I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด - ตอนที่ 241
ตอนที่ 241 ก็ต้องมาดูเสียก่อน
เวลาไม่นานเอลิซาเบธก็สวมเสื้อโค้ทสีชมพูสดใสออกมาจากห้องพร้อมกับร่มพับขนาดเล็กในมือของหล่อน “เอริค ไปกันเถอะ”
เอริคส่ายหน้าก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ชุดนี้ไม่ได้ ฉันจําได้ว่าเธอยังมีเสื้อโค้ทสีน้ําเงินเข้ม ไม่ใช่หรอ ? ไปเปลี่ยนชุดนั้นมาดีกว่า”
เอลิซาเบธมองไปที่เอริคด้วยสายตาแปลกๆก่อนที่จะพูดแย้งขึ้นมาว่า “วันนี้ไม่ได้หนาวขนาดนั้นหนิ อีกอย่างเสื้อโค้ทตัวนั้นก็หนาเกินกว่าที่จะใส่ออกไปข้างนอกด้วย “
“งั้นเธอก็ไม่ต้องไปกับฉัน” เอริคส่ายหน้าก่อนที่จะทําท่าจะก้าวเดินออกไป เอลิซาเบธ เห็นเช่นนั้นก็รีบรั้งเอริคไว้ “ก็ได้ก็ได้เดี๋ยวฉันไปเปลี่ยนให้ก็ได้”
เป็นเพราะว่าเอริคไม่ได้คุ้นชินกับเส้นทางแห่งนี้เท่าไหร่นัก เขาจึงเปิดแผนที่ในโทรศัพท์เพื่อดูเส้นทางตลอดเวลา และเขาก็ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งเพื่อไปถึงที่หมายของเขา
เอลิซาเบธมองไปด้านนอกรถก่อนที่จะเปรียบเทียบกับแผนที่ในมือตนเองด้วยความรู้สึกงุนงงก่อนที่จะถามขึ้นว่า “เอริคที่นี่มันสวนวารันเทียหนิ พวกเรามาที่นี่ทําไมหน่ะ ? “
เอริคส่ายหน้า “เธอดูดีดีสิ ทางทิศใต้ของสวนหน่ะ “
หญิงสาวมองออกไปด้านนอกรถอีกครั้งก่อนที่จะทําตาโตขึ้น “นี่มันสุสานหนิ ! รู้งี้ฉันไม่มากับนายหรอก “
“งั้นเธอก็รออยู่ที่นี่” เอริคพูดด้วยน้ําเสียงเรียบก่อนที่จะเปิดประตูรถออกไป
อิลิซาเบธมองไปที่แผ่นหลังของเอริคด้วยสายตาแปลกใจ หลังจากที่หล่อนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินในที่จะลงจากรถพร้อมกับเดินตามเอริคไป
เอริคซื้อดอกไม้ช่อหนึ่งที่มาจากร้านขายดอกไม้ที่อยู่ด้านข้างสุสานก่อนที่จะกล่าว ทักทายพร้อมกับถามอะไรบางอย่างกับเจ้าของร้านอยู่ครู่หนึ่ง และดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าของร้านได้ยินคําถามเหล่านั้น เขาจึงหยิบแผนที่ขนาดเล็กที่เป็นตําแหน่งของสุสานออกมาพร้อมกับชี้ให้เอริคดูอย่างกระตือรือร้น
เอลิซาเบธที่กําลังยืนฟังบทสนทนาของทั้งสองคน ก็ได้ยินชื่อบรูซ ลีออกมาแว่วๆก่อนที่จะเดินตามเอริคเข้าไปที่สุสาน หลังจากที่เดินไปได้ครู่หนึ่งหญิงสาวก็พูดขึ้นว่า “อ้อ ฉัน นึกออกแล้ว คนที่ชื่อ…..คนที่ชื่อบรูซ ลี คนนั้น”
เอริคที่เดินนําอยู่ด้านหน้าหันมาจ้องมองหญิงสาวก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “เงียบหน่อย อย่าลืมสิว่าที่นี่ที่ไหน”
หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็รีบเงียบเสียงก่อนที่จะกวาดตาไปรอบๆพร้อมกับแลบลิ้นใส่เอริคที่เดินนําออกไปด้วยความหมั่นไส้ ก่อนที่จะเร่งฝีเท้าของตนเองเพื่อให้ทันเอริค
หลังจากที่เลี้ยวซ้ายจากทางเข้าสู่ทิศตะวันตกแล้ว เอริคก็มองเห็นหลุมฝังศพสีแดงเข้ม ซึ่งนั่นเป็นจุดเดียวกับที่เจ้าของร้านได้บอกกับเขาก่อนหน้านี้ เมื่อมั่นใจแล้วเอริคก็เดินตรงไปที่หลุมฝังศพนั้นอย่างไม่รีรอ
เอลิซาเบธเดินตามเอริคไปติดๆพร้อมกับมองไปที่รูปภาพที่ติดอยู่ตรงหลุมฝังศพ ก่อนที่จะดึงแขนของเอริคและถามขึ้นว่า “พวกเรามาทําอะไรที่นี่ ? “
“ดูเอาเองสิ” เอริคพูดเสียงเบา ก่อนที่จะคุกเข่าลงด้านข้างหินแกะสลักสีดําพร้อมกับนําดอกไม่ในมือของเขาวางไว้ด้านข้างหลุมฝังศพ
เอลิซาเบธคุกเข่าตามอย่างเงียบๆก่อนที่จะหันไปมองเอริคที่อยู่ด้านข้างของหล่อนใน เวลานี้หล่อนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกและอารมณ์บางอย่างที่ออกมาจากชายที่อยู่ด้านข้าง มันไม่ได้เป็นความโศกเศร้าแต่เป็นความรู้สึกราวกับว่าเขากําลังหวนระลึก นอกจากสายตาของเขา แล้วหล่อนยังเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเขาราวกับว่าชายตรงหน้ากําลังนึกถึงอะไรบางอย่างอยู่
เอริคไม่ได้ปกปิดความรู้สึกของตนเองและเขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรกับหญิงสาวตั้งแต่มาถึงซีแอตเทิล ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่แฟนคลับของบรูซ ลี ทว่าเขาก็มีความชื่นชอบในหนังภาพยนตร์ที่บรูซ ลี เล่น และดูเหมือนว่าเขาอาจจะมีความรู้สึกที่บริสุทธิ์เสียยิ่งกว่าคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นแฟนคลับเสียอีก
อย่าพูดถึงชีวิตในตอนนี้ของเขาเลย แม้แต่ชีวิตของเขาก่อนหน้านี้ในตอนที่เขาเกิด บรูซ ลี ผู้นี้ก็ถึงแก่กรรมไปแล้ว
ตอนที่เอริคได้ดูภาพยนตร์ของบรูซ ลี ในช่วงที่เขายังอยู่ในร่างเก่าของเขา เขายังเป็น เพียงแค่เด็กที่ไม่รู้ประสีประสาอะไรในยุค 80 นั้นเขาเป็นลูกชายของคนคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่กับการทํางานหาเงิน พ่อของเขาซื้อเครื่องเล่นวิดีโอไว้ในบ้านดังนั้นเมื่อถึงวันหยุดเด็กเล็กคน นั้นก็มักจะเปิดวิดีโอดูทุกวัน และในช่วงเวลานี้ก็เป็นครั้งแรกที่เอริคได้มีโอกาสดูหนังเรื่อง (Fist of Fury) ที่แสดงโดยบรูซ ลี และหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่เขาชื่นชอบและดูบ่อยที่สุดใน บรรดาแผ่นวิดิโอที่เขามี
ทุกครั้งที่ดูหนังเรื่องนี้จบ กลุ่มเด็กๆก็จะทําท่าทางพร้อมกับเปล่งเสียงเลียนแบบ ภาพยนตร์ออกมาตรงกลางซอยถนนเล็กๆ พร้อมกับทํากระบองง่ายๆด้วยการใช้ไม้และเชือก และพวกเขาก็มักจะสวมบทบาทเป็นตัวละครเพื่อดูว่าใครที่จะสามารถรับบทเป็นตัวละครหลักอย่างเฉินเจิ้นได้ดีที่สุด
หลังจากที่อายุมากขึ้นข้อมูลที่เขาได้รับก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนั่นทําให้เขาสามารถเข้าใจภาพยนตร์ได้ดียิ่งขึ้น ทว่ายิ่งเขาโตขึ้นก็ทําให้เขาแทบจะไม่รู้สึกถึงความสุขที่บริสุทธิ์เหล่านั้นอีก แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานหลายปีแล้วอีกทั้งยังมาอยู่ในร่างของคนอื่นที่ไม่ใช่ตนเองในยุคอดีต ทว่าเอริคก็ยังสามารถจํารายละเอียดของหนังเรื่อง (Fist of Fury) ได้เป็นอย่างดี มันเป็นความทรงจําที่ทําให้เขายิ้มได้เมื่อนึกถึง และมันก็ทําให้เขานึกถึงเครื่องเล่นวิดีโอที่อยู่ในความทรงจําของเขาเช่นกัน
หลังจากที่เขาคุกเข่าอยู่หน้าหลุมฝังศพอยู่ครู่หนึ่ง เอริคก็ลุกขึ้นก่อนที่จะถอยหลังออกไปสองก้าวพร้อมกับโน้มตัวลง แม้ว่าเอลิซาเบธที่อยู่ด้านข้างของเขาจะลังเลกับสิ่งที่เขาทําแต่ หล่อนก็เลือกที่จะเรียนรู้จากชายหนุ่มและทําตามเขาโดยไม่เอ่ยปากถาม เอริคยิ้มออกมาน้อยๆก่อนที่จะกล่าวขึ้นมาว่า “ไปกันเถอะ”
“อื้อ” เอลิซาเบธที่ยังมองเอริคด้วยแววตาที่สงสัยพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินตามเอริคไปตามถนนคอนกรีต หญิงสาวทําแก้มพองก่อนที่จะหายใจเข้าลึก พร้อมกับก้าวไปด้านหน้าสองก้าวก่อนที่จะยื่นแขนออกไปจับแขนของเอริคไว้ เอริคหันมามองหล่อนด้วยสายตาที่งุนงง หญิงสาวจึงรีบพูดขึ้นมาว่า “นายเดินเร็วเกินไปแล้ว ฉันเดินตามไม่ทัน” ขณะที่หล่อนกําลังพูดกับเอริคทว่าน้ําเสียงของหล่อนดูแตกต่างไปจากเดิม
“อ่อ งั้นฉันจะเดินให้ช้าลงแล้วกัน” ความรู้สึกภายในใจของเขาที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ยังไม่ หายไป จึงทําให้เขาไม่ทันได้สังเกตุว่าหญิงสาวมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในใจ เขาจึงทําเพียงแค่พยักหน้ารับและปล่อยให้หญิงสาวคล้องแขนของเขาต่อไป
หลังจากที่เดินมาถึงที่จอดรถแล้ว เอลิซาเบธก็ยังไม่กล้าที่จะถามในสิ่งที่หล่อนสงสัย ออกมาและแน่นอนว่าหากหญิงสาวไม่ถามเอริคเองก็คงจะไม่ตอบในสิ่งที่อยากรู้เช่นกัน
“หิวรึยัง ? ฉันจะได้พาเธอไปหาอะไรกิน” เอริคมองไปที่ด้านนอกรถที่เริ่มจะมีเม็ดฝน ตกลงมาก่อนที่จะถามเอลิซาเบธที่นั่งอยู่ตรงตําแหน่งด้านข้างคนขับ
หญิงสาวกรอกตามองบนก่อนที่จะตอบกลับไปว่า “ไม่กี่วันมานี้ฉันยังกินไม่อิ่มเลยสักมื้อ”
“งั้นเดี๋ยวฉันพาเธอไปกินมื้อใหญ่ เพื่อเป็นการชดเชยมือก่อนหน้านี้นะ” เอริคยิ้มก่อนที่จะเร่งเครื่องออกจากลานจอดรถ “กินมื้อเที่ยงเสร็จแล้วเธออยากจะไปเที่ยวไหนต่อไหม ? “
เอลิซาเบธนึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะส่ายหน้า เอริคเห็นเช่นนั้นจึงถามขึ้นมาว่า “หรือว่าจะไปมหาวิทยาลัยวอชิงตันดีล่ะ รู้สึกว่าจะไม่ได้ไกลจากที่นี่นะ “
“มหาวิทยาลัยวอชิงตันต้องมาช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงจะดี เพราะช่วงนั้นมีดอกเชอร์รี่บอสซัมด้วย ไปตอนนี้ไม่มีอะไรให้ดูหรอก”
ได้ยินเช่นนั้นเอริคก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมาเพราะเขาไม่คิดว่า อีกด้านหนึ่งของมหาสมุทรที่ห่างไกลออกไปจะมีมหาลัยที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับดอกเชอร์รี่บอสซัมเช่นนี้
“งั้นไปหอคอยสเปซนีดเดิ้ลไหม ? ” เอริคถามขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าจะมีภาพยนตร์มาถ่ายทําที่ซีแอตเทิลอยู่ไม่น้อย ทว่าเอริคก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าแท้จริงแล้วที่แห่งนี้มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง เพราะนอกจากสถานที่พักผ่อนของบรูซ ลี แล้ว เอริคก็รู้จักเพียงแค่หอคอยแห่งนี้เพียงที่เดียว
“ไม่ไปอ่ะ บ้านฉันอยู่แมนฮัตตันนะ ตึกเอ็มไพร์สเตตพวกนั้นฉันเห็นจนเบื่อแล้ว”
เอริคยักไหล่ก่อนจะตอบไปว่า “ก็ได้ งั้นกินมื้อเที่ยงเสร็จก็กลับกันเลยก็แล้วกัน ดีเลย เพราะฉันก็มีอะไรที่ต้องจัดการให้เสร็จอยู่พอดี “