Am I a God – ฉันเป็นพระเจ้า - ตอนที่ 190
Chapter 190 หนีและขโมยแมว
ทั้งสี่รีบวิ่งเข้าไปในตรอกแคบแห่งหนึ่ง
ซุนเหมิงหน้าเปลี่ยนสีเมื่อก้มมองแขนตัวเองที่บิดเบี้ยวผิดรูป
“เจ้านั่นเป็นใครกัน” เธอถามทั้งหอบหายใจแฮก
“เยวซาน” ราชาแห่งความตายตอบ
ตอนนี้เขาดึงตัวเด็กสาวคนหนึ่งมาเป็นร่างหลัก และเธอก็เดินตามทีมของเขาไปตลอดทาง
“เขาควรจะประจําอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้สิ ฉันก็ไม่รู้ว่าทําไมเขาถึงย้ายมาที่นี่”
“เยวซานคนนั้นดังมากเหรอ” ซุนเหมิงถาม
“กับคนธรรมดาทั่วไปก็น่าจะไม่ แต่เขาเป็นที่รู้จักในแถบตะวันตกใต้ สายของฉันเพิ่งเล่าเกี่ยวกับเจ้านั่นไม่นาน” ราชาแห่งความตามอธิบายให้ซุนเหมิงฟังก่อนพูดต่อ
“แถบตะวันตกใต้ต่างกับที่นี่ จํานวนประชากรทั้งคนและแมวต่างเยอะกว่าที่นี่มาก ซึ่งหมายความว่าก็มีอะพอสเซิลอยู่มากเช่นกัน บางคนถึงขั้นตั้งตระกูลของตัวเองขึ้นมาใหม่และเยวซ่านเป็นคนจัดการกับอะพอสเซิลที่จะเป็นภัยกับทางการคนที่นั่นบอกมาแบบนั้น”
เนสซี่มั่นคิ้ว “เขาต้องย้ายมาที่นี่เพราะเรื่องก่อนหน้านี้แน่เลย”
“ที่จีนก็ไม่ได้หนักหนาขนาดนั้นไอ้หนู” บาร์บี้ถอนหายใจ “ที่อเมริกามีแต่ความวุ่นวาย พวกอะพอส เซิลต่างต่อสู้กันและสร้างปัญหาตลอดเวลา จนรัฐบาลไม่มีเวลาไปทําอะไรนอกจากหาทางรับมือกับพวกนั้นอย่างเยรูซานแน่นอนว่ามีความสามารถ การจะล้มเจ้าเด็กนั่นไม่ใช่เรื่องง่ายต่อให้เรารวมพลังกันก็ตาม”
“ไม่จําเป็น” ราชาแห่งความตายหัวเราะนิ่งๆ “เจ้านั่นแข็งแกร่งก็จริง แต่ก็มีแค่ชีวิตเดียวในขณะที่เรามีทั้งชีวิตและโอกาสในการจัดการเจ้านั่นไม่จํากัด เราจะต้องสําเร็จสักครั้งหนึ่ง”
– “โอเค แล้วทีนี้เราเอาไงต่อ?” ซุนเหมิงถาม พลางมองหน้าเพื่อนร่วมทีมรายคน “ฉันต้องการการรักษานี่ไม่อยู่ในข้อตกลง! ทําไมถึงกลายมาเป็นการต่อสู้กับพวกเจ้าหน้าที่จนถึงตายกันแบบนี้ฉันไม่ได้มาเข้าร่วมกับนายเพราะอย่างนี้นะ!”
เธอหยุดสะอื้นไปชั่วครู่ ก่อนหันไปมองสาวสวยที่อยู่ภายใต้การควบคุมของราชาแห่งความตายอย่างโกรธเคืองซุนเหมิงสงสัยมานานแล้วว่าเจ้าหัวโจกคนนี้ไม่มีทางเปิดเผยตัวจริงเป็นแน่และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆเธอไม่ประหลาดใจเลยสักนิด จากร่างชายหนุ่มมากลายเป็นร่างหญิงสาวแบบนี้เธอรู้สึกไม่พอใจกับการหลอกลวงนี้อย่างมาก
“มันเป็นเพราะอาเว่ย” ราชาแห่งความตายแย้ง
ใบหน้าของเขา ซึ่งในตอนนี้เป็นของหญิงสาวกําลังบิดเบี้ยวอย่างครุ่นคิดเรื่องแผนการไร้ที่ติของตัวเองดันจบลงโดยไม่ได้อะไรกลับมา เขาควรจะควบคุมเจ้านั่นได้ แต่มันกลับพาพวกเขาไปถึงหน้าประตูที่มีศัตรูพร้อมตั้งรับอยู่มากมาย
ในคราวนี้พวกเขาอาจหนีออกมาได้ แต่คราวหน้าจะเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ พวกเขาอาจถูกไล่ล่าหรืออาจเลวร้ายกว่านั้น
แม้เรื่องนี้จะกวนใจอยู่ แต่เขาก็กลบเกลื่อนมันด้วยความมั่นใจ
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น มันจะจบเร็วๆ นี้ ฉันมีร่างกาฝากอยู่แถบชานเมือง ที่นั่นจะปลอดภัยเหมาะแก่การรักษาตัวเราจะกลับมาตอนที่พวกเจ้าหน้าที่กําลังไปทําลายชีวิตของคนอื่น”เขาบอก
เนสซี่เปลี่ยนร่างให้เป็นน้ําก่อนพุ่งออกไปข้างหน้า เขาหยุดที่หน้าต่างรถคันหนึ่งและแทรกซึมเข้าไปข้างใน
ไม่ถึงหนึ่งนาที เขาควบคุมคนขับรถได้สําเร็จ เขาหมุนพวงมาลัยวนรถกลับมารับเพื่อนร่วมทีม
“ไปกันเถอะ”
“แล้วเรื่องคาเฟ่แมวนั่นล่ะ? แมวฉันยังอยู่ที่นั่นอยู่เลยนะ!” ซุนเหมืองถามขณะปืนเข้าไปนั่งในรถ
“ยังไม่ถึงเวลา เชื่อฉันสิ” ราชาแห่งความตายตอบกลับมานิ่งๆ
“แต่นายสัญญาแล้ว!” เธอตะโกนเสียงสูง “ที่ร้านนั้นไม่มีเยวซานสักหน่อย! เราร่วมมือกันจัดการร้านนั้นได้สบายนายจะกลัวอะไร?”
ราชาแห่งความตายยังมองซุนเหมิงด้วยแววตาเดิม
“ก็ได้ๆ” เขาถอนหายใจ “เนสซี่ จอดตรงถนน XX ซอย 00 ฉันต้องไปพาแมวมาก่อนที่จะไปร้านนั้นยังไงเราก็ต้องการพลังรักษาของแมวที่นั่นอยู่ดี หรือไม่ก็เก็บให้หมด”
หลายชั่วโมงต่อมาหลังจากอาเว่ยจากไป จาวเหยานั่งหาวหวอด ก่อนได้ยินโทรศัพท์ของเขาจะมีแจ้งเตือนข้อความเข้า
มันเป็นช่วงเวลาก่อนที่ราชาแห่งความตายจะเริ่มปฏิบัติการลับ
จาวเหยากระพริบตาปริบๆ เมื่อเห็นว่าข้อความมาจากดร.หลิว
“หืม? แมวพัลลัสโดนขโมยไป?”
เขารีบตรงไปที่ประตูทันทีอย่างไม่ลังเลโดยถือกุญแจรถไปด้วย แมวพัลลัสนั่นก็เป็นซูเปอร์แคทเหมือนกันเรื่องนี้ต้องเป็นปัญหาแน่
ดร.หลิวกระวนกระวายอยู่ที่ประตูทางเข้าโรงพยาบาล เมื่อจาวเหยามาถึงเธอก็ทักทายเขาอย่างรวดเร็วก่อนพาไปที่ออฟฟิศที่มีกรงเปล่าตั้งอยู่
“ฉันไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฉันมาทํางานตอนเช้ามันก็หายไปแล้ว ตอนแรกฉันก็นึกว่ามันอาจจะหลบออกมาเองแต่ภาพจากกล้องวงจรไม่ได้เป็นแบบนั้น” เธอเล่า
ดร.หลิวเปิดคลิปจากกล้องวงจรให้จาวเหยาดูอย่างละเอียด และเห็นว่าแมวไม่ได้หนีออกไปเองอย่างแน่นอนแต่กล้องก็ไม่อาจจับภาพหัวขโมยได้พวกเขาเห็นเพียงแผ่นหลังเบลอๆของใครบางคนซึ่งบอกอะไรไม่ได้เลยไม่ว่าจะเพศหรืออายุ
“นี่มันแปลกๆ แล้ว” จาวเหยาพึมพําก่อนลูบคาง
ดร.หลิวมองจาวเหยาอย่างตั้งใจ เธอหวังว่าจาวเหยาเป็นความหวังสุดท้ายที่จะช่วยเธอได้แม้อีกใจของเธอก็ไม่อยากหวังจนเกินไปก็ตาม
แมวพัลลัสตัวนั้นสามารถรับเป็นสัตว์เลี้ยงได้โดยการลงทะเบียนเอกสารอย่างถูกต้องตามกฎหมายแต่เนื่องจากเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์จึงถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองเธอรีบโทรหาตํารวจทันทีที่รู้ว่ามันหายไป
แต่โชคร้ายที่ตํารวจเองก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก เมื่อพวกเขามาถึงออฟฟิศก็เดินสํารวจรอบๆ สอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์และบอกให้เธอรอเมื่อมีความคืบหน้า
เธอกังวลอย่างมากจนไม่อาจนั่งรอเฉยๆ ได้ จึงจบด้วยการส่งข้อความไปหาจาวเหยา
เขาอาจไม่ใช่ตํารวจหรือสายสืบ แต่เธอกลับนึกถึงเขาเป็นคนแรก
จมูกของจาวเหยาขยับไปมาอย่างพยายามสูดกลิ่นในอากาศ เมื่อเขาหยุด ดวงตาก็เป็นประกาย
“นั่นล่ะ! จับกลิ่นเจ้าแมวเซ่อนั่นได้แล้ว” จาวเหยาคิด
พลังจากแมวของเขาทําให้จาวเหยามีสัมผัสรับกลิ่นที่ดีกว่าเดิม เขาสามารถตามกลิ่นนี้ไปหาเจ้าแมวพัลลัสได้อย่างง่ายๆ
เขาตามกลิ่นออกไปจนไปถึงประตูทางเข้าโรงพยาบาล
“มันเคยอยู่นี่ แล้วก็นี่ จากนั้นก็…”
จาวเหยาหันไปมองดร.หลิว “ผมมีความคิดบางอย่างแล้ว คุณรออยู่ที่นี่ ใจเย็นไว้ ผมหาแมวตัวนั้นเจอแน่”
เขาไม่สนใจสีหน้าสงสัยของดร.หลิว หันไปดมกลิ่นคามแมวพัลลัสต่อ
“ตรงนี้”
“แล้วก็เลี้ยวขวา…”
“พระเจ้า กลิ่นเหม็นนี้…”
จมูกตามกลิ่นของจาวเหยาพาเขามาที่ถนน XX ซอย 90 เขาเดินวนรอบถนนก่อนหยุดเมื่อพบเข้ากับหญิงวัยกลางคนที่มีกระเป๋าใบใหญ่สะพายอยู่ที่ไหล่คนหนึ่ง
กระเป๋านั้นรูปทรงในบางมุมดูนูนออกมาแปลกๆ แถมยังมีกลิ่นสาปของแมวออกมาอีกด้วย
“เธอเป็นคนขโมยอย่างนั้นเหรอ?” จาวเหยาลูบคางอย่างสงสัย “ดูท่าทางแล้วไม่น่าใช่”
“เหมือนเธอกําลังรอใครบางคน ต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างแน่”
ขณะที่จาวเหยากําลังคิดว่าจะเข้าไปปรากฏตัวหน้าหญิงสาวคนนั้นดีหรือไม่ หนังสือของเขาก็อัพเดทภารกิจใหม่ขึ้นมา
ภารกิจรอง : จงอย่าตัดสินหนังสือจากหน้าปก สิ่งที่ดูเหมือนง่ายที่สุดอาจกลายเป็นสิ่งที่ยุ่งยากที่สุด
เป้าหมาย : ลอบตามหัวขโมยแมวไปและหาตัวการผู้อยู่เบื้องหลัง
รางวัล : ค่าประสบการณ์ 300 คะแนน
บทลงโทษ : ไม่มี
จาวเหยาเบิกตากว้างขณะอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับภารกิจที่เขาได้รับ เขายิ้ม
“ไม่แย่ แถมได้ค่าประสบการณ์อีกต่างหาก”
เขาตัดสินใจไม่ปรากฏตัวออกไป อย่างน้อยก็ในตอนนี้ เขาเพียงรักษาระยะห่างเพื่อดูการเคลื่อนไหวต่อไปของเธอ
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปก็ยังคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น จาวเหยาเริ่มเบื่อขึ้นมา แต่ไม่นานก็มีรถคันหนึ่งขับเข้ามาเทียบข้างหญิงสาว
ประตูเปิดออก เธอจะก้าวขาขึ้นไปนั่ง และรถก็ขับออกไปในทันที
จาวเหยาเรียกแท็กซี่คันที่ใกล้ที่สุดก่อนกระโดดขึ้นรถ
“ตามรถคันนั้นไป” เขาบอกกับคนขับ
“เรื่องชักยุ่งยากแล้วสิ เหมือนมีใครบางคนบงการเรื่องนี้อยู่ จะเป็นพวกหัวขโมยแมวอย่างโฮห้าวชางหรือเปล่า” เขาคิด
ในหัวของเขาเต็มไปด้วยความคิดมากมายตลอดทาง จนถนนและวิวข้างทางชักคุ้นตา มันเป็นทางไปยังร้านกาแฟของเขา
“ฐานของเจ้าพวกนั้นอยู่ใกล้เราอย่างนั้นเหรอ?”
เขาได้รับคําตอบนั้นในอีก 10 นาทีต่อมา
รถคันนั้นหยุดอยู่ที่หน้าร้านของเขา
จาวเหยาอ้าปากค้าง
“พวกนั้นจะมาขโมยซูเปอร์แคทของฉันอย่างนั้นเหรอ? คิดว่าตัวเองเป็นใครกันฮะ”