Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 270
ตอนที่ 270 คะแนน
ตอนที่โค้ชหวางปิงจากที่มปิงปองกลับมา เขาลนลานมาก เหมือนกับแมวบนอิฐร้าน การแข่งปิงปองประจําชาติกําลังจะเริ่มในไม่ช้า และโค้ชฝึกร่างกายของทีมก็ดันเข้าโรงพยาบาลอีก
ในการที่จะหาคนมาแทน หวางปิงแทบจะต้องไปค้างที่ออฟฟิศของผู้จัดการกรมกีฬา ซึ่งโชคของเขาก็ยังดีที่ผจกยังมีเมตตราช่วยเหลือที่มปิงปอง
ผจก.อนุมัติให้มีการแต่งตั้งตัวแทนเพื่อทดแทนเจ้าหน้าที่ๆขาดหายไปนั้น มันดึงดูคความสนใจของเหล่าโค้ชฝึกร่างกายต่างๆของทีมกีฬาเขต เพราะค่าตัวสําหรับตัวแทนของทีมปิงปองที่ทําหน้าที่ประมาณ2-3เดือนนั้น จัดได้ว่าสูงมากๆ
หวางปิงจากตอนแรกที่เครียดๆจู่ๆก็ถูกห้อมล้อมด้วยความสุข เพราะเขาสามารถเลือกโค้ชฝึกร่างกายคนไหนก็ได้จากทั้งทีมเขตนี้ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังกังวลอยู่ เพราะว่ามีคนเก่งๆให้เลือกเต็มไปหมด แต่เขาไม่รู้ว่าใครที่เขาควรจะเลือกดี
ปัญหานี้มันอาจจะจบด้วยการบาดหมางกันก็ได้” หวางปิงนึกขึ้นได้ว่าสถานการณ์แบบนี้มันเป็นเหมือนมันร้อนที่คนถือก็ร้อนตาม
ถ้ามันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการคัดเลือกโค้ชฝึกร่างกายโดยตรง มันก็คงง่ายที่หวางปิงจะตัดสินใจ แต่ถึงอย่างงั้น ปัญหานี้มันคือตัวแทนของโค้ชฝึกร่างกาย หวางปิงจึงจําเป็นจะต้องจัดการเรื่องนี้อย่างรอบคอบไม่งั้น เขาอาจจะเอาตัวองเข้าไปอยู่ในปัญหาได้
การทะเลาะกันมันไม่ใช่ปัญหาหรอก แต่ถ้ามันมีรายงานเรื่องความรุนแรงหรือผิดระเบียบการรับสมัครเมื่อไร ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไงมันก็จะส่งผลเสียกับเขาทั้งสิ้น
นี้มันเป็นมันร้อนจริงๆด้วย! หวางปองพูดก่อนถอนหายใจ เขาต้องทําการจัดการคัดเลือกแล้วตัดสินผู้สมัครทุกคนด้วยการแข่งขันอย่างเท่าเทียม คนที่เก่งที่สุดก็จะได้รับเลือก ส่วนคนแพ้ก็ไม่มีสิทธิ์พูด ถ้าจะโทษก็โทษตัวเอง ด้วยวิธีนี้ ฉันก็จะป้องกันการมีเรื่องกันได้
หวางปิงมองไปทางฝั่งใบสมัครในมือ ก่อนจะคิดแผนการคัดเลือก
เกณฑ์การคัดเลือกโค้ชฝึกร่างกาย ชั่วคราวของทีมปิงปองถูกนําไปแปะไว้บนบอร์ดประกาศภายในเว็บของกรมกีฬา ในส่วนแรกจะเป็นการนําเสนอการให้คะแนน
ตัวอย่างเช่น ผู้เข้าสมัครจะได้คะแนนเพิ่มจากพื้นฐานการศึกษาของพวกเขา ประสบการณ์การทํางาน ผลงานต่างๆ และอื่นๆ สําหรับเรื่องพื้นฐานการศึกษา คนที่จบปริญญาตรีมาก็จะได้เปรียบคนที่จบโรงเรียนเฉพาะทางมาเห็นๆ
สําหรับเรื่องประสบการณ์การทํางาน ยิ่งทํางานมานาน คะแนนที่ได้ก็ยิ่งเยอะ ส่วนเรื่องผลงานการโค้ช โค้ชที่ปั้นนักกีฬาดีๆออกมาได้ก็จะได้แต้มเยอะในส่วนนี้
ดูเหมือนกับว่า การให้คะแนนแบบนี้มันจะเป็นการให้ตามกฎและระเบียบและดูเป็นสิ่งที่ดูเท่าเทียบกันที่สุดแล้ว คะแนนจะขึ้นอยู่กับความสามารถส่วนบุคคลของคนๆนั้นล้วนๆ โค้ชที่มีการศึกษา ประสบการณ์และผลงานที่น้อยนั้นไม่สามารถไปโทษคนอื่นได้ เพราะตัวเองอ่อนเอง ถึงได้คะแนนน้อย
การให้คะแนนนั้นช่วงแรกนั้นจะทําให้เห็นความต่างกันของโค้ชอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น คะแนนของโค้ชที่เคยปั้นนักกีฬาระดับสูงมานั้นจะเยอะกว่าโค้ชที่เหลืออย่างเห็นได้ชัด
ในส่วนที่2เป็นส่วนของการสัมภาษณ์ ผู้เข้าสมัครจะต้องเข้าไปสัมภาษณ์และนําเสนอทีละคน แต่ละคนมีเวล 15นาที เนื้อหาในการพรีเซ้นนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจในการฝึกร่างกายของนักกีฬาปิงปองรวม ไปถึงอธิบายเบื้องต้นเกี่ยวกับแผนการฝึกของคนๆนั้นจากนั้นผู้เข้าสมัครคนนั้นก็จะถูกลงคะแนนกันโดยโค้ชทุก คนในทีมปิงปอง
โดยปรกติแล้วการสัมภาษณ์นั้นมันเป็นธรรมเนียมอย่างนึง เพราะการฝึกร่างกายของปิงปองมันไม่ได้เป็นความลับอะไรขนาดนั้น ไม่ได้เหมือนกับงานวิจัยอาวุธนิวเคลียร์ แม้แต่เนื้อหาการฝึกที่ดีที่สุดยังสามารถพบได้ตามที่สิสเลย เพราะงั้นโค้ชจากทุกระดับไม่ว่าจะเป็นทีมชาติถึงทีมมหาลัยก็สามารถทําเนื้อหาพวกนี้ได้เหมือนกัน หลังจากอ่านที่สิสซัก10เล่มแล้วสรุป ผู้เข้าสมัครก็สามารถกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ไม่ยาก
สําหรับเรื่องรายละเอียดการฝึกนั้น ถึงแม้ว่าโค้ชแต่ละคนจะมีแผนที่แตกต่างกันไปแต่โดยรวมแล้วแกนหลักในการฝึกนั้นจะคล้ายๆกัน มีเพียงบางรายละเอียดเท่านั้นที่ต่างกัน หลังจากการประสบการณ์มาแรมปีในการฝึกกีฬา ทิศทางในการฝึกนั้นมักจะขมวดรวมกันผ่านประสบการณ์จากความสําเร็จและความล้มเหลวนับไม่ถ้วนรวมไปถึงการสังเกตและอื่นๆด้วย เอาง่ายๆว่าโดยรวมแล้วแผนการฝึกไม่มีทางผิดพลาดได้ ตราบใดก็ตามที่คนๆนั้นมีประสบการณ์
อีกอย่างเพื่อที่จะป้องกันการที่คะแนนมันต่ําเตี้ยเรี่ยดินเกินไป คะแนนสูงสุดกับคะแนนต่ําสุดจึงถูกนําออกจากระบบการให้คะแนนในการสัมภาษณ์ โค้ชที่มีหน้าที่ในการให้คะแนนนั้นมีความคิดว่าผู้สมัครทุกคนนั้นก็เป็นเพื่อนร่วมงานของเขาเหมือนกัน เป็นคนที่มักจะเจอหน้ากันตลอด เพราะงั้น เพื่อรักษาหน้าของผู้สมัครทุกคน การให้คะแนนจึงไม่มีทางที่เป็นคะแนนต่ําสุดได้มีแต่จะเป็นคะแนนเท่าๆกันกับของเพื่อนๆเพื่อป้องกันไม่ให้โค้ชตีกันเอง
หลังจาก2ส่วนหลัก โค้ช3อันดับแรกจะได้ไปทดลองฝึกไวันเต็ม เพราะยังไง โค้ชก็เป็นอาชีพที่ต้องการการฝึก ไม่ว่าทฤษฎีจะแน่นขนาดไหน แต่การมีความสามารถในการฝึกก็สําคัญที่สุดสําหรับโค้ช เอาจริงๆการทดลองฝึก1วันมันไม่ได้ผลอะไรกับนักกีฬาหรอก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็สามารถวัดความสามารถในการฝึกของโค้ชได้
“คะแนนในช่วงแรกของการคัดเลือกโค้ชฝึกร่างกายของทีมปิงปองมาแล้ว!”
“ฉันได้ยินมาว่าการให้คะแนนมันละเอียดมากเลยนะ ทั้งการศึกษาประสบการณ์การทํางานก็เอามานับด้วย
“ก็ใช่หน่ะซิ แล้วคะแนนของทุกคนก็แปะอยู่ที่บอร์ดแล้วด้วย ไปดูกันเถอะ”
คน7-8คนไปรวมตัวกันหน่าบอร์ดประกาศ
“โถ่ ฉันได้แค่19เอง ดูเหมือนว่าฉันจะตกรอบนะเนี่ย”
“19เหรอ ยังดีกว่าฉันละวะ ฉันได้แค่15เอง โถ่วเอ้ย ฉันติดตรงที่การศึกษาเนี่ยละ ฉันได้ยินมาว่าแค่มีวุฒิเข้ามหาลัยได้ก็+2แล้ว ถ้าได้ปริญญา+5 น่าเสียดายที่ฉันเรียนจบแค่โรงเรียนเฉพาะทาง ไม่งั้นฉันก็คงได้20คะแนนไปแล้ว!”
“ประสบการณ์ทํางาน1ปีจะได้คะแนนเพิ่ม1คะแนน หวาง งั้นนายก็ได้คะแนนเพิ่มมา12คะแนนเลย”
“แค่12คะแนนมันยังไม่พอหรอกนะ คะแนนของฉันยังแค่20อยู่เลย ผลงานฉันน้อย ดีสุดก็เป็นได้แค่แชมป์ประจําเขตแค่นั้นละ”
“ดูนั้นซิที่คนได้31ด้วย! หวกวงจากทีมยิมนาสติก! หวู อยู่ไหนวะ แกได้31นะเห้ย!”
ในฝูงชนนั้นเองหวูยิ้มเขินๆแต่ในใจเต็มไปด้วยความภูมิใจ
“ก็แหมนักกีฬาที่หวูปั้นมาได้ที่2ในการแข่งบาร์โหนยิมนาสติกในกีฬาชาติเลยนะ ใช่ไหมละ? ผลงานระดับนั้นก็ต้องได้คะแนนเยอะอยู่แล้วซิ”
“นอกจากที่2ในการแข่งบาร์โหนยิมนาสติกในกีฬาชาติแล้ว เขายังได้แชมป์หลายที่รวมถึงแชมป์กีฬาชาติด้วยนะ เขาเลยได้คะแนนเยอะไง”ใครบางคนอธิบาย
และในตอนนั้นเอง มีใครบางคนตกใจลั่นขึ้นมา “เหว่ยหยูตี้จากทีมยกมวยได้49แต้ม เยี่ยมไปเลย!”
ทุกสายตาจ้องไปที่บอร์ดอีกครั้ง 49คะแนนดูเหมือนจะคะแนนสูงสุดแล้ว เพราะว่ามันสูงกว่าของกวงหรูตั้ง18แต้ม โค้ชหลายๆคนยังได้คะแนนน้อยกว่า18แต้มด้วยซ้ํา
ใครบางคนพูด “ก็ทีมชกมวยของเราช่วงนี้ผลงานดีมากเลย ได้เป็นแชมป์กีฬาชาติ แชมป์ประเทศ ในฐานะที่เป็นโค้ชฝึกร่างกายของทีมชกมวย เหว่ยหยูตี้ก็ต้องได้คะแนนเยอะแบบนี้อยู่แล้วละ”
ผู้คนพูดกันไปมาโดยไม่ได้สังเกตว่าคนที่โดนควยอย่างเหว่ยหยูตี้นั้นกําลังยิ้มกระย่องอยู่ท่ามกลางฝูงชนนั้นละ
คะแนนฉันต้องสูงสุดแล้วแน่ๆ โค้ชหลายๆคนที่แก่วกว่าฉันยังได้คะแนนน้อยกว่าฉันตั้งครึ่งนึ่ง ฉันเดาว่าที่1ปี นี้คงไม่พ้นของฉันแน่ๆ ฉันเป็นโค้ชมาตั้ง10ปี ในที่สุดฉันก็ได้เลื่อนขั้นซักที
ตอนที่เหว่ยหยูดี้กําลังคิดอย่างมั่นใจนั้นเอง ก็มีใครบางคนร้องขึ้นมา
“เชี่ยอะไรเนี่ย!! 122 คะแนน! บ้าเปล่าวะ เป็นไปได้เหรอ?”
“122 คะแนนจริงๆด้วย หรือว่าเขาพิมผิดใส่เลข1ไว้ข้างหน้าวะ มีคนได้122คะแนนได้ไง?”
“ใครวะ?”
“หลี่ใต้ หลี่ได้จากทีมกรีฑาได้122แต้ม!”