เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god) - ตอนที่ 2311 รู้ตัว
ตอนที่ 2311 : รู้ตัว
“นายท่าน ปราณบรรพกาลนั้นทำให้เราก้าวข้ามจุดสูงสุดที่เคยอยู่และพัฒนาต่อไปจนแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม” จือหยิงพูดขึ้นมา
ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่น่าสนใจไปกว่าการที่จะแข็งแกร่งขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้บ่มเพาะหรือจิตวิญญาณวัตถุก็ตาม
เจี้ยนเฉินแปลกใจ จิตวิญญาณกระบี่นี้เป็นตัวตนที่แข็งแกร่งมาอยู่แล้วตอนที่พวกนั้นรุ่งเรือง การรวมตัวของกระบี่คู่ทำให้มีพลังทำลายล้าง หากพวกนั้นพัฒนาไปต่อได้ มันจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดไหนกัน ?
เนื่องจากปราณบรรพกาลมีประโยชน์ต่อจิตวิญญาณกระบี่ เจี้ยนเฉินก็เริ่มสนใจขึ้นมา เขาอยากที่จะได้มันมาทันที จิตวิญญาณกระบี่ได้ยอมรับเขาเป็นเจ้านายมันแล้ว หากจิตวิญญาณกระบี่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม พลังในการต่อสู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน
เจี้ยนเฉินสูดหายใจเข้าลึก ๆ และสงบสติอารมณ์ลง เขามองไปที่จิตวิญญาณวัตถุด้วยความรู้สึกซับซ้อนและพูดขึ้น “จริง ๆ แล้วการลบคำสาปของท่านไม่ได้ยากเลยแม้แต่น้อย ที่ท่านต้องการคือจอมปราชญ์สูงสุดที่ถือว่าเป็นเซียนลงมือและมันก็น่าจะเพียงพอที่จะลบคำสาปของเซียนอีกคน หากท่านเต็มใจ ข้าจะหาทางหาคนแบบนั้นมาให้ท่าน “
เจี้ยนเฉินเริ่มคิดว่าเขาจะได้พลังปราณบรรพกาลมาได้ยังไง หลังจากที่รู้ว่ามันส่งผลดีต่อจิตวิญญาณกระบี่ของเขาเช่นไร
เขาไม่กล้าที่จะคิดเรื่องการเก็บแก่นเลือดจากจอมปราชญ์สูงสุดถึง 10 หยด เพราะเรื่องแบบนั้นมันเป็นไปไม่ได้ แม้ในอนาคตเขาก็คงไม่อาจจะทำเรื่องแบบนี้ได้
แม้ว่าการหาตัวจอมปราชญ์สูงสุดจะแทบเป็นไปไม่ได้เช่นกันแต่มันก็ง่ายกว่าการเก็บแก่นเลือดถึง 10 หยด
เจี้ยนเฉินคิดหาว่าจะเรียกจอมปราชญ์สูงสุดคนไหนมาลบคำสาปที่กักขังจิตวิญญาณวัตถุเอาไว้เพื่อแลกเปลี่ยนกับปราณบรรพกาล
ยังไงซะมันก็มีจอมปราชญ์สูงสุดแค่เพียงหยิบมือในโลกเซียนแห่งนี้ ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้แล้ว การได้เจอกับคนระดับนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นเขาจึงไม่อาจจะเสนออะไรให้กับจิตวิญญาณวัตถุได้ดีกว่านี้
ยิ่งกว่านั้นเขาก็เชื่อว่าเมื่อจอมปราชญ์สูงสุดรู้ถึงการมีอยู่ของโถงศักดิ์สิทธิ์โบราณ พวกนั้นคงต้องลงมือด้วยตัวเองแน่เพราะคุณค่าที่มันมี
ยังไงซะโถงศักดิ์สิทธิ์โบราณแห่งนี้ก็คือวัตถุเทพที่เทียบเท่ากับกระบี่คู่ของเขา
แต่คำพูดของเจี้ยนเฉินเหมือนจะจี้จุดอ่อนของจิตวิญญาณวัตถุ ตาของเขาดูคมกริบขณะที่มองมายังเจี้ยนเฉิน ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าหนู มันจะดีกว่าหากเจ้าไม่ทำแบบนั้น ไม่งั้นแล้วข้าคงไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแม้ว่าปราณหยินและปราณหยางจะปกป้องเจ้าก็ตาม “
เจี้ยนเฉินคิ้วขมวดไปทันทีเมื่อเห็นท่าทีของจิตวิญญาณวัตถุและได้ยินคำขู่นั้น เขามองไปที่ชายชราตรงหน้าแต่ก็บอกไม่ได้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่
“ปราณบรรพกาล วิธีที่นายท่านพูดถึงนั้นเป็นเพียงวิธีเดียวที่จะปลดปล่อยท่าน” จิตวิญญาณกระบี่พูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
จิตวิญญาณวัตถุพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “ข้าเคยคิดเรื่องนี้ดูแล้ว หากข้าต้องการทำแบบนั้นจริง ๆ ข้าคงได้รับอิสระมาตั้งนานแล้ว ทำไมข้าถึงยังต้องถูกขังอยู่ที่นี่ ? ”
“เมื่อเซียนพวกนั้นรู้ตัวตนของข้า ข้าก็ไม่อาจจะหลีกหนีโชคชะตากับการรับพวกเขาเป็นเจ้านายได้ ข้าไม่ต้องการก้มหัวให้กับใครอื่นหลังจากที่เจ้านายข้าตายไป แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกก็ตาม…”
สีหน้าของเจี้ยนเฉินดูแปลกไปเมื่อได้ยินแบบนั้น เขารู้สึกว่าจิตวิญญาณวัตถุนี้ดูต่างออกไป เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าจิตวิญญาณวัตถุต้องการอิสระที่ไม่มีเงื่อนไขใด ๆ มาจำกัด
จิตวิญญาณกระบี่มองไปที่จิตวิญญาณวัตถุด้วยความรู้สึกซับซ้อนและพูดขึ้นมา “แต่สุดท้ายท่านก็ยังเป็นแค่จิตวิญญาณวัตถุ เหตุผลที่มีจิตวิญญาณวัตถุอยู่ก็เพื่ออยู่กับเจ้านาย โดยพื้นฐานแล้วเป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะหลีกเลี่ยงโชคชะตานี้ แม้ว่าท่านจะหลีกหนีมันได้บางครั้งแต่มันคงไม่เป็นแบบนั้นไปตลอด ท่านจะถูกรับรู้โดยเหล่าราชันของโลกทันทีที่ท่านได้รับอิสระและออกไปสู่โลกภายนอก”
“ฮึ่ม นั่นไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะต้องมากังวล” จิตวิญญาณวัตถุแค่นเสียงเย็นชาออกมา “แก่นเลือดเซียน 10 หยดเพื่อแลกกับปราณบรรพกาลที่จะทำให้พวกเจ้าแข็งแกร่งขึ้น พวกเจ้าเต็มใจจะแลกหรือไม่ ? ข้ารู้ว่าตอนนี้พวกเจ้าอ่อนแออย่างมากและไม่อาจจะเก็บแก่นเลือดของเซียนได้ แต่เจ้าก็ยังเป็นจิตวิญญาณที่แปลงกายมาจากปราณหยินและปราณหยาง เจ้าจะมีความสามารถเช่นนั้นในอนาคต “
“ปราณบรรพกาล หากท่านต้องการแก่นเลือด 10 หยด ท่านควรที่จะขอจากนายท่าน ไม่ใช่เรา” จิตวิญญาณกระบี่ตอบกลับ
“นายของเจ้างั้นหรือ ? ” จิตวิญญาณวัตถุมองไปที่เจี้ยนเฉินและตรวจสอบอีกฝ่าย เขาแสดงท่าทีเย้ยหยันและพูดขึ้นมาว่า “ฮึ่ม ? ข้าไม่รู้ว่าทำไมพวกเจ้าถึงได้เลือกเขาเป็นเจ้านาย ข้าไม่คิดว่าเขาจะมีความสามารถในการรวบรวมแก่นเลือด 10 หยดให้กับข้าได้ในอนาคต”
“แม้ว่าเขาจะมีแก่นเลือดเซียน 1 หยดอยู่ในตัว แต่ข้าก็รับรู้ได้ว่าแก่นเลือดนั้นมาจากเซียนของยุคอื่นไม่ใช่ยุคนี้ เหตุผลเดียวที่เขามีมันก็เพราะโชค โชคนั้นไม่ได้อยู่กับเขาตลอดไป”
จิตวิญญาณวัตถุเงียบไปก่อนที่สีหน้าจะดูแปลกไป เขาพูดต่อ “พวกเจ้าอยากบอกว่ารอให้นายของเจ้าขึ้นเป็นเซียนในอนาคตหรือ ? “
ก่อนที่จิตวิญญาณกระบี่จะได้ตอบกลับ จิตวิญญาณวัตถุก็แค่นเสียงออกมาว่า “หากเป็นแบบที่พวกเจ้าคิดไว้ ข้าคงบอกเจ้าได้ว่าพวกเจ้าใสซื่อเกินไป ข้ารู้ว่ามันยากแค่ไหนกับการขึ้นเป็นเซียน ข้ารู้ดีกว่าพวกเจ้าสองคน”
“ระหว่างยุคตอนที่นายของข้ายังรุ่งโรจน์อยู่ เส้นทางการเป็นเซียนรู้จักกันในชื่อเส้นทางแห่งกระดูก เหตุผลว่าทำไมที่มันถูกเรียกแบบนั้นก็เพราะเซียนทุกคนจะไปถึงที่นั่นได้ก็ต้องก้าวข้ามกระดูกมากมาย การที่มีเซียนผู้หนึ่งกำเนิดขึ้นมานั้นต้องแลกกับศพนับไม่ถ้วน แลกกับการตายของราชันนับไม่ถ้วน”
“นายของเจ้าอาจจะมีความสามารถอยู่บ้างแต่เขาอาจจะเป็นแค่บันไดให้กับผู้อื่นก้าวขึ้นไปเป็นเซียนในอนาคต”
“หากพวกเจ้าคิดจะฝากความหวังไว้กับเขา งั้นคงเป็นการเสียเวลาของข้า”
จิตวิญญาณวัตถุไม่ได้คิดปิดบังความไม่พอใจที่มีต่อเจี้ยนเฉินเลย
แม้วาเขาจะเป็นจิตวิญญาณวัตถุ แต่แต่เดิมแล้วเขาคือปราณบรรพกาล เขามีเกียรติของตัวเอง แม้แต่จอมปราชญ์สูงสุดก็ยังยากที่จะทำให้เขายอมสยบได้ นี่ไม่ต้องนับเจี้ยนเฉินที่เป็นแค่ราชาเทพเลย
ท่าทีเย้ยหยันของจิตวิญญาณวัตถุที่มีต่อเจี้ยนเฉินทำให้จิตวิญญาณกระบี่นั้นโกรธอย่างมาก จือหยิงได้แค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา “เจ้านายของเรานั้นไม่ได้ธรรมดาแบบที่ท่านพูดไป ปราณบรรพกาลเบิกตาแล้วดูให้ดี ๆ ”
“ฮึ่ม เจ้ายังคิดแบบนั้นอยู่อีกหรือ ? ก็ได้ งั้นข้าจะดูเองว่าเจ้าเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน” จิตวิญญาณวัตถุไม่ได้ใส่ใจคำพูดของจือหยิงนัก แต่เขาก็ยังทำการตรวจสอบเจี้ยนเฉินอีกรอบ
แต่ตอนที่ทำแบบนั้น สีหน้าเขากลับเปลี่ยนไป มันราวกับว่าเขากลัว เขาอดไม่ได้ที่จะก้าวถอยกลับไป แม้แต่ร่างกายที่อัดแน่นขึ้นมาจากแสงสีฟ้าก็สั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับจะพังลง