死にたがりのシャノン ドラゴンに食べられてみた/ชานอนผู้ปรารถนาจะสิ้นชีวีเลยลองให้มังกรกินสักทีดูค่ะ - ตอนที่ 2.2 โอเวอร์โดสค่ะ 2
- Home
- All Mangas
- 死にたがりのシャノン ドラゴンに食べられてみた/ชานอนผู้ปรารถนาจะสิ้นชีวีเลยลองให้มังกรกินสักทีดูค่ะ
- ตอนที่ 2.2 โอเวอร์โดสค่ะ 2
บทที่ 2. โอเวอร์โดสค่ะ (2)
[สวัสดีค่ะ คุณหมอ]
เด็กสาวในชุดนอนที่อยู่เตียงกำลังหันมองมาทางนี้ เป็นเด็กสาวผมดำยาว สีหน้าไม่ค่อยดี แก้มก็ซูบผอม
[ไงลิลลี่ อาการเป็นยังไงบ้าง?]
กริมม์เอามือปัดหน้าม้าของเด็กสาว—ลิลลี่ จากนั้นเอามือทาบหน้าผาก
[ค่ะ พอไหวอยู่]
หลังพูดจบลิลี่ก็ยิ้มอย่างอ่อนแรงให้ รอบ ๆ เตียงมีทั้งอาหารและเครื่องดื่ม รวมไปถึงเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนวางเรียงรายกันอยู่ เกรงว่าการจะลุกออกจากเตียงนี้เป็นเรื่องยากอย่างมาก
[เอ่อ ทางนั้นคือ…?]
[เอ ฉันเหรอ? ฉันชื่อชานอน เป็นจอมเวทที่เดินทางอยู่น่ะ]
[คุณจอมเวท…!?]
ลิลลี่มีดวงตาเป็นประกาย หาแต่จ้องมองมาทางนี้อย่างหมดหวัง เพียงแต่ร่างกายนั้นไม่อาจขยับได้ดั่งใจนึก
[ใช่แล้วลิลลี่ อาการป่วยของหนูจำเป็นจะต้องขอยืมแรงมาน่ะ แต่รับรองเลยว่าถ้าเธอมาแล้วทุกอย่างก็หายห่วง วางใจได้เลย]
จบคำพูดกริมม์ก็เอามือลูบหัวลิลลี่
[ขอบคุณค่ะ…คุณหมอ จะตั้งตารอนะคะ]
หลังจากนั้นกริมม์ก็ปล่อยให้ลิลลี่นอนต่อแล้วออกจากห้องผู้ป่วย อาการค่อนข้างหนัก ไม่เห็นว่าจะมีจุดไหนที่ยังสบายดี แต่ด้วยความใส่ใจของลิลลี่ จึงได้ฝืนยิ้มว่าตนสบายดี หลังจากออกมาจากห้องผู้ป่วยแล้ว กริมม์ก็หน้าเปลี่ยนสีชวนประหลาดแล้วอธิบายให้ฟัง
[เธอคนนั้นชื่อ ลิลลี่ คลาเบล เป็นคนไข้ของฉันเอง]
[ลิลลี่จังเหรอ เป็นเด็กน่ารักดีนะ]
เป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารักแต่เปราะบาง แม้ตอนนี้ยังรับรู้ได้เลยว่าเธอพร้อมจะหายไปได้ทุกเมื่อและอาจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอดูน่ารักขึ้นอีกก็เป็นได้ แต่เพราะไม่ใช่ชานอน ดังนั้นการที่ใครสักคนหายไปนั้นนับว่าเป็นความเศร้า
[เด็กคนนั้นเคยเป็นเด็กที่เปี่ยมไปด้วยความใสซื่อและร่าเริงจนถึงเมื่อไม่นานมานี้ แต่อาการป่วยก็เปลี่ยนเธอให้กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงไป]
กริมม์ก้มหน้าลงอย่างเศร้าสร้อย
[อาการป่วยนั่นน่ะคือ “ซัลเอนา” หรือเปล่า]
เมื่อคำพูดนั้นออกมากริมม์ก็เงยหน้าขึ้นอย่างแรง
[ระ รู้ด้วยงั้นเหรอ!? เป็นโรคที่หายากมากแล้วแท้ ๆ …]
[ก็นะ ไม่ได้เดินทางแค่เอาสนุกเฉย ๆ นี่]
ชานอนยิ้มมุมปากให้
[แม้แต่ช่วงนี้ก็เห็นมาหลายคนนะ เพียงแต่ ทุกคนตายกันไปหมดแล้วน่ะ]
[งั้นเหรอ…ช่วงนี้…แปลว่ายังมีคนที่ต้องสู้กับโรคนี้อยู่ทุกที่เลยสินะ]
“ซัลเอนา” คือโรคประหลาดที่ยุคปัจจุบันนี้ยังรักษาไม่ได้ เป็นโรคที่จะค่อย ๆ ช่วงชิงพลังงานชีวิตไปตามความแข็งแรงของร่างกายจนหมดสิ้น จากนั้นสุดท้ายก็จะไม่สามารถหายใจและไม่ตื่นจากความฝันอีก สุดท้ายก็เสียชีวิตลง เพียงแต่อาการอื่น ๆ อย่าง ไอ อาเจียน ท้องเสียจะไม่พบในตัวผู้ป่วยนับว่าเป็นโชคดีที่จะไม่ทุกข์ทรมาณ แต่การไม่ออกอาการเช่นนี้ทำให้เกิดความยากในการตามหาและรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ สรุปโดยรวมคือ เป็นโรคที่น่ากลัวเอาเสียมาก
ส่วนอาการของลิลลี่นั้นไม่สามารถตอบได้ว่าไปถึงขั้นไหนแล้ว เพียงแต่ดูจากลักษณะอาการที่ติดเตียงเช่นนี้ คาดว่าจะป่วยมามากกว่าหนึ่งเดือนแน่นอน เพราะยิ่งอายุน้อยเท่าไรอาการยิ่งเร็ว
[ถ้ารู้จักซัลเอนาอยู่แล้วเรื่องก็ไวหน่อย มาทางนี้สิ]
ทางที่กริมม์พาไปคือทางลงไปสำหรับห้องวิจัยใต้ดิน ภายในห้องส่วนตัวนี้มีทั้งยา สมุนไพร เขี้ยวและผิวหนังของสัตว์ร่วมถึงเลือดถูกเก็บเอาไว้อยู่ อีกทั้งยังมีร่องรอยการติดตามและการทดลองอยู่มากมาย ณ ที่แห่งนี้ต้องเป็นสถานที่ที่กริมม์ทำการท้าทายตัวเองหลายอยู่นับครั้งไม่ถ้วนเป็นแน่ เพื่อการพัฒนายา กริมม์เปิดกล่องที่อยู่ด้านหลัง ด้านในมีขวดอยู่ขวดหนึ่งถูกบรรจุอยู่
[นี่คือระดับของยาที่ทำได้ในตอนนี้ แต่ว่าผลข้างเคียงของมันรุนแรงเกินไปเลยทำการทดลองกับมนุษย์ไม่ได้ พอทำการทดลองกับสัตว์แล้วก็ยังไม่ไหวอีก เพราะผลลัพธ์ก็คือตายทั้งหมดเลย]
กริมม์ถอนหายใจออกมา
[ส่วนทางนี้คือเขาของยูนิคอร์น ฉันเองคาดหวังว่าจะมีประโยชน์กับการรักษาโรคได้เลยซื้อมา แต่ว่า…]
ทางชานอนทำหน้าเหมือนเข้าใจ
[อย่างนี้นี่เอง เจ้านั่นคือเงินที่กู้มาสินะ]
กริมม์พยักหน้าด้วยความเครียด
[กรัมนึงตกอยู่ที่ห้าหมื่นกัลล์ ด้วยความหายากสุด ๆ ของมันทำให้ราคาสูงตามไปด้วย…และจำนวนที่เหมาะพอที่จะใช้ก็ตกอยู่ที่ประมาณหนึ่งร้อยกรัม จึงได้หาเงินกู้มาเติมให้ซื้อได้พอดี …ผลงานก็อย่างที่เห็น ดูเหมือนว่าฉันจะมีพรวรรค์ไม่มากพอ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปก่อนยาจะเสร็จเด็กคนนั้นคงจะไม่รอดแน่]
[ยูนิคอร์นก็เป็นสัตว์ในตำนานที่หาตัวจับยากจริง ๆ แหละ ฉันเองยังเจอแบบนับครั้งได้เลย]
[จริงด้วยงั้นสินะ…แล้วทีนี้เลยอยากจะขอยืมความรู้เรื่องหยูกยาของจอมเวทน่ะ ได้ยินมามากว่าจอมเวทส่วนใหญ่คุ้นเคยกับยามาก ๆ แต่เท่าที่ดูเธอจะยังเด็กอยู่ก็เถอะ…]
กริมม์แอบลอบสำรวจร่างกายของทางนี้อยู่ เพียงแต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะที่อยู่ตรงนี้คือจอมเวทที่อยู่มากหลายพันปีแล้วยังไงละ
[สบายใจได้ เห็นแบบนี้แต่ประสบการณ์แน่นพอตัวเลยนะ]
[งั้นเหรอ ขอบคุณนะ ยังไงก็เชื่อใจเธอนะ ฟางเส้นสุดท้ายแล้วนี่นา ฝากด้วย!]
กริมม์ก้มหัวให้
[ฝากได้เลยจ้า แต่ว่าขอค่าตอบแทนนะ ฉันน่ะตอนนี้ไม่เงินสักกะแดงเดียวเลย]
[เอ้อ ถ้ายากเสร็จแล้วละก็จะยังไงก็ช่างมันแล้ว คาดหวังจริง ๆ นะ อีกอย่างถ้าตอนนี้ไม่มีที่พักก็มาพักที่ชั้นสองได้เลย ฉันกับลิลลี่อยู่กันสองคนที่เลยกว้างมากไปน่ะ]
หากออกจากเมืองเอลดอร์ไปทางทิศตะวันออกจะพบกับบ้านหลังหนึ่งที่มีสองชั้นและชั้นใต้ดินตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเล็ก ๆ ลิลลี่ถูกแยกออกไปอยู่ในห้องมุมของชั้นหนึ่ง ส่วนห้องพักของกริมม์จะอยู่ด้านซ้ายของประตูทางเข้าและคาดว่าชั้นสองนั้นเป็นห้องเก็บของ
[เอ๊ะ พักฟรีเหรอ!?]
[ก็ ตามนั้นแหละ แต่สกปรกหน่อยนะ]
ปิ๊-ง ตาของชานอนส่องแสง
นี่มันถูกหวยชัด ๆ เลย ทั้งทีคิดว่ต้องจ่ายค่าที่พักไประหว่างหาเงินแท้ ๆ แต่กลับได้ที่พักฟรีแบบนี้ ประหยัดเวอร์
[ยอดเยี่ยม สัญญาเสร็จสิ้น ฝากตัวด้วยนะคุณกริมม์ ]
[อา ฝากตัวด้วยชานอน]
จากนี้การพัฒนายาของชานอนและกริมม์ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
“ซัลเอนา” เป็นโรคที่มีความพิเศษ อาการจะออกราวกับการเกิดอาการผิดปกติในร่างกาย สามารถติดเชื้อได้จากสารคัดหลั่ง สรุปก็คือโรคเป็นโรคระบาดชนิดหนึ่งนั่นเอง และด้วยเหตุนั้นจึงทำให้ลิลลี่ต้องถูกกักตัวแยกกับคนอื่นภายในห้องผู้ป่วยของกริมม์
[พอลองผสมผงของเขายูนิคอร์นลงไปในยาดูแล้ว แต่ถึงจะเตรียมยาดีแค่ไหนมาก็ไม่ได้ผลสักนิดเดียว]
กริมม์ผสมผงของเขายูนิคอร์นลงไปในยาที่อยู่ตรงหน้า แต่ของเหลวนั้นกลับเปลี่ยนสีเป็นสีม่วงที่ชวนให้นึกถึงลางร้าย
[หวา ดูแล้วน่าจะไม่ไหวนะ]
[อา…ไม่ว่าจะพยายามปรับแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์เลย เราเสียสละหนูไปกว่าห้าสิบตัวจนรู้สึกว่าอยากจะยกธงขาวเลย…ตอนนี้อยากจะรู้ว่าต้องผสมยังไงถึงจะได้ผล เพื่อเอามาเป็นแบบอย่างในครั้งถัด ๆ ไปน่ะ]
กริมม์ทำหน้าบิดเบี้ยวอย่างเศร้า ๆ
[คืองี้นะ รู้วิธีใช้เขายูนิคอนหรือเปล่า?]
[วิธีใช้? ไม่ได้รู้มากนักน่ะ…เพราะบางทีก็เล่นพนัน—ใช้วิธีลองพยายามผสมผงลงไปแบบน้อย ๆ น่ะ มีอยู่ครั้งนึงที่อาการของหนูดีขึ้น พอเห็นแบบนั้นก็ลนลานซื้อมาเพิ่มอีก แต่ไม่มีเวลาไปศึกษาสาเหตุขนาดนั้น…]
[พนัน…]
[บะ บางทีก็โดนชวนไปบ้างแหละน่า !จะ จะยังไงก็ช่างเถอะ]
[ก็เพราะงี้ถึงได้หมดเงินไง บ้าบอจริง…]
คิดว่าอยากช่วยลิลลี่เลยไปกู้เงินมาลงทุนกับตรงนี้เสียอีก แต่ดูท่าว่าจะผิดประเด็นไปนิดนะ
[—-งั้นเข้าเรื่องแล้วนะ เอาจริง ๆ เขายูนิคอนร์นมักจะถูกใช้เพื่อทำไม้เท้า เครื่องเรือนหรูของขุนนางพวกจานชามเอากินข้าวอะไรทำนองนั้นน่ะนะ]
ถ้าแวะไปที่บ้านของขุนนางก็มีโอกาสสูงที่จะเจอของเหล่านี้อยู่ จนถึงตอนนี้ก็เคยเห็นมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว
[สรุปก็คืองานอดิเรกของพวกคนรวยสินะ? ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่นักน่ะ ฉันเองก็ตกใจเหมือนกันที่ของแบบนี้เอามาทำยาได้ด้วย]
เหมือนกริมม์เองก็จะมีศักดิ์ศรีพอตัวเหมือนกันเลยกอดอกพยักหน้าให้
[ใช่ ๆ แล้วทีนี้นะ ด้วยความที่จำนวนน้อยเอามาก ๆ ส่วนใหญ่เลยถูกแปรรูปไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนพวกคนรวยที่ซื้อก็อาจจะไม่รู้เรื่องนี้ด้วย ว่าเจ้าเขายูนิคอร์นมีพิษอยู่น่ะ]
พอพูดจบกริมม์ก็มีสีหน้าแข็งทื่อ
[พิษ!?…ไม่สิ ถ้าพูดถึงว่ามีพิษ…เหรอ มองข้ามไปนี่เอง เพราะเห็นเป็นของหรูก็เลยไม่คิดว่าจะมีโอกาสมีอะไรแบบนั้นด้วย]
[ตัวเขายูนิคอร์นจะแพงด้วยตัวมันเองไม่ใช่ฐานะยาน่ะนะ เพราะคนที่รู้ว่ามีพิษน่าจะแทบไม่มีแล้วด้วย เพียงแต่พิษในตัวมันเองทำให้ออกอาการอะไรไม่ได้หรอก คิดว่าน่าจะป็นที่ขั้นตอนเตรียมยาแล้วไปเพิ่มปฏิกิริยาให้พิษไม่ผิดแน่]
[อย่างนี้นี่เอง…]
ระหว่างที่ชานอนพูดไปกริมม์ก็กำลังเขียนบางอย่างอยู่ในสมุดไปด้วย สิ่งที่กำลังเขียนอยู่ก็คือโครงของการเลือกสมุนไพรที่จะทำอะไรสักอย่างกับพิษได้
บางทีกริมม์อาจจะเป็นคนที่สุดยอดเกินคาดก็ได้
[—ประมาณนี้แหละ ขอบคุณนะ! เพราะมัวแต่อยู่ในความคิดแคบ ๆ อย่างเดียว ต้องขอบคุณชานอนเลย! แบบนี้อาจจะไหวก็ได้…! พอคิดมากไปก็หัวตื้อไปหมดแล้ว]
[ไม่หรอก ๆ มันจากนี้ไปต่างหาง เพราะพวกสูตรผสมฉันเองก็ไม่รู้ด้วยสิ]
[อา แต่ก็หมายความว่าจะช่วยกันต่อสินะ! งั้นรีบไปซื้อวัตถุดิบกันเลยเถอะ!]
และด้วยเหตุนั้น พวกชานอนที่ต้องการจะหาวิธีจัดการเขายูคอนร์นให้ปลอดภัยจึงได้ออกไปซื้อสมุนไพรมากมายกัน
****
[อันนี้เป็นยังไงจ๊ะ สมุนไพรปรุงยาจากทิศตะวันออก ใช้ในการแพทย์สมุนไพร ชื่อว่าคุซึกิน่ะนะ]
ป้าคนหนึ่งที่ดูสดใสเปิดกล่องไม้ให้ดูรากของต้นไม้บางอย่างที่ยึกยือเหมือนคลื่นให้ดู
[คุณป้า สรรพคุณของมันคืออะไรละ?]
[ป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน]
[ไม่รู้แล้วมาขายเนี่ยนะ! เอาเข้าจริงมันไว้ใช้ปรุงยาแน่ไหมเนี่ย? ดูยังไงก็ขยะชัด ๆ ]
กริมทำท่าจะหยิบขึ้นมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ราวเห็นของสกปรก
ป้าคนนั้นจึงเอี้ยวตัวหลบไปข้างหลังเล็กน้อย
[เดี๋ยวก่อนเดี๋ยว คุณเองก็เป็นคุสุชิใช่ไหม? งั้นก็หาความรู้ใส่หัวบ้างสิ]
[จะว่าหยาบคายดีหรือจะว่าตรงไปได้มาดี…ไม่สิ นี่มันหลอกกันชัด ๆ นี่ ขายของแล้วไม่รู้สรรพคุณนี่สิแปลก!?]
[ไม่แปลกหรอกจ้า ก็พูดจริงไหมละ ถ้าใครจะมาซื้อก็ต้องรู้เรื่องสิถึงจะถูก งั้นจะคิดเงินแล้วนะ ถ้ามีอะไรที่อยากได้ก็เอามาเร็ว]
พอพูดจบ ป้าก็ทำเป็นไม่สนใจกริมม์แล้วไปคิดเงิน
[นี้เพิ่มอีกแล้วเนี่ย…]
[แหม ก็ต้องลองหลาย ๆ อย่างนี่นา เป็นโอกาสดีไม่ใช่เหรอ?]
[งั้นเหรอ…?]
[ฉันเองถ้าเป็นพวกยาสมุนไรก็พอจะรู้อยู่นา คิดว่าไม่แปีกหรอกนะ]
[เอ งั้นเรอะ เหมือนพวกต้มตุ๋นเลยแฮะ เอาจริง ๆ จอมเวทเนี่ยก็เป็นผู้เชี่ยวชาญงั้นสินะ]
[แค่อยู่มานานเท่านั้นเองนะ]
ทันทีที่ได้ฟังคำนั้นกริมม์ก็ขำขึ้นจมูก
[ฮ่า ๆ เธอยังใช้ชีวิตมาไม่ถึงครึ่งของฉันเลยนี่ จริง ๆ เลย …แต่ว่าก็ว่าเถอะซื้อมาเยอะขนาดนี้ก็จริงแต่ไม่รู้เลยนะว่าจะได้ผลไหม]
[ทำไมอะ?]
ถ้าพูดถึงการทดลองแล้ว ยิ่งจำนวนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ตัวจอมเวทก็เหมือนกัน จากบรรดาข้อมูลอันกว้างใหญ่ของโลกใบนี้ก็จำเป็นต้องลองผิดลองถูกซ้ำแล้วซ้ำอีกเช่นกัน ไม่มีทางเป็นอื่นไปได้
[เหมือนกับแขวนอยู่บนเส้นด้ายนั่นแหละ…ตอนนี้เขาของยูนิคอร์นก็มีไม่มากแล้วด้วย ถ้าเอาไปใช้เตรียมการกับจำนวนตอนนี้คงทดลองได้มากสุดแค่ห้าสิบครั้งเท่านั้นเอง]
กริมม์เอามือกุมหัวให้กับการคำนวณที่ชวนให้สิ้นหวังนั้น
จากนั้นป้าก็ส่งเสียงออกมา
[ถ้าทนรออีกสักครึ่งปีได้ ก็จะมีของดีเข้ามาบ้างแล้วนะ!]
[ถ้าครึ่งปีน่ะไม่ทันแล้ว…ลิลลี่น่ะ ไม่ได้มีเวลาขนาดนั้น!]
[งั้นที่เหลืออีกห้าสิบครั้งก็ต้องทำให้ได้เนอะ]
จากนั้นก็เดินเข้ามาทุบหลังของกริมม์
[เพื่อการนั้นฉันก็เลยมาอยู่นี่ไง]
ใช่แล้ว ถ้าพูดถึงว่าจะช่วย ก็หมายถึงว่าจะไปให้ถึงที่สุดไม่เกี่ยวกับเรื่องเงิน
กริมม์มองหน้าชานอนแล้วถอนหายใจเล็กน้อย จากนั้นสายตาก็หนักแน่นขึ้น
[…อา ตั้งใจจะขอแบบนั้นแหละ…! ฝากด้วยนะ ต้องยืมพลังของเธอจริง ๆ ]
[ไว้ใจได้จ้า จะแสดงพลังของจอมเวทให้ดูเอง]
[ใช่แล้ว ว่าแต่ว่า เรื่องตัวอย่างนี่เชื่อถือได้แน่เหรอ?]
กริมม์ทำหน้าชวนฉงนเล็กน้อยแล้วจ้องมองมาทางด้านนี้
[ตัวอย่าง?]
[เอ้า เรื่องการทดลองไง ถ้าทดลองกับหนูสำเร็จแล้ว สุดท้ายก็ต้องทดลองตัวยาที่เสร็จแล้วอีก ทีนี้เราก็ไม่มีมนุษย์ที่จะช่วยทดลองผลของยาให้ด้วย แต่ว่า ถ้าเธอมีคนที่…]
คำพูดเป็นไปดั่งคาด
จะว่าไปแล้ว เป้าหมายดั้งเดิมก็เพื่อการนี้นั่นแหละ
[อื้อ แน่นอนสิ! อย่าได้ห่วงไป ฉันเตรียมไว้แล้วละ]
พูดจบก็ยกนิ้วขึ้นมา
[อา ตอนนี้ก็คงมีแต่ต้องเชื่องั้นสิ]
จากนั้นถุงก็ถูกบรรจุวัตถุดิบมากมายหลายอย่างลงไป แล้วจึงหนีออกมาจากร้านของป้าที่พยายามจะป้ายยาของแพง ๆ ให้
รีบกลับมุ่งหน้ากลับมาที่่ห้องใต้ดิน การทดลองจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว แถมเวลาเหลือไม่มากอีกด้วย
ความเป็นความตายของลิลลี่นั้นขึ้นอยู่กับจำนวนของเขายูนิคอนร์น แต่หากมัวแต่คิดมากก็จะเดินหน้าไม่ได้ แต่ก็ถือว่ากดดันเช่นกัน
[เอาเป็นว่าเดี๋ยวดึงความรู้ของชานอนกับประสบการณ์ของฉันมารวมกันแล้วทดลองกันเถอะ…!]
[นั่นสินะ ก่อนอื่นก็มาเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำยาถอนพิษออกมาก่อนดีกว่า]
[อ้อ!]
กริมม์ที่กำลังเตรียมตัวเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ เป็นเพราะลองผิดลองถูกมาหลายครั้งเป็นแน่
แนะนำข้อมูลทั้งเรื่องสมุนไพร เรื่องความรู้เกี่ยวกับยาให้กับกริมม์อยู่เรื่อย ๆ ส่วนเรื่องวัตถุดิบและอุปกรณ์ที่หายไปนั้น บทบาทของชานอนให้ฐานะผู้ช่วยจะต้องจัดการให้ดี
หากไม่นับเรื่องความรู้เกี่ยวกับพิษของเขายูนิคอร์นแล้ว ลำดับต่าง ๆ ในการสร้างยาก็ทำได้อย่างดี กริมม์เป็นชายที่เรียกว่าคุสึชิได้อย่างยอดเยี่ยมไม่ผิดแน่
ก่อนอื่นก่อนใดก็ต้องทำงานเพื่อค่าตอบแทนก่อน
การทดลองยังคงดำเนินต่อไปยาวถึงกลางค่ำคืน