Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 245
ตอนที่ 245 ขจัดปัญหา
เฉินกุนกําลังเปลี่ยนรองเท้าไปเป็นรองเท้าสําหรับแข่งอยู่นั้นดูลังเล
“เชนตั้งฉานมันอุส่าห์หาโอกาสให้เราจนได้นะเนี่ย”ซูหยูอี้หยางพูดแล้วกําลังผูกเชือกรองเท้า
“ฉันจะไม่ปรานีเลย ทําให้เต็มที่ละกันเพื่อตําแหน่งที่นั่งในทีมวิ่งผลัด”
“พวกเขายังไม่ได้บอกซักหน่อยว่าถ้าเราชนะเราจะได้เข้าทีมวิ่งผลัด”เฉินกันดูไม่ยินดีเท่าไร
“อย่างน้อยมันก็เป็นโอกาสนะ เราควรจะคว้าโอกาสที่เจ้าเชนตั้งฉานหามาให้เรานะ!”ซูหยูอี้หยางพูด
เฉินกันรู้สึกเสียใจกับเชนติ้งฉานทุกครั้งที่ได้ยินชื่อของเขา เพราะเชนติ้งฉานคงต้องรับกรรมหนักแน่ๆถ้าจบ เรื่องนี้ไป ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ตาม
ไม่ไกลจากตรงนั้นนัก เช่นตั้งฉานดูอวดเบ่งมากๆ เขาไม่รู้ว่าเขากําลังจะเจอกับสถานการณ์แบบไหนอยู่ เขา เลยเดินไปหาเฉินกันแล้วยิ้ม “พี่เฉิน เป็นไงละ ฉันเก่งใช่ไหมละ นายต้องเลี้ยงข้าวฉันแล้วละ
“เออได้ เดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวนายแน่!”เฉินกุนยิ้มแปลกๆใส่เช่นตั้งฉาน ไอ้โง่นี้คงกําลังคิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่อยู่แน่ๆ เอาวะไหนๆเขาก็ขุดหลุมฝังศพตัวเองแล้ว ก็ให้เขานอนในนั้นไปเถอะ
เฉียนตงกับหรูหยีฮาวที่เป็นตัวแทนของทีมวิ่งผลัดพร้อมสําหรับการแข่งขันแล้ว
“เฮ้ โค้ชหลี่ มีนักกีฬาที่มาแข่งแค่2คนเองเหรอ แล้วอีก2คนไม่มาด้วยเหรอ?”ถั่วเฉียวชุนถาม
“ทีมวิ่งผลัดมันก็เหมาะกับการวิ่งผลัดซิครับ นักกีฬา2คนวิ่งทางโค้ง และอีก2คนก็วิ่งทางตรงเรากําลังจะแข่งวิ่ง100เมตร เราก็เอาแค่นักวิ่งที่วิ่งทางตรงมาก็พอ ส่วนอีก2คนนั้นฝึกวิ่งทางโค้งพวกเขาคงจะมาแข่งทางตรงไม่ได้”หลีไต้ตอบ
กั่วเฉียวชุนไม่เถียงอะไร เขาเข้าใจแล้วว่าตัวเองไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับกีฬาเลย เขาเลยเงียบๆไว้
ชูเหว่ยตงรู้สึกแปลกๆ แน่นอนละว่าเขาสนับสนุนหลี่ไต้เต็มที่ แต่เขาไม่ได้มีศรัทธาในตัวนักกีฬา2คนที่หลี่ได้เลือกมาเลยแม้แต่น้อย ถ้าไม่ใช่หลี่ได้เป็นคนเลือกมา การแข่งแบบนี้มันคงไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ๆ
แต่หลีใต้ก็ยังดูมั่นใจอยู่ ตามที่เขาทํานายไว้ หรูหยีฮาวกับเฉียนตงจะวิ่งได้เร็วกว่าคู่แข่ง3คนแน่ๆ
ในตอนที่หลีไต้เลือกเฉียนตงลงมาแข่งนี้เขารู้ดีอยู่แล้วว่าเฉียนตงมีความสามารถมากพอและจุดอ่อนของเขานั้นนับว่าง่ายที่จะแก้ และพอแก่ได้แล้ว เฉียนตงก็ผงาดขึ้นมาทันที
ใน3เดือนของการฝึกภายใต้การนําของหลี่ไต้ เฉียนตงแก้ไขข้อผิดพลาดของตัวเองอย่างต่อเนื่องเฉียนตงเองก็ได้แย่มาตั้งแต่เริ่มด้วย และยิ่งนานไปเขาก็ยิ่งเก่งขึ้น แต่เพียงแค่ว่าเฉียนตงเป็นสมาชิกทีมวิ่งผลัดและไม่ได้เข้ารับการทดสอบอะไร ทําให้เขาไม่รู้ว่าเขาเก่งขึ้นมากแค่ไหน
ส่วนหรูหยีฮาวนั้นอยู่ในสถานการณ์ที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เฉียนตงนั้นเก่งอยู่แล้ว แต่แค่ต้องแก้ข้อเสียของตัวเองเฉยๆในขณะที่หรูหยีฮาวนั้นยังไม่โตเต็มที่ดีนัก
หวูหยีฮาวนั้นแก่กว่าเชนตั้งฉานแค่ปีเดียว แล้วเขาก็พึ่งถูกย้ายเข้ามาจากทีมเยาวชน การฝึกแบบผสมของทีมเยาวชนนั้นมันไม่ได้ช่วยให้นักกีฬาเก่งขึ้นเลย
สําหรับหลี่ได้แล้ว หรูหยีฮาวนั้นเป็นเหมือนกระดาษเปล่าที่พร้อมรับทุกความเป็นไปได้เข้ามาเพราะแบบนี้ตั้งแต่แรกเริ่มมา หลี่ได้เลยสอนเทคนิคแบบทีมชาติให้กับเขา ถ้าเทียบกับนักกีฬาคนอื่นๆในทีมเขตแล้วหวูหยีฮาวถือได้ว่าเริ่มต้นได้ดีกว่าและเลี่ยงๆอะไรที่ไร้สาระได้มากกว่า
คนหนุ่มนั้นเรียนรู้อะไรใหม่ๆได้ดีกว่าอยู่แล้ว ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หรูหยีฮาวเติบโตขึ้นอย่างมากและด้วยโค้ชตัวท็อปอย่างหลี่ไต้ หวูหยฮาวเลยพัฒนาไปได้มากกว่าเดิมตอนนี้เขาเก่งพอๆกับเชนตั้งฉานแล้ว ผสม กับวงแหวนระเบิดพลัง หวูหยฮาวอาจจะเก่งกว่าแล้วด้วยซ้ําแต่เพราะเหมือนกันกับเฉียนตง หรูหยีฮาวไม่ได้เข้า รับการทดสอบตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาทําให้ไม่มีใครรู้ว่าเขาเก่งไปมากเท่าไรแล้ว
รวมๆแล้วมีนักกีฬาเข้าแข่ง5คน
นักกีฬาที่อยู่ในทีมวิ่งผลัดถึงแม้จะเข้าไปแข่งรอบจริงได้แต่พวกเขาก็ไม่อยากที่จะทําให้ตัวเองอายนักกีฬาที่มีประสบการณ์ฝึกมาเป็นปีก็ไม่มีใครอยากแพ้ทั้งนั้นละ
มันไม่ใช่การแข่งแบบเป็นทางการ จึงไม่มีการใช้เครื่องจับเวลาอิเล็กโทรนิค แต่กลับกาสรมีการให้โค้ชคนมาจับเวลาในการแข่งถือนาฬิกากันคนละเรือนแล้วยืนอยู่ตรงเส้นชัย
ถึงแม้จะไม่มีเครื่องจับเวลาอิเล็กโทรนิค แต่อย่างน้อยก็ใช้เสียงปืนแบบอิเล็กโทรนิค มันใช้งานง่ายประหยัดปลอดภัยกว่าขอแค่ชาทไว้ก็ใช้งานได้แล้ว
ปืนแบบเก่านั้นไม่ค่อยนิยมกันแล้วในสมัยนี้ ปืนนี้นล่าสุดผลิตไปเมื่อปีที่แล้ว ประเทศนี้มีกฎเข้มงวดเกี่ยวกับปืนมากๆถึงแม้จะใช้แค่ในการแข่งกระสุนจริงก็ห้ามใช้ ขั้นตอรการผลิตก็ต้องเข้มงวดสุดๆ ส่วนมากเลยเปลี่ยน มาใช้เป็นแบบอิเล็กโทรนิคกันหมด เพราะปืนแบบนี้มันไม่เหมือนปืนซักนิดเหมือนเครื่องเล่นเกมมากกว่า
ผู้ประกาศตะโกน “ทุกคนเข้าที่ เตรียมตัว ระวัง”ทั้ง5คนเตรียมตัว
และพร้อมๆกับเสียงปืน นักกีฬาทั้ง5คนพุ่งออกไปเหมือนกับลูกกระสุน
“ว้ว…!!”เสียงผู้คนตะลึง
“เป็นไง?”
“เฉียนตงอยู่ที่1!”
“หวูหยีฮาววิ่งเร็วมาก!”
ในการแข่งเฉียนตงเป็นที่1ของนักวิ่ง ส่วนอีก4คนอยู่ในระดับที่ใกล้ๆกัน
เฉินกุน ซูหยูอี้หยาง เชนตั้งฉาน เป็นนักวิ่งที่ดีทั้งนั้น ก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะวิ่งด้วยความเร็วพอๆกันแต่ที่น่าตกใจคือหวูหยีฮาวที่วิ่งด้วยความเร็วใกล้เคียงกับพวกเขามาก
นี้มันยังไม่ถึง1ปีเลยตั้งแต่หรูหยีฮาวได้ย้ายมาจากทีมเยาวชน เขายังถือว่าเป็นหน้าใหม่ในทีมกรีฑาอยู่เขาเลยยังไม่เคยมีโอกาสได้เข้าแข่งในระดับเป็นทางการ หน้าใหม่อย่างเขาส่วนมากต้องซ้อมอย่างน้อย2-2ปีก่อนกว่าจะได้แข่งแบบสาธารณะ
แต่ตอนนี้หรูหยีฮาวทําผลงานออกมาได้ประทับใจทุกคนมากๆ ส่วนเฉียนตงยิ่งเข้าไปใหญ่เขาวิ่งแซงทุกคนขึ้นเป็นที่1
ในทีมวิ่ง เฉียนตงไม่ใช่ที่โหล่ แต่เขาก็ไม่ใช่ที่มีเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้น ในวันนี้เฉียนตงวิ่งเร็วกว่าทุกคนและระยะห่างระหว่างพวกเขาก็กว้างขึ้นเรื่อยๆ
เฉียนตงแซงฉันเนี่ยนะ! เกิดเรื่องแบบนี้ได้ไงเนี่ย? นี้ฉันวิ่งช้าไปหรอวันนี้? เฉินกันสังเกตรอบๆแล้วเห็นเพื่อนของเขาทั้ง2คนวิ่งในระดับเดียวกับเขา
ซูหยูอี้หยางกับเชนตั้งฉานก็วิ่งเร็วเท่ากับฉันนี้หว่า งั้นก็แปลว่าไม่ใช่ฉันละที่วิ่งช้า แต่เฉียนตงต่างหากที่วิ่งเร็วขึ้น เฉินกันสังเกตุเห็นได้ว่าไม่ใช่แค่เพื่อนของเขาทั้ง2ที่วิ่งข้างๆเขายังมีคนที่3ด้วย
อีกคนเหรอ ใครวะ! เฉินกุนหันไปมอง แล้วเห็นหวูหยฮาว
หวูหยีฮาวเหรอ? มันตามกันด้วยเหรอ? เฉินกุนเริ่มรู้สึกกลัว เฉียนตงก็เร็วกว่าฉัน แถมหรูหยีฮาวก็เร็วพอๆกับฉันอีกนี้มันเกิดอะไรขึ้นวะ
แต่ซักพัก เฉินกุนก็พบว่าหรูหยีฮาวเริ่มแซงพวกเขาไป
ทําไมรู้สึกว่าหรูหยีฮาวกําลังจะแซงเลยวะ ภาพลวงตาเหรอ? เฉินกุนมองรอบๆแล้วเห็นว่าหวูหยฮาวนั้นนํา พวกเขาจริงๆ
เป็นไปได้ไง หรูหยีฮาวเร็วกว่าฉันเนี่ยนะ!
ชูเหว่ยตงดูการแข่งที่กําลังจะจบแล้ว แล้วมันก็ชัดเจนแล้วว่าใครจะชนะ เฉียนตงได้เปรียบอย่างไม่ต้องสงสัยส่วยหรูหยีฮาวกําลังนําขึ้นเรื่อยๆ ส่วน3คนที่เหลือนั้นอยู่รั้งท้าย
นั้นเฉียนตงกับหรูหยีฮาวใช่ไหมนั้นอะ? ฉันไม่ทันเห็นตอนเริ่มแข่งแล้วไม่คิดว่าพวกเขาจะเร็วได้ขนาดนี้ ไม่ แปลกเลยว่าทําไมเจ้าหลี่ไต่มันถึงได้มั่นใจขนาดนี้
ชูเหว่ยตงหันไปมองที่หลี่ได้ แล้วพบว่าทั้งคู่นั้นเร็วขึ้นได้เพราะการฝึกของหลี่ไต้เอง
ฉันเลือกคนไม่ผิดจริงๆ! ชูเหว่ยตงคิด นักกีฬาวิ่งเข้าเส้นชัยกันไปแล้ว
เฉียนตงเป็นที่1และหรูหยีฮาวเป็นที่2 นักกีฬา2คนจากทีมวิ่งผลัดชนะ
“ส่วนหรูหยีฮาวก็ได้ที่2 พึ่งรู้ว่าพวกเขาเร็วขึ้นขนาดนี้”
“สมาชิกทีมวิ่งผลัดนี้มันไม่ธรรมดาจึงๆ ไม่แปลกเลยที่พวกเขากล้าท้าทั้งเฉินกุน ซูหยูอี้หยางและเชนงฉานก็เพราะพวกเขาเก่งกว่าไง”
“ฉันเคยคิดว่ายิ่งมีคนเก่งในทีมวิ่งผลัดมากเท่าไร ทีมยิ่งเก่งขึ้นเท่านั้น แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ละฉันผิดมาตลอดเลย”
“ฉันก็ไปหาโค้ชหลี่เหมือนกัน บ้าเอ๊ย ฉันยังวิ่งได้เร็วไม่เท่าพวกนั้นด้วยซ้ํา ไม่แปลกลยที่โค้ชหลี่จะปฏิเสธฉัน!”
การพูดคุยกันนี้ดังขึ้นเรื่อยๆในฝูงชน
ฉันจําได้ว่าหรูหยีฮาวอ่อนกว่าเช่นตั้งฉานอยู่ปีเดียว
แต่ตอรนี้หรูหยีฮาวกลับล้มเขาได้แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะคู่ควรกับการฝึกนะเนี่ย แถมยังหัวอ่อนกว่าด้วย
เชนตั้งฉานมันเป็นตัวปัญหา หาปัญหามาให้อยู่เรื่อยเลยชูเหว่ยตงคิดเงียบๆ เขากําลังคิดว่าจะปั้นหวูหยฮาว เพื่อให้มาเป็นตัวเต็งในทีมกรีฑาแทน
ในตําแหน่งของชูเหว่ยตง ถึงสถิติจะสําคัญ แต่เขาเองก็ไม่อยากได้ตัวปัญหาอยู่ในทีมแน่ๆสิ่งที่สําคัญที่สุดสําหรับชูเหว่ยตงคือการเชื่อฟังคําสั่งของโค้ช และอย่าเอาปัญหามาให้ทีม
กั่วเฉียวชุนดูอายมาก มองไปที่เช่นตั้งฉานที่เคยบอกว่าตัวเองเก่งที่สุด โถ่ว ไอ้นี้เหรอที่เรียกเก่งสุดตอแหลตอแหลชิบหาย ข้ออ้างที่ว่านักกีฬาเก่งๆไม่เลือก เลือกแต่คนธรรมดา แถมยังมีเรื่องสินบนอีกตอแหลชัดๆ! กก็ นึกว่าจะเป็นคดีใหญ่ แต่ดันเสือกเป็นกันแค่นักกีฬาอิจฉาคนอื่นแล้วตัวเองเก่งไม่เท่าเสียเวลาชิบหาย
พอเห็นผลการแข่งแล้ว ถั่วเฉียวชุนแล้วพบว่าตัวเองโดนหลอกใช้
กั่วเฉียวชุนเข้ามาในสถานการณ์ที่เอาจริงๆมันก็เข้าใจง่ายนะ แต่ด้วยความที่ตัวเขาเองหลงใหลกับการเจอคดีใหญ่ๆ เลยทําให้เรื่องมันยากขึ้น
ชูเหว่ยตงมองกั่วเฉียวชุนด้วยสายตาเย็นเยือก เหมือนกับว่าพยายามหาทางล้างแค้นอยู่
เอ๋ ฉันจําได้ว่าถั่วเฉียวชุนพูดว่าเขามีหลักฐานในคดีของหลีใต้นะ ชูเหว่ยตงหลี่ตาแล้วตัดสินใจที่จะทําอะไรซักอย่างให้หลี่ไต้
ทันทีที่กั่วเฉียวชุนกลับ ชูเหว่ยตงโทรหาผู้จัดการหวาง ผู้จัดการกรมกีฬาเขตทันทีแล้วเริ่มตําหนิให้ฟัง
การช่วยเหลือพนักงานเป็นหน้าที่ของหัวหน้า ถ้าพนักงานมีปัญหาแล้วหัวหน้าไม่สนใจพนักงานก็จะไม่เคารพเขาแถมยังจะโดนรวมหัวกันทําเรื่องสารพัด นั่นเป็นสาเหตุที่ชูเหว่ยตงฟ้องเรื่องนี้กับหัวหน้าของเขา
คําพูดอย่าง“การกล่าวหา” “จัดว่าเป็นอาชญากรรม” หรือ “ใช้อํานาจในทางที่ผิด”ออกมาจากปากชูเหว่ยตงและแน่นอนว่าเขาต้องพูดเกินจริงโน้นบ้างนุ่นบ้าง จากคําของชูเหว่ยตงอธิบายไว้ว่าทีมกรีฑานั้นถูกเข้าใจผิดและกั่วเฉียวชุนนั้นเป็นทั้งคนที่ชั่วร้ายและหยาบช้า
ผู้จัดการหวางไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่าย เขาเป็นถึงผู้จัดการของกรมการกีฬา เมื่อเขาได้ยินว่าทีมกรีฑาของเขาโดนกลั่นแกล้งเขาเลยปกป้องทันที นี้ไม่ใช่เพื่อชูเหว่ยตงอย่างเดียวแต่รวมไปถึงเป็นการแสดงอํานาจด้วย
ผจก.หวางเลยจัดการโทรหาหัวหน้ากองตรวจการภายใน เพื่อที่จะตําหนิเรื่องนี้
“กั่วเฉียวชุน ผมบอกให้คุณไปสืบเรื่องนี้ ไม่ได้บอกให้คุณไปสร้างปัญหา แล้วนี้อะไร ผมได้รับการตําหนิมาเนี่ย!”ชายวัยกลางคนอายุ40กําลังตะโกนอย่างหัวเสีย “คุณควรจะจงรักและภักดีต่อความจริงแล้วที่คุณทําคืออะไรคุณพูดว่าคุณมีหลักฐานที่พิสูจน์ว่าเขาผิดงั้นเหรอ? งั้นถามหน่อยซิว่าอะไรทําให้เขาผิด?”
กั่วเฉียวชุนก้มหน้าแล้วพูดเสียงเบาๆ “เลขาฮาวครับ ผมใช้เป็นแค่เทคนิคการสอบปากคําเองครับผมคิดว่าถ้าเขาทําอะไรผิดมาจริง พวกเขาก็จะกลัวแล้วบอกผมทุกอย่างถ้าผมโกหกไปอย่างงั้นครับ”
“โกหกงั้นหรอ? ถั่วเฉียวชุน นี้คุณอายุเท่าไรแล้ว แต่คุณยังคิดจะใช้ลูกเล่นเหมือนเด็กอายุ10ขวบงั้นหล่ะนี้คุณหลับคาบที่เรามีฝึกกันรึไงเราทํางานอย่างมีอารยธรรมมากกว่านี้ และเราจะไม่ไปขู่ใครจําบ้างไหมทันทีที่คุณเห็นพวกเขาคุณก็เหมารวมว่าพวกเขาเป็นผู้ต้องสงสัยไว้ก่อนเลยเหรออะถ้าคุณมีหลักฐานก็โอเคแต่คุณเคยคิดบ้างไหมว่าบางทีพวกเขาก็โดนใส่ร้ายแล้วคุณจะไปทํางานอะไรได้วะเนี่ยคุณรู้ไหมว่าเรื่องนี้มันสร้างปัญหาให้เรามากแค่ไหนเราตั้งใจที่จะรักษาความยุติธรรมนะไม่ใช่ให้คนนอกให้เราเป็นไอ้พวกเผด็จการ!”
กั่วเฉียวชุนยังคงก้มหัวแล้วไม่เถียงกลับเลขาธิการฮาวเลยพูดต่อ“ถั่วเฉียวชุนผมเคยเห็นประวัติของคุณนะคุณทํางานได้ดีมาตลอดแล้วผมก็เคยสงสัยว่าทําไมคุณถึงยังไม่ได้เลื่อนขั้นซักที แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วเพราะว่าคุณมันห่วยไงไม่แปลกเลยที่จะเป็นแบบนี้คุณมันตัวปัญหาชัดๆ!”
เลขาธิการฮาวหายใจอย่างรุนแรง ก่อนที่จะสงบตัวเองลงแล้วพูด “เอาละเพื่อที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้คุณจะไม่ได้อยู่ในทีมสืบสวนอีกแล้วละผู้จัดการหลี่กําลังต้องการคนในสํานักงานเอกสารพอดีคุณช่วยไปหาเขาพรุ่งนี้ที่ละกันนะ!”
“นี้ผมโดนย้ายไปแผนกเอกสารหรอครับ?”กั่วเฉียวชุนแทบร้อง
งานเอกสารนั้นทํางานกันที่อๆแบบไม่ต้องใช้สมองอะไรที่สําคัญกว่านั้นเลยคือจะต้องอยู่ในสํานักงานเอกสารเพียงอย่างเดียวเหมือนกับโดนเนรเทศอย่าว่าแต่คดีใหญ่เลย ตั้งแต่นี้ไปแม้แต่คดีเล็กๆเขาก็จะไม่ได้ทําอีกแล้ว