เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 173
ตอนที่ 173 จุมพิต
“พวกเราอิ่มแล้ว.. ยินดีที่ได้พบกับเจ้า หากข้าพบเจอสถานที่ที่น่าท่องเที่ยวผจญภัย จะบอกให้เจ้ารู้หากเราบังเอิญได้พบกันอีกครั้งข้าลาก่อน..” เมิ่งเอ่ยตอบยิ้มๆ แต่สีหน้ากลับมีวี่แววกังวลใจอยู่เล็กน้อย นางลุกขึ้นยืนและส่งสัญญาณให้หยวนและหลิงลุกขึ้นเช่นกันจากนั้น.. ทั้งสามคนก็เดินออกจากร้านไป
“เหตุใดพวกเจ้าทั้งสองต้องทําหน้าตาตกตะลึงเช่นนั้นด้วย?” หลงเฉินหันไปถามไมอากับจฉิงเมื่อพบว่าหญิงสาวทั้งสองดูคล้ายจะอยู่ในอาการตกตะลึง
“ข้าอดที่จะตกใจและประหลาดใจมิได้ เมื่อได้ยินเจ้าบอกว่ามาจากจักรวรรดิที่อ่อนแอ และไม่มีผู้คนรู้จักแต่สีหน้าท่าทางของเจ้ากลับมั่นอกมั่นใจไร้ซึ่งความกังวลใจใดๆในขณะที่พวกเขากลับดูระมัดระวังตัวมากกว่าเจ้าเสียอีก” จี้ฉิงเอ่ยตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
“ก็อาจเป็นเช่นนั้น..” หลงเฉินตอบเสียงเบา
“เอาล่ะ พวกเราคงต้องไปแล้วเช่นกันขอบคุณที่ให้พวกเราสองคนนั่งร่วมโต๊ะกับพวกเจ้าด้วย”
หลงเฉินเอ่ยยิ้มๆพร้อมกับลุกขึ้นยืนจากนั้นหล่หมิงยู่ก็ลุกขึ้นยืนด้วย แล้วทั้งสองคนก็เดินจากไป..
“เวลานี้ดูเหมือนจักรวรรดิเราจะมีคนสําคัญเดินทางเข้ามาไม่น้อย ข้าจะต้องแจ้งให้พี่ชายล่วงรู้นอกเหนือจากคนของสํานักมหาอสุนีบาตแห่งจักรวรรดิจันทราเหนือแล้วก็ยังมีอีกสองคนที่มาจากจักรวรรดิล์ลับซึ่งน่าตกใจยิ่งกว่าการที่พวกเขาทั้งหมดมาที่จักรวรรดิของเราในเวลาเดียวกันเช่นนี้.. คงจะต้องมีเรื่องใหญ่โตเกิดขึ้นเป็นแน่”
“พวกเราคงจะต้องเตรียมการรับมือไว้ให้พร้อม ท่านลุงเหยา.. ส่งหน่วยอารักขาเงาของเราออกไปสองกลุ่มกลุ่มหนึ่งสะกดรอยตามคนจากจักรวรรดิจันทราเหนือไป ส่วนอีกกลุ่มคอยตับตามองหลงเฉินกับสหายของเขาอย่าให้พวกเขารู้ตัวล่ะ..”จี้ฉิงสั่งการด้วยสีหน้าที่กําลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
ระหว่างทางที่เดินไปตามท้องถนนนั้นหลู่หมิงยู่ก็จับตามองหลงเฉินด้วยสีหน้าครุ่นคิด..
“นี่เจ้ามีสิ่งใดจะพูดกับข้างั้นรึ?”หลงเฉินเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นว่าหลิงหมิงยู่จ้องมองตนเองเช่นนั้น
“เหตุใดเจ้าจึงได้ยินพวกเขาสนทนากันด้วย?ข้าเองมีขั้นพลังบ่มเพาะที่เหนือกว่าเจ้า แต่ขากลับไม่ได้ยินแม้แต่คําเดียว!” หล่หมิงยู่เอ่ยถามหลงเฉินด้วยความสงสัย
“ข้ามเคยบอกว่าได้ยินพวกเขาสนทนากัน?อะไรทําให้เจ้าคิดเช่นนั้น?”หลงเฉินหันไปมองหลู่หมิงอยู่ด้วยความงุนงงสงสัยและใครจะรู้
“สีหน้าท่าทางของเจ้าแสดงออกชัดเจนว่าได้ยินในสิ่งที่พวกเขาสนทนากัน.. เอาล่ะ บอกข้ามาได้แล้วว่าเจ้าได้ยินพวกเขาได้อย่างไรกัน?” หล่หมิงยู่ตอบยิ้มๆ
“ก็ไม่มีอะไรมาก.. หลังจากที่ได้รู้ว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อต้องการเสาะหาบางสิ่งบางอย่างฉะนั้นบางสิ่งบางอย่างที่สําคัญสําหรับพวกเขา จะมีสิ่งใดสําคัญไปกว่าขุมทรัพย์ได้เล่าหาไม่แล้วพวกเขาคงไม่เดินทางมาถึงที่นี่เป็นแน่!” หลงเฉินเอ่ยตอบพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
“ดูท่าหญิงสาวผู้นั้นส่งคนสะกดรอยตามพวกเรามานับว่าเป็นการตัดสินใจที่เฉลียวฉลาดนัก แต่ฝีมือยังด้อยไปหน่อย..”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลงเฉินหลังจากที่เขาสัมผัสบางสิ่งบางอย่างได้เขาค่อยๆชะลอเท้าลงและปล่อยให้หลู่หมิงยู่เดินนําหน้าไปส่วนตัวเขาแยกกับนาง แล้วมุ่งหน้าไปยังถนนว่างเปล่าเส้นหนึ่ง
หลู่หมิงยู่สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติแต่เมื่อหันหลังกลับมาก็ไม่พบแม้แต่ร่องรอยของหลงเฉิน
จฉิงและไมอายังคงนั่งทานอาหารอยู่ในร้านเช่นเดิมแต่ไม่นานนักร่างของชายสวมหน้ากากผู้หนึ่งก็ถูกจับโยนเข้ามาสีหน้าของจิ๋ฉิงถึงกับเปลี่ยนไปทันทีเพราะเป็นหนึ่งในองค์รักษ์เงาที่นางสั่งให้ไปปฏิบัติภารกิจเวลานี้ภายในร้านเหลือเพียงแค่จฉิงกับไมอาเพียงสองคนส่วนนายพลเหยากลับไปรายงานเรื่องราวทั้งหมดให้องค์จักรพรรดิ
“ข้าคงจะไม่โกรธถึงเพียงนี้และพอใจมากกว่าหากเป็นเจ้าสะกดรอยตามข้าไปด้วยตัวเอง มิใช่ส่งคนของเข้ามาเช่นนี้!”หลงเฉินหัวเราะคิกคักขณะที่ก้าวเดินเข้ามาภายในร้าน
“แต่เจ้าไม่ต้องตกใจไป ข้ามาที่นี่ ไม่ได้ต้องการทําร้ายเจ้า..”หลงเฉินเอ่ยยิ้มๆในขณะที่ยังคงเดินตรงเข้าไปหาจนิ่งที่มีสีหน้าเคร่งเครียด
หลงเฉินยื่นใบหน้าของตนเข้าไปใกล้กับใบหน้าของจิ๋ฉิงและเวลานี้ริมฝีปากของคนทั้งสองก็ห่างกันเพียงแค่หนึ่งนิ้วมือจี้ฉิงเองก็ไม่ถอยหนีและยังจ้องตาหลงเฉินไม่กระพริบอีกด้วย
“แม้นี่จะเป็นความผิดครั้งแรกของเจ้าแต่ข้าก็ไม่อาจให้อภัยได้ เพราะนั่นหาใช่วิสัยของข้าไม่!”หลเงเฉินกระซิบบอกพร้อมกับจ้องลึกลงไปในดวงตาของนางเช่นกัน
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน! เจ้าไม่มีสิทธิ์ไร้มารยาทกับท่านน้าของข้า!” ไมอาลุกขึ้นยืนพร้อมกับตะโกนใส่หน้าหลงเฉิน
“ใช่ว่าข้าจะไร้มารยาทแม่สาวน้อย!”หลงเฉินหันตอบกลับไปโดยไม่แม้แต่จะถอนใบหน้าของตนออกมา
แต่กลับกลายเป็นว่า หลงเฉินเป็นฝ่ายตกใจอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้!
จู่ๆ จนิ่งก็เป็นฝ่ายปิดช่องว่างระหว่างใบหน้าของนางกับหลงเฉินเสียองริมฝีปากของนางแนบเข้ากับริมฝีปากของหลงเฉินจนเขาสามารถสัมผัสได้ถึงรสชาดหอมหวานของริมฝีปากอ่อนนุ่มนั้นช่างเป็นจุมพิตที่มีความ สุขยิ่งนัก
หลังจากจุมพิตเพียงไม่กี่อึดใจนั้นจนนิ่งก็ถอนริมฝีปากของนางออกมานางจ้องลึกลงไปในดวงตาของหลงเฉินพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
“ถือเสียว่านี่เป็นการขอโทษจากข้า!พวกเราไม่มีเรื่องบาดหมางต่อกันแล้ว!”
“ยังไม่เพียงพอ..”
หลงเฉินพิมพ์ออกมาจี้ฉิงถึงกับอ้าปากกว้างด้วยความตกใจแต่หลงเฉินอาศัยจังหวะนั้น แนบริมฝีปากของตนเองเข้ากับริมฝีปากของนางอีกคราพร้อมกับชอนไชลิ้นของตนแทรกเข้าไปในริมฝีปากของนางเขายื่นมือข้างหนึ่งออกไปพยุงแผ่นหลังของนางไว้พร้อมกับจุมพิตอย่างดูดดื่ม
ไมอาถึงกับดวงตาเบิกโพลงเมื่อเห็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาและมันก็ไม่ใช่ความฝันแม้นางจะตกตะลึงในคราแรกแต่เมื่อมองทั้งคู่จุมพิตกันดูดดื่มเช่นนั้น นางก็เริ่มเกิดความรู้สึกอึดอัดขึ้นภายในใจและองการที่จะลิ้มลองประสบการณ์เช่นเดียวกับน้าของตน
หลงเฉินจุมพิตดูดดื่มเนิ่นนาน ในที่สุดเขาก็ถอนริมฝีปากของตนออกมาจฉิงถึงกับหายใจถี่แรงแต่สายตายคงจ้องมองหลิงเฉินแน่นิ่ง
“ยังมีอีกคนนอนหมดสติอยู่ด้านนอก..แต่ตอนนี้ก็น่าจะรู้สึกตัวแล้วล่ะ”หลงเฉินเอ่ยบอกยิ้มๆก่อนจะหันหลังเดินจากไป
“อ่อ.. จากนี้ไปเจ้าไม่จําเป็นต้องส่งคนสะกดรอยตาข้าก็ได้หากเจ้าอยากรู้อะไรก็ถามข้ามาตามตรงได้ข้าอยู่ที่บ้านเช่าสีขาวแห่งหนึ่งในเมืองนี้”หลงเฉินเอ่ยจบก็เดินจากไปทันที
ครึ่งชั่วยามต่อมา หลงเฉินก็เดินกลับไปถึงที่พักของตนเขาก้าวเข้าไปด้านในและพบว่าหมิงยู่ได้นั่งคอยอยู่กลางบ้านแล้ว
“นี่เจ้าหายไปไหนมา?” หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นมาทันทีที่เห็นหลงเฉิน
“ข้าไปสะสางปัญหาบางอย่างนี่เจ้าเป็นห่วงความปลอดภัยของข้างั้นรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามยิ้มๆ
“เหตุใดข้าต้องเป็นห่วงเจ้าด้วยเล่า?เจ้าคือดวงชะตาของข้าเจ้าไม่สามารถตายได้..” หมิงยู่เอ่ยตอบยิ้มๆ
“คําพูดของเจ้าอาจทําให้ข้าเข้าใจผิดไปก็เป็นได้..”หลงเฉินเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับเดินเข้าไปนั่งข้างหลู่หมิงยู่
“เจ้าคงจะกลับไปหาแม่นางทั้งสองคนสินะ?พวกนางหน้าตางดงามไม่น้อยเลยทีเดียว” หล่หมิงยู่เอ่ยถามแววตาของนางเป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ที่ข้ากลับไปหาพวกนางเพราะพวกนางส่งคนสะกดรอยตามพวกเรามาต่างหากเล่า!” หลงเฉินตอบยิ้มๆ
“เหตุใดเจ้าจึงมั่นใจว่าเป็นคนของพวกนาง?”หญิงสาวเอ่ยถามด้วยสีหน้าสนอกสนใจ
“ก็แค่ลางสังหรณ์..”หลงเฉินเอ่ยตอบด้วยสีหน้าขบขัน
หลังจากสนทนากันต่ออีกสักพักต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันเข้าไปพักผ่นในห้องนอนของตนเอง..
“นี่มันวันอะไรกัน”
หลงเฉินทิ้งตัวนอนลงบนเตียงพักผ่อนทันทีหลังจากผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยาม เขาก็ลุกขึ้นมานั่ง และเริ่มฝึกวรยุทธบ่มเพาะต่อหลังจากนั้นก็ได้ฝึกวิชากายาราชั้นปีศาจต่อ
เวลานี้ฤทัยมารยังคงอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาร่างการฝึกวิชากายาราชั้นปีศาจจึงเป็นไปอย่างเชื่องช้า..
หลังจากฝึกฝนวิชาเสร็จแล้ว หลงเฉินก็ได้นําไข่ออกมาป้อนพลังชีเช่นเคย หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจต่างๆหลงเฉินก็เอนกายนอนลงบนเตียงโดยที่มือยังคงกําไข่อสูรไว้แน่น
“อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันเกิดของข้าแล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่ฟักออกมาเสียที่นะ?หากเจ้าฬิกในวันเกิดของข้าก็ดีเลยนะเจ้าหนู”หลงเฉินกระซิบกระซาบกับไข่ในมือด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก่อนจะเก็บกลับเข้าไปในแหวนบรรจุและหลับไปในเวลาต่อมา
หลงเฉินตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ หลังจากอาบน้ําเสร็จแล้วเขาก็เดินออกจากห้องนอนของตนเอง
“ข้าไปยังเขาใกล้
หลังจากเสร็จสิ้นแล้วจึงจะกลับมาข้าอาจจะมิได้กลับมาสักเจ็ดวันเป็นอย่างน้อย..” หลงเฉินเอ่ยบอกหลู่หมิงยู่ที่ยืนอยู่หน้าห้อง
“ได้สิ ข้าจะคอยเจ้าอยู่ที่นี่!”หญิงสาวตอบกลับไปพร้อมกับจ้องมองหลงเฉินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
หลงเฉินเดินออกจากบ้านมุ่งหน้าไปตามถนนเส้นหนึ่งในเมืองเวลานี้ผู้คนในเมืองเริ่มรู้จักหลงเฉินบ้างแล้วและเมื่อเขาเดินผ่านไปทุกคนต่างก็จะพากันซุบซินทําให้เขารู้สึกหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย
หลงเฉินเดินทางออกจากประตูเมืองสายฟ้าไปและไม่นานนักเขาก็ไปถึงภูเขาลูกหนึ่งที่อยู่นอกเมืองเขาลูกนี้สูงราวหนึ่งหมื่นห้าพันฟุตหากเป็นคนธรรมดาทั่วไปคงยากที่จะปีนขึ้นไปได้แต่หลงเฉินกลับสามารถขึ้นไปบนยอดเขาได้อย่างง่ายดาย
นั่นเพราะเขาได้ใช้ปีกมารสวรรค์พาบินขึ้นไปนั่นเอง!