Am I a God – ฉันเป็นพระเจ้า - ตอนที่ 199
Chapter 199 กําปั้นของพระเจ้า
จาวเหยาพุ่งไปปิดหน้าจอโทรศัพท์ของโรลีโพลี่ทันที
“สถานการณ์ตอนนี้อย่าถ่ายรูปจะดีกว่า” จาวเหยาบอกแมวอ้วน ก่อนหันไปทางลูกฝุ่น
“เราจะเก็บเจ้าพวกนี้ไว้ในกระเพาะ เร็วเข้า”
เจ้าหน้าที่คงกําลังหัวหมุนที่แมวหายตัวไป ถ้าพวกนั้นรู้ว่าเป็นฝีมือจาวเหยา ชีวิตเขาคงจบไม่สวย
มิติพิเศษกระเพาะเป็นที่ที่ดีที่สุดที่จะซ่อนตัวจากหูตาของพวกนั้น
แต่ลูกฝุ่นมีท่าที่ไม่ค่อยพอใจนัก
“แมวอีกแล้วเหรอ?” มันหันไปทางจาวเหยา “ไม่คิดว่าบ้านนี้ชักจะแออัดไปหน่อยเหรอ ยังจะเอาแมวที่ไหนไม่รู้เข้ามาอีก ฉันจะไม่ให้นายใช้กระเพาะของฉันเป็นที่กักตุนแมวหรอกนะ”
จาวเหยาไม่แม้แต่จะอธิบาย เขาล้วงมือเข้ากระเป๋าหลังหยิบถุงแคทมินต์ออกมา ซึ่งเรียกความสนใจของลูกฝุ่นได้ในทันที
“เร็วเข้า” เขาย้ํา
“นี่นาย..!” ลูกฝุ่นพูดไม่ออก “ฉันแค่จะช่วยนายนะจาวเหยา! นายจะเก็บแมวแบบนี้ไปเรื่อยๆไม่ได้นะ ผู้หญิง ที่ไหนอยากมาเดทกับคนสะสมแมวกัน ชีวิตนายจะมีแต่เรื่องยุ่งนะ”
แคทมินต์ล่อใจได้ดีอีกครั้ง
ลูกฝุ่นค่อยๆ อ้าปาก เปิดมิติพิเศษในกระเพาะอย่างไม่เต็มใจ หลังจากนั้นจาวเหยาใช้ภาพลวงตาล่อแร็กดอลล์ทั้งหมดเข้าไป
ข่าวการต่อสู้ในเมืองเจียงไฮ้ค่อยๆ แพร่กระจายไปทั่วประเทศ
ณ หัวตู เมืองกว่างโจว ชายหนุ่มรําพึงรําพันเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขากําลังนั่งเก้าอี้แสนสบายในออฟฟิศที่อยู่บนตึกระฟ้าที่สูงที่สุดของเมือง ค่อยๆลืมตาขึ้นภายใต้แว่นตากรอบทอง
“ไม่คิดว่าจะมีอะพอสเซิลระดับนั้นในเจียงไฮ้มาก่อน ผิดคาดจริงๆ” เขาพึมพํา มือลูบคางอย่างกําลังใช้ความคิด
ชายอีกคนเหยียดยิ้ม เขากําลังนั่งพักผ่อนอยู่บนโซฟาในห้องเดียวกัน ผมสีขาวที่ผ่านการย้อมสะท้อนแสงแดดที่เข้ามาทางหน้าต่าง
“แผนล่มอย่างนั้นเหรอ ราชาแห่งความตาย? ได้ยินว่าเยวซานอยู่ที่นั่นด้วย แพ้เขามาอย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่ ไม่ใช่เขา” ราชาแห่งความตายส่ายหน้า “พอดีไปเจอคู่ต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาเข้า ตอนนี้เจ้านั่นเป็นปัญหาของทางการไปแล้วล่ะ”
“คู่ต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา?” ชายผมขาวทวนถามพลางใช้ความคิด “แข็งแกร่งกว่าฉันอีกงั้นเหรอ?”
“บอกไม่ได้” ราชาแห่งความตายตอบตามตรง “คุณไม่มีวันรู้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของอะพอสเซิลจนกว่า จะได้สู้ตัวต่อตัวกับเขา แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็รู้ว่าพลังป้องกันของเจ้านั่นแข็งแกร่งมาก”
เขาหยุดไปครู่หนึ่ง “นี่แค่เริ่มต้นเพื่อนรัก เราต้องหาพันธมิตรเพื่อขยายอาณาเขตของเราให้กว้างขึ้น จะไม่มีใครต่อกรกับเราได้ ฉันเล็งฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ไว้ ส่วนเจียงไฮ้รอไปก่อน”
ชายหนุ่มทั้งสองเป็นผู้นําของ “ฟาง” ซึ่งเป็นกลุ่มอะพอสเซิลอันธพาลที่ใหญ่ที่สุดในเมือง
รองประธานอย่างราชาแห่งความตายได้ขยายกลุ่มด้วยการเข้าควบคุมร่างกาฝากในทุกละแวกบ้านทั่วทุกมุมเมือง หัวการขยายพื้นที่ของเขาทําให้ทั้งเมืองหัวตูตกเป็นของกลุ่มฟ่าง
แต่การรวบรวมร่างกาฝากอย่างต่อเนื่องของเขาก็เป็นภัยคุกคามที่ผู้นํากลุ่มฟ่างกังวล
สโนว์หันมองราชาแห่งความตายก่อนขมวดคิ้วมุ่น
“เจ้านี่ ฉันยังไว้ใจไม่ได้” เขาขมวดคิ้ว “ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเราตอนนี้ก็อาจไม่ใช่ตัวจริง ต่อให้ฆ่าทิ้งซะ ตอนนี้ก็มีโอกาสที่จะเป็นเพียงแค่ร่างกาฝาก เราต้องรอให้เจอแมวของเจ้านี่ก่อน”
ราชาแห่งความตายหันมองสโนว์
“มีอะไรงั้นเหรอ” เขาถาม “คุณมีอะไรจะคัดค้านแผนตะวันตกเฉียงใต้งั้นเหรอ คุณไม่ต้องกังวลเรื่องที่เจียงไฮ้ มันก็แค่การทดสอบเท่านั้น ต่อให้พลาดก็ไม่กระทบอะไรกับเรา ถ้าสําเร็จสิถึงจะเป็นโบนัส”
สโนว์ส่งยิ้มน้อยๆ ให้รองประธานของเขา
“มีนายคอยจัดการ ฉันก็ไม่มีอะไรต้องกังวล” เขาเด้งตัวขึ้นมาจากโซฟา “ที่ฉันสนใจคืออะพอสเซิลที่นายพูดถึงต่างหาก”
“คุณคงได้เจอเขาในสักวันหนึ่ง ในตอนที่เรามีกําลังพร้อม เราจะไปสู้กับเจ้านั่น” ราชาแห่งความตายพูด
เขาเอนหลังบนเก้าอี้หนังมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ท่ามกลางพลังพิเศษบนโลกนี้ ยิ่งเวลาผ่านไปพลังของฉันมีแต่จะแข็งแกร่งขึ้น จาวเหยา คราวหน้าฉันจะเป็นฝ่ายทําเซอร์ไพรส์เอง” เขาคิด
“งั้นเหรอ” สโนว์ถามขัดความคิดของเขา
ราชาแห่งความตายหันมองอีกฝ่าย
“สโนว์ชักทําตัวเจ้ากี้เจ้าการ หรือถึงเวลาต้องเปลี่ยนตัวผู้นํา? ยังไงเราก็มีตัวสํารองพร้อมเปลี่ยนอีกมากอยู่แล้ว” เขาคิด
แอร์สลืมตาขึ้น
มันค่อยๆ ลุกขึ้นยืนก่อนมองไปรอบๆ
“อะไรน่ะ” มันเริ่มพูด “รู้สึกเหมือนได้ไปไหนสักที่ตอนหลับ แล้วเราก็หลับไปอีก? นี่เราได้ออกไปจริงๆ หรือเป็นแค่ฝันกันนะ”
จาวเหยาริบสัมผัสทั้งห้าของแอรีสเมื่อพาออกไปโลกภายนอก ทําให้แอรีสเกิดสับสน การกีดกันทางประสาทสัมผัสทําให้มันรู้สึกเหมือนกําลังฝัน
เมื่อมันเริ่มได้สติก็เห็นไกอาที่ถือโทรศัพท์อยู่ในอุ้งมือนอนมองมันตาแป๋ว
แอรีสมองไกอาก่อนหันไปมองแมวตัวอื่นๆ มันหันกลับมามองไกอาอีกครั้ง กําลังสงสัยว่าตอนนี้เองก็เป็นความฝันหรือเปล่า
แต่มันก็เกือบร้องออกมาเมื่อเห็นว่าไกอากําลังทําอะไร
“นายทําอะไรน่ะ” มันถาม หรี่ตามองแมวการ์ฟิลที่กําลังทําหน้าเหมือนมีความผิด
มันเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ในมืออีกฝ่าย
“ฉันบอกนายกี่ครั้งแล้วว่าจะดูอะไรให้ดูด้วยกัน เราต้องประหยัดแบตนะ! นายกําลังดูอะไร”
ไกอาทําตัวลีบ “ฉันดูนารูโตะอยู่” มันพูดเสียงเบา
แอรีสตวัดมองไกอาเขม็ง
“แล้วเราไม่ได้บอกว่าจะดูด้วยกันหรือไง นายจะสปอยล์อีกแล้วเหรอ!” มันตะโกน
“เปล่านะ ไม่! ไม่ทําอยู่แล้ว! ฉันไม่ได้ดูไปไปกว่าที่เราดูล่าสุดเลย ถึงแค่ตอนซาสึเกะทรยศแล้วหนีไปจากหมู่บ้านเอง” มันตอบจริงจัง
“เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ ซาสึเกะ…?”
แอรีสโมโหเกินกว่าจะพูดได้จบประโยค มันตะปบอุ้งเท้าใส่ไกอาทันที เจ้าแมวสปอยล์กระเด็นจนไปชนกับกําแพงและลงไปนอนเหมือนกองโคลน
“ได้ไง?” มันก้มลงมองอุ้งเท้าของตัวเอง “ฉันมีพละกําลังขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
มันเบิกตากว้าง
“เดี๋ยวนะ ฉันจําได้แล้ว! ในฝันฉันได้เรียนรู้พลังใหม่!” มันร้องตื่นเต้น
“มีอะไรงั้นเหรอ” ฟูจินเงยหน้าขึ้นมาถามทั้งสะลึมสะลือ
เสียงเอะอะทําให้แมวอีกสามตัวตื่นขึ้นมา
“ปู” แอร์สชูอุ้งเท้าขึ้นมาปิดที่ปาก
มันหลับตา ขมวดคิ้ว พยายามนึกย้อนความฝัน
“ฉันจําได้แล้ว! ฉันได้เรียนรู้พลังใหม่…”
“คลื่นฝ่ามือเหล็ก!” มันตะโกน
มันยกอุ้งเท้าขึ้นหลังจากพูด สร้างเกราะพลังขึ้นมา ถัดมามันชกกําปั้นออกไป เสียงอึกทึกดังก้องราวกับเสียงฟ้าผ่า กล่องกระดาษที่วางกระจัดกระจายเกิดเสียงระเบิด
พวกแมวต่างวิ่งอลหม่านด้วยความตกใจจากเสียงระเบิดที่เกิดด้านหลัง และยังมองเห็นเป็นรอยองเท้าแมวขนาดใหญ่
แอรีสอาจไม่มีสติตอนที่สู้กับเนสซี่ แต่มันจําทักษะใหม่ที่จาวเหยาใช้พลังของมันได้
“คลื่นฝ่ามือเหล็ก! ฉันจําได้แล้ว! เกราะพลังของเราใช้อย่างนี้เอง” มันว่าอย่างตื่นเต้น “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฝันอะไรได้ขนาดนั้น! ฉันอาจจะเป็นอัจฉริยะ”
มันหันไปหาแมวที่เหลือ
“อ้อ ซาสึเกะทรยศเพื่อนๆ แล้วหนีออกไปจากหมู่บ้านนะ” มันบอกเสียงเรียบ
“ไม่น้า!” พวกมันที่เหลือต่างร้องออกมาพร้อมกัน
แอรีสหัวเราะออกมาหลังจากสปอยล์เนื้อเรื่องกับเพื่อนๆ มันลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้มันก็อยู่ในอาการเดียวกัน
“เอาล่ะๆ เลิกวอแวกันได้แล้ว ไหนๆก็อยู่กันหมดแล้ว มาดูนารูโตะกันไหม” มันเสนอ
แล้วก็กดเปิดโทรศัพท์
อาหารแห้งถูกเทไว้ในจาน อาหารกระป๋องถูกเทไว้ในถ้วย ส่วนกระป๋องที่เหลือนํามาตั้งรวมกันเป็นฐานวางโทรศัพท์
ดวงตาสี่คู่จับจ้องหน้าจอไม่วางตา
“เริ่มแล้ว!” ฟูจินพูด ก่อนยื่นหน้าเข้าไปใกล้จอ “บอส นายว่านินจามีอยู่จริงไหม”
“ไม่มีอยู่แล้ว” แอรีสตอบเรียบๆ “จําไวเนะฟูจิน นารูโตะกับ Attack on Titan เป็นสิ่งชวนเชื่อมันไม่มีอยู่จริง มีแค่โชว์อย่างอุลตร้าแมนกับไอรอนแมนเท่านั้นที่มีจริง”
แมวทั้งห้าราวกับเป็นนกในกรง สิ่งบันเทิงของพวกมันมีเพียงภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ และอนิเมะเท่านั้น หลังจากดูมามากมายหลายประเภทก็ทําให้พอแยกออกได้ว่าเรื่องไหนเป็นของจริงและเรื่องไหนไม่มีอยู่จริง
ฟูจินพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “บอสเรารู้ดีที่สุด”
“ไม่ได้บอกก็รู้ อยู่กับฉันนายจะได้อะไรอีกเยอะ” แอร์สพูดอย่างภูมิใจ
“เลิกคุยกันสักทีสิพวกนาย! จะเริ่มอยู่แล้วนะ!” ลูซิเฟอร์ติ
นารูโตะก็เป็นอีกเรื่องที่นิยม ฉากต่อสู้, การดําเนินเรื่อง, และการหักมุมต่างมีสเน่ห์ เพียงนาทีเดียวที่เข้าสู่เนื้อเรื่อง แมวทั้งสี่ต่างสงบเสงี่ยมสนใจแต่การ์ตูนตรงหน้าเท่านั้น
เป็นเหตุให้พวกมันต่างไม่สังเกตแสงสีขาวกลางอากาศ ซึ่งเป็นช่องทางให้แมวขนฟูอีกสามตัวหล่นลงกอง ลังกระดาษจนเกิดเสียงดัง
เมื่อเสียงดังขึ้น แมวทั้งสี่ต่างตกใจกระโดดส่งเสียงร้องไปมา พวกมันวิ่งกระจายกันไปคนละทาง
“ทุกคน สงบหน่อย!” แอรีสตะโกนพลางเลียขนตัวเองอย่างกําลังพยายามทําตัวเองให้ใจเย็น “พวกเราหนึ่งคนเข้าไปดูหน่อยสิว่านั่นอะไร”
แมวทั้งสามที่เหลือต่างส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเร็ว
ในฐานที่เป็นผู้นํา มันเองก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นคนเข้าไปดู
“ฉันไม่กลัว!” มันว่า “ฉันมีคลื่นฝ่ามือเหล็ก ไม่ว่าไอ้นั่นจะเป็นอะไร ฉันจะอัดมันให้หมอบ!”
เมื่อมันเขาไปใกล้กองขนฟู สิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งเริ่มสะบัดหางไปมาและค่อยๆลุกขึ้น
แอรีสรีบยกอุ้งเท้าขึ้นส่งคลื่นลมไปยังแร็กดอลล์ ทําให้มันลอยไปชนกําแพงและตกลงมาทับไกอา
“แอ่ก” ไกอาร้องก่อนหมดสติไป
มันแทบหมดสติอยู่แล้วในตอนแรก จนกระทั่งโดนแรงกระแทกจากแร็กดอลล์อีกรอบ
ทันใดนั้นแร็กดอลล์อีกสองตัวได้สติ มันลุกขึ้นมายืนสี่ขา ทําให้แมวทั้งสี่มองเห็นพวกมันได้อย่างชัดเจน
เมื่อแอรีสเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ มันก็รู้สึกราวกับหัวใจเต้นผิดจังหวะ