เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 729-730
บทที่ 729
แม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นเฉิงพยายามจะพูด แต่ความคิดของเวินรัวก็เบี่ยงเบนไปในทิศทางนั้นโดยไม่รู้ตัว
ผู้ชายคนนั้นทั้งหล่อและแข็งแกร่ง ในขณะเดียวกันเขาก็ทําหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ให้เจียนอีหลีงด้วยเช่นกัน
ซึ่งนั่นแตกต่างจากจุสื่อโม่อย่างสิ้นเชิง เมื่อเป็นรั่วประสบกับปัญหาที่ยากลําบาก จสื่อโม่ก็ตัดสินใจเลิกกับเธอทันที
เมื่อคิดเช่นนั้น เป็นรั่วก็รู้สึกว่าการเลิกรากับจุสื่อโม่ก็ไม่ได้เลวร้ายเหมือนกับที่เธอคิดในตอนแรก
ปัจจุบันเจี้ยนอหลังได้รับการคุ้มครองโดยจํายหวินเชิง เธอไม่ต้องทําอะไร จยหวินเชิงจะช่วยเธอท่าทุกอย่างตามที่ต้องการ
เช่นเดียวกับกรณีที่จํายหวินเชิงสืบสวนเหตุการณ์นี้ให้เจี่ยนอีหลิง และยังช่วยแก้แค้นให้เธออีกด้วย สิ่งเดียวที่เชี่ยนอหลิงต้องทําคือการอยู่ใต้ปีกของจํายหวินเชิง
[อีหลิง ฉันถูกพี่ชายเธอปฏิเสธ
เมื่อเจียนอหลิงอ่านข้อความนี้ เธอก็หยุดชะงักแล้วจึงตรวจสอบว่าใครเป็นคนส่งข้อความ
ไม่ใช่ฉันหยุฝาน
แต่กลับเป็นหัวหน้าทีมหร่วน
ฉันขอให้พี่ชายเธอเข้าร่วมทีมของเรา แต่ก็ถูกพี่ชายเธอปฏิเสธอย่างไร้ความปรานี้…]
เดิมที่หัวหน้าทีมหร่วนหวังว่าเจียนอี้เพิ่งจะเข้าร่วมทีมปฏิบัติการพิเศษ
[อย่าเสียใจไปเลย] เจียนอีหลิงตอบ เธอพยายามปลอบหัวหน้าทีมหร่วน
จะไม่ให้เสียใจได้ยังไง เธอไม่รู้ด้วยซ้ําว่าเขาปฏิเสธฉันยังไง!]
[เขาปฏิเสธยังไงล่ะ?] เจียนอีหลิงถาม
[เขาสู้กับสมาชิกทุกคนในทีม หลังจากที่เขาเอาชนะทุกคนได้ เขาก็บอกว่ามันน่าเบื่อแล้วก็จากไป… เธอไม่รู้หรอกว่าฉันอยากให้เขาเข้าร่วมทีมของเรามากกว่าเดิมหลังจากที่ดูเขาต่อสู้ สมาชิกในทีมปฏิบัติการพิเศษของเรามีความสามารถทุกคน แต่ไม่มีใครสู้เขาได้เลย!]
ที่มปฏิบัติการพิเศษได้รวบรวมบุคคลที่มีความสามารถหลากหลายเอาไว้
ในทีมของพวกเขามีผู้ตรวจสอบทางนิติเวชอย่างเจี่ยนอหลิง รวมถึงอัจฉริยะด้านคอมพิวเตอร์ที่สามารถทัดเทียมกับชั่วอวได้
ครั้งสุดท้ายที่เว็บบอร์ดของโรงเรียนมัธยมปลายเชิงถูกจัดการ ก็เป็นเพราะอัจฉริยะด้านคอมพิวเตอร์กับชั่วอว์ที่ช่วยเหลือเจียนอหลิง จัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้ ยังมีมือสไนเปอร์ที่มีไอคิวสูงเป็นพิเศษ และผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาด้วย
ไม่ใช่ว่าสมาชิกในทีมคนอื่นต่อสู้ไม่ได้ แต่ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาไม่สามารถเทียบได้กับเจียนอี้เหิงเลยแม้แต่น้อย
[เย็นนี้อาหารเย็นของเขาจะลดลง] เจียนอีหลิงตอบ
“ฮ่าฮ่าฮ่า อหลิง เธอใจดีมาก เพื่อช่วยฉันเธอถึงกับต้องงดอาหารของพี่ชาย]
[เขายังบาดเจ็บอยู่ ไม่น่าไปสู้เลย]
[รือ? เธอไม่ได้ทําอย่างนั้นเพราะช่วยฉัน?] หัวหน้าทีมหร่วนตอบ ก่อนที่เขาจะตระหนักได้ว่าตีความคําพูดของเจียนอีหลิงผิดไป เดี๋ยวนะ เธอหมายความว่าว่าเขาบาดเจ็บตอนที่ต่อสู้กับสมาชิกในทีมงั้นเหรอ?]
[ใช่ เขาผ่าตัดที่ไหล่ข้างหนึ่ง เพราะงั้นเขาไม่ควรขยับตัวมากเกินไป]
[ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่ขยับแขนสักนิด!] พออ่านมาถึงตรงนี้ หัวหน้าทีมหร่วนก็นึกขึ้นได้ว่าระหว่างการต่อสู้เจียนอี้เห่งชกด้วยมือข้างเดียว
[อาา… จานนั้นกลับคืนมาแล้ว]
ตราบใดที่เขาไม่ขยับแผลมากเกินไป ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา
[อีหลืง พี่ชายแข็งแกร่งเกินไปแล้ว! ฉันต้องหลอกให้เขาเข้าร่วมกับเราให้ได้!]
[ขอให้โชคดี]
[อีหลิง เธอต้องช่วยฉันนะ]
[ไม่ช่วย ]
[เย็นชาสมกับเป็นเธอจริงๆ)
ณ ตอนนี้ เจียนอี้เห้งก่าลังยุ่งอยู่กับการไล่ทุบตีน้องชายของเขาอยู่
“พี่ชาย อย่าตีผม อย่าตีผม ถ้าพี่ยังมีอีกเดี๋ยวก็บวมหรอก พรุ่งนี้ผมยังต้องไปเจอคนอีกนะ!”
เจียนอี้เฉินวิ่งไปรอบๆ โซฟา ในขณะเดียวกันก็ขอร้องพี่ชายให้หยุดไล่ตีเสียที
“ทําไมนายถึงชอบทําเรื่องอันตรายแบบนี้?”
เจียนอี้เหิงถามเจียนอี้เฉิน
เมื่อกี้นี้ เจียนอี้เพิ่งค้นพบความลับของน้องชายตัวเอง ซึ่งอีกฝ่ายแอบวางแผนจัดการเรื่องของตระกูลฉันอย่างลับๆ
เจียนอี้เพิ่งรู้ว่าเรื่องนี้อันตรายแค่ไหน
“พี่ครับ เรื่องนี้ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ พี่เชื่อใจผมเถอะ ปล่อยให้ผมจัดการเองได้ไหม?”
“ไม่” เจี่ยนอี้เหิงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ไม่มีที่ว่างสําหรับการเจรจา
“พี่ชาย ผมเป็นน้องชายของพี่นะ เชื่อผมสักครั้งเถอะ!”
บทที่ 730 นายเป็นน้องชายของฉัน
“อืม ฉันเป็นพี่ชายนาย เพราะงั้น ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร นายควรเชื่อใจฉันแทนที่จะต่อสู้คนเดียว” เจี่ยนอี้เหิงตอบกลับเจี่ยนอี้เฉินด้วยค่าพูดแบบเดียวกัน
เมื่อได้ยินดังนั้น เจียนอี้เฉินก็ก้มหน้าลงอย่างลังเล
เจียนอี้เหิงพูดขึ้น “ถ้านายยังไม่พูด ฉันจะเอาคนทั้งหมดที่ฉันให้นายไปคืนมา”
เจียนอี้เฉินมีกลุ่มผู้ชายที่แข็งแกร่ง ซึ่งได้รับการฝึกฝนจากเจียนอี้เพิ่ง
แม้ว่าพวกเขาจะฟังคําสั่งของเจียนอี้เฉิน แต่พวกเขาก็เชื่อฟังคําสั่งจากเจียนอี้เหิงด้วย
“ไม่ได้” เจี่ยนอี้เฉินแย้งอย่างรวดเร็ว “โอเค ผมจะพูด แต่พี่ต้องสัญญากับผม ว่าพี่จะไม่ตีหลังจากที่ผมพูดจบ”
“ฉันจะรับปาก หลังจากที่นายพูดจบ” เจียนอี้เหิงกล่าว เขาเป็นที่คนเป็นกลางอย่างมาก ทําให้ไม่ได้คิดที่จะทําสัญญาง่ายๆ
ด้วยเหตุนี้ เจียนอี้เฉินจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะต้องสารภาพกับเจียนอี้เหิงว่าตัวเขากําลังทําอะไร
“ทําไมนายถึงคิดว่าฉันชวนจะต่อต้านตระกูลเจียน?” เจียนอี้เหิงถามขึ้น หลังจากที่ฟังคําอธิบายของเจี่ยนอี้เฉินจบ
“พี่ ผมบอกเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ ถึงพี่จะตีผมตายก็เถอะ”
เจียนอี้เหิงมีใบหน้าที่นิ่งเฉย เขาจ้องไปในดวงตาของเจี่ยนอี้เฉินด้วยแววตาที่ดูเคร่งขรึม สีหน้าที่กดดันนั้นทําให้ของเจียนอี้เฉินไม่กล้ามองโดยตรง
“ได้ ฉันเชื่อนาย และฉันก็จะช่วยนายด้วย” เจี่ยนอี้เหิงกล่าว
“นี่พี่จะช่วยผมงั้นเหรอ?”
“อื้ม นายเป็นน้องชายของฉัน ฉันคงทนดูนายลําบากไม่ได้แล้วทําเป็นไม่สนใจไม่ได้หรอก ในเมื่อนายตั้งใจที่จะทํามัน ฉันก็จะช่วย เพื่อทําให้แน่ใจว่าแผนนี้จะผ่านไปได้” เจียนอี้เหิงพูดกับเจียนอี้เฉิน
“พี่ครับ! พี่ใจดีมาก ผมรู้ว่าพี่ดีกับผมมากที่สุดเลย!” เจียนอี้เฉินร้องไห้ ขณะที่เขาปาดน้ําตา แล้วจับที่แขนของเจียนอี้เหิง
“แต่นายต้องสัญญากับฉันอย่างหนึ่ง”
“พูดมาเลยครับพี่”
“นายห้ามทําร้ายร่างกาย ห้ามทําผิดกฎหมาย หรือวินัยใดๆก็ตาม นายคิดหาวิธีทําลายความสมดุลในตระกูลฉันได้ และสามารถทําอะไรกับธุรกิจของตระกูลฉินก็ได้ แต่นายต้องไม่ทําอะไรที่ผิดกฎหมาย
“ผมเข้าใจ ผมไม่เคยคิดที่จะทําร้ายฉันชวน แต่แค่ต้องการให้เขาไม่สืบทอดธุรกิจตระกูลฉิน และหากเรื่องนั้นเกิดขึ้น ทุกอย่างจะเรียบร้อย”
หลังจากครั้งสุดท้ายที่ฉินหยฝานถูกลักพาตัว ตระกูลฉันก็ประสบอุบัติเหตุอีกครั้ง
ครั้งนี้เบรกของรถที่ฉันชวนขับทํางานผิดปกติ ทําให้ฉันชวนประสบอุบัติเหตุ
แม้ว่าฉันชวนได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะทักษะในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมของฉันชวน และการตอบสนองอย่างใจเย็น ผลที่ตามมาก็น่ากลัวเกินกว่าจะคิดได้
เจียนอีหลิงได้รู้เรื่องอุบัติเหตุของฉันชวนจากแม่ของเขา
เมื่อได้ยินข่าวนี้ เจียนอีหลิงก็นึกถึงโครงเรื่องที่เธออ่านในนวนิยายต้นฉบับทันที
ย้อนกลับไป ไม่นานนักก็พบผู้ชายคนหนึ่งที่ทําลายรถของฉันชวน ซึ่งผู้ชายคนนั้นก็จะสารภาพว่าคนที่บงการอยู่เบื้องหลังทั้งคือจํายหวินเชิง
ทั้งยังมีหลักฐานมากมายชี้ไปที่จํายหวินเชิง
ในการเผชิญหน้ากันครั้งต่อไป จํายหวินเจ๋งก็ยอมรับโดยตรงว่าเขาเป็นคนทํา
สิ่งนี้ทําให้ความขัดแย้งระหว่างตระกูลฉินและตระกูลจ่ายรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม
นี่ไม่ใช่ปัญหาในนวนิยายต้นฉบับ เพราะฉินชวนเป็นตัวเอก และจํายหวินเชิงเป็นตัวร้าย ตัวร้ายแค่พยายามที่จะทําร้ายตัวเอกแต่สุดท้ายก็ล้มเหลว โครงเรื่องแบบนี้สอดคล้องกับรูปแบบทั่วไปของนิยายโรแมนติกอย่างสมบูรณ์
แต่ตอนนี้ เจียนอีหลิงอยู่ข้างจํายหวินเชิง เธอรู้ว่าเขาจะไม่ทําร้ายใครโดยไม่มีเหตุผลเลย ทุกครั้งที่เขาทําอะไร เขามักจะทําไปด้วยเหตุผล
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่มีเหตุผลที่จะฆ่าฉันชวน
อันที่จริง บางทีจยหวินเชิงอาจยอมรับว่าทําอย่างนั้นในนวนิยายต้นฉบับ เพราะเขาไม่รู้สึกอยากปกป้องตัวเอง เหมือนกับที่เจี่ยนอีหลิงในนวนิยายต้นฉบับทํา
การที่จํายหวินเชิงปรากฏตัวขึ้นในวอร์ดของเจี่ยนอหลิงในวันนั้น อาจเป็นเพราะความคล้ายคลึงกันมากมายระหว่างพวกเขา