Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 260
Chapter 260: เคหาสน์ลับ
ใต้ทะเลสาบฉี มีวังวารี มันเป็นสถานที่ที่เทพวารีเคยอยู่และเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ มันมีประกายสีทองจากด้านใน และยังมีค่ายกลป้องกันขนาดใจนอก
ในห้องโถงหลัก ไข่มุกและหยกเกลื่อนพื้น สะท้อนภาพของเหล่ากุ้งหอยปูปลาที่กําลังร่ายรํา
บนโต๊ะ มีผลไม้วิเศษและสุราวิญญาณ มืออาหารเย็นกําลังดําเนินอยู่
แต่คราวนี้ เจ้าของที่นี่นั้นไม่ใช่เทพวารีแห่งทะเลสาบฉอีกต่อไปแล้ว
“พี่ไป! เชิญ!”
ปิศาจสามตนเป็นดาวเด่นในคืนนี้ หนึ่งในนั้นที่สวมชุดลายดอกไม้ยกสุราให้แก่ชายหนุ่มชุดขาวผู้หนึ่ง “ขอให้ท่านฝึกฝนได้รวดเร็วกลายเป็นเทพวารีคนต่อไป!”
พี่ไปก็คือ ไปกวน งูยักษ์ อีกสองที่เหลือคือกระบือน้ำและเต่าอัลลิเกเตอร์ ทั้งคู่ล้วนเหมาะสมและยังมีคุณสมบัติมังกรเช่นกัน
พวกเขาตัดสินใจตั้งแต่โจมตีเทพวารี ไปิกวนนั้นลงมือมากที่สุดและย่อมได้รับจักรพรรดิบัญชาและวังวารีซากและคุณสมบัติมังกรที่เหลือของเทพวารีนั้นจะถูกแบ่งให้ทั้งสองคนเท่า ๆ กัน
“ขอบคุณสําหรับคําอวยพร!”
ไปกวนยิ้ม ที่ด้านข้างเขา จักรพรรดิบัญชา ที่อยู่ในรูปของยันต์แผ่นหนึ่ง ลอยอยู่อย่างลึกลับ “เทพวารีคนก่อนนั้นเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับข้า หากไม่เพราะภัยพิบัติฟ้าของขากําลังจะมาถึงและข้าจําต้องมีจักรพรรดิบัญชา ข้า ก็คงไม่ลงมือกับเขา…”
“พวกเรายังต้องแก้ปัญหาที่เขาก่อเอาไว้ตอนที่ยังมีชีวิตด้วย!”
เต่าอัลลิเกเตอร์เผยร่างพลังพยินออกมา เป็นชายร่างล่ําสัน ชายผู้นั้นเริ่มตักอาหารจานเนื้อกินก่อนที่จะดื่มสุราอีกใหญ่ หลังจากเรอออกมาอย่างพึงพอใจ เขาก็พูดต่อ “เทพวารีคนก่อนไม่เชื่อใจใคร ดังนั้นจึงติดตั้งกับดักเอาไว้ในวังนี่หลายจุด!”
“ข้ารู้…”
ไปกวนพูดต่อ “ด้วยจักรพรรดิบัญชาจากเทพวารี ข้าพบว่าหลายรุ่นก่อนหน้าเขานั้นมีเคหาสน์ลับอยู่หลายที่ข้าเดาว่าพวกเขากําลังเตรียมที่จะกลับมา!”
“กลับมา?”
กระบือน้ำร้องออกมา “พวกเราจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้”
หากพวกเขาไม่รวมพลังกัน ก็ไม่มีใครที่จะแข็งแกร่งพอที่จะจัดการกับเทพวารีได้ด้วยตัวเอง
“เจ้าไม่เห็นด้วยก็เท่านั้น มันเป็นกฎของโลกใบนี้ หากเจ้ามีกรรมดีมากพอ เจ้าก็สามารถมีโอกาสที่จะกลับมา!”
ไปกวนลูบหนวดเหนือริมฝีปากตัวเอง “แน่นอนว่า ข้าเองก็ยังขึ้นกับอยู่ชะตากรรมว่าข้าจะสามารถฝึกตนและกลายร่างไปเป็นมังกรได้หรือไม่ นอกจากนี้ ข้ายังครองตําแหน่งเทพวารีแล้วเรียบร้อยและไม่มีอะไรที่ข้าจะทําได้อีกแล้ว”
ด้วยตําแหน่งของเทพวารี เขาสามารถใช้พลังวิญญาณรอบทะเลสาบรัศมีกว่าห้าร้อยล์ได้
นี่เป็นตัวช่วยจากฟ้าและดินสําหรับคนผู้หนึ่ง หากเทพวารีสามารถคืนชีวิตได้ เขาย่อมมีพลังเทียบเท่ากับตอนที่ไม่มีจักรพรรดิบัญชาและยังได้รับพลังกลับมาหลังจากกลับมาเกิด
“ถึงอย่างนั้น พวกเราก็ต้องกําจัดปัญหาทิ้งไป!”
ปิศาจสองสามตนแลกเปลี่ยนสายตามาดร้าย
“เทพวารี ผู้พิทักษ์วารี ฮาฮาเอ่อร์ขอเข้าพบ!”
หลังมื้อเย็น ผู้พิทักษ์วารีตนหนึ่งก็เข้ามาคุกเข่าลงอย่างเคารพ มันก็คือผู้ที่ไล่ตามจระเข้ตัวนั้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
พูดกันตามจริงแล้ว ไปกวนนั้นยังมีระดับการฝึกตนไม่ถึงที่จะเป็นเทพวารีได้ แต่ท่าทางของเขานั้นก็แสดงพลังออกมาแล้ว
ฮาฮาเอ่อร์นั้นเริ่มบอกเล่าทุกอย่าง ตั้งแต่ไล่ตามจระเข้ไป จนได้เผชิญหน้ากับฟางหยวน
“ปลาหลีสีดํา? เจ้าปล่อยมันฉวยแผนที่สมบัติและหนีไปได้?”
ไปกวนขมวดคิ้ว “เจ้านี่มันไร้ประโยชน์!”
“เทพวารี ไว้ชีวิตข้า! ไว้ชีวิตข้าด้วย!”
ฮาฮาเอ่อร์เริ่มโขกศีรษะลง
“จากความวุ่นวายที่เกิด จระเข้นั่นได้แผนที่ของเคหาสน์ลับไป แม้ว่ามันจะไม่ใช่แผนที่ที่สําคัญที่สุด แต่พวกเราก็ยังต้องคอยระวังเอาไว้ใ”
หลังจากสั่งสอนแล้ว ไปกวนก็มีท่าทางเคร่งขรึมลง “หลังจากได้รับจักรพรรดิบัญชาและเข้าฝึกตน ข้าก็เหลืออีกเพียงกิ่งเดียวก็จะเป็นเทพวารีแล้ว แม้ว่าข้าจะยังไม่สามารถระบุตําแหน่งแน่นอนของเคหาสน์ลับได้ข้าก็ยังสามารถหาตําแหน่งโดยคร่าวของมันได้!เคหาสน์ลับที่กระจายกันอยู่นั้นล้วนเป็นเรื่องเล็กที่สําคัญที่สุดพวกเรา ต้องกําจัดผู้ที่อยู่ในวังมังกร!”
งูยักษ์เผือกนั้นเด็ดเดี่ยวและตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกัน ฟางหยวนไปตามแผนที่และไปถึงพื้นที่ใหม่
ทะเลสาบฉีนั้นกว้างขวางยิ่งนักและพื้นที่นี้ก็ค่อนข้างมิดชิด ที่สําคัญที่สุด มีพลังวิญญาณรอบ ๆ นี้เพียงไม่มากและฝูงปลาก็ไม่ค่อยมาถึงที่นี่
นอกจากนี้ สายน้ำก็ยังรุนแรง เป็นสถานที่อันตรายแห่งหนึ่ง
“นี่น่าจะเป็นตําแหน่งบนแผนที่แล้ว!”
หลังจากว่ายน้ำผ่านกอปะการังและผ่านคลื่นใต้น้ำหลายลูก เขาก็มาถึงร่องที่พื้นทะเลสาบแห่งหนึ่ง
“เคหาสน์ลับของเทพวารี? ข้างในนั้นจะมีอะไรกันนะ?”
ท้องร่องนี้ลึกแต่ฟางหยวนก็ไม่หวาดกลัวและดําดิ่งลงไปตรง ๆ
ที่ด้านใต้นั้นมืดสนิท และฟางหยวนก็เริ่มหวาดระแวงในความไม่รู้
“โผละ! โผละ!”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ฟองอากาศก็พุ่งมาจากด้านข้างและตะเกียงที่เหมือนดวงตาปรากฏขึ้น
“หม?”
เมื่อฟางหยวนหลบ เขาก็ปล่อยเจตจํานงเวทย์ออกไปและพบว่าผู้ที่โจมตีเขาคือปลาไหลตัวหนึ่ง
“เกราะธาตุน้ำ!”
เจตจํานงเวทย์ของเขาสั่น เกราะใสจากกระแสน้ำปกคลุมรอบตัวเขา
“ตึง! อึ้ง!”
ทันทีที่เกราะก่อตัวขึ้น ก็มีแรงกระแทกจากด้านนอกอย่างต่อเนื่อง
สายตามุ่งร้ายมากมายปรากฏขึ้น รอบ ๆ ฟางหยวนนั้นราวกับฝูงหมาป่า
“นี่คือ… รังปลาไหล?”
ฟางหยวนปล่อยศรน้ำออกไปทุกทิศทางพร้อมยิ้มขึ้น
“ฉวะ!”
ศรน้ำแทงทะลุปลาไหลหลายตัว ทําให้อีกหลายตัวจมดิ่งลงไป ตัวอื่น ๆ เริ่มหนีด้วยความหวาดกลัว
“เฮอะ… ข้าก็แค่เชือดไก่ให้ลิงดูเท่านั้น!”
เพียงแค่พลิกหาง เขาก็ปล่อยเจตจํานงเวทย์ออกไปอีกครั้งและไปตามทิศทางบนแผนที่ น้ำแห่งหนึ่ง
“ที่นี่นั่นเอง…”
เขากัดฟัน แล้วดําน้ำเข้าไป
“ซ่า!”
ในวินาทีถัดมา ก็มีประกายแสงวาบขึ้นและรอบ ๆ ด้านก็เริ่มเปลี่ยนไป
ทันทีที่เขาเข้าไปในโพรง เขาก็มองเห็นว่าอะไรอยู่ข้างใน
สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าฟางหยวนนั้นเป็นค่ายกลขนาดใหญ่สร้างจากหมอก มันใช้พลังวิญญาณจากน้ำรอบ ๆ อย่างต่อเนื่องและยังคงใช้การได้
“ค่ายกล?”
มีแววสนใจในสายตาของเขา
ค่ายกลนี่เป็นแค่ค่ายกลพื้นฐานแต่ก็นับได้ว่าแข็งแกร่งสําหรับรับมือสัตว์น้ำ แต่ว่า สําหรับฟางหยวนที่มีความรู้เกี่ยวกับค่ายกล นี่ไม่นับเป็นอะไรเลย
“ทําลายค่ายกล!”
เขาสะบัดหางและเริ่มลงมือ
ที่ใต้วังวารี
ไปกวน กระบือน้ำ และเต่าอัลลิเกเตอร์ยืนอยู่หน้าค่ายกลและสูดลมหายใจเย็นเยียบ
“ยอดเยี่ยม! ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ !”
กระบือน้ำจ้องค่ายกล “ใครจะไปคิดว่าเจ้างูเขียวนั่นกลับเก่งกาจนักเรื่องวงเวทย์”
“ที่นี่นับได้ว่าเป็นใจกลางของวัง ถ้าไม่มีวงเวทย์นี่ ข้าก็ทําได้เพียงใช้งานพื้นที่ด้านนอก ข้าเกรงว่าความสามารถของข้านั้นจะยังจํากัดอยู่ กระทั่งจักรพรรดิบัญชาก…”
ไปกวนถอนหายใจและมองเสาสูง 12 ต้นตรงหน้าและหมอกที่รอบ ๆ “นี่เป็นเขตแดนอันทรงพลังข้าเกรงว่าพวกเราคงจะต้องฝึกฝนกันไปอย่างช้า ๆ เพื่อที่จะทําลายมันลงได้ในภายหลังปิศาจ
เวทย์เลย และทําได้เพียงแค่คิดจะทําลายลงด้วยการใช้กําลังเข้าหักหาญ
ภายในไม่กี่วินาที หมอกสีดําสามสายก็ปรากฏขึ้นและพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
“เขตแดนนี่ดูภายนอกแล้วธรรมดา แต่ว่าภายในซับซ้อนมาก!”
บนหัวของปลาสีดําพลังหยินของฟางหยวนปรากฏตัวขึ้น เขาสํารวจเขตแดนสีสันสดใสตรงหน้า
หลังจากผ่านค่ายกลหมอกที่ด้านนอกมาได้ เขาก็มาถึงที่นี่ เขามองเห็นเงาประหลาดของหยกสักอย่างอยู่ภายใต้เขตแดน
“เทพวารีสมกับเป็นเทพจริง ๆ เคหาสน์ลับธรรมดา ๆ แห่งหนึ่งกลับหรูหราถึงเพียงนี้ แล้วที่อื่นจะเป็นอย่างไรนะ?”
พลังหยินของฟางหยวนเปล่งประกายระยิบขึ้นมาเมื่อเขาเข้าไปในเขตแดน
“ซู่!”
เขตแดนสีสันสดใสเริ่มเปลี่ยนสี จากเขียว ไปแดง จากนั้นก็สีดํา
“โชคดี นี่เป็นเพียงค่ายกลห้าธาตุรูปแบบหนึ่งเท่านั้น!”
หลังจากตรวจดูแล้วก็มีแววยินดีปรากฏบนใบหน้าเขา
ฟางหยวนนั้นมีความรู้เกี่ยวกับค่ายกลในระดับพื้นฐานในการพยายามสร้างค่ายกลดาบแปดประตูเขาก็ให้ความสําคัญกับการเรียนรู้เกี่ยวกับค่ายกลมากขึ้นแม้ว่าเขาจะยังไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเขาก็ยังสามารถทําลายค่ายกลพื้นฐานเช่นนี้ได้
“ค่ายกลเคลื่อนย้าย?”
หลังจากใคร่ครวญดูแล้ว ฟางหยวนก็ถอนหายใจ “นี่ไม่ใช่ค่ายกลที่เชื่อมต่อกับอีกค่ายกลในสถานที่อื่นหรอกหรือ? หลังจากทําลายมันแล้ว มันจะมีผลต่ออีกที่หรือไม่? โชคดี หลังจากเคลื่อนย้ายแล้วข้ายังสามารถเปลี่ยนกลับได้!”
มองภาพของสถานที่ที่ปรากฏขึ้นและหายไป สีหน้าเขาก็เปลี่ยน
“ครึก! ครี่ก!”
ในตอนนี้เอง ที่ค่ายกลมีเสียงดังก้องออกมา และสีหน้าของฟางหยวนก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง “นี่ไม่ดีแล้ว! ค่ายกลที่อีกฝั่งหนึ่งก็ถูกเปิดใช้แล้วเช่นกัน?”
โดยไม่ลังเล ร่างปลาของเขากระโจนไปข้างหน้า
“ครืน!”
ในวินาทีถัดมาก็เกิดบางอย่างขึ้น
หลังจากกลับมารู้สึกตัว ฟางหยวนก็พบตัวเองอยู่ในวังขนาดมหึมาที่แกะจากหยกสีขาวมีค่ายกลบุปผาอยู่ใต้ร่างเขา
ไม่เท่านั้น ที่ด้านนอก ยังมีความวุ่นวายและหมอกสีดําสามสายก็พุ่งสูงขึ้นด้านบน
“นั่นไม่ใช่… ราชาปิศาจหรือ?”
ฟางหยวนจ้อง
ที่เวลาเดียวกัน ที่ด้านนอก ไปกวนและปิศาจอีกสองตนก็จ้องปลาหลีสีดําที่ปรากฏตัวขึ้นในวัง
พวกเขาลําบากลําบนบุกทําลายวงเวทย์มาตลอดทางและเหลือเพียงขั้นตอนสุดท้าย ใครจะไปคิดว่าปลาหสีดําตัวหนึ่งจะปรากฏตัวขึ้น?
“บัดซบ!”
ฟางหยวนตัวสั่นด้วยความกลัว “ดูเหมือนว่าเคหาสน์ลับทั้งหมดของเทพวารีจะมีค่ายกลแบบเดียวกันที่เชื่อมโยงทุกสถานที่เข้าด้วยกัน และกระทั่งเชื่อมโยงเข้ากับเคหาสน์ลับที่ปิศาจพวกนี้ตามหา?”
เขากัดฟัน มองค่ายกลก่อนที่จะพุ่งตัวไปทางห้องโถงหลัก
“ข้าคือเทพวารี เจ้าตั้งใจจะทําอะไร ปลาหลีดํา?”
เมื่อเห็น ไปกวนก็โทสะลุกโพลง ปิศาจอีกสองตนก็รีบพุ่งเข้าไปในวงเวทย์ด้วย “ยอมจํานนแก่ข้าแล้วข้าจะให้เจ้าได้เป็นแม่ทัพนํากองทัพวารีทั้งหมด เจ้าเพียงอยู่ต่ํากว่าข้า แต่อยู่เหนือผู้อื่นทั้งมวล!!คนเช่นข้าไม่เคยโกหก!”
“ไปซะ!”
ฟางหยวนกลอกตาขณะว่ายตรงไปที่ห้องโถงหลัก
“ครืน!”
ทันทีที่เขาเข้าไป ก็มีพลังงานอันน่าตระหนกพุ่งขึ้น
ที่บันไดทองคํา มีซากมังกรสีเขียวซากหนึ่ง
“นี่.. นี่คือมังกรที่แท้จริง!”
เกล็ดของมันเป็นสีเขียวที่แฝงประกายสีทองเอาไว้มันมีเขาสองกิ่งและกรงเล็บทั้งสี่ และยังดูสง่างามในตอนนี้ฟางหยวนก็นึกได้แล้วเขาหาไข่มุกสีทองเป็นประกายเม็ดหนึ่งบนหัวมังกรพบอย่างรวดเร็วและรู้ว่าพลังที่เขาสัมผัสได้นั้นมาจากไข่มุกนี้
“ไข่มุกมังกร!”
เขาว่ายน้ำตรงเข้าไปแล้วคาบมันไว้ในปาก
“ฝบ!”
กระบวนการชิงไข่มุกนั้นราบรื่นอย่างน่าประหลาด จากนั้นซากมังกรก็สลายเป็นเถ้าไป