Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - ตอนที่ 302
บทที่ 302 – เวลาแก้แค้น
เวลส์มองเจ้าไร่ในขณะที่เจ้าไห่กำลังนอนหลับอยู่ เขาถอนหายใจและหันไปเม็นเดซและพูดว่า “พี่ชายโปรดพาเจ้าไห่กลับไปที่เต็นท์ของเขาให้หน่อย และให้ลอร่าดูแลเขาด้วย อย่ารบกวนเขามากในวันนี้”
เม็นเดซก็ถามเวลส์กลับมาว่า “แล้วเรื่องอาหารเช้ล่ะ?”
เวลส์ถอนหายใจและพูดว่า “บอกทุกคนก่อนว่าวันนี้ขอให้ทุกคนอดทนก่อนในวันนี้ ตอนนี้ฉันคิดว่าเจ้าไห่จะต้องได้รับการพักผ่อนบ้าง เพราะวันนี้เขาได้ทำหลายอย่างเพื่อพวกเรามากเกินไปแล้ว”
เป็นเดซก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เขาอุ่มเจ้าไห่ขึ้นและพาเจ้าไห่ไปที่เต็นท์และไม่นานนักเขาก็ไปถึงเต็นท์ของเจ้าไห่ และลอร่าก็ออกมารับตัวเขาไป
ลอร่ามองเจ้าไห่และคิดว่าเขาได้รับบาดเจ็บ เธอวางเจ้าไห่ลงบนพื้นอย่างเร่งรีบแล้วกระซิบเบาๆว่า “เจ้าฉินอี้“ เจ๋าฉินอี้ก็ออกมาอย่างรวดเร็ว ลอร่าก็บอกเธอว่า”เธอจงดูให้หน่อยว่าพี่ไร่เป็นอะไรหรือไม่?”
เมื่อเจ้าฉินอี้ออกมาลอร่าถามทันทีว่า “เจ้าฉินอี้ พี่ไม่เป็นอะไรงั้นหรอ? เกิดอะไรขึ้นกับพี่ได้?”
เจ้าฉินอี้ก็มองไปที่เจ้าไห่และพูดว่า “นายน้อยไม่ได้เป็นอะไร เขาแค่เหนื่อยและหลับไปเท่านั้น และเขาเพียงแค่ต้องการน้ำแห่งชีวิตเดี่ยวนายน้อยก็กลับมามีแรงอีกครั้ง หลังจากที่เจ๋าฉินอี้พูดจบ ก็มีเถาเล็กๆ ปรากฏออกมาตรงหน้าเจ้าไห่และก็มีน้ำเขาไปในปากเจ่าไห่ น้ำนั่นได้ไหลเขาไปในปากของเจ้าไห่
หลังจากดื่มแล้วเจ้าไร่ก็ลืมตาขึ้น เขาได้เห็นลอร่าและไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เมื่อเห็นเช่นนั้น เขาก็เอามือไปจับที่หัวและพูดว่า “นี่ฉันหลับไปงั้นหรอ?”
เมื่อลอร่าเห็นเช่นนั้น เธอก็รู้สึกว่าทำไมพี่ไม่ถึงต้องทำขนาดนี้ และเธอก็พูดว่า “พี่ไห่ทำไมพี่ถึงต้องทำงานหนักขนาดนี้? พี่จะต้องดูแลตัวเองให้มากกว่านี้นะ ไม่งั้นฉันคิดว่าไม่ช้าก็เร็วที่อาจจะป่วยได้”
เจ้าไห่ยิ้มเมื่อเขาเห็นว่าลอร่าเป็นห่วงเขาและพูดว่า “ฉันยังไม่ได้เป็นอะไรไม่ต้องเป็นห่วงฉันจะทำงานหนักอีกแค่สองวันเท่านั้น อีกแปปฉันจะต้องนำอาหารไปให้กับคนที่ถูกจับไว้แล้ว พวกเขายังต้องการอาหารจากพวกเราอยู่”
ในขณะที่เขาพูดอยู่นั้นสีหน้าของเจ้าไฟก็ดูไม่ค่อยจะดีนัก เขาได้เห็นคนที่ถูกจับไปที่อยู่ในค่ายของเผ่าราชาแต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นว่าทาสได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าคนที่เกี่ยวข้องต้องการให้เผ่าเฮคัสหมดไปจากทุ่งหญ้า
นี่เป็นครั้งแรกที่ลอราได้ยินเหตุการณ์นี้จากเจ้าไห่ ทั้งๆที่เง่าไฟไม่เคยบอกอะไรกับเธอเลย ตอนนี้เธอได้ยินข้อมูลนี้แล้ว เธอก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่ตกใจกับสิ่งที่เจ้าไม่ได้พูดออกมา
ลอร่าเป็นคนที่รู้ดีว่าคำว่าทาสนั้นเป็นอย่างไร แต่เธอก็พึ่งรู้ว่าเผ่ามูลได้ทำกับพวกเขาแบบนี้
แม้ว่าคนทั่วไปจะไม่ได้ดูแลหรือทำดีกับทาสของพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่ได้ปล่อยให้ทาสของพวกเขาตายไปเฉยๆ หลังจากที่พูดมาทั้งหมดนี้ ลอร่าก็คิดว่าทาสพวกนั้นน่าจะเป็นเหมือนกับทรัพยสินของพวกเขาสิ
เจ้าไหก็ถอนหายใจและพูดว่า “อย่างไรก็ตามตอนนี้ฉันต้องสนับสนุนพี่เวลส์เพื่อแก้แค้นเผ่าบูลเสียก่อน เพราะเผ่าบูลก็ไม่ใช่เผ่าที่จะจัดการได้ง่ายๆเหมือนกัน อย่าพึ่งพูดเรื่องนี้เลย ตอนนี้ฉันจะต้องไปทำหน้าที่ของฉันก่อน เมื่อเสร็จแล้วฉันจะมาพักผ่อน”
ลอร่าพยักหน้าและเธอกเข้าใจทุกอย่างกับสิ่งที่เล่าไม่ได้ทำ เพราะว่าการต่อสู้ที่นี่นั้น จำเป็นที่จะต้องได้รับชัยชนะเท่านั้น ไม่ได้งั้นฝ่ายที่แพ้ก็จะไม่ได้อยู่ภายในทุ่งหญ้าแห่งนี้อีกต่อไป
เวลส์ไม่คิดว่าเจ้าไห่จะเอาอาหารไปให้แก่คนที่ถูกจับอยู่ และหลังจากอาหารเช้านั้น ทุกคนก็ได้กลับไปที่เต็นท์ของพวกเขา เวลส์ก็บอกเล่าไห่ว่า “ทำไมนายถึงไม่พักอีกสักหน่อยหล่ะ? นายไม่จำเป็นต้องทำอะไรหนักๆ แบบนี้เพื่อพวกเราตลอดก็ได้
เจ้าไห่หัวเราะและพูดว่า “ไม่เป็นไร ฉันจะพักตอนไหนก็ได้ และคนพวกนั้นและทหารของเราจะต้องได้กินอาหารเพื่อให้มีกำลังอยู่ตลอดเวลา หยุดพูดเรื่องนี้เถอะ และตอนนี้ฉันก็กำลังจะไปนอนโปรดอย่าพึ่งมาหาฉันในวันนี้”
เวลส์พยักหน้ากับสิ่งที่เจ้าไห่พูด เจ๋าไร่ก็ได้กลับไปที่เต็นท์ของเขา เวลส์ก็มองไปที่เจ้าไห่และก็พูดกับตัวเองเบาๆว่า “ฉันดีใจจริงๆที่ได้น้องชายที่เก่งและขยันมากแบบเจ่าไห่ มันทำให้เห็นว่าโอกาสที่เราจะชนะนั้นมีมากเลยที่เดียว”
เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น เจ้าไห่ก็ออกจากมิติของเขา แล้วเขาก็ยืนนิ่งอยู่แปปนึ่งและเขาก็รู้ว่าเมื่อตอนที่เขาหลับไปนั้น ในค่ายที่อยู่นั้น ทุกคนไม่ได้ส่งเสียงดังอะไรออกมาเลย
ในตอนเย็นเจ๋าไร่ได้ให้อาหารเย็นแก่พวกชนเผ่าแล้ว และได้เอาอาหารและอาวุธไปให้คนที่ถูกจับไว้ นี่ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาได้เตรียมไว้สำหรับการโจมตีที่กำลังจะมาถึงนี้
เจ้าไห่และโคนีบอกข่าวการโจมตีพรุ่งนี้ และบอกให้พวกเขาออกจากที่นี่ก่อนที่จะถึงเวลานั้น
เมื่ออาหารถูกแจกจ่ายแล้ว เจ้าไห่กลับไปที่ค่ายและให้อาหารเช้าแก่คนอื่นๆ หลังจากนั้นเขาก็ไปพัก
สิ่งที่โคนไม่รู้คือเมื่อเจ้าไม่ได้ให้อาหารแก่เชลย เขายังใส่น้ำแห่งชีวิตเข้ากับซุปที่เอาไปให้พวกเขาด้วย เจ้าไม่คิดว่าวิธีที่จะช่วยให้พวกเขาแข็งแรงมากขึ้นได้
เพราะพวกเขาจะต้องเข้าโจมตีคืนนี้แล้ว เจ้าไห่คิดว่าเมื่อให้อาหารพวกนั้น แล้วมันจะทำให้พวกเขาอยู่ได้ถึงในช่วงเย็น
ในช่วงกลางวันค่ายก็เงียบมากๆ พวกเขาต้องการให้เจ้าไห่พักผ่อนอย่าง และพวกเขาก็กลัวที่จะทำให้เกิดเสียงดังด้วย เพราะกลัวว่าเผ่ามูลจะรู้ตัวก่อน
ในทุ่งหญ้าแห่งนี้ไม่มีเผ่าใดหรอกที่จะทำสงครามกันในช่วงนี้ นอกจากเผ่าเฮคัสแล้วเผ่ามูล
เมื่อท้องฟ้ามืดลงอย่างช้าๆ คนของเผ่าเฮคัสก็ค่อยมารวมตัวกัน พวกเขายืนเงียบๆ ข้างนอกพร้อมกับม้าของพวกเขา ทุกคนอยู่กับแบบเงียบๆ และรอฟังคำสั่งของเวลส์ที่ยืนอยู่ตรงกลาง
เวลส์มองไปที่ดวงจันทร์เหนือท้องฟ้า หลังจากนั้น เขาก็หันไปมองคนของเผ่าและพูดออกมาว่า “คนของฉันตอนนี้มันถึงเวลาเอาคืนแล้ว” หลังจากที่พูดจบ เวลส์ก็ลงจากหลังม้า
และทุกคนก็ลงจากหลังม้า พวกเขายังคงเงียบ พวกเขาไม่ได้เคลื่อนไหวเร็วเกินไป เพราะกลัวว่าจะทำเสียงดังและเผ่ามูลจะรู้ตัวก่อน แต่ในสายตาของพวกเขาดูจริงจังมาก และพวกเขาก็จับอาวุธของพวกเขาด้วยความจริงจังเพื่อต่อสู้ สีหน้าของพวกเขา แสดงให้เห็นว่าพวกเขาพร้อมแล้วที่จะต่อสู้กับเผ่ามูล
เจ้าไห่และลอร่าก็ได้นั่งอยู่ภายในตัวซอบบี้ ตัวใหญ่ของเขา ฟาโรม่าก็นั่งอยู่ภายในนั้นด้วยและในนั้นก็มีโต๊ะน้ำชา แต่ฟาโรม่าก็ไม่ได้คิดที่จะดื่มชาเลย เขาให้ความสนใจกับสถานการณ์ของการต่อสู้มากๆ
เผ่าเฮคัสคุ้นเคยกับภูมิประเทศโดยรอบของค่ายเป็นอย่างดี พวกเขารู้ทุกซอกทุกมุมที่นี่เพราะหลายพันปีพวกเขาอาศัยอยู่ที่นี่พวกเขาเกิดที่นี่และจะตายที่นี่ แต่พวกเขาไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งพวกเขาจะถูกขับไล่ออกไปจากสถานที่นี้และพวกเขาต้องต่อสู้เพื่อเอามันกลับ
กองทัพของเผ่าเฮคัสเดินไปอย่างช้าๆ เพราะหิมะตกบนพื้นดิน ทำให้พวกเขาเคลื่อนที่ได้อน่างช้า เวลส์อยู่ที่ด้านหน้าของกองทัก
กองกำลังของเจ้าไห่ก็อยู่ในกองทัพและได้รับคำสั่งจากเขาเพียงลำพัง ขณะที่เวลส์ไม่สามารถสั่งให้ซอบบี้ได้
ขณะที่พวกเขากำลังเข้ามาใกล้เมือง และใกล้ขึ้นการเคลื่อนไหวของเวลส์ก็ยิ่งมีความระมัดระวังมากขึ้น ห่างจากเมืองเพียงประมาณ 500 เมตร เวลส์ก็ออกมาทำสงครามและขี่ม้าของเขาแล้วรีบวิ่งไปที่เมือง คนอื่นๆ ก็ขี่ม้าและตามเวลส์ไป
พวกเขาจับขวานไว้ข้างหนึ่งและตะเกียงที่มีแสงอยู่อีกข้างหนึ่ง พวกเขาต้องการที่จะเอาเมืองซึ่งเป็นบ้านเกิดของพวกเขาคืน และพวกเขาก็มาถึงที่หน้าเมืองแล้ว
เมื่อทหารของเผ่ามูลเห็นมันก็ทำให้พวกเขาตกใจเอามากๆ และคนทั้งหมดที่อยู่ในเผ่าก็ดูเหมือนจะอยู่ในความกลัว เผ่ามูลไม่คิดว่าเผ่าเฮคัสจะมาแก้แค้นพวกเขาในวันนี้ เผ่าบุลรู้ว่าพวกเขาได้โจมตีเผ่ามูลไปและไม่คิดว่าพวกเขาจะกลับมาไวขนาดนี้ เพราะพวกเขาคิดว่าเผ่าเฮคัสที่ถูกยึดอาหารและถูกไล่ออกไปจะต้องเอาชีวิตรอดจากฤดูหนาวเท่านั้น และเรื่องนี้เองเป็นสิ่งที่ทำให้เผ่าเฮคัสได้โอกาสที่จะเอาคืนพวกเขา
เวลส์สั่งให้ทหารของเขาเริ่มโจมตีด้วยกันยิงธนูไฟเพื่อที่จะทำหลายที่อยู่ของพวกเขาเสียก่อน นั้นก็คือการฟังเต็นท์ที่พวกเขาอยู่
ไม่นานนักภายในเมืองก็เต็มไปด้วยไฟในทุกๆที่ ที่นี่เกือบจะเหมือนกับวันพิพากษา เจ้าไห่ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในกาต่อสู้ครั้งนี้ เขาเพียงแค่สังเกตดูเท่านั้น เขารู้ดีว่าในเวลานี้เวลส์ไม่ต้องการให้เขามายุ่งกับศัตรูของพวกเขา เวลส์ต้องการที่จะจัดการทุกอย่างเอง
ในเวลานี้จู่ๆก็มีเสียงดังออกมา ทุกคนที่อยู่ในเมืองได้ยินกันหมด สีหน้าของเจ้าไฟก็เปลี่ยนไป และสิ่งแรกที่เขาคิดเลยว่า เสียงนี้น่าจะมาจากเทพผู้มีพลังระดับเก้า
และตอนนี้ไม่ไกลจากเมืองมากนักก็มีเสียงดังขึ้นมาเหมือนกัน ซึ่งต้นเสียงนั้นบนร่างของพวกเขามีไฟท่วมไปทั้งตัว และเจ้าไหก็รู้ได้ทันทีว่านั่นคือเทพผู้มีพลังระดับเก้า
ในอดีตเขาทั้งสองคนเป็นเทพผู้มีพลังระดับเก้าของเผ่าบูล ขณะที่คนหลังนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นเทพผู้มีพลังระดับเก้าจากทวีปอื่น เจ่าไฟไม่ได้คิดว่าเทพผู้มีพลังระดับเก้าจากทวีปอื่นจะมาที่นี่จริงๆ
อย่างไรก็ตามตอนนี้เจ๋าไห้ไม่ได้กังวลอะไรมากนัก เนื่องจากนอกเหนือไปจากเทพผู้มีพลังระดับเก่าของเผ่าเฮคัส แล้วพวกเขายังได้เชิญเทพผู้มีพลังระดับเก้าจากเผ่ามาร์ซีมาเพื่อช่วยจัดการกับเผ่าบูลด้วย
เทพผู้มีพลังระดับเก้าของทั้งเผ่าเฮคัสและเผ่ามาร์ซี มีความแข็งแกร่งมาก
จบบทแล้วนะครับ ขอบคุณครับ