแทนของการเขียนบทของหนังเรื่องนี้ 3 แสนดอลล่าห์รวมถึงส่วนแบ่งจากกําไรร้อยละ 1 ผมให้คุณได้นะครับ และราคานี้ ผมรับประกันได้ว่ารายได้ของหนังเรื่องนี้ ต้องมากกว่าบริษัท Paramount เท่าตัวแน่นอน “
บรูซ โจเอล บูรินส่ายหน้าทันที ” คุณวิลเลี่ยม คุณทําแบบนี้เท่ากับไม่มีความบริสุทธิ์ใจเลยนะครับ “
เอริคอยากจะแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเขาไม่ใช่คนใจแคบแบบนั้น
เอริคเข้าใจความโลภของชายวัยกลางคนในตอนนี้ดี การเสนอราคาที่สูงมากแบบนี้อีกฝ่ายได้ประเมินดูแล้วว่าสามารถนําราคาที่แสดงความบริสุทธิ์ใจราคานี้ไปเสนอให้กับบริษัทหนังแห่งอื่นได้อีก
“คุณบูริน ผมได้แสดงความบริสุทธิ์ใจออกมาแล้ว บทหนังเรื่องแรกผมได้รับแค่ 2 แสนดอลล่าห์เท่านั้น และไม่ได้รับส่วนแบ่งใดๆเลย แต่คุณยังได้รับส่วนแบ่งร้อยละ 1 จากกําไรของหนังเรื่องนี้ด้วย พูดตามความจริงนะครับ ผมรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้น่าสนใจมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ลองทําบทหนังของคนอื่น ซึ่งมันมีความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูงมาก ถ้าไม่ระมัดระวังละก็รับรองได้เลยว่าชื่อเสียงของผมต้องปลิวหายไปอย่างแน่นอน “
” หรือบางทีผมอาจจะนําเรื่องนี้ไปเสนอให้ที่อื่นดูก่อน เพราะเมื่อคืนผมก็ได้รับนามบัตรมาหลายใบเหมือน กัน “บรูซพูดขณะหยิบบทหนังใส่กระเป๋า
เอริคผายมือไปทางบรูซก่อนพูดว่า ” เชิญตามสบายครับ แต่ผมคิดว่าคงไม่มีใครเสนอราคาได้สูงเท่าผมอีกแล้วและอีกอย่างต่อให้คุณกลับไปหาบริษัท Paramount แล้วยึดต้นทุนค่าโฆษณาและค่าทําหนังในราคาเดิม บอกออฟฟิสต้องทํารายได้มากกว่า 60 ล้านดอลล่าห์จึงจะได้ต้นทุนกลับคืนมาและคุณจะได้รับส่วนแบ่งที่ต่ํามาก เพราะผมไม่คิดว่าหนังเรื่องนี้จะมีผู้กํากับคนไหนสามารถกํากับหนังออกมาได้สมบูรณ์แบบและสร้างรายได้ให้กับบ็อกออฟฟิศได้สู้ขนาดนั้น แต่ในกรณีที่หนังเรื่องนี้คว้าน้ําเหลว ยอดตกขาดทุน หลังจากนี้อาจจะไม่มีบริษัทไหนกล้ารับบทหนังของคุณอีกเลย “
เมื่อบรูซ โจเอล บูรินได้ยินถึงสิ่งที่เอริคพูดก็รู้สึกลังเลขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ยังตัดสินใจที่จะลุกขึ้นแล้วขอตัวลาจากไป
เอริคมองอีกฝ่ายเดินจากไป หลังจากที่อีกฝ่ายเดินจากไป เอริคก็หันมาตั้งใจทํางานที่อยู่ตรงหน้าต่อ และไม่คิดถึงเรื่องนี้อีก ถึงแม้ว่าบรูซ โจเอล บูรินจะมีความโลภอยู่บ้าง แต่ก็นับได้ว่าเขาเป็นคนฉลาดคนหนึ่งเลย คนที่ฉลาดก็มักจะเลือกอย่างฉลาดอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่ตระหนักถึงความหมายในตอนท้ายของเขาก็ตาม แต่ในไม่ช้เขาจะเข้าใจด้วยตัวเอง
ในเมื่อบทหนังเรื่องนี้คว้าน้ําเหลว จนไม่มีใครกล้ารับบทหนังของเขาอีกก็ตาม แต่ยังไงเขาก็ต้องปรับตัวให้ได้ ถ้าหากหนังเรื่องนี้ถ่ายทําออกมาแล้วกลายเป็นหนังที่มีชื่อเสียงโด่งดัง หนังเรื่องต่อไปที่บรูซ์ โจเอล บูริน เขียนขึ้นต้องมีราคาที่สูงอย่างแน่นอนและคนที่พิสูจน์ได้ว่าบทหนังเรื่องนั้นๆสามารถกลายเป็นหนังที่ประสบความสําเร็จได้ก็มีแค่เอริคคนเดียวนั้น
บรูซ โจเอล บูรินเป็นคนที่ใจเย็นมากคนหนึ่ง หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ เขาก็ไม่เคยติดต่อเอริคมาอีกเลย และเอริคก็ไม่เคยได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับบทหนังเรื่อง Ghost เลย
และในเวลาเดียวกันหนังเรื่อง The Others ได้ออกฉายมาเป็นสัปดาห์ที่สองแล้ว รายได้ในบ็อกออฟฟิศยังคงอยู่ที่ 25.54 ล้านดอลล่าห์ ถึงแม้จะเป็นตัวเลขที่เกิดความคาดหมายก็ตาม ตามหลักความเป็นจริงนี้เป็นครั้งแรกของรายได้ในบ็อกออฟฟิศที่ลดลงมา แต่จํานวนที่ลดลงมานั้นไม่ถึง 5 แห่งของบ็อกออฟฟิศที่ทุกคนคาดการณ์ไว้ ยอดรวมของบ็อกออฟฟิศทั้งหมดอยู่ 52 ล้านดอลล่าห์ ซึ่งเป็นหนังที่ได้รับรายได้สูงกว่าต้นทุนถึง 10 เท่า ซึ่งเดิมที่ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท Disney ส่วนหนึ่งยังกังวลในความดื้อรั้นของไมเคิล ไอสเนอร์ที่จ่ายค่าโฆษณาด้วยเงินสด 2 เท่าและอาจจะได้กลับมาไม่คุ้มกับต้นทุนที่เสียไป แต่หลังจากที่หนังออกฉายไปเพียง 2 สัปดาห์ เมื่อคิดตามส่วนแบ่งของบริษัท Disney เขาก็ได้รับค่าโฆษณานั้นกลับมา และไม่ว่าหลังจากนี้หนังเรื่อง The Others จะวางฉายนานแค่ไหน เขาก็ได้รับส่วนแบ่งที่ครบถ้วนอยู่แล้ว
ไม่มีบริษัทไหนที่ไม่อิจฉาความโชคดีของบริษัท Disney ไมเคิล ไอสเนอร์ก็ไม่เคยวิจารณ์ในทางที่ไม่ดีกับบริษัท Firefly เลย ซึ่งไมเคิล ไอสเนอร์ก็ได้รับคําชื่นชมไม่ใช่น้อย