Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 269
ตอนที่ 269 ไปเป็นเจ้าหน้าที่
หลี่ไต้มองไปที่ชูเหว่ยตงอย่างอึ้งๆ
เดี๋ยวก่อนนะ เดี๋ยวๆ ตอนที่ฉันอยู่อเมริกา ฉันได้ไม่ได้ไปมีเรื่องกับใครอีกใช่ไหมเนี่ย ใช่ไหม ระดับการฝึกของฉันก็อยู่ในอันดับท็อปๆของทีมกรีฑานะ เพราะงั้นชูเหว่ยตงไม่มีเหตุผลที่จะไล่ฉันออกแน่ๆ อีกอย่างเหว่ยตงก็หวงของมากพอที่จะไม่ปล่อยให้ฉันไปทํางานการกุศลให้ทีมปิงปองแบบไม่มีที่มาที่ไปแน่ๆ
ตอนที่หลีไต้กําลังคิดอยู่นั้นเอง ชูเหว่ยตงก็อธิบาย “การไปเป็นโค้ชฝึกร่างกายในทีมปิงปองมันเป็นงานง่ายๆที่โคตรคุ้มเลย โค้ชส่วนมากเลยแย่งกันเป็นหน่ะ”
“งานง่ายๆเหรอครับ?” หลี่ไต้ถามอย่างสงสัย
ชูเหว่ยตงพยักหน้า “ตําแหน่งบริหารของคุณหม่าเป็นเจ้าหน้าที่ลําดับ1 แล้วเขาก็ได้รับผลประโยชน์จากการเป็นฝ่ายปกครองเยอะอยู่ นายเข้าใจใช่ไหม กรมกีฬาจะให้ตําแหน่งบริหารกับใครก็ตามที่เข้าไปแทนที่คุณหม่า ไม่งั้นคงไม่มีใครไปแทนที่งานของเขาแน่ๆ ดังนั้น งานนี้มันเลยเป็นงานง่ายๆที่โคตรคุ้มเลย นายทํางานอยู่ในทีมเขตของเรามาหลายปีแล้ว ฉันคิดว่านายคงจะได้เลื่อนขั้นเป็นเจ้าหน้าที่ลําดับ2แน่ๆถ้านายได้ไปแทนคุณหม่า”
เจ้าหน้าที่ระดับ2เหรอ! เขาจะทําให้ฉันกลายเป็นเจ้าหน้าที่ในระบบของจีนเต็มตัวเหรอ! หลี่ไต้นึกออกทันที
ในระบบบริหารของจีน เจ้าหน้าที่ลําดับ1กับ2ไม่ใช่ตําแหน่งผู้นําแต่พวกเขาก็ยังได้สิทธิ์พิเศษจากการเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารอยู่ดี ถึงแม้ว่าอํานาจและกําลังของพวกเขาจะไม่ได้เทียบเท่ากับฝ่ายบริหารและภาคส่วนหัวหน้าที่เป็นตําแหน่งผู้นําจริงๆก็ตาม
แต่ถึงอย่างนั้น ในระบบกีฬา เจ้าหน้าที่ระดับ2จะนับว่าเป็นเจ้าหน้าที่ระดับต่ําก็ได้ โค้ชหลายๆคนถึงจะใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่สามารถเป็นเจ้าหน้าที่ระดับ2ได้
ในระบบกีฬาภายในประเทศ กระทวงกีฬาประเทศจีนนั้นเป็นระดับกระทรวงสูงสุด ถึงแม้จะถูกเรียกว่าผู้จัดการก็จริง แต่เจ้าหน้าที่ที่ทํางานอยู่ในกระทรวงกีฬาจีนนั้น ก็ยังถูกเรียกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ระดับกระทรวงอยู่ดี
ส่วนกรมบริหารกีฬาต่างๆที่แยกมาจากกระทรวงกีฬาหลักอย่างเช่นกรมกรีฑา หรืออื่นๆนั้น ประธานของกรมนั้นจะถูกเรียกว่าเป็น “ผู้จัดการกรม…” แต่แน่นอนว่าในระดับภาคส่วนนั้นไม่ได้มีอํานาจเท่าระดับกระทรวงก็จริง แต่ยศของพวกเขานั้นเทียบเท่าได้กับนายกประจําเมืองเลย คนบางคนัมกจะมองว่าประธานกรมกีฬาแยกต่างๆนี้ เป็นได้แค่ผู้จัดการระดับต่ําเพราะอาจจะไปเทียบกับผู้จัดการของบริษัทอื่นๆ
ในการบริหารงานระดับเขตนั้น กรมกีฬาเขตกอยู่ในภาคส่วนแยกมาจากกระทรวงอีกที ทีมฝึกต่างๆที่แยกมาจากกรมกีฬาเขตนั้นเรียกได้ว่าเป็นการจัดการส่วนย่อย หัวหน้าโค้ชกับรองหัวหน้าโค้ชของทีมฝึกต่างๆนั้น นับว่าเป็นเจ้าหน้าที่ในระดับย่อยและบัญชาการในภาคส่วนของตัวเอง
แต่ถึงอย่างงั้น ทีมฝึกมันไม่ได้อยู่ในระบบการบริหารต่างๆที่มีกําลังอํานาจ ดังนั้น ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่ต่ํากว่าระดับย่อยลงมา แทนที่จะเป็นการแต่งตั้งหัวหน้าส่วนหรือรองหัวหน้าส่วนขึ้นมาในทีมฝึก ทางฝ่ายบริหารเลยจัดตั้งเจ้าหน้าที่ระดับ1และ2ขึ้น พวกเขาเหล่านี้ไม่ได้ทําหน้าที่ส่วนของการเป็นผู้นํา
แน่นอนว่าในระดับภาคและในระดับย่อยนั้นก็มีคนที่ไม่ได้มีหน้าที่เป็นผู้นําเหมือนกัน ตัวอย่างเช่น ผู้ตรวจการของระดับภาค ส่วนผู้ตรวจสอบนั้นจะอยู่ในระดับย่อย ในระบบตําแหน่งพวกนี้มีไว้สําหรับเตรียมพร้อมให้กับคนที่กําลังจะเกษียร เอาจริงๆพวกเขาไม่ได้ทําหน้าที่ตามชื่อนั้นหรอก
ในระบบของวิทยาศาสตร์ การศึกษา วัฒนธรรม สุขภาพ และ กีฬา นั้นการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่จะแตกต่างจากฝ่ายบริหารที่มีอํานาจ มันเป็นเรื่องยากมากๆที่จะโยกตัวเองขึ้นไปอยู่ในตําแหน่งแถวหน้าเพื่อที่จะได้เลื่อนขั้น อย่างเช่นเจ้าหน้าที่วิจัย ครูในโรงเรียน หมอในโรงพยาบาลโค้ชในกรมกีฬา ส่วนมากพวกเขาไม่สามารถอยู่ในระดับบริหารกันทั้งนั้น
ตัวอย่างก็มักจะเป็นคุณหมอ ที่ถ้าชื่อไม่ดังพอก็ขึ้นไปอยู่เป็นผู้จัดการโรงพยาบาลไม่ได้ อีกตัวอย่างนึ่งก็เป็นครูในโรงเรียน ครูธรรมดาไม่สามารถขึ้นมาอยู่ในระดับบริหารได้ ครูใหญ่และรองครูใหญ่ของโรงเรียนปรกติแล้วจะไม่ได้สอนนักเรียน นี้เป็นเรื่องปรกติที่เป็นกัน
ในขณะที่ระบบของวิทยาศาสตร์ การศึกษา วัฒนธรรม สุขภาพ และ กีฬานั้นก็มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารที่น้อย มารกๆ ตัวอย่างเช่นประธานโรงเรียนหลักของเขตอาจจะต้องคุมครูนับร้อยและเด็กอีกนับหลายพัน แต่ประธานคนนี้มีตําแหน่งจริงๆแค่เจ้าหน้าที่ระดับ2 ลองนึกภาพว่าถ้าประธานคนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ส่วนย่อยดูซิ แล้วอย่างนี้ครูปรกติจะได้เลื่อนขึ้นไปอยู่ในฝ่ายบริหารได้ยังไง
โค้ชกีฬาก็เช่นกัน ความเป็นไปได้ที่โค้ชกีฬาปรกติที่ไม่ได้มีพื้นฐานที่เป็นนักกีฬาชื่อดังอะไรจะได้เลื่อนขั้นเป็นเจ้าหน้าที่นั้นสูงกว่า0แค่นิดเดียว
หลังจากที่หลี่ไต้จบมหาลัยมาหลี่ไม่ได้เริ่มทํางานเป็นโค้ชมานับตั้งแต่นั้นเลน นี้มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่มีตําแหน่งเลย เอาจริงๆหลีไต้ก็ไม่ได้คิดอยากที่จะเป็นเจ้าหน้าที่ในแผนการชีวิตของเขาหรอก เพราะยังไงโอกาสที่โค้ชแนวหน้าจะไปเป็นเจ้าหน้าที่มันต่ํามากๆอยู่แล้ว แถมมันไม่ได้ใช้แค่ความสามารถและความพยายามอย่างเดียว มันต้องใช้ดวงด้วยมีคนดวงดีโคตรๆจํานวนน้อยมากที่ได้ตําแหน่งนั้นไป
และตอนนี้ ดูเหมือนว่าโชคกําลังเข้าข้างหลีใต้อยู่ด้วย
คุณหม่านั่นเป็นเจ้าหน้าที่ลําดับ1 คนที่มาแทนเขาจึงจะเป็นโค้ชธรรมดาสามัญโดยที่ไม่มีตําแหน่งในฝ่ายบริหารไม่ได้ คนที่จะมาอยู่ในตําแหน่งการจัดการนั้นถ้าไม่มีตําแหน่งจะอยู่ยากเอา อีกอย่าง สําหรับการมาแทนชั่วคราวแบบนี้ ไม่มีใครอยากมาทําโดยที่ไม่มีสิ่ตอบแทนหรอก ไม่งั้นงานที่ทําแทนนั้นมันต้องง่ายมากๆซะจนบังคับใครก็ได้ไปทําแทนได้
ในทีมฝึกทั้งหมดนั้นอยู่ในสถานะถึงมือกันหมดไม่มากก็น้อย เพราะงั้นหัวหน้าโค้ชจากทีมต่างๆเลยไม่ยอมให้โค้ชของทีมตัวเองย้ายไปชั่วคราวง่ายๆ เพราะยังไงซะนี้มันยุคแห่งการเห็นแก่ตัวอยู่แล้ว
คนใจดีที่พร้อมช่วยเหลือในสังคมสมัยนี้มันเหลือน้อยมากเต็มทนแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น ตําแหน่งเจ้าหน้าที่อันดับ2นั้นมันก็ยั่วตายั่วใจโค้ชธรรมดามากๆ หลังจากที่ได้ตําแหน่งแล้ว โค้ชสามารถได้รับสิทธิ์ประโยชน์แทบจะเทียบเท่าฝ่ายบริหาร ถึงแม้ว่าอํานาจในมือจะแทบไม่เปลี่ยนเลยแล้ว เงินเดือนจะขึ้นมาแค่ 100-200หยวนก็ตาม แต่มันก็เป็นก้าวแรกที่จะได้ขึ้นไปอยู่บนอาชีพเจ้าหน้าที่ของกรม
“โอเค เดี๋ยวฉันจะแนะนํานายให้กับโค้ชหวางปิงทีมปิงปองให้นะ” ชูเหว่ยตงพูดต่อ “รอบนี่คนสนใจตําแหน่งนี้เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นโค้ชตัวท็อปของทีมอื่นๆ ดังนั้น หวางปิงน่าจะต้องจัดการทดสอบคัดเลือกแน่นอน ผลที่ออกมาก็ขึ้นอยู่กับนายแล้วนะ
ตามที่ชูเหว่ยตงพูดไว้เป๊ะ มีคนจํานวนมากสมัครเข้ามาตําแหน่งนี้ ไม่ใช่แค่โค้ชฝึกร่างกาย แต่รวมไปถึงพวกโค้ชเฉพาะทางก็มาสมัครด้วย คนหลายๆคนไม่อยากที่จะเป็นโค้ชธรรมดาไม่มีชื่อไปตลอดชีวิต ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่ลําดับ2มันจะเป็นตําแหน่งที่ต่ําที่สุดในระบบกรมกอง แต่อย่างน้อยมันก็มีพื้นที่ให้ขยับขยายโยกย้ายตําแหน่ง และเลื่อนขั้นได้อีก
ต้องขอบคุณอิธิพลของการแข่งปิงปอง การหาคนมาแทนที่โดยแลกมาด้วยตําแหน่งเจ้าหน้าที่ลําดับ2 สําหรับกีฬาอื่นๆที่ไม่ได้ดังมากคงทําแบบนี้ไม่ได้ เผลอๆทางกรมกีฬาเขตอาจจะเมินปัญหานี้ปล่อยตามมีตามเกิดด้วยซ้ํา
แต่ถึงอย่างนั้น ปิงปองเป็นกีฬาประจําชาติจีน ซึ่งทําให้ได้ทั้งความนิยมอย่างมากและความสนใจจากสื่อต่างๆ ทางท่านผู้นําในหลายๆระดับก็เห็นถึงความสําคัญของเรื่องนี้ สําคัญขนาดที่ว่านักบาสดังๆหรือนักบอลดีๆลืมกันได้ แต่นักปิงปองเก่งๆนั้นจะต้องถูกจนจําจนวันตาย
ก็เหมือนกับเวลาพูดถึงคนธรรมดา คนวัยกลางคนที่อายุ30-40ปีอาจจะยังสามารถจําชื่อแชมป์ปิงปองไล่ถอยหลังไป20บได้อยู่เลย แต่ถ้าถามแบบนักบอลหรือนักบาส พวกเขาก็คงลืมแน่ๆ
นี้คือพลังของกีฬาประจําชาติ
ดังนั้น การที่จะขิงข่าต่อหน้ากรมกองระดับสูงหรือทําให้ท่าผู้นําจดจํา การแข่งปิงปอง มันคุ้มค่ากับการลงทุนมาก