Am I a God – ฉันเป็นพระเจ้า - ตอนที่ 191
Chapter 191 การเผชิญหน้าของอาเว่ยและมาตรการความปลอดภัยของจาวเหยา
อาเว่ยโชคไม่ดีนัก ใบหน้าและศีรษะของเขาต่างเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นผงสีเทา ทั้งยังมีกลิ่นแปลกๆ โชยออกมา
เขาพบแต่เรื่องโชคร้ายไม่หยุดหย่อนนับตั้งแต่ตอนอยู่ร้านกาแฟที่จาวเหยาใช้พลังควบคุมร่างกายของเขา หลังจากนั้นก็ถูกเนสซี่กับพรรคพวกควบคุมตัวเอาไว้ จนถึงขั้นต่อสู้กัน
เขาเหนื่อยล้าอย่างมาก แม้เขาสุดจะทนกับเรื่องกลิ่นกายแต่ก็ต้องรีบไปที่คาเฟเพื่อบอกบางอย่างกับจาวเหยา การต่อสู้จบลงที่มีผู้บาดเจ็บล้มตายมากมาย ซึ่งเขาต้องการพลังฟื้นฟูจาวเหยาอย่างเร่งด่วน
วินาทีที่อาเว่ยถึงร้านก็ได้สัมผัสคลื่นพลังสวนแห่งความสงบ เขารู้สึกอบอุ่นและเบาสบายเป็นอย่างมากจนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ไปชวนเดินไปทักทายเมื่อเห็นลูกค้าเข้าร้าน “สวัสดี เจอกันอีกแล้ว”
“หัวหน้านายอยู่ไหม? จาวเหยาน่ะ” อาเว่ยถามเมื่อเห็นมุมประจําที่จาวเหยาควรจะนั่งอยู่ว่างเปล่า
“เขาออกไปข้างนอกครับ คุณอยากได้กาแฟสักแก้วระหว่างรอไหม”
อาเว่ยขมวดคิ้วมุ่นอย่างร้อนใจแต่ก็นั่งรอโดยดี
“เจ้านั่นไปหาท่านผู้อาวุโสแล้วอย่างนั้นเหรอ ไหนบอกว่าจะไปหลังร้านปิดไม่ใช่หรือไง” เขาคิด
ผ่านไป 10 นาทีที่แสนยาวนาน หญิงสาวสวยคนหนึ่งเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามกับเขา
อาเว่ยรู้จักเธอ เธอเป็นแคชเชียร์ของที่นี่ แล้วก็เป็นคนที่น่าดึงดูดสายตาอีกคนที่เขาเคยได้พบ
เขายังรู้ว่าเธอทํางานให้กับสารวัตรโฮ โดยรับหน้าที่คอยจับตาดูจาวเหยาและรายงานทางการทันทีเมื่อมีอะไรผิดสังเกต
อาเว่ยพยายามดึงหน้าเข้มมองฝ่ายตรงข้าม “มีอะไร”
“เอ่อ ขอโทษค่ะ” เสี่ยวฉีอยู่เริ่มบทสนทนาอย่างไม่ค่อยลื่นไหลนัก เธอถูกนิ้วกับจมูกไปมา “คือว่า ที่ตัวคุณ เอ่อ มีกลิ่นแปลกๆน่ะค่ะ รบกวนคุณช่วยออกไปรอหน้าร้านแทนได้ไหมคะ”
“ว่าไงนะ!?”อาเว่ยขึ้นเสียง
นี่ไม่อยู่ในบทที่เขาคาดว่าจะได้รับจากอีกฝ่าย
เขามองไปรอบๆ ก็พบว่าลูกค้าในร้านต่างมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ เป็นสายตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไรนัก
เขาหัวเราะแห้งแก้เขินก่อนหันกลับมาทางเสี่ยวฉีอยู่
“ได้สิ ได้เลย ผมจะออกไปรอข้างนอก” เขาว่า
“ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะ เพื่อเป็นการชดเชยเราจะบริการกาแฟให้ฟรีนะคะ” เธอกล่าวขอโทษอย่างสุภาพ
“อ่า ไม่เป็นไร ไม่ใช่ความผิดคุณ เพราะผมเองต่างหาก จริงๆนะ ไม่เป็นไร” เขารีบลุกทันที
เขาให้ความร่วมมือกับเสี่ยวฉีอยู่อย่างดี ถ้าหากเป็นจาวเหยามาพูดกับเขาแบบนั้นละก็เรื่องคงไม่จบง่ายๆ ไม่แน่อาจจบที่การต่อยตีแม้เขาจะไม่รู้ว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้หรือเปล่าก็เถอะ
เสี่ยวฉีอยู่เดินออกไปส่งอาเว่ยอย่างพยายามรักษามารยาทที่สุดเท่าที่จะทําได้ ทันทีที่พ้นประตูเขาก็รู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันที
มีรถคันหนึ่งจอดอยู่หน้าร้าน ซึ่งเขาเห็นใบหน้าคุ้นเคยของคนสามคนผ่านกระจกหน้าต่าง เพราะใบหน้าที่คุ้นเคยอย่างแปลกตานี้เป็นคนที่ลักพาตัวเขาไปก่อนหน้านี้นั่นเอง
คนที่เขาจําไม่ได้เลยคือราชาแห่งความตายที่ตอนนี้อยู่ในร่างของหญิงสาว
“อ้าว จาวเหยากลับมาแล้วเหรอ! เขามาหานายแน่ะ” เสี่ยวฉีอยู่เอ่ยทัก
ชื่อจาวเหยาทําให้อาเว่ยชะงักไปครู่หนึ่ง มีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อมกันมากเกินไป เขามองจาวเหยา อย่างตกใจเมื่อเห็นเขาปรี่ไปที่รถคันนั้น
“เจ้าบ้านั่นจะฆ่าตัวตายหรือไง!”
แม้ผู้พันเยวซานจะทําให้อะพอสเซิลทั้งสามหนีออกมาได้ครั้งหนึ่ง แต่ไม่มีทางที่จาวเหยาจะรับมือพวกนั้นได้
อาเว่ยรีบดึงเสี่ยวฉีอยู่ไว้เป็นสิ่งแรก เพื่อไม่ให้เธอเข้าใกล้พวกนั้น
“อย่าเข้าไป! มันอันตราย” เขาเตือน
“มีเรื่องอะไรงั้นหรือคะ?” เธอถามอย่างสงสัย
อาเว่ยค่อยๆ พาเสี่ยวฉีอยู่ไปซ่อนในมุม เขาหยิบโทรศัพท์ออกมากดเบอร์โทรศัพท์
“อะพอสเซิล 4 คนนั้นอันตรายมาก พวกนั้นเพิ่งบุกที่ตั้งของพวกเรา ห้ามเข้าไปใกล้เด็ดขาด ผมจะโทรเรียกกําลังเสริม” เขาอธิบาย
“แล้วจาวเหยาล่ะคะ” เสียวฉ่อยู่หน้าซีดขณะมองเจ้านายของตัวเอง
“แร็กดอลล์ตัวนั้นเป็นของฉัน เธอชื่ออลิซาเบธ” ซุนเหมิงอธิบาย “ใช้พลังสร้างภาพลวงตาโดยทําให้สัมผัส การได้ยินและการมองเห็นผิดเพี้ยน เพียงแค่มองเป้าหมายก็ทําให้ร่างกายถูกควบคุมได้ แต่โชคร้ายที่เธอควบคุมได้ทีละคนเท่านั้น”
แน่นอนว่าไม่ใช่จุดอ่อนเพียงข้อเดียวของอลิซาเบธ นอกจากมองเป้าหมายแล้ว เธอยังต้องใช้คลื่นเสียงเพื่อใช้พลังอีกด้วย
ซุนเหมิงเลือกที่จะเก็บความลับข้อนั้นไว้ เธอต้องการพลังของอลิซาเบธเพื่อตัวเธอเอง จึงไม่ใช่เรื่องดีที่จะ เปิดเผยจุดอ่อนให้คนอื่นรู้
“นั่นเป็นปัญหาใหญ่อยู่นะ” ราชาแห่งความตายพูด “ฉันมั่นใจว่าระยะการควบคุมของเธอย่อมมีขีดจํากัดด้วย ฉันจะส่งพวกลูกน้องมาสังเกตุการณ์ดูเผื่อว่าเธอใช้ภาพลวงตากับเรา”
พูดจบเขาก็หลับตาลง
“เอาล่ะ มีสองสามคนอยู่แถวนี้พอดี”
“120 เมตรน่าจะโอเค” ซุนเหมิงบอก “เท่าที่ลูกน้องของนายอยู่ห่างจากร้านออกไป 120 เมตร ฉันคิดว่าระยะนั้นพลังน่าจะไปไม่ถึง พวกเขาจะเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง”
พวกเขาอาจกําลังต่อกรกับอะพอสเซิลธรรมดา แต่หลังจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ทําให้พวกเขาต่างอยู่ในสภาพตื่นตัว พลังที่แข็งแกร่งเกินคาดเดาอาจโผล่ออกมาเมื่อใดก็ได้ แม้แต่ทหารผ่านศึกก็อาจพ่ายแพ้หากประเมินศัตรูต่ําไป
รถจอดเทียบอยู่หน้าร้าน
พวกเขายังคงนั่งอยู่ในรถ สังเกตสถานการณ์ผ่านกระจกหน้าต่าง
“นั่น! นั่นไงล่ะ แมวตัวที่อ้วนที่สุดที่อยู่บนหอคอย” ซุนเหมิงชี้
ทุกคนหันมองตาม แต่กลับถูกดึงความสนใจเมื่อเสียงเคาะกระจกรถดังขึ้น สายตาทั้งสี่คู่หันไปมองจาวเหยา
“อะไรกัน”
“ทําไมเจ้านี่มาอยู่ที่นี่”
“พวกเจ้าหน้าที่เจอตัวเราแล้วอย่างนั้นเหรอ”
ท่ามกลางความตื่นตระหนก ราชาแห่งความตายพูดขึ้น
“เปิดประตู” เขาพูดนิ่งๆ “ลองดูว่าเจ้านั่นจะพูดอะไร ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลก็จัดการได้เลยมาคนเดียว แบบนี้พระเจ้าก็ช่วยอะไรไม่ได้”
“คิดจะมาทําอะไรกันฮะเจ้าพวกหัวขโมย ฉันเห็นนะว่าพวกแกมองเข้าไปในร้านของฉัน ฉันจะบอกให้ว่าพวก แกจะต้องเสียใจ ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร” จาวเหยาหาเรื่องเต็มที่
ทั้งสี่ไม่มีการเคลื่อนไหว เพียงมองจาวเหยานิ่ง
ราชาแห่งความตายยักไหล่หัวเราะก่อนถามกลับไป “แล้วคุณเป็นใครกันล่ะ ช่วยบอกเราจะได้ไหม”
น้ําเสียงเย้ยหยันจากอีกฝ่ายทําให้จาวเหยาผงะไปเล็กน้อย รอยย่นระหว่างคิ้วเข้มชัดขึ้นก่อนยื่นหน้าไปมอง ผู้โดยสารในรถใกล้ๆ
และกลายเป็นว่าจาวเหยารู้จักหนึ่งในนั้นซึ่งนับว่าเป็นข่าวร้าย
“ผู้หญิงที่บาดเจ็บคนนั้นเป็นคนที่สารวัตรโฮเดือนเรามาไม่ใช่หรือไง รู้งี้หนีไปซ่อนตัวดีกว่า” เขาคิด
“บ้าเอ้ย อย่าบอกนะว่าทั้งคันนี้เป็นพรรคพวกที่หลบหนีกันหมดเลย?”
จาวเหยารู้สึกบางอย่างขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ เขานึกย้อนไปถึงคําพูดของสารวัตร ทั้งห้าคนบนรถไม่ใช่โจรกระจอก พวกเขากลับอันตรายและยากจะรับมือซึ่งควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง
และนี่เป็นเหตุผลที่ทําให้เขาต้องหยิบเอามาตรการด้านความปลอดภัยที่สร้างขึ้นใหม่ออกมาใช้
ขั้นแรก ใช้พลังหยุดเวลาของมัจฉะ
ขั้นที่สอง ออกห่างจากรถคันนี้ให้ไกลที่สุด
ขั้นสาม สลับไปใช้พลังลูกฝุ่นและหายตัวไปต่อหน้าคนพวกนั้น
จาวเหยาถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อดูดตัวเองเข้ามาในที่ปลอดภัย มิติพิเศษในกระเพาะ
เขาเคยสงสัยมาตลอดว่าหากต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ไม่รู้จักจะทําอย่างไร
ถ้าเขาใช้พลังหยุดเวลาจะเป็นอย่างไรถ้าศัตรูป้องกันได้แล้วทําให้ผลย้อนกลับ หรือถ้าศัตรูปล่อยพิษออกมาได้จะเป็นอย่างไร ถ้าอีกฝ่ายเปลี่ยนการโจมตีของเขาไปเป็นอย่างอื่นจะทําอย่างไร
แล้วภาพลวงตาของอลิซาเบธล่ะ ถ้าเกิดอีกฝ่ายโจมตีเขาโดยตรงแทน หรือถ้าฝ่ายตรงข้ามมีพลังเดียวกันกับเขา หรือกรณีที่แย่ที่สุด ฝ่ายตรงข้ามมีพลังน็อคเขาได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ไม่ว่าจะเป็นหนึ่งในเหตุการณ์พวกนี้หรือไม่ ความผิดพลาดก็ย่ําแย่ทั้งนั้น มีความเป็นไปได้มากมายที่อีกฝ่ายจะโจมตีเขาได้สําเร็จ จึงเป็นเหตุผลว่าทําไมจาวเหยาถึงคิดมาตรการความปลอดภัยนี้ขึ้นมา
“บ้าจริง เจ้านั่นจําเราได้” ราชาแห่งความตายว่า พลางนึกถึงภาพที่มีแสงจ้าบนหน้าจาวเหยาก่อนเขาจะหายตัวไป “เจ้านั่นไปไหนแล้ว เหมือนจะใช้พลังเทเลพอร์ตได้นะ”
ทั้งห้ารีบลงมาจากรถ
“เจ้าบ้านั่น รอฉันเล่นงานมันได้…” เนสซี่กัดฟัน
ไม่ทันที่เนสซี่จะพูดจบ จาวเหยาก็ปรากฏตัวหน้าพวกเขาอีกครั้ง
โดยมีแมวอยู่ในอ้อมแขน
มันคือแมวเปอร์เซีย แอรีส
จาวเหยามองไปที่กลุ่มอะพอสเซิล ดวงตามีประกายสีแดง…