Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - ตอนที่ 315
บทที่ 315 – สมบูรณ์แบบ
ลูหยางนั้นเป็นคนที่ชอบคนที่มีฐานะดี เนื่องจากคนที่มีฐานะนั้นพวกเขาจะดูดีและหล่อมาก และนอกจากที่พูดไปนี้พวกเขายังรู้ว่าจะเอาใจพวกผู้หญิงยังไง และสิ่งที่สําคัญมากสําหรับลหยางนั้นก็คือโต๊ะเครื่องแป้งของเธอนั่นเอง
ลูหยางไม่สนใจว่าคุณจะต้องการอะไรจากเธอหรือไม่ เธอต้องการเพียงแค่จะดูว่าคุณดูแลเธอดีมากแค่ไหน และคุณจะต้องทําให้เธอรู้สึกว่าเธอนั้นคือเจ่าหญิง
อย่างไรก็ตามเจ่าไห่ไม่ได้มีคุณสมบัติพวกนั้นเลย ถึงแม้ว่าตัวของเจ่าไห่จะดูมีเสน่ห์ แต่ก็ไม่อาจจะดึงดูดความสนใจของลูหยางได้
เจ่าไห่มองไปที่ลูหยาง เขารู้ดีว่านี่คือคู่หมั้นของเขาตั้งแต่เมื่อนานมาแล้ว แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้มาพบกับเธอด้วยตัวเอง ลูหยางนั้นเป็นผู้หญิงที่สวย มีผมสีน้ําตาลและมีผิวขาว ลูหยางใส่เสื้อผ้าที่ดูมีสีสัน เธอสวยเหมือนดังดอกไม้ในช่วงใบไม้ผลิ
แต่เธอจะสวยมากแค่ไหนก็เถอะ แต่เจ่าไห่ก็ไม่ชอบผู้หญิงที่ชอบเขา และก็เป็นที่รู้กันดีว่าลหยางนั้นเป็นคนที่หยิ่งมาก แม้ว่าลหยางจะมีเสน่ห์มาก แต่ลูหยางนั้นก็ชอบที่จะแสดงความหยิ่งของเธอและไม่ได้วางใจคนอื่น และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เล่าไร่ไม่ชอบเธอ
ลอร่ามองไปที่ลูหยาง แต่การมองของเธอนั้นไม่ได้เหมือนกับที่เจ่าไห่มอง ลอร่าและเนียร์นั้นเคยเจอลหยางหลายครั้งแล้ว ลูหยางนั้นเป็นผู้หญิงที่ทุกคนในเมืองต้องรู้จักเพราะเธอเป็นคนที่เก่งมาก แต่ที่เธอเป็นคนหยิ่งแบบนี้ มันเลยทําให้ไม่มีใครเข้ากับเธอได้
เจ่าไห่ไม่ได้เริ่มทักทานลูหยางก่อน แต่เจ่าไห่ก็หันหน้าไปหาชิว และชิวก็เข้าใจสิ่งที่เจ่าไห่ต้องการทันที และชิวก็บอกกับเจ่าไห่ว่า “นายหญิงคนนี้แหละ ที่พนักงานบอกว่าอยากเจอกับนายน้อย แต่เธอก็กลัวว่ามันจะเป็นการรบกวนนายน้อย เธอจึงไปรอนายน้อยที่ห้องอาหาร” นายหญิงลูหยางนี่แหละที่อยากเจอนายน้อย
แม้ว่าคําพูดของชิวจะฟังดูธรรมดา แต่ก็ทําให้เจ่าไห่เข้าใจทุกเรื่องที่เขาต้องการ ชิวบอกว่าลหยางนั้นต้องการจะพบกับเจ่าไห่ แต่ก็กลัวว่ามันจะรบกวนเจ่าไห่ ลูหยางจึงให้ไปเจอกันที่ห้องอาหาร
สิ่งที่ชิวได้พูดออกมานั้น ดังไปทั่วห้องอาหารและมันทําให้คนที่ห้องอาหารแห่งนี้ได้ยินหมดทุกอย่าง ตอนนี้ใบหน้าของลูหยางดูจะไม่พอใจมาก และตอนนี้คําพูดของชิวดูเหมือนจะขอร้องให้เจ่าไม่ให้ความสนใจกับลูหยาง เพราะดูเหมือนว่าเธอจะทนไม่ได้แล้ว
เมื่อลูหยางได้ยินสิ่งที่ชิวพูด สีหน้าของเธอก็ดูแย่ลง ลูหยางวางไวน์ไว้บนโต๊ะตรงหน้าเธอ มันทําให้ห้องอาหารเงียบสนิท ทุกคนที่อยู่ที่นั่นมองไปที่เจ่าไห่ เหมือนกับว่าพวกเขากําลังรอดูละครภาคค่ําอยู่
พวกเขาเห็นว่าเจ่าไห่เป็นคนธรรมดา ที่มาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ซึ่งมาที่นี่เพื่อที่จะแสดงตัวว่าเป็นคนที่มีฐานะแต่งจะไม่สนใจมากนัก
อย่างไรก็ตามเจ่าไร่ไม่ได้สนใจคําพูดของชิวเลย แต่ชิวนั้นก็พูดออกมาได้ดีแล้ว เจ่าไห้ไม่ได้สนใจท่าทางของลูหยางตั้งแต่แรกแล้ว ที่เจ่าไห่ต้องทําเช่นนั้น เพราะเจ่าไห่กลัวว่าคนที่อยู่ที่นี่จะสงสัยในตัวเขา
เจ่าไห่พยักหน้าแล้วหันหน้าไปหาลูหยาง และพูดว่า “ฉันไม่รู้ว่าทําไมนายหญิงต้องการจะพบฉันงั้นหรอ?”
ลูหยางมองไปที่ท่าทางของเจ่าไห้ด้วยความไม่สุภาพ เจ่าไหสีหน้าเริ่มเปลี่ยนไป และลูหยางก็ถามว่า “คุณชื่อเวลส์ใช่ไหมค่ะ?”
เจ่าไห่พยักหน้าและตอบว่า “ใช่ ฉันคือเวลส์” ลูหยางทุบโต๊ะ “ทําไมคุณกลัวทําแบบนี้ต่อหน้าฉันได้ไง?”
ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ่าไห่ต้องการจะดูว่าลงหยางจะทําอะไรกับพวกเขา และเจ่าไห่ก็พูดว่า “นี่เป็นอะไรที่หยาบคายมากเลยงั้นหรอ ฉันไม่ใช่คนของเมืองแห่งนี้ และอีกอย่างฉันก็เป็นนักเวทย์ ฉันไม่รู้ว่านายหญิงไม่ได้รู้เรื่องนี้งั้นหรอ?”
ตอนนี้ใบหน้าของลูหยางดูเหมือนจะโกรธมาก เธอจ้องไปที่เจ่าไห่และพูดว่า “นักเวทย์ที่นิสัยไม่ดีแบบนี้ อย่าลืมไปสิว่าตอนนี้นายอยู่ที่ดินแดนของฉัน สิ่งที่นายได้ทําไปดูเหมือนว่าคงไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้วหล่ะสิ”
เจ่าไห่พูดต่ออีกว่า “นายหญิงถ้าไม่มีอะไรกับฉันแล้ว ฉันจะกลับไปที่ห้องของฉัน” ดูเหมือนว่าเจ่าไห่จะไม่ได้ทําอะไรร้านแรงกับลหยางอย่างจริงจัง
คนที่อยู่ในห้องอาหารดูเจ่าไห่ พวกเขาไม่คิดว่าพวกเขาจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ในความคิดของพวกเขาตอนนี้เล่าให้เป็นคนที่กล้ามากๆ จริงๆแล้วในเพอร์เซลล์แห่งนี้ผู้ที่ไม่ยอมลูหยางก็เหมือนกับการหาที่ตาย
ลูหยางคิดว่าสิ่งที่เจ่าไห่พูดมันเกินไปแล้วนะ เจ่าไห่มองไปที่ลูหยางและพูดอีกว่า “นายหญิงถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ฉันต้องรีบไป”
ลูหยางทนไม่ได้อีกต่อไปกับสิ่งที่เจ่าไห่ไม่ได้ทํากับเธอ เธอหยิบแส้ตีไปทางเจ่าไห่ แต่ก็มีลงพุ่งออกมา ทําให้แส้นั้นหลุดออกจากมือของเธอ
ลมที่เกิดนั้นมาจากเม็ก เธอเป็นนักเวทย์ระดับที่ 6 แม้ว่าเธอจะมีหนังสือเหล็กอยู่ในมือของเธอ เมอร์รินมักจะสั่งให้เธอไม่ใช้มันถ้าไม่จําเป็น นี่เป็นเหตุผลที่จะทําให้เด็กนั้นเก่งขึ้นเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หนังสือเหล็กนั้นก็คือเครื่องมือเท่านั้นไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเลย ในเวลาเดียวกัน ชิวเดินไปที่ข้างลหยางและจับตัวเธอไว้
หนักงานของห้องอาหารก็นิ่งไปแปปนึ่ง จากนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้น พวกเขาไม่คิดว่าเจ่าไห่จะกล้าที่จะทําแบบนี้กับลูหยาง
และในขณะที่พวกเขายังสังเกตเห็นความกล้าของชิวด้วย พวกเขาไม่คิดว่านักรบที่น่ากลัวแบบชิวจะปกป้องเจ่าไห่
เจ่าไห่ไอออกมาและพูดว่า “ชิว โปรดปล่อยเธอไปเถอะ” ชิวโมโหมากแต่ก็ทําตามสิ่งที่เจ่าไห่พูด
ลูหยางตกใจกลัวมาก เธอคิดว่าชิวจะฆ่าเธอไปแล้ว หนึ่งเลยต้องรู้ว่าสําหรับใครบางคนแบบชิวที่ได้ฆ่าคนจํานวนมาก จะมีจิตสังหารอยู่รอบตัว ลูหยางนั้นเป็นเหมือนกับพืชที่ปลูกในเรือนกระจกยกเว้นเมื่อเธอใช้เวทย์ ในระหว่างการฝึกเธอไม่ได้มีโอกาสอื่นที่เธอจะได้ใช้พลังเวทย์ ดังนั้นเมื่อชิวไปจับตัวเธอ เธอก็ไม่อาจจะต่อสู้ได้
หลังจากที่ชิวปล่อยตัวลหยาง เจ่าไห่มองไปที่เธอและพูดว่า “ฉันขอโทษนายหญิงด้วย ที่ต้องใช้ความรุนแรงแบบนี้ แต่ถ้านายหญิงไม่ทําร้ายฉันก่อน เขาก็คงไม่ทําอะไรนายหญิงหรอก ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวไปพักผ่อน”
ลูหยางไม่ได้ทําอะไร เธอมองไปที่เจ่าไห่ด้วยความคิดอะไรบ้างอย่าง และพูดว่า “นายน้อยอย่าพึ่งไปเลย ฉันคิดว่าเราเลือกทักทายนายน้อยผิดไป ฉันเพื่อแค่อยากจะถามว่านายน้อยจะขายวัวตัวนั้นให้ฉันได้หรือไม่?”
การที่ลูหยางถามไปแบบนั้นทําให้ทุกคนในห้องอาหารเงียบอีกครั้ง พวกเขามองไปที่ลูหยางอย่างไม่เต็มใจ เพราะพวกเขาไม่คิดว่าลหยางจะพูดออกมาแบบนั้น
เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูหยางพูด เจ่าไห่ก็เข้าใจว่าทําไมเธอถึงมาหาเขาในวันนี้ เจ่าไห่ก็ไม่อาจจะทําอะไรเลย แต่ก็ต้องแปลกใจแล้วเขาก็ยิ้ม “ฉันจะต้องขอโทษนายหญิงด้วย เพราะวัวตัวนั้นเป็นสิ่งที่เพื่อนของฉันได้ให้มา และ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ฉันไม่อาจจะขายมันได้ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
ลูหยางเข้าใจสิ่งที่เจ่าไห่พูด เธอตอบกลับอย่างสุภาพว่า “ฉันเข้าใจแล้ว เพราะว่าสัตว์ตัวนั้นเป็นสิ่งที่สําคัญกับนายน้อยมาก และฉันจะไม่พูดเรื่องซื้อมันอีกต่อไป แต่ถ้านายน้อยมีปัญหาอะไรที่โปรดบอกฉัน ฉันจะช่วยเหลือเอง”
ท่าทางที่เปลี่ยนไปของลูหยาง ทําให้เจ่าไม่คิดอะไรไม่ออกเลย แต่ตั้งแต่ที่ดูหยางพูดดีกับเจ่าไห่ เขาก็ไม่ได้คิดที่จะทําเป็นไม่สนใจเธอ เจ่าไห่ส่ายหัวและตอบว่า “นายหญิงฉันคิดว่าตอนนี้เธอพูดดีเกินไป ฉันเป็นแค่คนที่ผ่านมาในเมืองพรุ่งนี้ฉันก็ออกไปแล้ว นายหญิงไม่ต้องลําบากเพื่อฉันหรอก”
ลูหยางมองไปที่เจ่าไห่แล้วเธอก็พยักหน้าและพูดว่า “นายน้อย คุณสามารถทําอะไรก็ได้นะขอแค่บอกฉัน” จากนั้นเจ่าไห่ก็พาลอร่าและคนอื่นๆกลับไปที่ห้องของพวกเขา
เมื่อเห็นว่าเจ่าไห่กําลังจะไป ลูหยางก็หันหน้าไปหาจิลล์ “เราก็กลับกันเถอะ” จากนั้นเธอก็หันกลับและเดินไปทางออกของห้องอาหารโดยไม่ได้เอาแส้ของเธอไปด้วย
สิ่งที่ลูหยางได้ทํานั้นผิดปกติมาก นี่เป็นเรื่องที่ห่างไกลจากพฤติกรรมของเธอมาก สิ่งที่เห็นอยู่ในตอนนี้ก็ทําให้ดูสับสนไปหมดแล้ว เมื่อพวกเขามองไปที่ลูหยาง พวกเขาก็ไม่รู้ว่า ลูหยางกําลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าลูหยางกําลังคิดวิธีที่จะเอาคืนเจ่าไห่ เพราะรู้ว่าลูหยางนั้นไม่ใช่คนที่จะยอมคนง่ายๆ เธอน่าจะคิดที่จะแก้แค้น เจ่าไห่แน่ๆ
หลังจากที่กลุ่มของเจ่าไห่กลับไปที่ห้องของพวกเขา เจ่าไห่ก็พูดว่า “เราควรคิดยังไงกับการกระทําของเธอ พวกเธอคิดว่าทําไมอยู่ๆ เธอถึงสงบไปงั้นหรอ?”
ลอร่าก็พูดว่า “เพราสิ่งที่ลูหยางได้ทํา ดูเหมือนจะมองคุณด้วยความโกรธพี่ไห่ พี่ต้องการที่จะเดิมพันกับฉัน ไม่ ลูหยางจะมาหาพวกเราอีกครั้งในวันพรุ่งนี้แน่ๆ และจะมาดูรถของพวกเราด้วย”
เจ่าไหมองและก็พูดว่า “อย่าพูดเรื่องไร้สาระ ฉันเกือบจะฆ่าเธอ ฉันคิดว่าหลังจากที่เธอหันกลับมา เธอจะหาใครสักคนที่จะจัดการกับฉันได้ ที่จะเดินทางไปกลับเรา”
ลอร่าพูดอีกครั้งว่า “พี่ดูไร้เดียงสามาก พี่ลองถามเม็กดูว่าตาของลหยางขณะที่กําลังมองพี่มันเป็นยังไงดู”
เจ่าไห่หันไปมองเม็ก เม็กก็พยักหน้า “นายน้อย ลูหย่งมองไปที่พี่ไม่ค่อยจะดีนัก ฉันคิดว่าสิ่งที่ลอร่าบอกมันเป็นอะไรที่เป็นประโยชน์จริงๆนะ ลูหยางจะต้องร่วมเดินทางไปกับพวกเราในวันพรุ่งนี้แน่ๆ”
เจ่าไห่ตกใจกับสิ่งที่เม็กพูด เขาไม่คิดว่าเม็กจะเห็นด้วยกับลอร่า เขารู้สึกเหนื่อยใจและพูดว่า “มันเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดเลยงั้นหรอ?” แล้วทําไมฉันถึงไม่เห็นหล่ะ? นอกจากนั้นฉันคิดว่าเธอจะไม่ตกใจบางเลยหรอที่เธอจะถูกฆ่า ฉันคิดว่าเธอน่าจะรู้สึกบ้างหล่ะ?
ลอร่าพูดอีกเป็นครั้งที่สาม “ใครจะไปรู้บางทีเธออาจจะเกิดมาพร้อมกับอะไรบ้างอย่าง แต่ถึงกระนั้น เราก็จะเป็นต้องดูว่านายหญิงคนนี้ เป็นยังไง ถ้าเธอเตรียมตัวแล้วเธออาจจะตามเราไปด้วย” เจ่าไห่เคาะหัวของตัวเอง
หนังสือเหล็กเป็นไอเท็มที่กลุ่มสามารถขโมยมาจากคาเรนได้และชิวก็มีความสามารถในการทําโคลนนิ่งของตัวเอง ชื่อของเขาในภาษาจีนคือชิวพันเงา ความสามารถของเขาคือสร้างโคลนนิ่งหรือเงา มันเป็นความสามารถที่ต่างกับของเจ่าไห่