Godfather of Champions ย้อนอดีตพลิกเกมลูกหนัง - ตอนที่ 61 พวกฟุตบอลฮูลิแกน (2)
- Home
- All Mangas
- Godfather of Champions ย้อนอดีตพลิกเกมลูกหนัง
- ตอนที่ 61 พวกฟุตบอลฮูลิแกน (2)
เหมือนอย่างกับบาร์ของเบิร์นส สีแดงเป็นสีหลักของบาร์แห่งนี้ แต่ว่าสว่างกว่าราวกับสีเลือด อาคารสไตล์วิคตอเรียตั้งสูงตระหง่านตรงหัวมุมถนน พร้อมมีธงทีมฟอเรสต์แขวนอยู่ตรงประตูเพื่อให้คนรู้มาแต่ไกลว่าเป็นที่ที่แฟนๆ มารวมตัวกัน ขณะที่ยืนอยู่ข้างนอก เขาได้ยินเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะดังมาจากข้างใน เงาของผู้คนไหวไปมาตามไฟสีส้มที่ส่องผ่านหน้าต่างและประตูดูคล้ายกับเปลวไฟ
“ผับโรบินฮู้ด” นั่นเป็นชื่อที่บิลบอกทเวนมา เขาอ่านชื่อป้ายนีออนตรงหน้าแล้วแค่นหัวเราะ “พวกแกคิดว่าตัวเองอยู่เหนือกฎหมายหรือไง?”
เขาก้าวเข้าไปและเหวี่ยงประตูเปิดออก
ปัง! ประตูกระจกถูกเหวี่ยงกระทบดังลั่น
ผับที่คึกครื้นเงียบลงทันที เหล่าขี้เมาหันมามองผู้บุกรุกอย่างตกใจ
ทันทีที่ถังเอินเข้ามา เขาเหลือบหางตาเห็นธงฟอเรสต์แขวนอยู่ด้านข้างของประตู มีตัวหนังสือสีทองเขียนไว้ว่า ศักดิ์ศรีคือชีวิตของฉัน
เขาแสยะปากแล้วใช้แรงทึ้งธงลงมา การกระทำนี้ยั่วยุทุกคนในผับแห่งนี้ พวกเขาตะโกนและพุ่งไปที่ทเวน “แกทำบ้าอะไรวะ!”
“อย่าอารมณ์ร้อนไป เด็กๆ” มีเสียงหนึ่งหยุดพวกเขาไว้ “มาต้อนรับผู้จัดการทีมชุดใหญ่ โทนี่ ทเวนกันเถอะ!” ด้วยนำเสียงตื่นเต้น มาร์ค ฮอดจ์ก้าวออกมาข้างหลังฝูงชน เขาอ้าแขนกว้างแสดงท่าทางต้อนรับ
ผู้คนรอบๆ ตัวเขายังนิ่งอยู่ แต่ไม่นานพวกเขาก็จำคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าพวกเขาได้ พวกเขาจึงโห่ร้องและแต่ละคนชูแก้วในมือขึ้นสูง
“ฟอเรสต์! ฟอเรสต์! นอตทิงแฮมฟอเรสต์!”
บรรยากาศในผับดูจะพุ่งสูงสุด แต่ถังเอินก็ยังไม่ไหวติงท่ามกลางผู้คนที่ตื่นเต้น เขาสังเกตว่าคนพวกนี้ส่วนใหญ่มีบาดแผลตามใบหน้าและไม่ได้เช็ดคราบเลือดหรือรักษาแผลตัวเองเลย เขายืนอยู่ที่หน้าประตูด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จ้องมองทั้งหมดนี้ด้วยสายตาเย็นชา
กลุ่มคนเมาพวกนี้เฮฮากันเกือบนาที และถังเอินก็ยังคงนิ่งอยู่ด้วยท่าทีเช่นเดิมกับตอนที่เขาเข้ามา เขาไม่พูดอะไรเลย บางคนเริ่มรู้สึกแล้วว่ามีบางอย่างแปลกๆ เสียงเฮฮาจึงค่อยๆ เบาลง และสงบลงในที่สุด เป็นสถานการณ์ที่แปลกประหลาด กลุ่มคนและชายหนึ่งคนมองหน้ากันและกัน แต่พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงทำอย่างนี้
ฮอดจ์ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน เขารู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้างตอนที่ทเวนโผล่มาที่ผับ แต่มองอีกฝ่ายตอนนี้แล้ว เขาคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อดื่มกับพวกเขาแน่
“ได้ดื่มเบียร์ดีๆ กันแล้วสินะ?” ถังเอินพูดออกมาในที่สุด “พวกนายสู้กันมาเดือดเลยสิท่า?”
เจ้าของผับที่มากประสบการณ์แค่ฟังคำพวกนี้ เขาก็รู้แล้วหันไปถามเด็กนักศึกษาต่างชาติที่มาทำงานให้ร้านเขา “กระจกเปลี่ยนแล้วใช่ไหม?”
พนักงานหนุ่มพยักหน้า “เปลี่ยนหมดแล้วครับ บอส”
ทุกวันที่มีการแข่ง ทางร้านจะเปลี่ยนกระจกที่หนาและแข็งไปเป็นแบบที่มีคุณภาพต่ำ แต่ยังใช้งานโดยรวมได้อยู่ บอสต้องขาดทุนตอนที่กระจกดีๆ พวกนั้นพัง ถ้าเป็นกระจกคุณภาพต่ำพวกนี้พัง ก็แค่พังไปเลย แถมยังไม่มีอันตรายจนคร่าชีวิตใครได้ถ้าหัวพวกเขาฟาดไปโดนกระจก ด้วยประโยชน์ทั้งสองฝ่ายนี้ การเปลี่ยนกระจกจึงกลายเป็นธรรมเนียมผับไปแล้ว
“ดีมากๆ ตอนที่การต่อสู้เริ่ม นายก็ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ” บอสตบบ่าเด็กหนุ่ม และทำทีให้เขาไปหลบใต้เคาน์เตอร์บาร์
“บอส แล้วคุณล่ะครับ?”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น หมอบลงไปเถอะ!” บอสหยิบแก้วขึ้นมาถือไว้ในมือ แล้วดันพนักงานหนุ่มลงไป
ถังเอินที่อยู่อีกด้านยังพูดไม่จบ
“พวกนายชนะหรือแพ้พวกมิลวอลล์ล่ะ?”
ทุกคนมองหน้ากันไปมา ต่างสงสัยว่าทำไมทเวนถามเรื่องนี้
“ฉันได้ยินว่าพวกนายแพ้ยับเลยนี่ แถมแพ้ซะจนน่าสมเพชเลยด้วย”
จากน้ำเสียงที่เขาพูด เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่การมาเยี่ยมอย่างเป็นมิตร เหล่าชายที่เพิ่งตะโกน “ฟอเรสต์! ฟอเรสต์!” กลับมากังวลอีกครั้ง
ฮอดจ์ยืนตรงข้ามทเวนและพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ทเวน คุณพูดว่าจะไม่ยุ่งกับเรื่องที่พวกเราทำ”
“ใช่ ฉันพูดอย่างนั้น! แต่ฉันก็บอกนายไปแล้วด้วยว่าอย่าลากคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป” ถังเอินขัดคำพูดของฮอดจ์เสียงดัง เขากัดฟันและพูด “ตอนนี้ฉันเสียใจแล้วที่ไม่ได้เรียกตำรวจมาจับไอ้พวกลูกหมาอย่างแก! ตอนที่ทีมฉันกำลังเล่นกับคู่แข่งบนสนามและต่อสู้เพื่อชัยชนะ พวกแกก็สู้กันกับคนอื่นจนนองเลือดข้างนอกนั่น พวกแกอย่ามาพูดเรื่องศักดิ์ศรีต่อหน้าฉัน! พวกแกไม่คู่ควร!” เขาเห็นบางคนจะอ้าปากโต้ เขาจึงพูดคำพูดของคนๆ หนึ่งออกไปตรงๆ
“ต่อยดั้งคู่ต่อสู้ให้หน้าพวกนั้นนองเลือด หักแขนและขาให้พวกนั้นร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดบนพื้น ชนเด็กบริสุทธิ์จนล้มแล้วเหยียบย่ำเขาขณะที่วิ่งหนีไป นั่นคือสิ่งที่พวกแกเรียกศักดิ์ศรีหรือ? เนี่ยนะศักดิ์ศรีของพวกแก?” มือของถังเอินสั่นขณะที่เขาถือธงแน่นจนข้อนิ้วขาว
“พวกแกคิดว่าตัวเองเจ๋งมากหรือไง? พวกแกคิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่ทีมนี้หรือ? พวกแก…”
ถังเอินนึกถึงครั้งแรกที่เขาเจอเจ้าหนูเบอร์นาร์ดบ่ายวันนั้นท่ามกลางแสงอาทิตย์เปล่งประกาย เขาจะไม่ลืมไปชั่วชีวิตของเขากับสีหน้าตื่นเต้นของเด็กน้อยตอนที่เขาได้ลายเซ็นของวู้ด เขาเป็นแฟนคลับคนแรกของจอร์จ วู้ด
เขารู้สึกอับอายและรู้สึกผิดที่ไปแก้ต่างให้กลุ่มคนพวกนี้ที่อยู่ตรงหน้าเขา เขารู้สึกสำนึกผิดและโกรธที่ไม่หยุดการกระทำพวกนั้นไว้ได้ทัน
“…ไอ้พวกงั่งเอ้ย!” เขาฉีกธงสีแดงที่มีสัญลักษณ์ของทีมฟอเรสต์และประโยค “ศักดิ์ศรีคือชีวิตของฉัน” จนขาดครึ่ง ตามมาด้วยเสียงคำรามไม่พอใจ คนที่อยู่รอบๆ ตัวเขาต่างรู้สึกถูกหยาม
ภายใต้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ คนพวกนี้ที่ดื่มจนเมามายต่างเอ็ดตะโรพุ่งเข้ามาเพื่อสั่งสอนทเวนที่ไม่สำนึกบุญคุณ แต่ฮอดจ์ยื่นมือมาห้ามพวกเขา
“นายควรให้ฉันอธิบายดีกว่า ไม่อย่างนั้น! ฉันก็ไม่สนหรอกว่านายเป็นใคร!” ฮอดจ์กัดฟัน “ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเบิร์นส!”
“หยุดพูดไร้สาระกับมันได้แล้ว มาร์ค! กระทืบมันเลย! ไอ้เวรนั่นฉีกธงของพวกเรา!”
“ฉันจะส่งแกกลับสวรรค์ไปเลย! ให้เหมือนกับที่แกฉีกธงพวกเรา ฉันจะฉีกแกเป็นชิ้นๆ เลย!”
“แกกล้ามาหยามศักดิ์ศรีของพวกเรา! ตอนที่พวกเราเชียร์ทีมฟอเรสต์ แกยังอยู่ในลูกกระเป๋งพ่อแกอยู่เลย ไอ้เวรเอ้ย!”
“ไอ้เวร! แกมันไอ้เวรตะไล!”
คนของเขาต่างด่าทอและเหวี่ยงกำปั้นไปมาราวกับพวกเขาเป็นอสูรที่จะหลุดออกมาจากกรง พวกเขาทั้งดูรุนแรงและดูน่าชิงชัง