Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 266
Chapter 266: เทพวารี
มณฑลทะเลสาบจินนั้นอยู่บนฝั่งทะเลสาบจนถึง ในมณฑลนี้ มีกว่าหมื่นครัวเรือนหรือเกือบห้าหมื่นห้าพันคนอาศัยอยู่ที่นี่
เพราะว่าไม่มีภูเขาสูงใหญ่ พื้นที่ทําไร่ทํานาก็น้อย พวกเขาจึงดํารงชีวิตพึ่งพาทะเลสาบจนถึง พวกเขามีชีวิตปานกลาง แม้ว่าจะไม่ดีนัก แต่ก็ไม่ได้ลําบากยากแค้นเช่นกัน
ในมณฑลนี้ แบ่งออกเป็น 5 เขต แต่ละเขตนั้นมีผ้าไหมและข้าวที่มีชื่อเสียง
แน่นอนว่า ผู้คนที่นี่นั้นชื่นชอบการสวดอ้อนวอนและถวายเครื่องสังเวย มีจิตวิญญาณมากมายหลากหลายชนิดที่ผ่านไปมาและยังมีที่กินคน ผู้คนหาเงินจากการเก็บเกี่ยวทรัพยากรต่าง ๆ จากทะเลสาบจนถึง ตราบใดที่ตั้งใจทํางานให้มาก พวกเขาย่อมได้ผลตอบแทนและครอบครัวก็สามารถดํารงชีวิตอยู่ได้ ส่วนพวกที่โชคร้ายเพียงไม่ถึงหนึ่งในพันส่วนที่ไปจบลงในท้องของปิศาจนั้นก็ทําได้แต่โทษโชคชะตาอันย่ําแย่ของตนแล้ว
เทียบกันแล้ว ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่นั้นมีคุณภาพชีวิตที่ค่อนข้างดี ดังนั้นจึงมีผู้คนย้ายเข้ามาที่นี่มากขึ้นเรื่อย ๆ
เหล่าบัณฑิตล้วนบอกว่า ราชสํานักที่ใช้การไม่ได้นั้นเลวร้ายยิ่งกว่าปิศาจที่รอบ ๆ นี่!
ไม่ต้องพูดถึงว่า ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง
ซูเหรินนั้นได้รับมอบหมายให้มาดูแลหนึ่งในห้าเขตที่นี่ มาเป็นนายอําเภอของเขตเฮยเจ๋อ
ในระบบการปกครองของประเทศต้าจู่ ทุก ๆ เขต จะมีผู้ดูแลหนึ่งคน ที่จะดูแลปกครองรัศมีหนึ่งร้อยลี้ของเขตนั้น ผู้ดูแลจะต้องเป็นเจ้าหน้าที่ทางการขั้น 7 แล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่ทางการขั้น 8 ได้รับมอบหมายให้มาเป็นนายอําเภอ อันที่จริงแล้ว นายอําเภอนั้นก็เหมือนเป็นเพียงผู้ช่วย และทําได้เพียงเรียนรู้จากผู้ดูแลเขตและไม่ได้ทําอย่างอื่นนอกไปจากนี้
ในเขตตัวเมือง มีนายกองของเขตเป็นผู้ช่วยหลักและยังมีรองหัวหน้าหกฝ่าย ทั้งหมดล้วนมีหน้าที่ของตนเอง คล้ายกับนกกระจิบหนึ่งตัว อวัยวะทุกอย่างมีบทบาทหน้าที่ที่ต้องทําเพื่อให้นกมีชีวิตอยู่ได้ และยังเหมือนระบบการปกครองมณฑลและกระทั่งราชสํานัก
เมื่อซูเหรินมาถึงเขตเฮยเจ๋อ สิ่งแรกที่ทําก็คือไปคารวะผู้ดูแลเขตก่อนที่จะรับหน้าที่ต่อจากนายอําเภอคนก่อน หลังจากนั้น เขาก็ปรึกษากับผู้ร่วมงานถึงวันฤกษ์ดีเพื่อขึ้นรับตําแหน่งอย่างเป็นทางการ ทุกอย่างดูวุ่นวายและซับซ้อน
กระทั่งหว่านเอ๋อร์ยังต้องประคองทารกในครรภ์เข้าไปช่วยเหลือจัดการ
แต่ว่า ทั้งหมดนี้ล้วนไม่ใช่เรื่องของฟางหยวนและหลี่หลวน
ด้วยสภาพของพวกเขาตอนนี้นั้น มีแต่จะทําให้ผู้คนหวาดกลัว
ในสวนด้านหลังบ้านตระกูลซ ในสระเล็ก ๆ ฟางหยวนนอนอยู่ในสาหร่ายกอหนึ่งและมองขึ้นฟ้าไปอย่างเกียจคร้าน
เวลากลางคืนค่อย ๆ คืบคลานเข้ามา สวนด้านหน้าจุดไฟสว่างขึ้น และมีเสียงขลุ่ยดังมา เป็นซูเหรินเชิญ เพื่อนร่วมงานมารับประทานอาหารเย็นที่บ้าน
“พลังชะตาของสหายเต๋ช่างน่าสนใจจริง ๆ !”
ฟางหยวนรวมพลังปิศาจของตน เปิดดวงตาแห่งเวทย์และพบการเปลี่ยนแปลงที่สวนด้านหน้า
ที่เขาเห็นนั้น มีแสงสว่างสายหนึ่งพุ่งตรงขึ้นฟ้า ราวกับเป็นคําเตือนให้ผู้อื่นอย่าเข้าไปใกล้เกินไป
“นี่พิเศษสําหรับซูเหริน ก่อนหน้านี้ ข้าไม่ได้สัมผัสจากตัวเขาได้นัก แต่ว่า หลังจากเขามาเป็นนายอําเภอที่นี่ พลังชะตาของเขาก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว… แต่นอนว่า ข้ายังสามารถสังหารเขาได้หากต้องการ แต่ทัณฑ์สวรรค์ที่จะตามมานั้นก็น่ากังวลแล้ว…”
“เมื่อสหายเต่มารวมตัวกัน พวกเขาก็จะมีพลังชะตาที่แข็งแกร่งขึ้น แต่ว่า นี่ก็เป็นเพราะมีผู้คนมารวมตัวกันรอบ ๆ ตัวเขาเป็นการชั่วคราว พวกเขาต่างไปจากพวกเรา หากพลังชะตาของพวกเราเพิ่มขึ้น มันก็จะฝังลึกเข้าไปในกระดูกของพวกเรา ตรวบใดที่พวกเรายังมีชีวิตพลังชะตาก็ยังคงอยู่!”
ในสระ ปลาหลีสีทองแกมแดงโผล่หัวขึ้นมาขณะเสียงของหลี่หลวนดังมา
“ถูกต้องแล้ว!”
ฟางหยวนรู้ความแตกต่างระหว่างมนุษย์และปิศาจและพยักหน้า
“หลี่หลวน เจ้าตัดสินใจจะพักอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่?”
เขามองปลาหลีสีทองแกมแดงและถามอย่างสงสัย
“อืม… มีรัศมีอันเป็นมงคลอยู่ในบ้านหลังนี้และยังเหมาะสมต่อข้าที่จะพักและฟื้นฟูตนเองที่นี่!”
หลี่หลวนดูจะตัดสินใจแล้ว แต่ว่า อันที่จริง นางต้องการฉวยโอกาสจากการปกป้องนี้และรับเอาพลังชะตาอันแข็งแกร่งของซูเหรินไว้
ฟางหยวนเองก็รู้ความตั้งใจของนาง แต่ไม่ได้พูดออกมา เขายิ้มแล้วเลื้อยออกไปจากบ้าน
กลางดึก ด้วยร่างสีดําและพลังแข็งแกร่งของเขา เขาเคลื่อนที่ไปราวกับสายลมและไม่ถูกผู้ใดพบเห็น
ใช้โอกาสนี้ เขาสํารวจเขตเมือง ความประทับใจแรกที่เขามีก็คือมีผู้คนอยู่มากมายเกินไปที่นี่ และความประทับใจที่สองก็คือมีวัดอยู่มากมายเกินไป! มากมายเกินไปแล้ว!
มีทั้งวังของเทพวารี วัดเทพนักรบ วัดของเทพทะเลสาบ และอื่น ๆ มากมายที่ทําให้เขางงงวย
เมื่อเข้าไปดูใกล้ ๆ เขาก็พบว่ามีปิศาจมากมายหลายชนิด แม้ว่าจะมีเทพผู้ทรงธรรมที่มอบการปกป้องคุ้มครอง แต่ส่วนใหญ่แล้วกลับเป็นปิศาจร้ายที่ยินดีกับการรับสังเวยเลือดเนื้อ
“มันมาถึงระดับที่ปิศาจใช้ความกลัวเข้าควบคุมผู้ศรัทธาของพวกมันแล้ว!”
ฟางหยวนถอนหายใจ “กระทั่งราชสํานักยังไม่สามารถจัดการกับปิศาจเหล่านี้ได้ พวกเขาทําได้เพียงปล่อยให้พวกมันอยู่และมอบของตอบแทนให้แลกกับความสงบสุข นี่ช่างน่าสงสาร…”
แน่นอนว่า กรรมนั้นเป็นของจริงและทุกสิ่งที่เหล่าปิศาจกระทําในวันนี้ พวกมันย่อมต้องจ่ายคืนในวันต่อๆไป
ปิศาจและเทพเหล่านี้ตอนนี้ล้วนยินดีกับเครื่องสังเวยจากมนุษย์ แต่ว่า ในเหตุการณ์ภัยพิบัติสังหาร พวกมันอาจจะไม่กล้าก้าวเท้าออกมายอมรับการกระทําของตน
แต่ว่า มันก็เป็นเหตุเป็นผลดีเมื่อคิดถึงสภาพความเป็นจริงในพื้นที่นี้
อย่างน้อยที่สุด ฟางหยวนก็สามารถเดาได้ว่า ในเมื่อผู้คนมากมายให้สหายเต่ใช้กรรมดีลดความรุนแรงของภัยพิบัติของพวกตนลง ภัยพิบัติของพวกเขาย่อมง่ายดายขึ้น นี่จะทําให้เทพดี ๆ แข็งแกร่งขึ้นและอาจจะสามารถรับมือกับเหล่าปิศาจได้ต่อไป
ไม่ว่าเทพที่ปรากฏตัวออกมาจะชั่วร้ายเพียงใด ตราบใดที่มีผู้ศรัทธาเพียงพอ ก็จะสามารถเปลี่ยนให้กลายเป็นที่ยอมรับต่อผู้คนทั่วไปได้มากขึ้น
นี่เป็นการใช้ผู้ศรัทธาเปลี่ยนตนเองให้ผู้คนยอมรับและเห็นชอบ
“จะขึ้นเป็นเทพได้ต้องได้รับการยอมรับจากระดับมณฑล ส่วนมากแล้ว ก็เป็นผู้ดูแลเขตส่งเรื่องขึ้นไปและทางมณฑลก็มักจะยืนยันตามนั้น… ซูเหริน มิใช่ว่าเจ้าเคยพูดว่าจะสร้างวัดเป็นที่สักการะให้ข้าหรือ? ตั้งชื่อว่า “วัดเทพมังกรดํา” เป็นอย่างไร?
ขณะที่คิด เขาก็กระโจนลงไปในแม่น้ําเล็ก ๆ สายหนึ่ง
“ซ่า!”
ทันทีที่เขาลงสู่น้ํา เขาก็รู้สึกสบายเป็นอย่างยิ่ง
แม้ว่าเขาจะเปลี่ยนร่างเป็นงไปแล้ว เขาก็ยังมีความเป็นปลาหลีอยู่มาก นี่ก็เหมือนปลาได้น้ํา
“ยอดเยี่ยม!”
ฟางหยวนร่ายเคล็ดวิชาช้า ๆ และสามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณธาตุน้ํามหาศาลพุ่งเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ เขารู้สึกยินดีมาก “ดูเหมือนว่าข้าจะพัฒนาไปมากหลังจากข้ามประตูมังกรได้! ด้วยความเร็วในการดูดซับพลังวิญญาณระดับนี้และด้วยไข่มุกมังกรในร่างของข้า ข้าไม่จําเป็นต้องกินทุกวันแล้ว!”
เพื่อฝึกเคล็ดเก้าชั้นมังกรกลาย เขาต้องการทรัพยากรมากมาย
ก่อนหน้านี้ ฟางหยวนไม่มีทางเลือกนอกจากสังหารและกินปลามากมายเพื่อดูดซับพลังธาตุของพวกมัน
ด้วยรัศมีมังกรที่เขาเพิ่งได้รับมา ตอนนี้เขาสามารถที่จะดูดซับพลังวิญญาณจากธรรมชาติได้ โดยมีไข่มุกมังกรคอยช่วย เขาก็ไม่จําเป็นต้องฆ่าและกินปลาในอัตราเดียวกับที่ลงมือทําเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว
“นี่หมายความว่าข้าสามารถสําเร็จระดับต้นของการดูดซับพลังจากเลือดและเนื้อ?”
ความคิดประหลาดผุดขึ้นในหัวฟางหยวน “จากนี้ไป ข้าก็สามารถปลอมแปลงตัวตน แม้ว่าตอนนี้ข้าจะต่างไปจากผู้อื่น ความสามารถแต่กําเนิดของพวกเราก็คือขโมย! ขโมยจากสวรรค์! ช่วงชิงจากเต๋า!”
ไม่ว่าวิธีในการดูดซับพลังของเขาจะพัฒนาขึ้นเท่าใด เขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงไปจากการขโมยพลังจากสิ่งอื่น ไม่ว่าจะเป็นจากสัตว์อื่นหรือจากอากาศได้
ในการเรียนเต่ ขโมยแบ่งได้ 5 ชนิด ผู้ที่เข้าใจเรื่องนี้ย่อมมีชีวิตราบรื่น!!
ใต้น้ํา เขาว่ายน้ําได้เร็วยิ่ง ราวกับลูกศรสีดํา เขาพุ่งผ่านแม่น้ําสายเล็กไปสู่แม่น้ําสายใหญ่ ไหลตามกระแสน้ํา ไปจนถึงทะเลสาบจนถึง
“ครืน!”
ทันทีที่เข้าสู่ทะเลสาบ ฟางหยวนก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอันเข้มข้นที่พุ่งตรงมาทางเขา ทําให้เขารู้สึกปลอดโปร่ง
“ดีมาก! ทะเลสาบธรรมดากลับมีพลังวิญญาณเข้มข้นถึงเพียงนี้! หาข้าสามารถค้นหาแหล่งพลังใต้น้ําได้ ข้าก็สามารถสร้างที่พํานักที่นั่น!”
การฝึกตนของฟางหยวนเปลี่ยนจากการกินสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ อื่นไปเป็นการดูดซับพลังธาตุจากธรรมชาติ
ดังนั้น เขาจึงไม่ต้องเลือกสถานที่ที่มีปลามาก ๆ เป็นที่ฝึกตนแล้ว ตอนนี้เขากลับต้องการสถานที่ที่มีพลังวิญญาณเข้มข้น
“แม้ว่าข้าจะเข้าใจอาณาจักรนี้แล้วและยังเข้าใจวัฏจักรของมัน หากไม่มีพลัง ข้าจะตามวัฏจักรนั่นได้อย่างไร?”
เขาว่ายน้ําไปรอบ ๆ ก่อนที่จะหยุดลง ผนึกรัศมีพลังเอาไว้ หลังจากค้นไปทั่วร่องเขาใต้น้ํา เขาก็หมดคําพูด “บริเวณที่มีพลังวิญญาณสูงล้วนมีถูกจิตวิญญาณแข็งแกร่งครอบครองแล้ว พวกเขาจะเหลือที่ดี ๆ ที่ไม่ถูกแตะต้องไว้ได้อย่างไรกัน?”
มันเป็นไปได้ที่จะแย่งชิง แต่เขาก็ต้องคิดถึงผลที่อาจจะตามมาอย่างระมัดระวัง
อย่างไร เขาก็เป็นเพียงผู้มาใหม่และหากเขาไปยั่วโทสะเจ้าถิ่นเข้าก็อาจจะถูกล้อมและถูกรุมโจมตีได้
“น่าเสียดาย ข้านั้นอยู่ในระดับการกลายร่างงูดําแล้ว หากข้ายังอยู่ในร่างปลาหลีดํา ข้าคงจะมีคุณสมบัติสูงกว่าและทุกคนในทะเลสาบนี้ ก็อาจจะสวามิภักดิ์กับข้าในสักวันหนึ่ง!”
เมื่อคิดเรื่องนี้ ฟางหยวนก็ถอยกลับ มุ่งหน้าไปที่เขตเมืองเฮยเจ่อ
“คารวะท่านผู้มีพระคุณ!”
ซูเหรินเพิ่งเสร็จจากมื้ออาหารเย็นและมีกลิ่นสุราติดตัว
แต่ว่า เมื่อเห็นฟางหยวนในชุดสีดํา เขาก็รีบหยุดดื่มและคารวะลงด้วยกรยานอบน้อม
“ทะเลสาบจนถึงดูดีทีเดียว และข้าก็รู้สึกอยากจะพักอยู่ที่นี่นานอีกสักหน่อย!”
ทันทีที่ฟางหยวนเปิดปาก ซูเหรินก็รู้สึกโล่งอก เขากําลังกลัวว่างูตัวนี้จะอยู่รบกวนครอบครัวเขาไปทั้งชีวิต
“ว่าแต่… เจ้ายังติดค้างวัดของข้า เจ้าคิดจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี?”
ฟางหยวนถาม
“นี่… ข้ายังต้องการเวลาอยู่บ้าง ต้องเป็นหลังจากยื่นเรื่องผ่านทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง และยังค่อนข้างยากที่จะหาที่ดินดี ๆ ในทุกวันนี้!”
มีสีหน้ายุ่งยากบนใบหน้าซูเหริน แต่เขาก็กําลังพูดความจริง
เขาต้องยื่นเรื่องนี้ผ่านผู้ดูแลเขต ยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการแก่มณฑล และกระบวนการก็ต้องการเวลาหลายวัน
แน่นอนว่า ที่สําคัญที่สุด การหาซื้อที่ดินนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
มีวัดของทั้งเทพและมารอยู่เต็มเมือง จะยังเหลือที่ดี ๆ อีกสักหน่อยอยู่หรือ?
“ฮ่าฮ่า.. นี่ง่ายมาก ให้ข้าถามเจ้า มีเทพหรือปิศาจโหดเหี้ยมที่ชอบกินมนุษย์อยู่แถวนี้หรือไม่? ถ้ามีออกไป จับมันเพิ่มเป็นเกียรติประวัติของเจ้าหน่อยเป็นอย่างไร?”
ฟางหยวนหัวเราะ
“ถ้าอย่างนั้น ก็ขอบพระคุณท่านแล้ว ท่านผู้มีพระคุณ!”
เมื่อซูเหรินได้ยินฟางหยวน เขาก็มีสีหน้ายินดี
ครึ่งเดือนให้หลัง ที่แม่น้ําเฮยเจือ
“เทพวารีต้องการบรรณาการเป็นเด็กหนุ่มและเด็กสาว รีบส่งพวกเขามา!”
ที่ริมแม่น้ํา หมอผีผู้หนึ่งพึมพํา ใบหน้าของนางทาสีเอาไว้ขณะนางตะโกนบอกชาวบ้าน ข่มขู่พวกเขา
“ปีนี้พวกเราส่งบัดพลีสองครั้งแล้วมิใช่หรือ…”
“เฮ้ย มันตะกรามนัก และพวกเราก็ไม่มีทางเลือก…”
“น่าสงสารนัก หยางหวา อี้หวา…”
ขณะที่ชาวบ้านถอนหายใจ พวกเขาอยากจะขัดขืนแต่ว่าไม่มีความกล้าพอ
กระทั่งหัวหน้าหมู่บ้านก็ทําได้เพียงถอนหายใจ
“หมดเวลาแล้ว!”
หมอผีมองพวกเขา ใบหน้าของนางเปล่งประกายด้วยความคิดที่ว่านางสามารถหลอกชาวบ้านเพื่อให้ได้เงินมากขึ้นมาตลอดปี นางก็รีบใส่ความพยายามลงไปอีกเพื่อโน้มน้าวพวกเขา “เหล่าผู้ศรัทธา ส่งบรรณาการของพวกเจ้าแก่แม่น้ําได้แล้ว!”
“รอเดี๋ยว!”
ในตอนนี้เอง มีเสียงหนึ่งดังมา
นายตรวจหลายคนแหวกเป็นทางสายหนึ่ง ซูเหรินในชุดข้าราชสํานักรูปลักษณ์สง่างาม เขาพูดต่อด้วยท่าทีเที่ยงธรรม “อย่าขยับ!”
“เป็นนายอําเภอ! คารวะท่านนายอําเภอ!”
หัวหน้าหมู่บ้านรีบคารวะลง
แม้ว่านายอําเภอจะเป็นเพียงผู้ช่วยของผู้ดูแล เขาก็ยังเป็นถึงเจ้าหน้าที่ระดับ 8 ของราชสํานัก หัวหน้าหมู่บ้านนั้นถือว่าไร้สิทธิ์ที่จะไม่เคารพเขา
เมื่อเขาคารวะซูเหริน ผู้อื่นก็ทําตาม