Am I a God – ฉันเป็นพระเจ้า - ตอนที่ 195
Chapter 195 ควันหลง
ซุนเหมิงต้องการหนีก่อนที่เนสซีจะแพ้ ไม่นานหลังจากได้รับข้อความบอกลาจากราชาแห่งความตาย เธอก็เริ่มวิ่ง
แต่เนื่องจากอาการแขนหักทําให้เธอไปได้ไม่ไกล แต่ละก้าวก่อความเจ็บปวดอย่างมาก
เธอเพิ่งหลบไปได้ไม่เกินร้อยเมตร แมวดําตัวจิ๋วก็กระโดดเข้ามาขวางหน้าเธอไว้ มันจ้องตรงมาที่เธอราวกับจะไม่ให้เธอหนี
ซุนเหมิงมุ่นคิ้ว แมวตัวนี้เป็นซูเปอร์แคทอย่างไม่ต้องสงสัย
และแน่นอนว่าเธอคิดถูก ลูกฝิ่นสังเกตเห็นว่าเธอกําลังพยายามหนีก่อนมัจฉะเสียอีก มันจึงเข้ามาขวางไว้เป็นตัวแรก
ลูกฝุ่นอ้าปากโชว์คมเขี้ยว ทั้งจ้องซุนเหมิงตาไม่กระพริบ มันส่งเสียงคํารามในลําคอก่อนเริ่มใช้พลัง
แต่ก่อนที่ลูกฝุ่นจะดูดทุกอย่างเข้าไป ซุนเหมิงก็ทําให้เจ้าแมวตัวนั้นหลับไปเสียก่อน ยังไงความสามารถของเธอก็ถูกเปิดเผยอยู่ดี ไม่มีความจําเป็นต้องปกปิดอีกแล้ว
การเผชิญหน้าจบลงอย่างรวดเร็ว ถูกฝุ่นตัวจ้อยเข้าสู่ห้วงนิทราฟบลงไปนอนกับพื้นอย่างรวดเร็ว มันตั้งใจว่าจะดูดเสื้อผ้าของซุนเหมิงเข้าไป แม้ว่าจะดูดเข้าไปได้แค่เสื้อก็ตาม
“บ้าจริง” เธอสบถขณะก้มมองและพบว่าท่อนบนเธอเหลือแต่ชั้นใน “พลังบ้าบออะไรกัน”
แมวที่โดนทําให้หลับไม่ได้มีแค่ลูกฝุ่นเท่านั้น แต่กลับเป็นทุกตัวที่อยู่รอบๆ มัจฉะ โรลี่โพลี่ และเค้กข้าวต่างนอนสลบไสลอยู่กับพื้น
คนสัญจรไปมาที่มองเธออยู่ต่างล้มลงที่ละคนเหมือนตุ๊กตา รวมไปถึงอาเว่ยและลูกค้าที่เพิ่งออกมาจากร้านกาแฟด้วยเช่นกัน
ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะมีพลังแข็งแกร่งมากเพียงใดก็ต้านความสามารถของเธอไม่ได้ ศัตรูที่หลับก็เหมือนศัตรูที่พร้อมตาย ไม่มีใครมาขวางเธอไว้ได้อีก
โชคไม่ดี เธอเองก็รู้ดีว่าทุกสิ่งย่อมมีข้อยกเว้น มีหนึ่งคนที่ไม่ได้รับผลกระทบ สําหรับเธอแล้วคนๆ นั้นเป็นภัยคุกคามอย่างมาก
“หวังว่าเนสซี่จะดึงความสนใจจากเจ้านั่นได้บ้างนะ” ซุนเหมิงกระซิบกับตัวเอง
เธอยังคงเดินโซซัดโซเซต่อไป ปรายตามองพวกที่นอนบนพื้นอย่างไม่พอใจ
“เจ้าราชาแห่งความตายมันกล้าทิ้งเราได้ยังไง! ไอ้คนขี้ขลาดนั่น”
ความไม่พอใจเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความกลัวเมื่อได้ยินเสียงโครมครามอย่างต่อเนื่องมาไกลๆ เสียงนั้นดังๆขึ้นราวกับใกล้เธอเข้ามาทุกที ช่วงพริบตาเดียวก็มีเงาบางอย่างปรากฏอยู่ตรงหน้า
จาวเหยากระโดดมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธออย่างรวดเร็ว แรงสั่นสะเทือนราวกับดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลก ทุกการกระทําของเขาขยายแผ่ออกไปจากแรงระเบิดที่เขาใช้ขับเคลื่อนตัวเอง เขาทุบพื้นถนนทันทีที่เท้าแตะพื้นส่งผลให้ฝุ่นและเศษซากปลิวไปทุกที่
ซุนเหมิงกระแอมไอก่อนถอยหลังไปสองสามก้าว
จาวเหยาเพ่งมองคนตรงหน้าที่มีความต้านทานพลังของเขา ก่อนมองคนที่นอนอยู่กับพื้นโดยรอบ บางคนกระเด็นไปเล็กน้อยจากแรงกระทบที่เขาทํา
“ดูเหมือนเธอจะมีพลังที่ทําให้คนอื่นหลับ ขอบคุณพระเจ้าที่ฉันมีเกราะป้องกันนี่ ไม่งั้นฉันเองก็คงลงไปนอนกับพื้นแบบนั้นเหมือนกัน”
ซุนเหมิงรู้สึกกังวลอย่างมากเมื่อมองอีกฝ่าย
“มีแค่ฉันเท่านั้นที่จะปลุกคนที่ฉันทําให้หลับขึ้นมาได้ และนายไม่มีวันหาแมวฉันเจอแน่นอน ถ้านายทําอะไร ฉันละก็คนพวกนี้จะอยู่ในอาการโคม่าตลอดไป!” เธอตะโกนเตือนอย่างพยายามป้องกันตัวเองอย่างสุดชีวิต
“โคม่า? เธอพูดเรื่องอะไร?” จาวเหยามองไปข้างๆ “ไม่ว่าจะคืออะไร…”
จาวเหยาโบกไปมือไปมาใกล้ๆ ใบหน้าของซุนเหมิงหวังจะพัดเธอออกไป เขาพยายามใช้แรงให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทําได้ แต่ซุนเหมิงก็ปลิวกลิ้งไปกับถนน หน้าของเธอกระแทกกับพื้นถนนจนสลบไป
จาวเหยากัมมองมือตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา
“ให้ตายสิ ไม่ใช่จะควบคุมง่ายๆ เลยนะเนี่ย” เขาพึมพํา
แต่ความแข็งแกร่งในตอนนี้ไม่ใช่พลังของเขาเอง เป็นพลังที่ได้รับจากเกราะกําบัง
จาวเหยาไม่อาจคาดเดาผลที่จะตามมาจากการใช้พลังของเขาได้เลย เพราะเขาไม่ได้เป็นคนควบคุมสนามพลังโดยตรง เขาเพียงควบคุมแอรีสให้ใช้พลังเท่านั้น
เขารู้สึกผิดกับการโจมตีที่หนักหน่วงของตัวเอง แต่ก็รีบสลัดความคิดนั้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้อง ทําภารกิจให้สําเร็จ เขาต้องไขปัญหาเรื่องพวกขโมยแมวให้ได้
มุมปากยกยิ้มเมื่อได้รับค่าประสบการณ์ 600 คะแนน บวกกับภารกิจรายวันที่เปลี่ยนแปลงค่าสถานะในทีม
Book : Lv3 (1438/2000)
มัจฉะ : Lv4 (1010/2000)
อลิซาเบธ : Lv4 (250/2000)
ลูกฝุ่น : Lv5 (140/2000)
“ดีล่ะ อัพเลเวลให้มัจฉะได้แล้ว” เขายิ้มกว้าง
แน่นอนว่าไม่ใช่ตอนนี้ เขายังมีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการ
“ใครจะไปคิดว่าวันธรรมดาๆ จะมาจบลงที่การต่อสู้กับพวกหลบหนีอันตรายแบบนี้นะ” เขาหัวเราะกับตัวเอง
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนกดโทรออกหาสารวัตรโฮ
แต่ปลายทางไม่รับสาย เขาต้องใช้เวลานานกว่าปลายสายจะกดรับ
สารวัตรโฮเริ่มเดินไปมาอย่างกระสับกระส่ายก่อนที่จาวเหยาจะกล่าวทักทายเสียอีก
“จาวเหยา!” เขาตะโกนใส่ปลายสาย “เรียบร้อยดีหรือเปล่า? รออยู่นั่นนะ เรากําลังไป!”
กลายเป็นว่าอาเว่ยแจ้งศูนย์ใหญ่แล้วว่าซุนเหมิงและพรรคพวกปรากฏตัวขึ้นที่นี่ สารวัตรโฮจึงส่งกําลังเสริมออกมาทันที่ที่รู้ข่าว
จาวเหยาได้ยินน้ําเสียงเป็นห่วงจากอีกฝ่ายก็ได้แต่เกาหัว เขามองอะพอสเซิลที่นอนอยู่ข้างหน้า
“เรื่องนั้น… ผมว่าผมจัดการหมดแล้วครับ”
ได้ยินดังนั้นปลายสายก็เงียบไปครู่หนึ่ง
“นายบอกว่าจัดการหมดแล้วอย่างนั้นเหรอ? หมายถึง… เอาชนะพวกนั้น?” สารวัตรโฮถาม
เขาเอ่ยถามช้าๆ เหมือนพยายามทวนคําถามกับเด็กสองขวบให้แน่ใจ”
จาวเหยากําลังจะตอบแทนด้วยการมาถึงของรถสีดําของเจ้าหน้าที่กําลังเสริม รถหลายคันต่างล้อมหน้าร้านของเขา เจ้าหน้าที่ชุดดําสีหน้าเคร่งเครียดสองสามคนเดินลงมาจากรถ
คนที่สัญจรไปมาเริ่มรู้สึกตัวจากเสียงกรวดทรายใต้ล้อรถ
ชายผมสีแดงสดผู้อยู่ในรถคันที่ใกล้พื้นที่ต่อสู้ที่สุดสํารวจที่เกิดเหตุและพูดกับไมโครโฟนที่เสียบอยู่ที่หูของเขา “หน่วยแช่แข็ง เตรียมไนโตรเจนเหลวให้พร้อมสกัดเจ้าตัวน้ํา หน่วยยับยั้งเตรียมยากล่อมประสาทให้ผู้หญิง ผมทองและใครก็ตามที่คิดจะโจมตี และอย่าถอดแว่นตาเด็ดขาดถ้าไม่อยากโดนซุนเหมิงเล่นงาน”
เห็นได้ชัดว่าทางการทําการบ้านมาอย่างดี พวกเขาเตรียมตัวรับมือกับผู้หลบหนีทั้งสี่อย่างรอบคอบ
เจ้าหน้าที่ทุกคนลงจากรถในสภาพพร้อมต่อสู้ แต่ภาพตรงหน้าก็ต้องหยุดพวกเขาไว้ มีผู้คนมากมายนอนกองอยู่ที่พื้น ส่วนใหญ่ไม่ได้สติ บางคนมีท่าทีตื่นกลัว มีเพียงจาวเหยาที่ยืนอยู่เท่านั้น
เจ้าหน้าที่หันกระบอกปืนไปทางจาวเหยาทันที
จาวเหยารีบโบกมืออย่างกระอักกระอ่วนใจ
“ทุกคนครับ เราเป็นพวกเดียวกัน ที่จริงผมคุยกับสารวัตรโฮอยู่ คุณลองดูก็ได้นะ” เขาพยายามอธิบาย
ชายผมแดงเยรูซานย่นคิ้วอย่างสงสัย เขาโบกมือในอากาศ โทรศัพท์จากมือจาวเหยาลอยมาอยู่ในมือของเขา
เขาแนบโทรศัพท์ข้างหู สีหน้าเปลี่ยนไปทันทีเมื่อรู้ว่าปลายสายคือผู้บังคับบัญชา เขาได้แต่มองจาวเหยาอย่างสงสัย
“ดูเหมือนพวกผู้หลบหนีทั้งสี่คนถูกจัดการหมดแล้ว ไปดูซิ” เขาออกคําสั่ง
สีหน้าของเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน พวกเขาต่างมองจาวเหยาอย่างแปลกใจ ไม่ไว้ใจและระแวดระวัง
เมื่อพวกเขาเคลื่อนย้ายไปหาผู้หลบหนี จาวเหยาก็ใช้ภาพลวงตาพรางตัวเองไว้ ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่เขาจะไปพาตัวเจ้าแมวพัลลัสที่ยังคงอยู่ในรถกลับมา เขาพรมน้ําใส่เจ้าแมวที่ยังหลับอยู่ก่อนหลอกล่อมันให้เข้าไปในมิติกระเพาะ