Gate of God - ตอนที่ 519
ตอนที่ 519 ใหญ่ขึ้น
“ที่บ้าน ที่บ้าน …” คนรับใช้แทบหายใจไม่ทัน หน้าของเขาซีดเซียวจากการรีบวิ่งมา
“เกิดอะไรขึ้น?!” ว่าน ฉง ตกใจ เขาสัมผัสได้ถึงเรื่องแย่ๆที่อาจจะเกิดขึ้น
แต่มันก็แค่ความคิด
นี่คือเมืองหลวง จะเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นกับบ้านของเขาได้ยังไง…
ทันใดนั้น ท่าทีของ ฟาง เจิ้งจือ ก็กลายเป็นตกใจอย่างมาก
“โอ้? ทําไมถึงมีควันลอยขึ้นมาจากตรงนั้นล่ะ?.ว้าว นั่นมันไฟไหม?!” ฟาง เจิ้งจือ อุทานออกมาด้วยความตกใจ
ผู้คนต่างหันไปมองในทิศทางนั้น
“มีควันไฟลอยขึ้นมา!”
“เป็นไปได้ยังไงกัน? หรือว่าไฟไหม?”
“ดูนั่นสนั่นมันไฟไหมนี่!”
ฝูงชนเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ก่อนจะกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
ทันใดนั้นคนรับใช้ก็สดหายใจลึกๆก่อนจะรายงานออกมา
“ท่านว่าน…ที่บ้าน…เกิดไฟไหม!”
“อะไรนะ?! บ้านของข้าไฟไหม?” ว่าน ฉง ตกตะลึง ท่าทีของเขาเปลี่ยนไป
เขามีลางสังหรณ์ว่าสิ่งเลวร้ายกําลังจะเกิดขึ้นเมื่อเขาเห็นใบหน้าของ ฟาง เจิ้งจือ และสิ่งที่เขาพูดแต่…
ความรู้สึกมันต่างกันอย่างชัดเจนเมื่อเหตุร้ายนั้นเกิดขึ้นต่อหน้า
“ใช่แล้ว…ข้าคิดว่าท่านควรจะรีบกลับไป ตอนนี้ที่บ้านถูกล้อมไปด้วยทหารหลวจํานวนมาก ถ้าท่านไม่กลับไปตอนนี้…” คนใช้กล่าวเสริม
“ทหารหลวง! พวกเขามาทําอะไรที่บ้านของข้า?” ว่าน ฉง ตัวสั่นเล็กน้อย
“ตอนที่เกิดเพลิงไหม้ขึ้น ทหารหลวงไป ฉี ได้เดินทางผ่านมาพอดี ดังนั้นเขาจึงสั่งให้เหล่าทหารไปช่วยดับไฟจากนั้น…”
“เจ้าบอกว่า ไป ฉี พาทหารมาดับไฟงั้นรึ? เขาเอาคนมาเท่าไรกัน?”
“ประมาณ 500”
“500?!” ขาของ ว่าน ฉง สั่นจนหยุดไม่อยู่ เขาเข้าใจในที่สุดว่าทําไม ฟาง เจิ้งจือ ถึงบอกว่าการค้นบ้านของเขาใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
มันเป็นไปได้แน่นอน ถ้าเกิดไฟไหม้ขึ้นที่บ้านเขา
แต่มันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ! นี่เป็นฤดูใบไม้ผลิ ไม่ใช่ฤดูร้อนจะเกิดไฟไหม้ขึ้นได้ยังไง?
ที่สําคัญที่สุดคือที่บ้านของเขา
เต็มไปด้วยคนรับใช้และผู้ช่วยนับไม่ถ้วน
พวกเขาน่าจะสามารถควบคุมไฟไหม้ได้
เห็นได้ชักว่ามันเป็นแผนที่วางไว้
บ้านของเขาไม่มีทางถูกไฟไหม่โดยไม่มีเหตุผล ต้องมีคนวางเพลิงแน่นอน แล้วทําไม ไปฉีถึงผ่านไปแถว
นั่นก็น่าจะเป็นแผนเช่นกัน
ว่าน ฉง ตัวสั่นขณะกําภาพที่อยู่ในมือแน่น เขาไม่รู้ว่าทําไม ไป ฉี ถึงฟัง ฟาง เจิ้งจือ
ชาวเมืองรอบๆมองมาที่ ว่าน ฉง ด้วยความสงสาร
“รัฐมนตรีว่าน ท่านไม่ต้องกังวล! ในเมื่อทหารหลวงอยู่ที่นั่น พวกเขาต้องดับไฟได้แน่ๆ!”
“ใช่ทหารหลวงทั้ง500คนจะช่วยดับไฟเอง!”
“ท่านสามารถซ่อมแซมบ้านหลังจากนี้ได้! ความปลอดภัยของท่านนั้นสําคัญที่สุด!”
ชาวเมืองรอบๆต่างพยายามปลอบโยน
“ซ่อมแซม?” ว่านฉงหัวเราะเบาๆขณะมองไปที่ชาวเมืองรอบๆ
เขาจําได้ว่าตอนที่เขาชนะการทดสอบเขายินดีมากแค่ไหน เขาจําได้ว่าเขาต้องใช้ความพยายามมากเท่าไรจึงมายืนอยู่ตําแหน่งนี้ได้ เขาหัวเราะอย่างขมขื่นให้ตัวเอง
ไม่มีใครเข้าใจความเจ็บปวดของเขาได้
หากบ้านของเขาถูกไฟไหม้ ชีวิตของเขาย่อมจบสิ้นเช่นกัน
เขาสามารถจินตนาการได้ว่าทุกคนจะมองเขายังไงในไม่อีกกี่วันข้างหน้า
ตอนนั้น…
พวกเขายังจะมาพยายามปลอบประโลมเขาอยู่อยู่หรือไม่?
เขาทอดสายตาไปไกล
เขาสามารถเห็นทหารในชดสีทองจํานวนหนึ่งกําลังตรงมาหาเขาได้ แต่ละคนถือหอกอันคมกริบ
“ไป ฉี เจ้ามาเร็วจริงๆ!” ว่าน ฉง โยนกุญแจมือทิ้งและมองไปยังร่างที่ใกล้เข้ามา
มันจบแล้ว
ว่าน ฉง รู้ว่าตัวเองแพ้แล้ว
ไป ฉี อยู่ที่นี่แล้ว
“รัฐมนตรี ว่าน ฉง ท่านเป็นผู้ต้องสัยในการทุจริตและสมรู้ร่วมคิด ท่านถือเป็นผู้ต้องหาแล้วโปรดมากับพวกเราด้วย”
“แม่ทัพไป ท่านควรจะป้องกันวังหลวง ตั้งแต่เมื่อไรที่ท่านทําหน้าที่เป็นผู้สืบสวนคนอื่น?” ว่านฉงถามขึ้นมา
“ข้าแค่ผ่านทางไปเท่านั้น” ไป ฉี ตอบเรียบๆ
“ฮ่าฮ่า …เยี่ยมเหลือเกิน” ว่าน ฉง หัวเราะเยาะเย้ย
“ข้าคิดว่าเจ้าคงยังไม่มีเวลาเอาเอกสารที่ได้มา ไปที่พระราชวังใช่หรือไม่?”
“มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ไม่ต้องกังวลไป”
“เช่นนั้น ข้าก็ยังไม่ได้ถือว่าเป็นอาชญากร ให้ข้าได้กลับไปที่บ้านก่อนได้ไหม?” ว่าน ฉงพยักหน้า
“ไม่” ไป ฉี ปฏิเสธทันที
“ไป ฉี ข้าเป็นรัฐมนตรีนะ และเป็นเจ้าหน้าที่ระดับ2! ข้ายังไม่ถูกตัดสินโทษ! เจ้ากล้าลากตัวข้าไปโดยการ บังคับงั้นรึ?” ท่าทีของ ว่าน ฉง เปลี่ยนไปทันที
“ท่านก็ลองขัดขืนดูสิ”
“ไป ฉี! เยี่ยม เยี่ยมมาก! ข้ารู้ทางไปที่นั่น ข้าไปเองได้!”
“จับตัวรัฐมนตรีไว้!”ไป ฉี ไม่สนใจคําพูดของ ว่าน ฉง และเอาห่วงโซ่ไปล็อคที่เท้าของเขาไว้
“ไป ฉี เจ้ากล้าล่ามข้าได้ยังไง?!”
“มีอะไรผิดงั้นเหรอ ท่านรัฐมนตรี?”
“ข้าจะสู้กับเจ้า!”
“พาเขาไป!”
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเหล่าผู้คนต่างไม่สามารถตามเหตุการณ์ได้ทัน เวลาผ่านไปไม่นา ว่านฉงกลับถูกล่ามโซ่เอาไว้
พวกเขาไม่เข้าใจว่าทําไมรัฐมนตรีกฎหมายจึงกลายเป็นอาชญากรได้ภายในพริบตา ทําไมพวกเขาถึงถูกทหารหลวงเข้าจับกุม?
เป็นไปได้ยังไง?
เหล่าทหารคุ้มกันอยากก้าวออกไปเพื่อช่วย ว่าน ฉงอย่างไรก็ตามพวกเขาหยุดนิ่งทันทีที่เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารของ ไป ฉี
ไม่ใช่ว่าพวกเขากลัวความตาย อย่างไรก็ตาม พวกเขารู้ว่าไม่สามารถเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ได้
“รัฐมนตรีถูกจับตัวไป?”
“แล้ว …แล้ว ฟาง เจิ้งจือ ล่ะ?”
“รองแม่ทัพ ไป ฉี ที่นี่มีอาชญากรอยู่อีกคนหนึ่ง ท่านจะไม่จับกุมเขางั้นหรือ?”
เหล่าผู้คนมองไปที่พวกทหารหลวงในชุดเกราะ เขามาจับตัว ว่าน ฉง ดังนั้นก็น่าจะจับตัวอีกคนไปด้วย
“ฟาง เจิ้งจือ อยู่ที่ไหน?”ไป ฉั มองไปรอบๆด้วยความสับสน
“นั่นไง ตรงนั้นไง?”ผู้คนชี้ไปทาง ฟาง เจิ้งจือ ที่นั่งอยู่บนหลังม้า
“ไร้สาระ! ชายหนุ่มคนนี้ชื่อ ฟาง เจิ้งเจิ้ง! เขามีทั้งสูตบัตรและมี ฉือ เฮา เป็นพยานยืนยัน! พวกเจ้าคิดว่าข้าโง่งั้นหรือ?”ไป ฉี ตอบกลับ
จากนั้นเขาก็ลาก ว่าน ฉง ออกไป ผู้คนต่างตะลึงกับสิ่งที่เห็น
“รองแม่ทัพ ไป ฉี รู้ได้ยังไงว่าเขาชื่อ ฟาง เจิ้งเจิ้ง?”
“ใช่ตอนนั้นเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ … “
“เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ ตอน …ตอนที่ ฉะ.. ฉือ เฮา เป็นพยาน เขารู้… เขารู้สิ่งที่เกิดขึ้นได้ยังไง?!”
ฝงชนสับสน แต่พวกเขาทําอะไรไม่ได้เลย ไป ฉี จากไปแล้ว
ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ไปฉีด้วยความรังเกียจ
ทักษะการแสดงเป็นเรื่องสําคัญมากๆในใช้ชีวิต
แต่ทักษะการตบตาของชายคนนี้นั้นย่ําแย่มาก!เขาเป็นถึงรองแม่ทัพได้ยังไง?! ฝีมือเขาแย่มาก!
ฉือ เฮา ไม่เข้าใจว่า ฟาง เจิ้งจือ กําลังคิดอะไรอยู่ เขาไม่รู้ว่าเนื้อหาของจดหมายนั้นคืออะไร อย่างไรก็ตามเขาคิดบางอย่างในหัว
ว่าน ฉง ถูกจับ?
โดยทหารหลวง?
ว่าน ฉง ไม่ได้แม้แต่จะเรียกร้องความเป็นธรรม?
นั่นก็เพียงพอที่จะพิสูจน์หลายสิ่งหลายอย่าง เขาไม่ได้รู้จักพวกนั้น…
ราชาตัวนเองก็เช่นกัน นั่นหมายความว่า…
ราชาตัวนไม่ได้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
“ข้าเข้าใจแล้ว! ข้าประเมินนิกายเงาต่ําเกินไป ข้าไม่เคยคิดเลยว่าพวกนิกายเงาจะแทรกซึมอยู่ในเมืองหลวง!”แววตาของฉือ เฮา เปล่งประกายเมืองเขามองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ
“ท่าน ลื้อ เฮา นี่มันตลกมาก ไป ฉี ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนิกายเงา” ฟาง เจิ้งจือ ส่ายหัว
“ไม่เกี่ยวข้อง? เอาล่ะ ข้าขอถามเจ้าหน่อย ในเมื่อเจ้ามีแผนรับมือ ว่าน ฉง ทําไมต้องใช้ข้าเป็นพยานในชื่อของเจ้าด้วย!”ฉือเฮาหัวเราะเบาๆ เขาไม่เชื่อคําพูดนั้น
“ท่านพยายามดึงข้าลงมาเมื่อสามวันก่อน หลังจากที่คิดดีๆแล้ว ข้าจึงอยากดึงท่านลงมาบ้าง” ฟาง เจิ้งจือตอบกลับ
“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะไม่ช่วยเจ้างั้นรึ?”
“แต่ความจริงก็คือท่านกระโดดเข้ามาช่วยบ้าน”
“ใช่ แต่ข้าก็สามารถฆ่าเจ้าและกระโดดออกไปได้!”
“ฮ่าฮ่า … ถ้าท่านอยากฆ่าข้า ท่านคงทําตั้งแต่ที่หมู่บ้านภูเขาทางเหนือแล้ว ทําไมต้องรอถึงตอนนี้? นอกจากนี้ข้ารู้ว่าท่านไม่สามารถฆ่าข้าได้”
“ไม่สามารถฆ่าเจ้าได้?!” ฉือ เฮา ตกตะลึง เขาหันไปมองผู้ที่สวมชุดดําและปิดหน้าที่ยืนอยู่รอบๆฟางเจิ้งจือ”โจาคิดว่าพวกเขาจะหยุดข้าได้งั้นหรือ”
“ฮ่าฮ่า … ” ฟาง เจิ้งจือ หัวเราะเบาๆแต่ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาหันไปมองรถม้าคันหนึ่งที่หยุดลงใกล้ๆ
มีคนไม่มากในเมืองหลวงที่มีรถม้าแบบนี้ ในความเป็นจริง ฟาง เจิ้งจือ เคยเห็นมันมาก่อน
มันถูกแกะสลักอย่างงดงามเป็นลวดลายของเปลวไฟ
ทั้ง ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว ต่างเคยเห็นมัน
“ข้าเข้าใจแล้ว” เหยียน ซิว พยักหน้าเมื่อเห็นรถม้า เขาเข้าใจในสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้น
ฝูงชนตกตะลึง จากนั้นพวกเขาก็แหวกออกไปทั้งสองด้าน
ถนนที่แออัด ตรงกลางกลับถูกเปิดโล่ง
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ขยับ
เขานั่งเงียบ ๆ บนหลังม้าและรอรถม้าเข้ามาใกล้
จากนั้นรถม้าก็หยุดลง
ทหารที่สวมเกราะสีทองที่ยืนอยู่ข้างรถม้าก็กระโดดขึ้นมาเคาะประตู
“ถึงแล้ว?” เป็นเสียงที่คมชัดดังจากด้านใน
“ขอรับ!”ทหารตอบทันที
“แกรก!” ประตูเปิดออก พร้อมกับร่างสีแดงเพลิงที่ก้าวออกมา
นางสวมชุดสีแดงราวกับเปลงเพลิง เอวของนางผมเพรียวราวกับนาฬิกาทราย
ชุดสีแดงของนางประดับไปด้วยอัญมณีสีแดง
ดวงตาของนางสดใส ปากของนางเผยออกด้วยความหยิ่งยโส
ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มเยาะ
นางดูแตกต่างจากหนึ่งปีที่แล้วเป็นอย่างมาก นางเติบโตขึ้นมาอย่างงดงาม
“เจ้าคิดว่ายังไง? ข้าเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากใช่ไหมล่ะ?” เสียงของนางดังขึ้น นางหันไปมองฟางเจิ้งจือด้วยความคาดหวัง
“เป็นผู้ใหญ่ขึ้น?” ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่บริวเณลําคอของนาง ก่อนจะมองลงไปด้านล่างจากนั้นเขาก็พูดขึ้น มา “อึม ใหญ่ขึ้นมาก!”