Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - ตอนที่ 328
บทที่ 328 – อํานาจและศักดิ์ศรี
เฟอร์นันต์ไม่คิดว่ารินจะมองเขามองด้วยสายตาแบบนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปและพูดว่า “ริน แกเป็นคนรับใช้ของตระกูลฉัน แกมีสิทธิ์ทําแบบนั้นด้วยหรอ? มันยากมากหรอที่จะทําหน้าตาดีๆ? ถ้าทําไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ฉันจะพังโรงแรมของแกทั้งหมด”
สีหน้าของรินก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่กับตอบกลับไปว่า “ฉันคิดว่า โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในทวีป และมีหลายแห่ง ฉันคิดว่าคงไม่มีใครกล้าที่จะพังมันหรอก แต่ถ้านายน้อยทําแบบนั้นจริงๆ ฉันนี่แหละที่จะหยุดท่านเอง แต่ท่านก็ต้องรู้ด้วยว่าถ้าเรื่องนี้เกิดถึงหูของโรเบิร์ตอะไรจะเกิดขึ้น”
เฟอร์นันต์ก็เงียบและไม่ได้พูดอะไรถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่นิสัยเสียเขาก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้ว่าพ่อของเขานั้นเป็นคนยังไง และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เขาไม่กล้าที่จะทําเรื่องที่พูดออกมา
และเนื่องจากสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ก็เป็นเพราะความโกรธของเขาเพียงชั่วครู่เท่านั้น เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่พูดเขาก็สงบลง เพราะสิ่งที่รินพูดนั้นมันไม่ใช่เรื่องโกหก เพราะโรงแรมเซรี่นั้นมีหลาแห่งกระจายอยู่ในทวีปนี้ และมันก็เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ และตระกูลเซี่จะมีขนาดเล็กแค่ไหนเมื่อเทียบกับโรงแรมหลายๆแห่ง? และก็ไม่ต้องพูดถึงเกี่ยวกับตระกูลโอกิสะ แม้แต่ตระกูลอิมพีของจักรวรรดิอาร์ซจะต้องคิดให้ดีก่อนจะทําอะไรกับโรงแรมแห่งนี้
เมื่อเฟอร์นันต์คิดเรื่องนี้ใหม่แล้ว เขาก็ทําได้เพียงแค่หยุดความโกรธในใจของเขา จากนั้นเขาก็พูดว่า “ถ้าไม่อยากให้ฉันทําให้เกิดเรื่อง เราก็จะหยุดของพิพาทของเราเอง”
รินส่ายหัวและก็พูดว่า “นายน้อยต้องให้อภัยฉัน เราต้องทําตามกฎของโรงแรม เว้นเสียแต่ว่าแขกจะบอกให้เรารู้ล่วงหน้า เราไม่สามารถรพกวนการพักผ่อนของพวกเขาได้”
ความโกรธของเฟอร์นันต์
ครั้ง เขาก็ตะโกนว่า “ฉันได้ริน!! ฉันได้หยุดและให้เกียรแกแล้วนะ และฉันก็ไม่สนใจสิ่งที่แกทําแล้วนะ แต่ตอนนี้แกไม่มีเหตุแลที่ดีแล้ว!!”
ขณะที่ทหารกําลังจะรีบเร่งไปก็มีก้อนหินโผล่ขึ้นมาขวางทางเข้าของโรงแรมไว้เหมือนกับกําแพง หลังจากที่เง่าไห่พูด และเขาพูดว่า “นายน้อยเฟอร์นันต์ถ้าคุณต้องการที่จะพบฉัน เพียงแค่รอให้ฉันออกไป ทําไม่คุณถึงต้องใจร้อนแบบนี้?”
หลังจากที่เจ่าไห่พูด เจ่าไห่ก็เดินออกจากโรงแรม ครั้งแรกที่เขาขอบคุณริน และก็พูด “ผมขอขอบคุณจริงๆ การดูแลของคุณ ฉันจะไม่มีวันลืมเรื่องนี้จนกว่าฉันจะตาย”
รินยิ้มแล้วเขาก็ตอบกลับไปว่า “ตราบเท่าที่คุณยังคงเป็นลูกค้าที่อยู่ที่โรงแรมของเรา เราก็จะรับประกันความ ปลอดภัยของคุณเสมอ”
เจ่าไห่ยิ้มและก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาจําได้ว่าการกระทําของรินไว้ในหัวใจของเขา ในตอนนี้เจ่าไห่หันไปหาเฟอร์นันต์ที่สีหน้าดูโกรธมาก และพูดว่า “นายน้อยเฟอร์นันต์ คุณคิดจะหาเรื่องกับพวกเรางั้นหรอ? คุณทําโทษ คนใช้ของฉัน ฉันทําโทษคนใช้ของคุณมันก็น่าจะหายกันนะ และฉันก็ไม่รู้ว่าทําไมคุณถึงเอาคนอื่นเข้ามาเกี่ยวด้วย? เปลี่ยนมันจบไปดีกว่าไหม?”
เฟอร์นันต์หัวเราะและพูดว่า “อะไรกัน? คุณจะยอมรับความพ่ายแพ้ตอนนี้งั้นหรือ? มันสายเกินไปแล้ว คุณก็รู้ว่านี่เป็นเมืองของฉัน และยังกล้าที่จะทําเรื่องแบบนี้กับฉัน มันก็เหมือนกับความตายแล้ว!!”
เจ่าไห่มองไปที่เฟอร์นันต์ ยิ้มและพูดว่า “นายน้อยคิดว่าฉันกลั้วคุณจริงๆงั้นหรอ? ฉันจะบอกความจริงให้ก็ได้นะ ฉันไม่อยากให้เรื่องนี้มันใหญ่โตไปกว่านี้แล้วเข้าใจไหม? ถ้าเรื่องนี้ไปถึงหูของโรเบิร์ตฉันคิดว่าต้องมีใครสักคนที่ต้องจบชีวิตลงอย่างแน่นอน ถ้าไม่อยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น ฉันก็คิดว่านายน้อยควรจะคิดให้ดีกว่านี้ ก่อนจะดีกว่า”
เฟอร์นันต์หัวเราะและพูดว่า “ถึงจะพูดตอนนี้ มันก็สายเกินไปแล้วจับเขา!” ทหารของเฟอร์นันต์วิ่งเข้าไปหาเจ่าไห่
และในเวลาเดียวก็ก็มีเสียงดังขึ้น “หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้! “
เมื่อเจ่าไห่ได้ยินเสียงนั่น เขาจําได้ว่านี่คือเสียงของใคร และนี่ก็คือเสียงของเบลล์ ในที่สุดเขาก็มา ถ้าเขามาช้ากว่านี้ เจ่าไห่กลัวว่าเขาจะถูกพาตัวไปที่อื่นแล้ว”
เฟอร์นันต์หันไปมองเบลล์ ไม่ได้ทําอะไรต่อไป แต่ขมวดคิ้วของเขา เขาไม่กวนที่จะขัดคําพูดของเบลล์ เพราะเบลล์เป็นพ่อค้ารายใหญ่ที่สุดในเมืองและยังเป็นเพื่อนสนิทของพ่อ
เมื่อเห็นว่าเบลล์มาถึง เฟอร์นันต์ขมวดคิ้ว ตอนนี้ที่นี่เต็มไปด้วยความวุ่นวายมากขึ้น
ในเวลานี้เขายังจําคําพูดของลูหยางได้ ลูหยางบอกกับเขาว่าเจ่าไห่มาที่เมืองโอกิสะ เพื่อพบกับเบลล์ เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องการเป็นหุ้นส่วน เบลล์รู้สึกกระวนกระวายมาก เขาไม่ได้นั่งอยู่บนรถ แต่ขี่ม้าแทนชิวอยู่ข้างหลังและอยู่บนหลังม้า
เบลล์รีบมาถึงโรงแรม เขามองเจ่าไห่และพยักหน้า จากนั้นเขาก็หันไปหาเฟอร์นันต์และพูดว่า “เฟอร์นันต์ เพื่อนของฉันทําอะไรผิดงั้นหรอ? โปรดให้อภัยเขาเถอะ อย่าโกรธโทษเขาเลย”
เบลล์เป็นพ่อค้า เพราะฉะนั้นเมื่อเขาขอโทษเขาก็ยิ้มและพูดด้วยเหตุนี้ คนทั่วไปจะรู้สึกตัวไปเอง
เฟอร์นันต์มองเบลล์และฟังสิ่งที่เขาพูดเฟอร์นันต์ไม่ต้องการมีปัญหากับเบลล์ เขารู้ว่าเขาไม่สามารถทําอะไรเบลล์ได้ ในเวลานี้ลหยางก็ออกมาจากโรงแรมและมองไปที่เฟอร์นันต์
เมื่อเฟอร์นันต์เห็นลูหยางปรากฏตัวเขาก็ดีใจลหยางมองเขาด้วยความรังเกียจแล้วหันหน้าไปยังเจ่าไห่ เฟอร์นันต์โกรธขึ้นอีกครั้งเขามองเบลล์และพูดว่า “เบลล์ คุณเป็นเพียงพ่อค้าทําไมฉันจะต้องทําตามคุณหล่ะ? คุณกลายเป็นแขกผู้มีเกียรติที่บ้านของเรากลายเป็นเพื่อนของพ่อและมีฉันเรียกคุณลุงและตอนนี้ฉันคิดว่าคุณ เป็นคนที่ดี? หลบไปไม่งั้นฉันจะจับตัวคุณไปพร้อมกับเวลส์”
เมื่อเบลล์ได้ยินเฟอร์นันต์สีหน้าของเขาก็เปลี่ยน เห็นได้ชัดว่าความโกรธของเฟอร์นันต์ลดลง แต่ทันใดนั้นมันก็กลับมา เบลล์รู้จักเฟอร์นันด์ดี ดังนั้นเขาจึงหันกลับไปดูสาเหตุของความโกรธนี้
เขาหันหน้าไปและเห็นลหยาง เมื่อมองท่าทางของลูหยาง เบลล์ก็รู้ทันทีว่าเธอเป็นนายหญิงของเพอร์เซลล์ ผู้เดินทางมากับเจ่าไห่ เขาเข้าใจถึงสถานการณ์ปัจจุบัน
เบลล์หันไปหาเฟอร์นันต์ เขาไม่สามารถทําอะไรได้ ได้แต่ถอนหายใจ โรเบิร์ตเป็นคนที่ยอมฟังทุกอย่าง และเรื่องนี้ก็จะทําให้เขาบอกกับลูกชายของเขาได้ว่า เขาเป็นคนโง่ ลหยางเป็นแรงจูงใจที่ชัดเจนของเฟอร์นันต์ แต่เขาก็ไม่สามารถเห็นมันได้ เพราะเขามันโง่
เบลล์ไม่รู้ว่าจะทํายังไง ถ้าเขาทําผิดอย่างนี้ เบลล์ก็ไม่มีอะไรจะพูด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผู้ชายคนนี้ก็เป็นผู้สืบสกุลของตระกูลโอกิสะ
แล้วก็มีเสียงดังขึ้นมาอีกครั้งพูดว่า “อํานาจและศักดิ์ศรีที่มีนั้น ทําไมคุณไม่จับฉันด้วยเช่นกัน” เมื่อเฟอร์นันต์ได้ยินแบบนั้น ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
เบลล์และรินรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินเสียงนี้ เจ่าไห่หันไปมองที่มาของเสียง มีรถที่เพิ่งมาถึง รถคันนี้มีขนาดใหญ่ชายวัยกลางคนยืนอยู่ข้างหน้ารถ แม้ว่าเขาจะใส่เสื้อคลุม แต่เขาก็ดูดีมากๆ ชุดของเขาดูกลมกลืนมากและแว่นตาของเขาทําให้เขาดูมีความยิ่งใหญ่มาก
เมื่อเจ่าไห่เห็นเขาก็ไม่รู้ว่าชายคนนั้นคือใคร แต่รู้สึกประทับใจกับเขา กลับสู่โลกเจ่าไห่เป็นนักเขียน ร่างกายของเขาจึงแสดงออกถึงความเป็นนักวิชาการ เรื่องนี้ทําให้เจ่าไห่รู้สึกประทับใจ
ชายคนนั้นชื่อโรเบิร์ตซึ่งดูธรรมดามาก แม้ว่าโรเบิร์ตจะดูธรรมดาแต่ทุกคนที่รู้จักเขาเข้าใจว่าเขาโกรธ โรเบิร์ตมองเห็นเบลล์ และเบลล์ก็ทักทายโรเบิร์ต
เจ่าไหรีบโค้งคํานับและพูดว่า “ยินดีที่ได้พบท่าน”
โรเบิร์ตพยักหน้า ขณะที่เขามองไปที่เจ่าไห่ เจ่าไห่แต่งตัวเหมือนคนโง่ แต่เมื่อโรเบิร์ตมองอีกหน่อยเขาก็รู้สึกว่าบางอย่างไม่ถูกต้อง แม้ว่าเจ่าไห่จะสวมเสื้อผ้าที่อาจทําให้เขาดูมีชีวิตชีวาและสวมแว่นตาสีชมพูด้วยเช่นกันสิ่งที่เขาไม่เข้าใจโรเบิร์ตก็มั่นใจมากว่าเขาและเจ่าไห่ก็เหมือนกัน โรเบิร์ตยังสังเกตเห็นกลิ่นอายของเจ่าไห่
เนื่องจากการยึดครองของเขาในฐานะนักเขียนนวนิยายเรื่องใหม่ในโลกรวมถึงความรักของเขาในการค้นคว้า เกี่ยวกับวรรณคดีโบราณและความสงบสัมพัทธ์ของสังคมโลก โรเบิร์ตเป็นคนที่รับรู้เมื่อเขาเห็นอารมณ์ของเจ่าไห่และการแต่งกายของเขา เขาก็เข้าใจทันที เขาไม่ได้เปิดบอกชื่อตัวเอง แต่พยักหน้าให้เจ่าไห่และพูดว่า “นายน้อยเป็นคนดีมาก แต่น่าเสียดายที่คุณมีอารมณ์แบบนี้”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเจ่าไห่ก็รู้ตัวทันที สีหน้าของเขาก็ไม่รู้อะไรเลย แต่เขาหงุดหงิดเขาตอบว่า “คุณพูดถูกฉันเป็นคนแบบนี้”
โรเบิร์ตหัวเราะแล้วเขาก็หันไปหาเฟอร์นันต์ ตอนนี้ใบหน้าของเฟอร์นันต์เปลี่ยนไป ตั้งแต่ที่โรเบิร์ตมาถึง เฟอร์นันต์รู้ว่าเขาต้องเจอกับปัญหาแน่ๆ แต่เขาไม่กล้าหนีไป โรเบิร์ตไม่ได้สอนเขาว่าอํานาจและอิทธิพลมาพร้อมกับเวลา โรเบิร์ตเป็นคนใจดีกับเขาทําให้เฟอร์นันต์เป็นคนไม่มีเหตุผลในเมืองของเขา
จบบทแล้วนะครับ