Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - ตอนที่ 299
บทที่ 299 – พายุหิมะ
ตอนนี้เจ่าไห่เห็นว่าเผ่าเฮคัสพร้อมแล้วที่โจมตี และเวลานั้นมันก็ใกล้เข้ามาแล้วด้วย ตอนนี้เจ่าไห่ไม่รู้สึกตื่นเต้นมากเพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาเองจะได้เห็นการต่อสู้ของคนหลายแสนคน
ตอนนี้เจ่าไห่ได้เตรียมตัวของเขาเรียบร้อยแล้ว เพราะตัวเขาเองกณรู้ว่าเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว ขณะที่พวกเขากําลังยุ่งอยู่ในเต็นท์ของพวกเขา เวลส์ก็ได้เข้าเต็นท์ของพวกเขามา ลอร่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า เธอไม่สามารถทําอะไรได้เลยในตอนนี้เพราะอากาศมันหนาวมาก
เวลส์เห็นท่าทางของลอร่าเขาก็หัวเราะแบะพูดออกมาว่า “ลอร่า ฉันคิดว่าเธอจะต้องทําความคุ้นเคยกับความหนาวให้ได้โดยเร็วนะ เพราะความหนาวที่หนาวที่สุดยังมาไม่ถึงเลยนะ”
หน้าของลอร่าแสดงอาการให้เห็นชัดมากว่าเธอหนาวมากๆเลย เธอก็พูดออกมาว่า “ฉันกลัวว่าฉันจะไม่คุ้นเคยกับมันล่ะสิ ถ้าความหนาวที่หนาวที่สุดมาถึงฉันจะต้องตายไปก่อนแน่เลย”
เวลส์ไม่รู้ว่าจะทํายังไงดี แต่เขากับหัวเราะ ต่อมาเขาหันไปหาเจ้าไห่และพูดว่า “น้องชายมากับฉันสักแปปได้หรือไม่ ผู้เฒ่าของเผ่าต้องการจะพบนายหน่ะ”
เจ่าไห่มองไปที่เวลส์เขาไม่คิดว่าผู้เฒ่าของเผ่าจะต้องการพบกับเขา เพราะผู้เฒ่าเป็นเทพผู้มีพลังระดับเก้า ซึ่งเมื่อจะไปพบผู้เฒ่าเราก็ควรจะเตรียมการให้ดีกว่านี้สักหน่อย
เมื่อคิดได้แล้วนั้นเจ้าไหก็ตอบเวลส์ไปว่า “งั้นเราไปกะนเถอะ ฉันไม่อยากให้พี่ต้องรอนาน” เวลส์พยักหน้าและเดินไปข้างนอกกับเจ่าไห่
แม้ว่าร่างกายของเจ่าไห่จะไม่ดีเท่าไหร่ เขาก็ไม่กลัวความหนาวเย็นนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับก่อนหน้านี้ ที่เขาอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของประเทศจีน ฤดูหนาวในตอนเหนือของจีนยังหนาวมากเหมือนกับที่นี่ ซึ่งแน่นอนเลยว่าเขาเคยเจอกับอากาศที่หนาวแบบนี้มาแล้ว
พวกเขารีบไปถึงเต็นท์ของเวลส์ เวลส์รีบเดินเข้าไป เขายกม่านเต็นท์ขึ้นทันทีและเข้าไปพร้อมกับเจ่าไห่
เป็นเดซและฟาโรม่าที่กําลังนั่งอยู่ในเต็นท์นั้น อย่างไรก็ตามเมื่อเจ้าไม่ได้เห็นทั้งคู่อยู่ในท่าทางที่จริงจังนั้น เขาก็ยังสังเกตุเห็นคนจํานวนหนึ่งอยู่ในนั้นด้วย
ภานในเต็นท์นั้นมีชายแก่คนนึ่งใส่ชุดที่ดูดีมากๆ และชายแก่ท่านนั้นมีรูปร่างที่สูงใหญ่และดูแข็งแกร่งมาก ชายแก่คนนั้นเป็นคนที่ดูสง่ามากแม้ในเวลาที่นั่งอยู่ ถึงแม้ว่าตาของชายแก่จะหลับตาอยู่ แต่เจ่าไห่กับรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของทุกอย่างภายในเต็นท์ไม่สามารถรอดจากสายตาของชายแก่ หรือผู้เฒ่าที่หลับตาได้เลย
เมื่อพวกเขาได้เดินเข้าไปให้เต็นท์ เวลส์ก็เดินด้วยเสียงที่เบามาก ขณะที่เขาค่อยๆเดินไปที่ด้านข้างของผู้เฒ่าที่นั่งอยู่ และเวลส์ก็พูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลมากว่า “เจ้าไห่มาถึงแล้ว”
เจ่าไห่เดินไปด้านหน้าของผู้เฒ่าและเขาก็แสดงความเคารพผู้เฒ่าและพูดว่า “ฉันมาพบท่านแล้วผู้เฒ่า”
ผู้เฒ่าที่นั่งหลับตาอยู่นั้น ค่อยๆลืมต่ขึ้นมองเจ่าไห่แล้วยิ้มและพูดว่า “หนุ่มน้อยฉันขอขอบใจ เธอมากเลยที่ให้ยารักษาแก่ฉัน”
เจ่าไห่ก็รีบตามว่า “ท่านเป็นคนดี ไม่แปลกหรอกที่ฉันจะต้องช่วยเหลือ และพี่เวลส์ก็ขอให้ช่วยท่านด้วย”
ผู้เฒ่ายิ้มให้เจ่าไห่และก็พูดว่า “เธอและเวลส์เป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน ตอนนี้เธอก็คือคนของเผ่าเฮคัสไปแล้วนะ และจงจําไว้ว่าเผ่าเฮคัสนั้นมีความภาคภูมิใจในตัวเอง ถ้าความตายกับความภาคภูมิใจฉันขอให้ตัวตายดีกว่า พวกเราไม่ต้องการตกอยู่ภายใต้การปกครองของใครทั้งนั้น”
เจ่าไห่มองไปที่ผู้เฒ่าด้วยความไม่เข้าใจว่าผู้เฒ่าต้องการจะบอกอะไรเขากันแน่ แต่เจ่าไห่ก็ตอบด้วยเสียงที่จริงจังว่า “ฉันสามารถทํามันได้อย่างแน่นอน”
ผู้เฒ่าพยักหน้าและหันไปหาเวลส์ เวลส์โค้งคํานับผู้เฒ่า จากนั้นเขาก็เดินไปที่ด้านข้างและเอาธงสงครามที่เตรียมพร้อมไว้แล้ววางไว้บนมือของเจ่าไห่ “เจ้าไม่รู้ว่าธงสงครามนี้คือธงประการสงคราม เป็นสัญลักษณ์สงครามที่สามารถบ่งบอกได้อย่างชัดเจน ถูกนํามาใช้โดยสมาชิกของตระกูลรอยัลครอว์เรย์คือหัวหน้าเผ่านับตั้งแต่วันนี้เจ่าไห่จะเป็นเจ้าชายของเผ่าเฮคัสอีกคนนึ่ง”
เจ่าไห่ไม่เคยคิดว่าเมื่อเวลส์พาเขามาหาเขาในวันนี้เขาจะได้รับธงสงครามและธงของกษัตริย์ ธงของกษัตริย์นี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงการอนุมัติของผู้เฒ่าของเผ่า แต่ในทํานองเดียวกันก็ยังแสดงถึงสถานะพิเศษในทุ่งหญ้าซึ่งเป็นสถานะของการเป็นเจ้าชายของเผ่า
และในเวลาพิเศษนี้ธงของกษัตริย์นี้แสดงถึงความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่สําหรับการตีโต้ที่กําลังจะเกิดขึ้นของเผ่า การให้เจ้าให้เป็นสัญลักษณ์สงครามแสดงถึงความมั่นใจในตัวเขาและความสําเร็จของพวกเขา
เจ้าไม่ได้รับธงสงครามอย่างเคร่งขรึม เขามองไปที่เวลส์และพูดว่า “จงโล่งใจพี่ชายส่วนที่เหลือ ฉันจะจัดการเอง ฉันจะไม่ทําให้เผ่าเฮคัสอับอายแน่นอน”
เวลส์ตบไหล่เจ่าไห่และพูดว่า “น้องไห่ พี่ต้องการรอหลังจากที่เราได้เมืองกลับคืนมาทุกอย่างก่อนที่จะมอบธงสงครามนี้ให้แก่นาน อย่างไรก็ตามผู้เฒ่าเชื่อว่าข้อตกลงดังกล่าวจะไม่ยุติธรรมต่อนาย การมีส่วนร่วมของนายกับชนเผ่าเฮคัสจะได้รับของบางอย่าง เราสามารถพูดได้ว่าความสามารถในการตีโต้ของนายเป็นของนาย ดังนั้นเราจึงให้ธงสงครามครั้งนี้แก่นาย ก่อนการสู้รบเพื่อแจ้งให้นายรู้ว่าเผ่าเฮคัสยอมรับความพยายามของนาย ดังนั้นนายจึงต้องให้เกียรติธงนี้”
เจ่าไห่พยักหน้าอย่างจริงจังแล้วพูดว่า “อย่ากังวลพี่ชายฉันจะเก็บรักษาธงนี้ไว้เป็นชีวิตของฉันเอง”
ในเวลานี้ผู้เฒ่าก็พูดว่า “ดีมาก จงจําคําพูดของเธอไว้ให้ดีนะเจ่าไห่ เราจะเคลื่อนไหวเมื่อพายุหิมะลูกแรกผ่านไป” หลังจากที่พูดแล้ว ผู้เฒ่าก็เดินออกไป
หลังจากตั้งวันโจมตีแล้วเวลส์ได้ส่งจดหมายเพื่อแจ้งให้เผ่ามาร์ซีทันที หลังจากนั้นพวกเขาก็รออย่างเงียบๆ
สภาพอากาศบนทุ่งหญ้ามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่พวกชนเผ่าเคยอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลาหลายปี ดังนั้นจึงมีวิธีพยากรณ์อากาศของตัวเอง ในวันที่เล่าให้ได้รับ เวลส์ยังบอกเจ้าไห่ว่าผู้เฒ่าจากเผ่าได้คาดการณ์ว่าหิมะชุดแรกที่จะมาถึงในอีกสิบวันจะเป็นพายุหิมะที่ใหญ่ที่สุดที่เห็นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
เจ่าไห่ไม่รู้ว่าพายุหิมะที่รุนแรงที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในรอบสิบปีเป็นอย่างไร แต่เขารู้ดีว่าจะไม่ทําให้เกิดความไม่สะดวกในการโจมตีของพวกเขา อย่างไรก็ตามในทางตรงกันข้ามก็เป็นข้อได้เปรียบเพราะคนอื่นๆ ก็จะคิดว่าคงไม่มีใครทําอะไรพวกเขาได้เหมือนกัน
สิบวันไม่นานหรอก แต่สําหรับคนที่รออยู่สิบวันก็ดูเหมือนสิบปี สําหรับสงครามครั้งนี้ เผ่าเฮคัสได้เดิมพันทั้งหมดที่มี ในขณะที่รอพวกเขาจะพัฒนาอาวุธของพวกเขาและดูแลม้าของพวกเขา นอกจากนี้ในเวลานี้เวลส์ได้ห้ามประชากรของเขาจากการดื่มไวน์
ไม่อนุญาตให้ใครดื่มในช่วงฤดูหนาวก็เหมือนกับการใช้ชีวิตของพวกเขา แต่เผ่าเฮคัสไม่ได้ต่อต้านเวลานี้และเพิ่งยอมรับคําสั่ง เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถดื่มได้พวกเขาสามารถออกกําลังกายได้เฉพาะในสภาพอากาศหนาวเย็นบางแห่งจึงออกไปข้างนอกและฝึกทักษะการต่อสู้ของพวกเขาที่นั่น
นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าให้ได้เห็นเทคนิคการต่อสู้ของเผ่า เมื่อใช้เทคนิคชีวิตของพวกเขาการคาดเดาของชนเผ่าจะปรากฏขึ้นและค่อยๆผสานกับร่างกายของพวกเขาและหลังจากนั้นจุดแข็งของพวกเขาจะเพิ่มขึ้น เมื่อดูเรื่องนี้ เจ่าไห่ก็รู้สึกหนาวๆ เขารู้สึกว่ากระบวนการนี้ดูคล้ายกับการถูกครอบงําโดยจิตวิญญาณทําให้เขารู้สึกเศร้าหมอง
ความผิดหวังของทุกคนหลังจากผ่านไปสิบวันและท้องฟ้ามืดครึมหิมะก็ไม่ตกลงมาทําให้เวลส์เป็นกังวล
ในเวลานี้ผู้เฒ่าที่คาดการณ์ไว้ได้ไปดูเวลส์เขาบอกกับเวลส์ว่าสภาพอากาศได้รับการเปลี่ยนแปลงบางอย่างแล้ว คราวนี้พวกเขาจะไม่พบพายุหิมะที่สามารถมองเห็นได้เพียงครั้งเดียว ทุกๆสิบปีเท่านั้น แต่ในเวลานั้นสามารถมองเห็นได้เพียงครั้งเดียวในห้าสิบปีเท่านั้น มันจะดีที่สุดสําหรับค่ายที่จะจัดกลุ่มขึ้นทันทีมิฉะนั้นเต็นท์ของพวกเขาจะปลิวไปตามพายุหิมะ
แม้ว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ของผู้เฒ่าจะไม่ได้เกิดขึ้นอย่างถูกต้อง แต่เวลส์ยังคงตัดสินใจที่จะไว้ใจผู้เฒ่า เขาทํากลุ่มชนกลุ่มใหญ่ขึ้นเต็นท์แล้วเสริมสร้างพวกเต็นท์เช่นเดียวกับการสร้างเต็นท์เพิ่มเติมบางส่วนให้ดีขึ้น
คราวนี้การคาดการณ์ของผู้เฒ่าก็ไม่ผิด ในขณะที่พวกเขากําลังเสริมเต็นท์ของพวกเขา หิมะขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะก็พังลงมา
โชคดีที่เผ่าเฮคัสรู้อยู่แล้วกับความแรงของพายุ หลังจากปรับกําลังคนทั้งหมดแล้วพวกเขาก็สามารถช่วยเสริมกําลังของพวกเขาได้แม้จะมีหิมะปกคลุม พวกเขายังจัดกลุ่มเต็นท์ไว้ทั้งหมดทําให้สถานที่นี้อุ่นขึ้นมาก
เวลส์และเต็นท์ของเจ้าไร่อยู่ตรงกลางของค่ายเพื่อที่จะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากความหนาวเย็นพวกเขาก็อุ่นขึ้นกว่าเดิม
เมื่อพายุหิมะมาถึงเจ่าไห่และลอร่าได้รู้ว่าพายุหิมะครั้งรุนแรงมากใน 50 ปี เป็นเวลาประมาณ 10 วันทั้งกลางวันและกลางคืนมันรุนแรงมาก เผ่าเฮคัสต้องส่งคนออกเพื่อล้างหิมะที่ด้านบนของเต็นท์พวกเขาจะต้องผูกด้วยเชือกขณะที่ทํางานเพราะมิฉะนั้นพวกเขาจะถูกกวาดโดยพายุที่รุนแรงและตาย
ลอร่ามองไปที่ชาวเผ่าที่วุ่นวายและถอนหายใจ ” เมื่อเผชิญหน้ากับพายุดังกล่าวพลังของมนุษย์อ่อนแอมาก”
ความจริงของมันในหน้าพายุหิมะดังกล่าวพลังของมนุษย์ก็ไม่มีนัยสําคัญจริงๆ แม้แต่ความแรงที่รู้จักกันดีของเผ่าเฮคัสเท่านั้นสามารถน้อมลงไปกับพลังของธรรมชาติอาจจะดีจริงๆ
หลังจากผ่านไปสิบวันท้องฟ้าก็เคลียร์และดวงอาทิตย์ก็ออกมา แม้ว่าจะยังคงหนาวจัดในทุ่งหญ้า แต่พายุหิมะที่น่ากลัวก็มีขึ้นในที่สุดทั้งค่ายไม่สามารถทําอะไรได้
ลอร่ายังไม่สามารถทําอะไรได้ นี่เป็นการแข่งขันระหว่างคนกับธรรมชาติและโชคดีที่คนมีชัยชนะ แต่นี่ก็มาพร้อมกับการเสียสละเพราะมีคนที่ต้องตายเปต้นจํานวนมากอยู่พอสมควร แม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะมีเพียงจํานวนน้อยๆ เมื่อเทียบกับจํานวนประชากรทั้งหมด แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก
แม้ว่าพายุหิมะจะมีขึ้นแล้วก็ตามเวลส์ไม่สามารถจัดการได้ทันทีเนื่องจากพื้นที่รอบๆ เต็นท์เต็มไปด้วยหิมะที่สูงกว่าเต็นท์